NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    BaBY_LoVe : แรกรักเธอ

    ลำดับตอนที่ #45 : มิ้นต์ VS กุญแจซอล

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.95K
      99
      5 มิ.ย. 66


    “คำขอโทษจากปากฉันเป็นสิ่งที่ฉันควรทำที่สุด” 
    SOL SAID





     

    EP 48: มิ้นต์ VS กุญแจซอล       
    ตึกจอดรถ, V Hotel


              

    ฉันเดินตามพี่มิณทร์ออกมาจากลิฟท์ก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ที่รถซีวิคเอฟดีสีเงินที่จอดเปิดประตูแง้มๆอยู่ในลานจอดรถที่อยู่ห่างจากสถานที่จัดงานไปอีกสองสามชั้น  ตอนแรกฉันก็ไม่รู้ว่าพี่มิณทร์เดินจูงมือฉันมาที่นี่ทำไมหรอกนะ แต่พอฉันเห็นพี่มิ้นต์นั่งห้อยขาทำหน้าเซ็งอยู่ในรถคันนั้นฉันก็หน้าหงิกขึ้นมาทันที  


    ความสงสัยแรกคือพี่มิ้นต์นั่งอยู่ในรถใคร? แล้วความสงสัยต่อไปคือพี่มิณทร์จะพาฉันมาให้ฟังอะไรกันนะ? 
    แต่แค่เห็นหน้าคนที่อยู่ในรถก็อารมณ์บูดแล้วอ่ะ..
              

    “มิณทร์ เคลียร์กันได้แล้วป่ะ?” 


    ทันที่ที่เห็นพี่มิณทร์พี่มิ้นต์ก็ค่อยๆลุกออกมาจากรถก่อนจะเหลือบสายตามามองฉัน  พี่มิ้นต์สวมรองเท้าผู้ชายคู่ใหญ่ที่ดูแล้วไม่เหมาะกับชุดสุดๆ  นั่นรองเท้าใคร?  อย่าบอกว่าเธอใส่รองเท้าของพี่มิณทร์อยู่นะ
              

    “อ่า  ยัง..” 
              

    “อ้าว.. แล้ว??” พี่มิ้นต์เหลือบสายตามองฉันและทั้งๆที่ฉันอาละวาดจนตัวเปื้อนไปหมดทั้งตัวแบบนั้นแต่พี่มิ้นต์ก็ยังดูน่ามองสุดๆ  ฉันเกลียดสายตากล้าๆกลัวๆของพี่มิ้นต์เพราะมันทำให้ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตัวร้าย  ฉันหยุดเดินเอาดื้อๆจนพี่มิณทร์ต้องกระตุกมือให้ฉันตามเขาไปอีกครั้งพี่ “ แล้วนี่มีอะไรให้เราช่วยมั้ยอ่ะ..”
              

    “พี่ก็ช่วยไปไกลๆพี่มิณทร์สักทีสิคะ!” ฉันสวนกลับไปอย่างเหลืออด 
              

    “ซอลขา..ไหนหนูสัญญาว่าจะฟังให้จบไงคะ” พี่มิณทร์หันมาเตือนฉัน  ไอ้ที่ฉันสัญญากับเขาไปเมื่อสามนาทีก่อนบอกเลยฉันทำมันไม่ได้  ฉันรับปากส่งๆไปอย่างงั้น
              

    “พี่ก็เอาเพื่อนพี่ไปเก็บสักทีสิคะ!” ตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋ที่เขื่อนไม่พอยังตามมาตัวติดกันที่นี่อีก ฉันไม่ไว้ใจพี่มิ้นต์  ถึงจะอ้างว่าเป็นเพื่อนแต่ฉันก็ไม่อยากรับฟัง!
              

    “หนูใจเย็นๆก่อนค่ะ”


    ยิ่งพี่มิณทร์เข้าข้างพี่มิ้นต์ฉันยิ่งไม่อยากรับฟัง ฉันพยายามกระชากข้อมือกลับแต่พี่มิณทร์กลับยิ่งจับข้อมือฉันไว้แน่น  “พี่เป็นแค่เพื่อนกับมิ้นต์จริงๆค่ะ!” 
              

    “พี่มิณทร์คิดกับพี่มิ้นต์แค่เพื่อน” ฉันตวัดสายตาไปที่พี่มิ้นต์ “แล้วพี่มิ้นต์ล่ะคะ?” เอาสิ.. ถ้าไม่คิดอะไรกับแฟนฉันจริงๆก็พูด! อย่ามาทำหน้าเป็นนางเอกที่โดนฉันรังแกแบบนั้น
                

    “พี่กับมิณทร์เป็นเพื่อนกันจริงๆค่ะ” 


    พี่มิ้นต์เสียงอ่อยๆตอบฉัน เหอะ..ฉันควรจะเชื่อดีมั้ยล่ะเพราะขนาดพี่มิณทร์กลับมาเธอยังตามมาเป็นติ่งแบบไม่มีเหตุผลอยู่ที่นี่  พูดแค่นี้ก็จะให้ฉันเชื่อ..มันง่ายไป! 
              

    “ถ้าพี่ไม่คิดอะไรแล้วทำไมต้องตามพี่มิณทร์มาถึงนี่ด้วยคะ?” คำถามเตะลูกโทษของฉันเล่นเอาพี่มิ้นต์ไปไม่เป็นไปเลย  พี่มิ้นต์ดูอึกอักและไม่กล้าที่จะตอบ  ก็ถ้าบริสุทธิใจอย่างที่พูดจริงทำไมถึงไม่กล้าพูดล่ะ 
              

    “มิณทร์.. เรื่องมันชักไปกันใหญ่แล้วเราว่าเดี๋ยวเรากลับก่อนนะ” 


    พี่มิ้นต์เลือกที่จะหันไปสบตาพี่มิณทร์แทนที่จะตอบคำถามฉันและนั่นก็ทำให้ฉันปรี๊ดแตก เหอะ..ไม่กล้าตอบ?  แสดงว่าที่มาก็มีจุดประสงค์จริงๆสินะ
              

    “เฮ้ยเดี๋ยวดิมิ้นต์  เธอเพิ่งเคยมากรุงเทพครั้งแรกแล้วจะยังไงต่อวะ?” ลากฉันมาฟังแล้วยังมาเป็นห่วงกันต่อหน้าฉันอีก บอกเลยกุญแจซอลจะไม่ทน!  ฉันหันไปผลักอกพี่มิณทร์สุดแรง  ถ้าจะขนาดนี้..จะให้ฉันเข้าใจว่ายังไงล่ะ?
              

    “ถ้าห่วงกันมากก็ไปด้วยกันซะเลยสิคะ!” 
              

    “ซอลคะ!” พี่มิณทร์ก้าวมาคว้าข้อมือฉันกลับ  ตกลงจะให้ฉันมาฟังว่าเขาเป็นห่วงกันหรือจะมาอธิบายให้ฉันฟังกันแน่  ยิ่งพี่มิณทร์เป็นห่วงพี่มิ้นต์ออกหน้าออกตาแบบนี้น้ำตาฉันยิ่งพัง.. 
              

    “ปล่อยซอลเลยนะคะ” ฉันสะอื้นเสียงสั่น  ฉันไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้นในตอนนี้  สาบานเลยว่าถ้าฉันกระชากข้อมือหลุดออกมาจากพี่มิณทร์อีกรอบ  ฉันสาบานว่าจะหนีเขาไปให้ไกล  ฉันไม่มีทางให้เขาได้เจอหน้าฉัน
              

    “ที่มิ้นต์มาที่นี่เพราะมิ้นต์มีปัญหาส่วนตัวค่ะ”  


    รู้ตัวอีกที.. พี่มิณทร์ก็ใช้แรงบังคับรวบฉันเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดอีกครั้งเรียบร้อยแล้ว  ยิ่งฉันอยู่ในอ้อมกอดพี่มิณทร์น้ำตาฉันยิ่งไหล  ฉันปวดหนึบไปหมดทั้งใจที่ต้องพ่ายแพ้ให้กับผู้หญิงชื่อมิ้นต์อีกครั้ง
              

    “ซอลไม่อยากฟังแล้วค่ะ..”
              

    “แต่หนูต้องฟังนะคะเพราะมันคือความจริง” ดวงตาคมกริบสีนิลของพี่มิณทร์จ้องลึกลงไปในดวงตาฉัน  “มันไม่มีอะไรจริงๆ หนูต้องเชื่อพี่นะคะ”   
              

    ใช่.. พี่มิณทร์อาจไม่คิดอะไรแล้วพี่มิ้นต์ล่ะ?  และยิ่งถ้าพวกเขาต้องกลับไปใช้เวลาอยู่ด้วยกันสักวันความหวั่นไหวมันต้องเกิด  ได้ยินบ่อยๆว่ารักแท้แพ้ใกล้ชิดและฉันไม่อยากเจออะไรแบบนั้น 
              

    “น้องซอลฟังพี่หน่อยได้มั้ยคะ..” พี่มิ้นต์หน้าซีดเผือดเดินกระโผลกกระเผลกมาหาฉัน จะมาอ้อนอะไรพี่มิณทร์อีกล่ะบอกก่อนเลยนะว่าฉันไม่แน่ใจว่าจะควบคุมตัวเองได้ ก่อนหน้านี้ฉันอาจแค่เอาน้ำสาดแต่ถ้าหลังจากนี้ฉันไม่รับประกัน!
              

    “พี่มีอะไรจะเรียกร้องความสนใจอีกล่ะคะ?” คำพูดกระแทกแดกดันของฉันแปลความหมายตรงๆว่าฉันเกลียดพี่มิ้นต์  บอกเลยฉันพร้อมปะทะ!
              

    “พี่ไม่มีอะไรกับมิณทร์จริงๆค่ะ” พี่มิ้นต์ก้มตัวขอโทษฉัน “พี่ขอโทษนะคะที่ทำให้หนูเข้าใจผิดจนเป็นเรื่องใหญ่แบบนี้” พี่มิ้นต์เงยหน้าสบตากับฉันด้วยสีหน้าสำนึกผิด ดวงตากลมโตแฝงไปด้วยความเศร้า  พวงแก้มใสไร้สีเลือดจนหน้าซีดเผือดไปหมด  หึ.. มาทำหน้าสงสารเอาตอนนี้  คิดจะทำอะไรอีกล่ะ? 
              

    “พี่ขอโทษที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดค่ะ” 
             

    “ซอลขอพูดตรงๆเลยนะคะ  ซอลไม่ชอบเลยที่พี่มาตามติดพี่มิณทร์แบบนี้” 


    ฉันตัดสินใจระเบิดสิ่งที่อยู่ในใจ จะให้ฉันคิดยังไงในเมื่อตอนอยู่ลำพูนฉันยินชื่อพี่มิ้นต์ออกจากปากพี่มิณทร์แทบทุกวัน
              

    “พี่กับมิณทร์ไม่ได้มีอะไรกันจริงๆค่ะ  แต่ที่พี่ตามมิณทร์มากรุงเทพเพราะพี่มีความจำเป็นบางอย่างจริงๆ”
              

    “ความจำเป็น?” ฉันแค่นยิ้ม “ จำเป็นขนาดต้องมาเกาะติดแฟนคนอื่นหรอคะ”
              

    “มันไม่ใช่อย่างที่น้องซอลคิดนะคะ”
              

    “แล้วมันคืออะไรล่ะคะ” ฉันสูดลมหายใจเข้าลึกๆอย่างพยายามระงับอารมณ์ “ถ้าไม่ใช่พี่แอบชอบพี่มิณทร์  ซอลก็ไม่เห็นจะมีเหตุผลอื่นเลยค่ะ!”  
              

    ถ้ามันจะมีเหตุผลอะไรที่มากกว่านั้นก็พูดมาสิฉันจะรับฟัง.. พี่มิ้นต์ก็ควรจะพูดมันออกมาเพื่อปกป้องตัวเอง  เพราะฉันก็อยากรู้เหตุผลลึกๆที่ซ่อนอยู่ภายใต้ใบหน้าไร้เดียงสานั้น
              

    “ซอลขา.. พอเถอะค่ะ” พี่มิณทร์พยายามห้ามฉัน  แต่..ไม่! วันนี้ความจริงทุกอย่างต้องชัด เธอมาร้ายหรือมาดีฉันต้องรู้ให้ได้ 
           

    “ตกลงว่าไงคะ?” 


    ฉันย้อนพี่มิ้นต์อีกครั้ง พี่มิ้นต์ไม่ตอบคำถามฉันแต่กลับเลื่อนสายตาลงจ้องมองพื้นแทน  ฉันไม่เข้าใจ..นี่พี่มิ้นต์คิดจะเล่นบทนางเอกอะไรอีกนะ
              

    “แฟนพี่ชื่อภัทรค่ะ..” สิ่งที่ออกมาจากปากพี่มินต์คนละเรื่องกับสิ่งที่ฉันถามเลย “พี่คบกับภัทรมาตั้งแต่ปีหนึ่ง”
              

    ฉันกระพริบตาปริบๆฟังพี่มิ้นต์พูดถึงคนชื่อภัทร..  ภัทรไหน? แล้วมาเกี่ยวอะไรกับฉันอ่ะ?  ฉันยืนฟังพี่มิ้นต์พูดต่อไปเรื่อยๆอย่างไม่เข้าใจ
              

    “พี่กับภัทรเคยเป็นเพื่อนสนิทกันมาก่อน..ก่อนจะพัฒนาเป็นคนรัก” เสียงพี่มิ้นต์เบาลงเรื่อยๆจนฉันได้ยินแทบไม่ถนัด “เราเป็นเพื่อนกันก่อนที่จะมาเป็นแฟน” และก็เหมือนพี่มิ้นต์ไม่ได้อยู่ตรงนั้น.. สายตาของพี่มิ้นต์ที่เหม่อมองพื้นเหมือนผู้ชายที่ชื่อ “ภัทร” มายืนอยู่ตรงนี้
              

    “ระหว่างที่เราคบกันมีแต่วันดีๆ” เสียงพี่มิ้นต์ค่อยลงเรื่อยๆผิดกับรอยยิ้มน้อยๆที่ค่อยๆแตะระบายบนใบหน้าอย่างเด่นชัด “จนวันที่พี่ได้ยินข่าวว่าภัทรไปจีบดาวคณะ”
              

    คำว่าดาวคณะทำให้ใจฉันสั่น.. เพราะเมื่อก่อนพี่มิ้นท์ก็เคยเป็นดาวคณะก่อนที่จะขยับมาเป็นดาวมหาลัย ฉันร้องไห้แทบตายที่ดาวมหาลัยอย่างพี่มิ้นท์กับเดือนวิศวะอย่างพี่มิณทร์คบกัน .. 
              

    “ทุกคนมาบอกพี่ว่าภัทรกับปริมมีอะไรกัน.. แต่รู้อะไรมั้ยว่าพี่ไม่เคยเชื่อ” พี่มิ้นต์เงยหน้าขึ้นมาสบตากับฉัน “เพราะพี่เชื่อในตัวภัทร” 
              

    ฉันเห็นความแข็งแกร่งที่แฝงไปด้วยความเจ็บปวดในแววตาคู่นั้น  แววตาพี่มิ้นต์เป็นแววตาของคนที่บาดเจ็บจากความรักเหมือนที่ฉันเคยเป็น  หรือเรื่องทั้งหมดจะไม่ใช่อย่างที่ฉันคิดนะ?
              

    “แล้ววันนึงพี่ก็เห็นกับตาว่าปริมกับภัทรเดินจูงมือกัน  สิ่งที่พี่เห็นมันชัดยิ่งกว่าชัดซะอีก..”
              

    ฉันนึกย้อนไปถึงอดีตตอนที่ฉันเห็นพี่มิณทร์เดินจับมือกับพี่มิ้นท์ที่สยาม.. ตอนนั้นฉันได้แต่มองตามเพราะฉันเป็นเพียงแค่เด็กคนนึงที่ตกหลุมรักพี่มิณทร์ข้างเดียวแต่มันคงเจ็บปวดไม่ต่างกัน
              

    “แล้วภัทรก็มาสารภาพกับพี่ว่าภัทรไปยุ่งกับปริมจริงค่ะ แต่ที่ตลกยิ่งกว่านั้นคือภัทรบอกว่ารักพี่คนเดียว” พี่มิ้นต์ยิ้มบางๆให้ฉัน “ภัทรรักพี่แต่ก็มีคนอื่นไปพร้อมๆกัน”
               

    ฉันลอบกลืนน้ำลายหนักๆ ความเจ็บปวดของคนตรงหน้าส่งผ่านมาที่ฉันได้อย่างชัดเจน  ฉันเงยหน้ามองพี่มิณทร์ขณะที่พี่มิณทร์ก็พยักหน้าน้อยๆให้ฉัน
               

    “พี่ขอเลิกกับภัทรแล้วหนีไปทำงานที่เขื่อนค่ะ” พี่มิ้นต์ปาดน้ำตาแล้วยิ้มให้ฉัน   “มิณทร์รักน้องกุญแจซอลมากนะคะ  พี่ไม่เคยเห็นใครอยู่ห่างกับแฟนแต่รักแฟนมากอย่างมิณทร์เลย  ตอนที่อยู่เขื่อนมิณทร์ไม่เคยออกนอกลู่นอกทางเลยสักครั้ง”
              

    “ซอลขาา อันนี้เรื่องจริงพันเปอร์เซ็นต์ค่ะ!!” 


    พี่มิณทร์รีบพยักหน้าหนักๆ โอ้ยย แล้วมันใช่เวลามั้ยคะ! น้องฟังคลับฟรายเดย์เดอะซีรีย์อยู่พี่จะขัดน้องทำไมเนี่ยย ฉันกำลังฟังเหตุผลที่แท้จริงของพี่มิ้นต์อยู่นะ 
              

    “ก่อนจะมาภัทรไปหาพี่ที่เขื่อนค่ะ เราตกลงกลับมาคบกันพร้อมๆกับที่ปริมไปตามภัทรที่เขื่อน  มิณทร์เลยชวนพี่หนีมาที่นี่ค่ะ”
              

    และนั่นคือความจำเป็นที่ว่านั่น.. ฉันรู้สึกว่าสิ่งที่ฉันทำมันไม่มีเหตุผลเอาซะเลย ฉันคิดถึงแต่ตัวเอง ฉันหึงพี่มิ้นต์ ฉันไม่ฟังพี่มิณทร์ ฉันเชื่อแต่ตัวฉัน
             

    “แต่ยังไงพี่ก็ต้องขอโทษน้องซอลด้วยนะคะ  พี่ผิดเองที่มายุ่มย่ามกับมิณทร์มากเกินไป  คณะวิศวะมีแต่ผู้ชายจนบางทีก็สนิทกันเกินไปจนทำอะไรที่สมควร  พี่ทำให้น้องซอลไม่สบายใจ  พี่ขอโทษนะคะ”  
              

    ถ้าความจริงมันคือสิ่งที่พี่มิ้นต์บอกให้ฉัน  พี่มิณทร์กับพี่มิ้นต์เป็นแค่เพื่อนกันและฉันก็หึงพี่มิ้นต์ไปเอง  โอ้ยยยยยย กุญแจซอลลลล เธอทำอะไรลงไปยะ! 
              

    “เดี๋ยวพี่ขอตัวกลับก่อนก็แล้วกันค่ะ” พี่มิ้นต์ยิ้มทั้งตาทั้งปากให้ฉัน “พี่ขอโทษนะคะที่เป็นต้นเหตุทำให้ทะเลาะกับ
    มิณทร์  ไอ้หล่อมันรักหนูคนเดียวจริงๆค่ะ”
              

    พี่มิ้นต์วิ๊งซ์ตาให้ฉัน  ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่าพี่มิณทร์กับพี่มิ้นต์เป็นแค่เพื่อนกัน  ฉันหันกลับไปสบตากับพี่มิณทร์ที่อีกครั้งด้วยความรู้สึกตื้นตันจนร่างกายร้อนผ่าวไปหมด ดวงตาคู่เดิมที่คอยมองกัน  อ้อมกอดที่มีเพียงฉันเป็นเจ้าของ 
    พี่มิณทร์ไม่เคยมองใครนอกจากฉัน..
              

    “ซอลขา พี่เองก็ขอโทษที่ทำให้หนูไม่สบายใจนะคะ พี่คิดน้อยเองค่ะที่ทำให้หนูหึงแล้วยังเสือกไม่รู้ตัวอีก” แล้วโดยไม่ทันตั้งตัวพี่มิณทร์ก็จรดริมฝีปากจุมพิตเบาๆที่หน้าผากฉัน  “ซอลขา.. พี่รักหนูคนเดียวค่ะ” 
               

    บางทีแค่เราหันหน้าพูดคุยกัน.. คำตอบมันก็อาจจะอยู่ในแววตาคนเบื้องหน้าแล้ว เพียงแต่ความหึงหวง ความไม่เชื่อมั่นในตัวเองทำให้ฉันมองไม่เห็นมัน.. 
              

    “ซอลขอโทษที่ทำตัวไม่มีเหตุผลกับพี่นะคะ” ฉันรู้สึกถึงหัวใจเราที่หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันไม่ว่าอะไรก็ไม่มีทางมากั้นความรักของเราได้  ความรักของเราไม่สั่นไหวและยังคงเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
              

    “ไอ้หล่อ..เดี๋ยวค่อยหวานกันได้ป่ะ เราจะกลับแล้วอ่ะไปเปิดรถให้หน่อยเราจะไปเอาของ” เสียงเนือยๆของพี่มิ้นต์ทำฉันกับพี่มิณทร์รีบแยกออกจากกัน “เราว่าจะนั่งรถตู้กลับชลบุรีเลยไปเปิดรถให้หน่อยดิ”  
              

    “หูยย มิ้นต์ แม่งขัดจังหวะว่ะ” 


    พี่มิณทร์ทำเสียงจิ๊จ๊ะก่อนผละออกจากฉันอย่างจำใจ  แปลก.. ทั้งๆที่เพิ่งผ่านพายุมาแท้ๆแต่ทำไมตอนนี้ฉันถึงกลับรู้สึกสนิทใจกับพี่มิ้นต์คนนี้จัง 
              

    “จะเลิฟซีนไว้อยู่กันสองคนก่อนมะ?”
              

    “เออ แล้วเรื่องบริษัทอ่ะว่าไง” 
              

    “วันนี้คงไม่.. เราอยากกลับบ้านแล้ว เหนื่อย..” ตั้งแต่ความหึงหวงของฉันลดลงฉันก็เริ่มมองเห็นอะไรได้ชัด  ฉันไม่เห็นร่องรอยแห่งความเกลียดชังออกมาจากดวงตาและสีหน้าของพี่มิ้นต์เลย  พี่มิ้นต์ยิ้มให้ฉันอย่างสดใสทั้งๆที่ฉันเข้าใจผิดและร้ายใส่พี่มิ้นต์ขนาดนั้น   “น้องซอล  งั้นพี่ขอตัวกลับก่อนนะคะ”
              

    “เดี๋ยวก่อนค่ะ!” 


    ทั้งๆที่พี่มิ้นต์ก็เป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆเท่านั้นแต่กลับแบกรับเรื่องเลวร้ายต่างๆไว้อย่างเหลือเชื่อ  และพี่มิ้นต์ไม่มีใครปกป้อง..เหมือนกับฉัน  
              

    “ซอลขอโทษนะคะ” การขอโทษพี่มิ้นต์เป็นสิ่งแรกที่ฉันควรทำ คำขอโทษจากปากฉันเป็นสิ่งที่ฉันควรทำที่สุด  ฉัน..กุญแจซอลทำผิดก็กล้ายอมรับ! ฉันอยากขอโทษในสิ่งที่ฉันทำและทั้งๆที่เป็นแบบนั้นแต่ฉันกลับทำแต่เรื่องแย่ๆ  ฉันยกมือไหว้ขอโทษพี่มิ้นต์ในสิ่งที่ฉันทำ
              

    “กุญแจซอล หนูจะไหว้พี่ทำไมคะ!” พี่มิ้นต์รีบตะปปมือฉัน “ไม่ต้องไหว้ค่ะพอแล้ว” พี่มิ้นต์จับมือที่ฉันไหว้ขอโทษค้างอยู่ลดลง 
              

    “ซอลขอโทษที่ทำตัวแย่ๆใส่พี่มิ้นต์ค่ะ” เรื่องทั้งหมดเกิดจากความขี้หึงและเอาแต่ใจของฉัน  และมันจะไม่เกิดขึ้นถ้าฉันพูดกับพี่มิณทร์ตรงๆ.. 
              

    “หนูไม่ต้องขอโทษพี่  พี่ทำผิดกับหนูเองค่ะ”
              

    “ยังไงซอลก็ทำตัวแย่ ซอลขอโทษจริงๆนะคะ”ฉันรู้สึกว่าฉันกับพี่มินต์เป็นผู้หญิงประเภทเดียวกัน  จริงจังและจมปลักกับความรักแต่ขณะเดียวกันก็ฝังใจแบบสุดๆ  เหมือนที่ฉันรักแต่พี่มิณทร์และเหมือนที่พี่มิ้นต์รักแต่คนชื่อภัทร..
              

    “ถ้าเรื่องชุดไม่เป็นไรจริงๆค่ะหนูไม่ต้องเป็นห่วงหรอก” 
              

    “แต่..”
              

    “ก็ที่หนูหึงขนาดนี้ก็เพราะหนูรักมิณทร์มากไม่ใช่หรอคะ”พี่มิ้นต์ยิ้มแล้วบีบมือฉัน “เป็นพี่พี่ก็ทำแบบหนูค่ะ  บางทีนะคะอาจจะอาละวาดหนักกว่าหนูอีก” 
              

    “แต่ยังไงซอลก็ผิดอยู่ดีค่ะ”
              

    “งั้นถือว่าพี่สมควรได้รับโทษที่ติดรถมากับไอ้หล่อของหนูก็แล้วกันนะคะ” ฉันเห็นความจริงใจฉายออกมาจากดวงตาคู่สวยชัด  ถ้าพี่ก้อยคือพี่สาวที่ฉันรัก..  พี่มิ้นต์ก็คงเป็นอีกคนละมั้งที่ฉันรู้สึกได้ถึงคำว่า “พี่สาวที่แสนใจดี” ได้อย่างชัดเจน
              

    “แล้วนี่พี่มิ้นต์จะกลับยังไงคะ”
              

    “พี่ว่าจะไปต่อรถตู้แถวอนุสาวรีย์ค่ะ”
              

    “งั้นให้พี่มิณทร์ไปส่งมั้ยคะ”
              

    “คะ? / ห้ะ!!!!” พี่มิ้นต์กับพี่มิณทร์ประสานเสียงขึ้นมาพร้อมกัน  พี่มิ้นต์ทำหน้างงฉันไม่แปลกใจหรอกแต่พี่มิณทร์นี่สิจะยิ้มกรุ้มกริ่มและทำสายตาวิบวับแบบนั้นใส่ฉันทำไม?  ฉันเขินนะ!!
              

    “แหมม ญาติดีกันได้ไม่เท่าไหร่ก็ใช้พี่แทนคนขับรถตู้เลยนะคะ” 


    พี่มิณทร์ทำหน้ามุ้งมิ้งแล้วเดินมากอดเอวฉัน จริงๆพี่มิณทร์กับพี่มิ้นต์เป็นแค่เพื่อนกันก็เท่านั้นเอง..  พี่มิ้นต์เองก็เป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็กๆคนนึงที่ไม่มีใครคอยปกป้อง  แล้วฉันจะปล่อยให้พี่มิ้นต์กลับรถตู้คนเดียวได้ไงล่ะ  
              

    “ก็ซอลรู้ว่าอะไรเป็นอะไรแล้วนี่คะ”
              

    “โหยยย ~  ทำไมหนูน่ารักจังคะ ตอนหึงฟาดหัวฟาดหางก็น่ารักแต่ตอนมีเหตุผลแบบนี้น่ารักฝุดๆไปเลย น่ารักจนพี่อยากจะปล้ำเมียตรงนี้เลยค่ะ” 
              

    “น้อยๆหน่อยไอ้มิณทร์ เรายืนหัวโด่อยู่นี่นะ”                  
              

    “มิ้นต์ ไว้พรุ่งนี้ค่อยกลับได้มั้ยอ่ะวันนี้เราอยากฟัดเมียก่อน..คิดถึงเมีย” พี่มิณทร์หอมแก้มฉันฟอดใหญ่โดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น  จมูกโด่งรั้นคอยแต่จะกดหอมอยู่ที่พวงแก้มฉันจนฉันอายแทบแทรกแผ่นดินหนี  งื้ออ ถ้าพี่จะทำขนาดนี้พี่รอให้ไปถึงคอนโดก่อนมั้ยอ้ะ
              

    “มึงนี่ประเจิดประเจ้อไม่เลิกเลยนะ..” 


    น้ำเสียงเรียบๆและใบหน้าเรียบเฉยของคนที่เพิ่งเดินเข้ามาทำให้ฉันกับพี่มิณทร์ผละออกจากกัน  และนั่นก็ทำให้ฉันอึ้งสุดๆ   
               


    พี่ฉัตร!!??


    (LOADING 100%)


     



    ❤❤❤
    TALK 2
    อัพให้อ่านยาวไปเลยจ้า~
    ความจริงมิ้นต์คนนี้ก็ไม่มีอะไรเลยนะ
    ด้วยความป่วนไม่รู้ตัวของนางเลยมีคนหมั่นไส้เยอะ
    นางเป็นผู้หญิงที่นิสัยคล้ายผู้ชาย (ถึงเรียนวิศวะได้)
    เลยไม่ค่อยคิดอะไรหยุมหยิมเหมือนผู้หญิงปกติ
    ขนาดนางโดนหนูซอลสาดน้ำใส่ นางยังยืนงงมากกว่าจะโวยวาย
    ตอนอดีตรักนางก็เลือกที่จะไม่เชื่อทั้งๆที่เขาพูดกันทั้งมหาลัย
    จนนางมาเห็นเอง

    คู่แข่งของมิ้นต์คือเกี่ยวก้อยค่ะ ไม่ใช่กุญแจซอล
    เกี่ยวก้อยที่มีทุกอย่างเหนือกว่ามิ้นต์
    เกี่ยวก้อยที่เป็นผู้หญิงคนเดียวที่ฉัตรรัก  อิอิ



    TALK 1
    กุญแจซอลเปิดโหมดระเบิดพลัง
    สั่งสมมานาน พร้อมปะทะและต้องเอาให้เคลียร์
    มิ้นต์ VS กุญแจซอล
    แต่คนที่โดนเมียอาละวาดจนจะเป็นศพคืออีพี่มิณทร์ 555+


    รักส์



    ขอให้อ่านอย่างมีความสุขค่ะ
    ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ


     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×