iamtaity
ดู Blog ทั้งหมด

Waiting in the Dark

เขียนโดย iamtaity






เป็น อีก เรื่องหนึ่งที่ดูแล้วประทับใจสุดๆๆค่ะ

ดูสองรอบเลย เป็นสั้นๆ น่าค้นหาและน่าติดตาม

ลองดูแล้วกันนะค่ะ







ชื่ออื่นๆ :  Kurai tokoro de machiawase

暗いところで待ち合わせ
ชื่อไทย : 
หากหัวใจจะถามหารัก
หากหัวใจจะถามหารัก
ผู้กำกับ :  ไดซุเกะ เต็นกัน
ผู้แต่ง :  โอซึอิจิ
วันเข้าฉาย :  01/11/2007
ประเภท :   Drama, Romance, Thriller
ความยาว :  130 นาที
เรท : 
สถานที่ถ่ายทำ :  Japan
ภาษา :  ญี่ปุ่น

เนื้อเรื่องย่อ 

“โออิชิ อากิฮิโระ”(เฉินป๋อหลิน) 

『暗いところで待ち合わせ』インタビュー第一弾!チェン・ボーリン


ชายหนุ่มที่ถูกตามล่าตัว เพราะเป็นฆาตกรในคดีฆาตกรรมที่ตกเป็นข่าวหน้าหนึ่งในหนึ่งในหนังสือพิมพ์

ทุกฉบับ

“ฮมมะ มิจิรุ”(เรนะ ทานากะ)


 สาวตาบอดเจ้าของห้องพักที่ชายหนุ่มแอบมาใช้เป็นที่ซ่อนตัว 
และแล้วความรักพร้อมมิตรภาพอันแสนอบอุ่น
 ก็ทำให้ดวงตาอันแสนมืดหม่นกลับมีแสงแดดสาดส่องอีกครั้ง!!!



 080831_2004~0001.jpg

          Waiting in the Dark สร้างจากหนังสือขายดีของ โอตสึ อิจิ (นามปากกาของ ฮิโรตากะ อาดาจิ) 

นักเขียนนิยายลึกลับเขย่าขวัญที่ถูกขนานนามให้เป็น
 
ผลงานที่ทำให้นักเขียนวัย 17 ปีกลายเป็นดาวรุ่งในชั่วข้ามคืน 
(เก่งเหมือนด็อกเตอร์ป็อบบ้านเราเลย) โดยมีผลงานเขียนการรันตีมาแล้วมากมาย
 
โดยเฉพาะบ้านเรานั้นเพียบ
! อาทิ ฤดูร้อน ดอกไม้ไฟ 
และร่างที่ไร้วิญญาณของฉัน
,รอยสักรูปหมา,โทรศัพท์สลับมิติ,ฉันหายไปในวันหยุด ฯลฯ 
และล่าสุด
นัดหมายในความมืด(แปลโดย พรพิรุณ กิจสมเจตน์ ) 
ซึ่งหากใครได้อ่านแล้วคงทราบกันดีว่า
ลีลาหรือสำนวนภาษาที่ใช้ในการถ่ายทอด 
รวมทั้งการบรรยายความรู้สึกนึกคิดของตัวละคร 
และสถานการณ์ที่เกิดขึ้นภายในห้องของสาวตาบอดกับหนุ่มผู้ต้องสงสัยว่าเป็นฆาตกร 
ผู้เขียนได้บรรจงถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิด ความไม่น่าไว้วางใจ 
อารมณ์อันครั่นคร้าม กระทั่งปฏิกิริยาโต้ตอบที่ตัวละครทั้งสองต่างพยายาม
จะสื่อสารต่อกันนั้นได้ดีเหลือเกิน

 

                เมื่อนำหนังสือเรื่องนี้ 
มาถ่ายทอดลงบนแผ่นฟิล์มโดยใช้บริการไอดอลชั้นนำของญี่ปุ่นอย่าง
ทานากะ เรนะ 
เชื่อว่าหนุ่มๆ หลายคนคงเทหน้าตักให้ความสนใจ

ติดตามดูหนังเรื่องนี้เพิ่มขึ้นอีกมากโข โดยเฉพาะชายหนุ่มที่มาประกบคู่อย่าง เฉินป๋อหลินด้วยแล้ว
 ก็ไม่ยากเกินคาดเดาว่าหนังเรื่องนี้จะต้องประสบความสำเร็จ 
ทำรายได้เป็นกอบเป็นกำอย่างแน่นอน
! (ก็เล่นคัดนักแสดงมาเอาใจหนุ่มๆสาวๆ ซะขนาดนั้น!)

 

                เรื่องราวของ มิจิรุ’ 
(ทานากะ เรนะ กับ
บทสาวตาบอด สไลด์ผมสั้นๆ รับรูปใบหน้าของเธองดงามยิ่งนัก -นี่อาจจะเป็นสาวตาบอดที่สวยที่สุดในโลกก็ว่าได้

สาวตาบอดผู้อยู่ในโลกไร้แสงมาตั้งแต่เล็ก 
เธอมีพ่อเป็นแหล่งพักพิงเพียงคนเดียว 
ซึ่งเธอก็ได้แต่อาลัยอาวรณ์คิดถึงแม่ผู้ทอดทิ้งไปมาโดยตลอด 
และเมื่อวันหนึ่งที่พ่อตายจาก 
เธอจึงอาศัยอยู่ในบ้านเพียงลำพัง 
มิจิรุมีเพื่อนสนิทสมัยประถมคนเดียวที่คอยแวะเวียนไปมาหาสู่ 
และชวนออกไปเที่ยวเล่นบ้างเป็นครั้งคราว 
ความเงียบเหงาเข้าปกคลุมความรู้สึกเดียวดายของมิจิรุได้ไม่นาน
 เมื่อในเช้าวันต่อมา มีชายหนุ่มท่าทางพิรุธแอบย่องเงียบเข้ามาในบ้านของเธอ

 

ข่าวการฆาตกรรมตรงหน้าสถานีรถไฟในวันเดียวกันบอกให้เรารับรู้ว่า
 ผู้ต้องสงสัยที่หลบหนีคนนั้นคือ
อากิฮิโระ(เฉินป๋อหลิน)
 พนักงานหนุ่มในบริษัทเดียวกันกับผู้ตาย 
ซึ่งหนังจงใจอาศัยความเงียบภายในบ้าน 
และความเป็นคนพิการทางสายตาของมิจิรุ
เล่นกับอารมณ์ของคนดู 
เพื่อประวิงเวลาต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างแยบยล 
คือทำให้คนดูเกิดความรู้สึกสงสัยแกมฉงนสนเทห์ว่า 
อากิฮิโระใช้พื้นที่ตรงมุมห้อง (ทั้งที่ตัวบ้านกับสถานีรถไฟอยู่ไม่ห่างกันนัก) 
เป็นแหล่งกลบดานทำไม
?
 (ถ้าเพื่อหลบหนีตำรวจตรงอื่นมีถมเถไป) 
และบานหน้าต่างที่อยู่ตรงเหนือหัว เขาใช้ประโยชน์จากมันคอยชำเลืองส่องส่องดูอะไรอยู่
ถึงหลายครั้งหลายครา
! (ถ้านอกจากสันนิษฐานขั้นพื้นฐาน เพื่อดูตำรวจตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ!)

 

              
จากนั้น หนังจึงย้อนกลับไปเผยอดีตของ อากิฮิโระในเวลาต่อมาว่า
 นอกจากเขาเป็นพนักงานชาวจีนเพียงคนเดียวในบริษัทผลิตโปสเตอร์แห่งหนึ่งของญี่ปุ่นด้วยแล้ว 

ด้านมนุษย์สัมพันธ์ส่วนตัวของเขายังบกพร่องอีกต่างหาก 
เขาเป็นคนไม่ช่างพูด ไม่ค่อยสุงสิงอีนังขังขอบกับเพื่อนร่วมงานด้วยกันเท่าไหร่นัก 
สภาพสุจริตดังกล่าวจึงกลายเป็นแกะดำของเพื่อนฝูงไปโดยปริยาย 
โดยเฉพาะเพื่อนร่วมงานที่ทำตัวคล้ายพี่ใหญ่ในกลุ่ม
 (เขามักอวดร่ำอวดรวยให้เพื่อนฟังว่า มีธุรกิจใหญ่โตต่างๆนาๆอยู่ต่างประเทศ 
อีกทั้งยังมีสาวมากหน้าหลายตามาห้อมล้อมมากมาย) 
ซึ่งเขามักรังแก กลั่นแกล้งให้อากิฮิโระขุ่นข้องหมองใจอยู่ถ่ายเดียวเป็นประจำ

 

 ก่อนที่ภาพจะตัดสลับกลับมาสู่สถานการณ์ปัจจุบันอีกครั้ง 
เพื่อยืนยันให้คนดูร่วมรับรู้ต่อเหตุการณ์ฆาตกรรมในครั้งนี้ว่า
 มูลเหตุ และแรงจูงใจสำคัญน่าจะมาจาก
ความโกรธแค้นส่วนตัว
 ของอากิฮิโระ ที่ถูกกลั่นแกล้งจนทนไม่ไหว 
จึงตัดสินใจล้างแค้น ด้วยการผลักเพื่อนพนักงานชนรถไฟที่แล่นมาด้วยความเร็วตายคาที่
 แล้วกลัวความผิดจึงหนีมากลบดานอยู่ในบ้านหลังที่มีหญิงสาวตาบอดพักอาศัยอยู่

 

แต่เพียงไม่นานมิจิรุก็เริ่มประหวั่นพรั่นพรึง
 ว่าบ้านที่ตนอาศัยมีสิ่งแปลกปลอมบางอย่างเข้ามาคุกคามจิตใจ 
ตั้งแต่ เสียงแปลกๆ (ซึ่งเธอเล่าให้เพื่อนสนิทฟังว่าเป็นเสียง
ผี)
,ขนมปังในตู้เย็นที่จู่ๆก็ลดจำนวนลง 
(เพราะเธอกินอยู่คนเดียวอยู่ทุกวัน และหนูก็คงเปิดตู้เย็นเองไม่ได้)
,
 ที่สำคัญ ความรู้สึก ที่เธอสงสัยมาตลอดว่า 
เธอไม่ได้อยู่ในบ้านหลังนี้เพียงคนเดียวแน่
! 
(ฉากหนึ่งซึ่งบ่งบอกว่าเธอรู้สึกไม่ผิดก็คือ
 ฉากที่เธอกำลังปีนหยิบของบนหลังตู้แล้วพลัดตกลงมา 
พร้อมของบนหลังตู้ที่ร่วงกรูตกระเนระนาดนั้น
 มีโถชามใบหนึ่งซึ่งกำลังหล่นใส่หน้ามิจิรุ 
แต่จู่ๆมันกลับวางระนาบอยู่ข้างลำตัวของตัวเธอ
 โดยไม่มีร่องรอยของการแตกสลาย 
เธอจึงกล่าวต่อสุญญากาศกับสิ่งที่เธอรู้สึกไปว่า
ขอบคุณ )

 

             
รายละเอียดในเวลาต่อมาก็เริ่มบ่งชี้
 พร้อมเบี่ยงเบนประเด็นความสนใจที่คนดูร่วมรู้สึกร่วมมาตลอดว่า
 
อากิฮิโระ ต้องเป็นคนฆาตกรรมนายคนนั้นแน่ๆ 
เมื่อภาพเริ่มย้อนกลับไปสู่ฉากชานชาลานั้นอีก (ถึง 2-3 ) หน
 ซึ่งหนังตัดอารมณ์ความรู้สึกปรักปรำในส่วนนี้ของคนดูได้ดีเหลือเกิน 
เอาง่ายๆก็คือ หลอกคนดูให้หลงเชื่อตามได้ตั้งนาน (ฮา)

 

พร้อมกันนั้น ความน่าติดตามยังส่งผลให้เรารู้สึกเห็นใจต่อเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น
ตนเป็นคนจีน ซึ่งแน่นอน มันมีเหตุผลสารพันประการมาลองรับ
 เริ่มจากการที่เขาตกเป็นผู้ต้องสงสัย (มีเจ้าหน้าสถานีรถไฟเห็นเขาวิ่งหลบหนีไป) 
จนมาถึงเหตุผลส่วนตัว (เป็นปฏิปักษ์กับเพื่อนร่วมงานด้วยกัน) 
รวมทั้งเรื่องเชื้อชาติถิ่นกำเนิด (เป็นคนต่างด้าว)
 และเมื่อหลายเหตุผลมาประกอบร่วมกัน มันจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจแต่อย่างใด 
หากเขาต้องโทษถูกคุมขังขึ้นมาจริงๆ ก็ในเมื่อสังคมได้พิพากษ์เขาไปหมดแล้ว
!

 

  ซึ่งการที่คนในสังคมใช้ความรู้สึกส่วนตัวมาตัดสินคนด้วยกัน
 แม้จะต่างเชื้อชาติกันก็ตาม มันออกจะดูร้ายแรงเกินไป 
ในสังคมทุกวันนี้ หนังจึงตั้งใจตบหน้าคนดูแล้วบอกว่า 
สิ่งที่เห็นอาจไม่ใช่อย่างที่เห็นก็เป็นได้

 

 

นอกจากนี้หนังยังให้ข้อคิดสัจธรรมสอนใจเกี่ยวกับ การก้าวข้ามความกลัว’ 
โลกนอกกะลาไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด

 

               
หากใครนิยมชมชอบหนังสือเรื่องนี้มาก่อนคงชวนให้ติดตามได้ไม่ยาก
 เพราะสไตล์การเล่าเรื่องในหนังเรื่องนี้มันช่างเงียบเหงาเหมือนในหนังสือไม่มีผิดเพี้ยน 
(หนังเล่นกับอารมณ์ของตัวละครเป็นส่วนใหญ่ อีกอย่างเฉินป๋อหลินพูดญี่ปุ่นไม่ชัด
!)
 ทว่าเจ้าความเงียบเหงาที่ว่านี่แหละ 
กลับดูดซับอารมณ์คนดูให้ติดตามไปได้ตลอดทั้งเรื่องไม่ชวนให้ง่วงเหงาหาวนอนเลยแม้แต่น้อย
 โดยเฉพาะเมื่อหนังเฉลย
ความลับ ตรงหน้าต่างบานนั้น!

 









暗いところ プレゼント

暗いところ 玄関





















































Kurai

kuraitokoro.jpg












Phointro


pho_cast01.jpg















暗いところで待ち合わせ08 11 03 020









暗いところで待ち合わせ

暗いところで待ち合わせ

暗いところで待ち合わせ







暗いところで待ち合わせ

暗いところで待ち合わせ

暗いところで待ち合わせ

暗いところで待ち合わせ

暗いところで待ち合わせ

暗いところで待ち合わせ

暗いところで待ち合わせ

暗いところで待ち合わせ

暗いところで待ち合わせ

暗いところで待ち合わせ




kura

kura



Waiting In The Dark




暗いところで待ち合わせ














『暗いところで待ち合わせ』インタビュー第3弾! 田中麗奈&チェン・ボーリン サブ1

暗いところで待ち合わせ




『暗いところで待ち合わせ』インタビュー第3弾! 田中麗奈&チェン・ボーリン メイン

舞台挨拶1.jpg

舞台挨拶(ツーショット).jpg

陳柏霖


陳柏霖

ขอขอบคุณ
http://news.popcornfor2.com/

ความคิดเห็น

PhatW
PhatW 14 ม.ค. 53 / 15:29
พระเอกไม่หล่อเลย