ได้พักสองวัน ประกอบกับดูนารูโตะจบแล้ว ดีใจจัง
นอนๆดูทีวีอยู่เจอเรื่องนี้เลยรีบ มาเขียนไดอารี่ทันที่ อิๆๆๆๆ
แอบไปเอาข้อมูลเค้ามาอีกแล้ว เค้าจะด่าไหมเนี๊ย
เอามาจากนี้นะค่ะ
http://www.flashfly.net/forums/viewtopic.php?p=1477856
หนึ่งเรื่องราวที่เกินกว่าจะคาดการณ์ เมื่อคู่ปรับคนใหม่ของแอลคือ “มัจจุราช” จากฝีมือมนุษย์!!!
.... “ มนุษย์ผู้ถูกเขียนชื่อลงใน “เดธโน้ต” จะต้องตาย ”
( เรื่องราวใน “Death Note” ...ที่นำเรื่องจากฉบับการ์ตูน มาสร้างเป็นภาพยนตร์ )
ยมทูต ทำสมุดโน้ตซึ่งมีพลังในการคร่าชีวิตมนุษย์ตกลงมาบนโลก ยางามิ ไลท์ (ทัตสึยะ ฟูจิวาระ) พบสมุดโน้ตเล่มนั้น และ พยายามจะเปลี่ยนตัวเองเป็นพระเจ้าแห่งโลกใหม่ไร้ซึ่งอาชญากรรม โดยการใช้มันสำเร็จโทษเหล่าอาชญากรทั้งหลาย “แอล” (เคนอิชิ มัตสึยาม่า) นักสืบยอดอัจฉริยะต้องเข้ามาจัดการคลี่คลายคดี เกิดการเชือดเฉือนชิงไหวชิงพริบกับไลท์ที่ใช้ชื่อว่า “คิระ” คู่ปรับที่แข็งแกร่งที่สุดในชีวิตของเขา หลังการตัดสินใจครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตของยอดนักสืบอัจฉริยะแอล เพื่อปิดคดีคิระให้สำเร็จ ทำให้เขาได้รับค่าตอบแทนอันแสนเจ็บปวด...
( เรื่องราวใน “ L change the WorLd” (สมุดโน้ตสิ้นโลก) ...ถูกแต่งขึ้นใหม่!!! )
หลังจากนักสืบยอดอัจฉริยะ “แอล” (เคนอิชิ มัตสึยาม่า) ปิดคดีคิระสำเร็จเสร็จสิ้น...ด้วยการตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต!!! แอลยังคงมีคดีร้ายแรงหลงเหลือให้ต้องสะสางภายในเวลาที่จำกัดเพียง 23 วัน!!! เป็นครั้งแรกที่แอลต้องสะสางคดีโดยลำพังปราศจากคู่หูรู้ใจ “วาตาริ” (ชุนจิ ฟูจิมูระ) แอลต้องตกที่นั่งลำบากเมื่อเด็กผู้ถือครองกุญแจสำคัญในการไขคดีนี้ปรากฏตัวขึ้น การคุ้มกันเด็กให้ปลอดภัยจึงเป็นภารกิจสำคัญ จากที่เคยใช้เพียงสมองอัจฉริยะในการไขคดีต่างๆผ่านจอมอนิเตอร์ แอลต้องออกมาจัดการคลี่คลายคดีนี้ด้วยตัวเองเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย!!! ผู้ที่ครอบครองอาวุธร้ายจากฝีมือมนุษย์ “มัจจุราช” (เดธ ก๊อด) ได้กล่าวประโยคเดียวกับคิระว่า...“ฉันจะเปลี่ยนโลกใบนี้”... จะเกิดอะไรขึ้นกับแอล? สิ่งใดในโลกจะเปลี่ยนไป? ...23 วันสุดท้าย!!!...ที่สับสนวุ่นวาย...แม้แต่แอลเองก็ไม่สามารถกำหนดได้...อะไรกำลังรอเขาอยู่...การนับถอยหลังที่แสนจะตื่นเต้นเร้าใจ กำลังจะเริ่มขึ้น ณ บัดนี้!!!
ภาพยนตร์เรื่อง “L change the WorLd” (สมุดโน้ตสิ้นโลก) จะเป็นเรื่องราวของ “23 วันสุดท้ายของ L” ความเร้นลับที่โลกต้องการจะรู้นั้น กำลังจะถูกเปิดเผยขึ้น!!!
นี่อาจจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตามมาซึ่งไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ตัวละครเอกในเรื่อง DEATH NOTE คือ ยางามิ ไลท์ ผู้ซึ่งทำให้โลกต้องตะลึงในความฉลาดเฉียบแหลมของเขา ส่วนแอลอัจฉริยะอีกคนหนึ่ง ซึ่งทั้งคู่ต่อสู้กันในสงครามทางปัญญาอย่างดุเดือด และเพื่อให้ความขัดแย้งที่ดูเหมือนว่าจะไม่มีวันจบสิ้นสามารถยุติลงได้แอลจึงต้องเลือกทางออกสุดท้าย ซึ่งทำให้เขาสามารถมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้อีกเพียง 23 วันเท่านั้น จากวินาทีที่เขาได้ตัดสินใจเขียนชื่อตัวเองลงไปใน Death Note อะไรจะเกิดขึ้นใน 23 วันสุดท้ายนี้ก่อนนำไปสู่จุดจบอันต้องตะลึง อันที่จริง ยังมีรายละเอียดอีกมากซึ่งไม่ปรากฏใน DEATH NOTE และเต็มไปด้วยความน่าประหลาดใจ ในที่สุด ความลึกลับของแอลที่คุณอยากจะรู้ก็กำลังจะถูกเปิดเผยออกมาใน 23 วันสุดท้ายของเขา และจุดพลิกผันของเหตุการณ์ซึ่งแม้แต่ L เองก็ยังคาดการณ์ผิด!!!
ศัตรูในคราวนี้มาในรูปแบบของ “ความตาย” ที่เกิดขึ้นจากน้ำมือของคน หลังจากที่แอลต้องสูญเสีย วาตาริ ที่ปรึกษาและคู่หูที่ไว้ใจได้ที่สุดไปแล้ว เขาก็ต้องเผชิญกับวิกฤตการณ์ที่มีความสำคัญต่อโลก สำหรับแอลผู้ซึ่งสามารถแก้ไขคดีต่างๆ ที่เกิดทั่วทั้งโลกได้ด้วยความฉลาดระดับอัจฉริยะของเขาโดยผ่านจอมอนิเตอร์ แต่ครั้งนี้ จะเป็นคดีแรกและคดีสุดท้ายที่เขาจำต้องออกไปสู่โลกภายนอก และมีปฏิสัมพันธ์กับคนจริงๆ รวมทั้งปฏิบัติการด้วยมือของเขาเอง และเช่นเดียวกับ คิระ ศัตรูที่เป็นผู้นำมาซึ่ง “ความตาย” แต่ครั้งนี้สื่อมรณะถูกสังเคราะห์ขึ้นมาด้วยเคมีและมีเป้าหมายจะเปลี่ยนแปลงโลกเช่นกัน อะไรจะเกิดขึ้นกับแอล? อะไรจะเปลี่ยนไป? 23 วันนี้เต็มไปด้วยจุดพลิกผันของเหตุการณ์ที่แม้แต่ L เองก็ไม่สามารถคาดการณ์ได้ การนับถอยหลังครั้งสุดท้ายจากเหตุการณ์ที่น่าตกใจและบางครั้งก็สะเทือนใจนั้น กำลังจะเริ่มต้นขึ้น
- ผลงานจากผู้กำกับ The Ring “ฮิเดโอะ นากาตะ” (Dark Water, The Ring กวาดรางวัล มาแล้วทั่วทั้งเอเชีย และ ยุโรป)
- ครั้งแรกของ “แอล” (เคนอิชิ มัตสึยาม่า) ที่ต้องคลี่คลายคดีด้วยตัวเอง กับ ฉากแอ็คชั่นระดับฮอลีวู้ด ที่ต้องเสี่ยงอันตราย นักแสดงดาวรุ่งวัย 13 ปี “ฟูคูดะ มายูโกะ” ได้รับการคัดเลือกจากเด็กกว่า 300 คน เพื่อรับบท “มากิ” ผู้ถือกุญแจสำคัญในการไขคดีครั้งนี้ เธอยอมตัดผมสั้นเพื่อรับบทนี้โดยเฉพาะ
- ฉากระดับฮอลีวู้ดถ่ายทำในประเทศไทย!!!
เรื่องย่อ “L change the WorLd” (สมุดโน้ตสิ้นโลก)
ในการแก้ปมคดีของคิระทำให้แอล (เคนอิชิ มัตสึยาม่า) ต้องเดินทางจากลอสเองเจอลิสไปยังญี่ปุ่น ด้วยอัตราความเป็นไปได้ถึง 97% ซึ่งแอลเชื่อมั่นว่าคิระนั้นต้องอยู่ที่ญี่ปุ่น แต่ในขณะเดียวกัน สัญชาติญาณของเขาก็บอกกับเขาว่า เขาอาจไม่มีโอกาสได้กลับไปที่ลอสเองเจอลิส อีกแล้ว
ยางามิ ไลท์ (ทัตสึยะ ฟูจิวาระ) หรือที่รู้จักกันในนามคิระ ได้ใช้สมุด Death Note เพื่อพยายามที่จะทำตัวเป็นพระเจ้าของโลกใหม่ที่ปราศจากอาชญากรรม และ แอลก็พยายามจะปิดคดีด้วยการเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของคิระ ในขณะที่สงครามทางปัญญาอันดุเดือดระหว่างสองอัจฉริยะกำลังจะมาถึงจุดสุดยอดนั้น หมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งในประเทศไทยก็ได้ถูกทำลายร้าง ทุกสิ่งทุกอย่างถูกเผาจนสิ้นซาก เหมือนกับจะทำลายหลักฐานอะไรที่มีอยู่ และแล้วหมู่บ้านนั้นก็ถูกทำลายราบคาบไปจากโลกนี้ มีอะไรเกิดขึ้น? สิ่งที่จะสามารถนำไปสู่การทำลายร้างโลกได้นั้น กำลังปรากฏขึ้น โดยที่แอลไม่ได้ล่วงรู้เลย
ด้วยการตัดสินใจอันเด็ดขาดของแอล จึงทำให้คดีคิระ สามารถปิดลงได้ แต่ในเวลาเดียวกันแอลก็สูญเสียวาตาริ (ชุนจิ ฟูจิมาร่า) ที่ปรึกษาคู่ใจไปวาตาริเป็นผู้ก่อตั้ง Wammy’s House ซึ่งเป็นสถานที่ที่แอลเติบโตขึ้นมา และเขายังเป็นคู่หูที่แอลไว้วางใจที่สุดอีกด้วย การเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดของวาตารินั้น เป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของแอลและในช่วงเวลา 23 วันที่เหลืออยู่ของเขานี้ แม้ว่าเขาจะยังเจ็บปวดจากความสูญเสียอันใหญ่หลวงนี้ก็ตาม แต่แอลก็จะยังต้องทำงานสะสางและแก้ปมคดีต่างๆ ที่ยังค้างอยู่ในแฟ้มของวาตาริ แต่เมื่อทุกคดีสามารถปิดลงได้ ก็มี “ของขวัญ” ส่งมาถึงวาตาริ และภายในลังที่ส่งมาด้วยเฮลิคอปเตอร์นั้นก็คือ เด็กชายตัวเล็กคนหนึ่ง จาก SD การ์ดที่อยู่กับ “บอย” เด็กชายผู้เอาแต่นิ่งเงียบคนนี้ (นารูชิ ฟุคุดะ) ทำให้แอลได้รู้ว่าบอยเป็นเพียงเด็กคนเดียวที่รอดชีวิตจากหมู่บ้านในเมืองไทย ซึ่งถูกทำลายลงแล้ว แอลยังได้ล่วงรู้ถึงแผนการสมรู้ร่วมคิดครั้งใหญ่ โดยการใช้ สื่อ “ความตาย” ที่มนุษย์สังเคราะห์ขึ้นมา แผนการดังกล่าวก็อยู่เบื้องหลังโศกนาฏกรรมของหมู่บ้านในประเทศไทยนั้น แอลมีแขกมาเยือนอีกหนึ่งคน คราวนี้เป็นเด็กหญิง ชื่อว่า “มากิ” (มายูโกะ ฟุคุดะ) เธอบอกแอลว่า เธอนำของบางอย่างที่พ่อของเธอซึ่งเสียชีวิตอย่างน่ากลัว บอกให้เธอนำมาให้กับวาตาริ เมื่อแอลได้ล่วงรู้ว่า สิ่งที่เด็กหญิงนำมานั้นจริงๆแล้วก็คือ ตัวการแห่งความตาย และ ผู้ตามล่าก็เริ่มใกล้เข้ามา เพื่อปกป้องเด็กทั้งสองคนนั้นแอลจึงต้องเคลื่อนไหวเพื่อแก้ไขคดีที่น่ากลัวนี้ด้วยตัวเอง!!!
เคนอิชิ มัตสึยาม่า
รับบท “ L ”
ขอขอบคุณภาพปกการ์ตูน Death Note จาก “บริษัท เนชั่น เอ็ดดูเทนเมนท์ จำกัด” ลิขสิทธิ์การ์ตูนในประเทศไทย
เคนอิชิ มัตสึยาม่า เกิดใน Aomori เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 1985 เขาได้รับรางวัลชนะเลิศ การประกวด “New style Audition” ซึ่งจัดขึ้นโดย HORIPRO x Boon x PARCO เมื่อปี 2001 และเขาเริ่มการทำงานครั้งแรกในปีเดียวกันในงานโฆษณาที่มีชื่อว่า “Looking for a new’new’” ให้กับ PARCO
ภาพยนตร์เรื่องแรกของเขา คือ Bright Future (กำกับโดย Kiyoshi Kurosawa) เมื่อปี 2002 และเขาได้รับบทแสดงนำเป็นครั้งแรก ในภาพยนตร์ “Winning Pass” (กำกับโดย ชินอิจิ นากาตะ) เมื่อปี 2003 จากนั้น เขาก็ปรากฏตัวในภาพยนตร์อีกหลายเรื่อง และสามารถดึงดูดความสนใจจาก ผู้ชมด้วยการแสดงที่สมจริงของเขา มัตสึยาม่าได้รับรางวัลนักแสดงหน้าใหม่จาก Japan Academy Prize สำหรับการแสดงในภาพยนตร์เรื่อง Otoko-tachi no Yamato/TAMATO (2005/กำกับโดย จุนยาซาโตะ) สำหรับภาพยนตร์เรื่อง DEATH NOTE (2006/กำกับโดย ชุนสึเกะ คาเนะโกะ) นี้ ทำให้เขาได้รับรางวัลต่างๆ มากมาย เช่น รางวัลนักแสดงหน้าใหม่ยอดเยี่ยม จาก Hochi Film Award และ Yokohama Film Festival และรางวัล Elan D’or Newcomer award
ในภาพยนตร์เรื่อง DEATH NOTE คู่ต่อกรที่ ยางามิ ไลท์ (ทัตสึยะ ฟูจิวาระ) ตัวละครหลักของเรื่อง ต้องเผชิญก็คือ L และด้วยการแสดงที่สุดยอดและลักษณะท่าทางของ เคนอิชิ มัตสึยาม่า จึงทำให้แผนการสำหรับภาพยนตร์ภาคต่อ ซึ่งจะพุ่งเป้าไปที่ตัวแอลนั้น ก็เริ่มเดินหน้าขึ้น เคนอิชิ มัตสึยาม่า ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนตัวเองด้วยการเมคอัพดวงตา เพื่อให้ดูเหมือนกับแอลในหนังสือการ์ตูนต้นฉบับ นิสัยการนั่งทับขาของแอลไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเคนอิชิ ถึงอย่างนั้นเขามีส่วนร่วมในการสร้างภาพยนตร์โดยการเลือกของหวานที่แอลต้องกินให้กับตัวเอง หรือการพิจารณารายละเอียดของตัวละคร “ผมต้องการรับบท “แอล” อย่างที่ผมคิดและรู้สึก ผมจะมีความสุขถ้าผมสามารถใช้ชีวิตอย่างแอล”
สำหรับในเรื่อง L change the WorLd
“แอลผู้ซึ่งทำการสืบสวนคดีอยู่แต่ข้างในอาคารในภาพยนตร์สองเรื่องก่อนนั้น ในครั้งนี้ เขาจะได้ออกไปสู่โลกภายนอกแล้ว เช่นเดียวกับการที่เขาต้องอยู่กับเด็กๆ ซึ่งบางครั้งเขาก็ไม่คุ้นเคย จึงทำให้บรรยากาศมันเปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างมาก จากประสบการณ์ที่ผมรับบทเป็นแอล ใน DEATH NOTE ทั้งสองภาค ผมคิดว่า ผมเข้าถึงคาแรคเตอร์ตัวละครได้แล้ว แม้ว่าจะต้องคงลักษณะท่าทางและนิสัยใจคอของแอลไว้ แต่ผู้กำกับ ผู้อำนวยการสร้าง และตัวผม ก็ยังต้องมานั่งคุยกันอีกครั้งว่าจะนำเสนอแง่มุมใหม่ๆ ของแอลออกมาอย่างไร”
สิ่งที่ยากก็คือ “ในภาพยนตร์สองเรื่องก่อน ผมเป็นคู่ต่อกรของไลท์ มันเหมือนเล่นขว้างลูกบอลกัน 2 คน ดังนั้นผมก็สามารถจะขว้างบอล แบบลูก curve ลูก sinker ลูก slow balls หรืออะไรก็ได้ แต่ครั้งนี้ เมื่อผมเป็นตัวละครหลักแล้ว ผมไม่สามารถจะอยู่ได้โดยแค่ขว้างบอลแบบนั้นเพียงเท่านั้น และวาตาริ คู่หูที่ไว้ใจได้ที่สุดของผม ก็ไม่อยู่แล้ว แอลก็เลยต้องเดินหน้าต่อไปด้วยตัวเขาเอง”
“ในภาพยนตร์เรื่องนี้แอล ต้องพบปะกับผู้คนหลากหลาย เช่น คุโจ, สึรูกะ และ มัตสึโดะ มันก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกอะไร เพราะว่ามันก็เหมือนกับคนทั่วๆ ไปที่พวกเขาก็แค่คุยกับแอล แต่มันต่างจากเวลาที่ต้องอยู่กับเด็กสองคนนี้ ทั้งบอย และ มากิ โดยปกติแอล มักจะมีท่าทีและพูดจาไปตามข้อมูลที่เขาได้จากการคาดคะเนจากคู่สนทนาของเขา แต่คำพูดและท่าทางของเด็กๆ เป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือการคาดคะเนของเขา แอลเริ่มสับสน และเริ่มเปลี่ยนแปลงจากการเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด แอลกลับได้เปิดเผยถึงคุณค่าความเป็นมนุษย์ของตัวเขาเอง”
ใน L change the World ได้แสดงให้เห็นถึงความดีงามที่ซ่อนอยู่ภายในตัวแอล ซึ่งไม่มีให้เห็นในภาพยนตร์ DEATH NOTE ทั้งสองภาค หรือแม้แต่ในหนังสือการ์ตูน DEATH NOTE ต้นฉบับ
“ในตอนแรก ผมคิดว่ามันจะเป็นหนังฟอร์มยักษ์ ประมาณว่า พิทักษ์โลกจากภาวะโลกร้อนได้ยังไง แต่เมื่อผมได้มาแสดง ผมก็ได้รู้ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุด ก็คือ แอลจะปกป้องตัวเองยังไง” เรื่องราวถ่ายทอดให้เห็นถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นใน 23 วันนี้ หลังจากที่แอล ได้ตัดสินใจขั้นเด็ดขาด ซึ่งแอลจะต้องใช้ความพยายามที่จะหยุดยั้งกลุ่มผู้ก่อการที่ใช้อาวุธชีวภาพ ซึ่งพยายามที่จะทำลายโลก
“คนที่ไม่สามารถปกป้องตัวเอง ก็จะไม่สามารถปกป้องโลกได้ ผมจึงได้ข้อสรุปว่า “หากคุณปกป้องตัวเองได้คุณก็จะสามารถมีความหวังสำหรับโลกได้ ผมคิดว่าการมี “ความหวัง” เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด”
มายูโกะ ฟุคุดะ
รับบทเป็น “มากิ นิไคโด”
มายูโกะ ฟุคุดะ เกิดที่เมืองเซตายากะ จังหวัดโตเกียว เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 1994 เริ่มเข้าสู่วงการบันเทิงเมื่อปี 2000 จากการแสดงละครโทรทัศน์เรื่อง Summer Snow (TBS) จากนั้น เธอก็มีผลงานมากมายทั้งทางโทรทัศน์และภาพยนตร์ ผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกของเธอ คือ Kamikaze Girls (2004 ของผู้กำกับ Tetsuya Nakajima) ดวงตาของเธอ สะท้อนถึงประกายความหวังอย่างแรงกล้า ซึ่งสร้างความปะทับใจให้กับผู้ชมอย่างมาก “มายูโกะ ฟูคูดะ” ได้รับการคัดเลือกจากผู้สมัครกว่า 300 คน ให้รับบท “มากิ” ใน L Change the World และเพื่อความสมจริงมายูโกะจำเป็นต้องตัดผมจากที่ยาวสลวยเป็นทรงบ๊อบ
“หนูเคยดูหนัง และ เคยอ่านหนังสือการ์ตูนต้นฉบับของ DEATH NOTE แล้วหนูก็รู้สึกสงสารตัวละคร หนูว่ามันน่าสนใจที่ตัวละครหลักเป็นคนที่ใครๆ ก็มองว่าเขาเป็นคนขี้โกง” สิ่งแรกที่เธอทำหลังจากที่ได้รับคัดเลือกให้แสดงใน L change the World ก็คือ “ลบภาพของ L ในหัวของหนูออกไป” ... “ตอนที่หนูได้ดูหนังเรื่อง DEATH NOTE หนูก็รู้ว่า “แอล” เป็นคนแบบไหน แต่เพราะ “มากิ” เพิ่งจะเคยเจอแอล เป็นครั้งแรก หนูคิดว่าเธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับแอลเลย”
ในการรับบทมากิ ของเธอ “เพื่อแสดงออกถึงความหวังอันแรงกล้าของเธอ หนูพยายามจะใช้สายตาของหนู และพยายามพูดจาให้จริงจังมากขึ้น” ความคิดที่เธอมีต่อมากิ นั้น ช่างบังเอิญไปสอดคล้องกันความคิดของนากาตะ ผู้กำกับ “หนูรู้สึกสบายใจ ที่ภาพมากิ ของเราสองค่อนข้างจะคล้ายกัน เขาเป็นคนที่ยอมรับฟังสิ่งที่หนูพูด ซึ่งมันดีมาก” ฉากไหนที่ประทับใจ “ฉากแรกที่ มากิ ยิ้มตลอดเวลาที่เธอพูดกับพ่อ มันยากที่จะแสดงความรักที่เธอมีต่อพ่อ หนูรู้สึกว่าถ้าฉากนั้นทำออกมาได้ไม่ดี ฉากอื่นๆ มันก็จะแย่ไปหมด”
การรับบทเป็นมากิ ผู้ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญของคดี และแบกภาระที่หนักที่สุด นั้น ฟุคุดะ แสดงให้เห็นถึงความมุ่มั่นอย่างสูงในการแสดงของเธอในฉากที่สิ่งผูกมัดระหว่างเธอกับพ่อ จบลง “ปกติหนูจะเปิดปิดสวิทช์ตัวเองได้ แต่ในครั้งนี้ มีหลายครั้ง ที่หนูยังอินกับบทอยู่ จนกว่าหนูจะถ่ายฉากนั้นเสร็จ” การที่แอล ต้องอยู่กับ บอย และ มากิ ตลอดทุกขั้นตอน เพราะอย่างนั้น Fukuda จึงใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับ เคนอิชิ มัตสึย่าม่า ตลอดช่วงเวลาที่ว่างจากการแสดงของเธอ “คุณมัตสึยาม่า แสดงในละครทีวีเรื่องโปรดของหนู เรื่อง Sexy Voice and Robo และเราก็คุยกันเรื่องละครเรื่องนี้ แต่หนูดูไม่ออกว่าตอนไหนเขากำลังแสดง ตอนไหนที่เขาไม่ได้แสดง เขาเป็นคนที่ลึกลับมาก” Fukuda พูดพร้อมด้วยรอยยิ้ม เมื่อพูดถึงแอล “เขาเป็นคนน่าสนใจ” และอีกหนึ่งรอยยิ้ม “หนูชอบการเฝ้ามองดูเขา”
ผลงานภาพยนตร์
•Little DJ~Chiisana Koi no Monogatari (http://www.little-dj.com/) (2007)
•Nihon chinbotsu (http://www.imdb.com/title/tt0473064/) (2006)
•Kamikaze Girls (http://www.imdb.com/title/tt0416220/) (2004)
ยกระบบฮอลลีวูดไปใช้กับโลเกชั่นใน “เมืองไทย”
การถ่ายทำในเมืองไทย อยู่ในช่วงกลางเดือนกันยายนไปจนถึงต้นเดือนตุลาคม โดยแบ่งทีมเบื้องหลังออกเป็นสามทีมแยกไปตามแต่ละโลเกชั่น
ลูกทีมจะผสมกันไปทั้งญี่ปุ่นทั้งไทย ภาษาที่ใช้ในการสื่อสารจึงมีทั้งญี่ปุ่น, อังกฤษ และไทย ขณะทำงาน “มูเนโยชิ มูราคามิ” จะมีป้ายแนะนำตัวบอกชื่อและตำแหน่งติดไว้บนเสื้อ พร้อมกับทำงานไปตามหน้าที่ด้วยความขยันขันแข็ง แต่ในส่วนของทีมนักแสดงแทนที่ดึงมาร่วมงานด้วย ทีมงานกลับไม่เคยรู้มาก่อนว่าพวกเขาล้วนผ่านงานระดับฮอลลีวู้ดมาแล้วทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น Tomorrow Never Dies หรือ Black Hawk Down เรื่องอาหารการกินและการอยู่ก็ได้มาตรฐานฮอลลีวู้ด ทั้งรถสำหรับเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย รถสุขา ไปจนถึงพาหนะในการเดินทางอีก 8 คัน พร้อมด้วยลูกมืออีก 30 คน สเต๊กพร้อม อาหารญี่ปุ่นพร้อม อาหารไทยก็พร้อม...แต่ละจานหรูหราเป็นอย่างยิ่ง
โลเกชั่นที่หนึ่งคือหมู่บ้าน ช่วงนั้นเป็นฤดูฝน และฝนก็โปรยปรายลงมาต้อนรับทีมงานตั้งแต่วันแรกที่ไปถึง แต่โดยรวมแล้ว ถือว่ามีอุปสรรคจากฝนน้อยมากระหว่างการถ่ายทำในเมืองไทย
ฉากแรกเริ่มขึ้นเมื่อรถทหาร 4 คันมาถึง ผู้กำกับฯ นากาตะตื่นตาตื่นใจมาก โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารนั่งอยู่ด้วยในฐานะที่ปรึกษา นากาตะสารภาพทีหลังว่าเขาตื่นเต้นมากพอ ๆ กับฉากระเบิดซึ่งต้องถ่ายทำจากเฮลิคอปเตอร์ สำหรับฉากระเบิดนั้น ทีมงานเลือกใช้ระเบิดที่มีอานุภาพรุนแรง (ซึ่งไม่อนุญาตให้ใช้ในญี่ปุ่น) หมู่บ้านที่สร้างมาร่วมเดือนถูกทำลายย่อยยับ...น่าเศร้าจริง ๆ กับการเกิดและดับของสิ่งต่าง ๆ ตามบทภาพยนตร์ คาดว่าต้องใช้ทุนสร้างถึง 1.5 พันล้านเยน แต่ท้ายที่สุด ก็สร้างและทำลายไปพร้อมกับเม็ดเงินที่น้อยกว่านั้น เพราะเมืองไทยมีโลเกชั่นสำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์สงครามพร้อมอยู่แล้ว จาก Platoon, The Deer Hunter และ Good Morning, Vietnam ซึ่งยังอยู่ในสภาพดี มีระบบจัดการและการบริการระดับฮอลลีวู้ดไว้รองรับ ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ ภาพยนตร์เรื่อง Rambo ก็เพิ่งมาถ่ายทำที่นี่
ลอกเค้ามา 100% ค่า
ความคิดเห็น
เล่นเอาอึ้งกันทั้งโรง
เอมิ/ผักบุ้งหัววุ้น