ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    exo「 Babo - ya 」chanbaek krislay taoho

    ลำดับตอนที่ #12 : Ten ✿ A

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.67K
      25
      17 ก.ย. 57











    10

    A.


     

    แน่ะ! ไม่ต้องมาทำเฉยหรอกน่า

    คุณแสดงออกว่าชอบผมซะขนาดนี้แล้ว ผมรู้นะ!

    หลบตาทำไมครับ? อ่อ...เขินสินะ





     

                “ แบคฮยอน! ”

                “ อะไร! ”

                “ ฉันหล่อป่ะ?

                “ ห๊ะ?

                ตาเล็กๆ นั่นเบิกกว้างนิดหน่อยคล้ายจะตกใจปนประหลาดใจ จื่อเทารู้ว่ามันดูแปลกที่จู่ๆ ก็มาถามคำถามอะไรแบบนี้ แต่นี่มันสำคัญมากเลยนะ! แบบว่าสำคัญมากๆ เลยน่ะ! ช่วงนี้ดูเหมือนว่าจื่อเทาจะไม่ค่อยมีความมั่นใจสักเท่าไหร่นัก จากที่เคยคิดว่าตัวเองหล่อกลับรู้สึกว่าตัวเองขี้เหร่ลง จะหยิบเสื้อผ้าตัวไหนมาใส่ก็เหมือนจะไม่ถูกใจไปซะหมดทั้งที่มันเป็นเสื้อแบรนด์เนมแบบที่เขาชอบนักหนา

                บ้าป่ะเนี่ย

                “ คิดว่าใกล้จะบ้า

                “ ไข้ขึ้นรึเปล่าจื่อเทา!? ”

                แบคฮยอนเป็นมุนษย์วุ่นวายที่มักจะทำให้จื่อเทาหงุดหงิดทุกครั้งแถมยังพยายามมาวุ่นวายกับหน้าผากของเขาอีก แบคฮยอนเอาแต่ถามว่าไม่สบายรึเปล่า? ไข้ขึ้นเหรอ? จื่อเทาต้องตีหน้าเซ็งใส่แบคฮยอนถึงยอมถอยกลับมานั่งหัวเราะ(เยาะ)

                ก็แค่ตอบมาว่าฉันหล่อมั้ยแค่นั้นแหละ

                “ จะเอามุมมองความจริงของพยอนแบคฮยอนหรือจะเอามุมมองแฟนเกิร์ลดีล่ะ

                มุมมองของพยอนแบคฮยอนคงไม่คงคำว่าขี้เหร่แน่ๆ จื่อเทากลอกตาไปมา

                มุมมองแฟนเกิร์ลสิ

                “ จื่อเทาของฉันหล่อมากกก ดูดีแถมยังเท่สุดๆ ไปเลย! หุ่นเขาใช้ได้เลยนะ! คาริสม่าสุดๆ ไปเลยย

                “ สรุปว่าหล่อ?

                “ โง่ป่ะเนี่ย? ก็ต้องหล่ออยู่แล้วสิ! ”

                ถึงจะชื้นใจขึ้นมานิดหน่อยแต่จื่อเทายังไม่มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ แน่นอนว่าเขาโดนชมว่าหน้าตาหล่อมาตั้งแต่เด็กจนโต มีสาวๆ ตามกรี๊ดไม่เคยขาด เล่นกีฬาบ้างประปรายแล้วยังบ้านรวย อะไรกันนะที่ดึงความมั่นใจของจื่อเทาไปจนหมดแบบนี้?

                เออนี่...จุนมยอนนากลับมาแล้วนะ

                “ จริงอ่ะ! ”

                “ อืม

                “ แล้วจื่อเทาคิดยังไงกับเรื่องนี้ครับ?

                ทำหน้าล้อเลียนใส่ไม่พอยังเอาดินสอมาทำเป็นไมค์จ่อปากจื่อเทาอีก ก็นะ...แบคฮยอนไม่เคยเจอจุนมยอนนาตัวจริงหรอกเพราะปาร์คชานยอลไม่เคยปล่อยให้แฟนตัวเองมานั่งๆ นอนๆ บ้านจื่อเทาก็นานมากแล้ว(ยกเว้นมันจะทะเลาะกันแล้วหนีมาหาเขา)

                ก็ดีครับ

                “ ดียังไงเหรอครับคุณจื่อเทา? ช่วยขยายความหน่อยสิครับ

                ดีที่จุนมยอนนากลับมายังไงล่ะครับ...

                “ หูยย โรแมนติกจัง

               

                คนมีความรักก็โรแมนติกกันทุกคนแหละน่า

     



     


















     

      

               จุนมยอนกำลังหางานดีๆ ทำที่บ้านเกิดตัวเองหลังจากไปเรียนที่ญี่ปุ่นนานหลายปี เขากะจะใช้เวลาพักร้อนให้คุ้มค่า โชคดีของเขาที่มีผลการเรียนดีเยี่ยมกับผลงานโดดเด่นเลยทำให้ได้เข้าไปลองฝึกงานเป็นสไตล์ลิสให้พวกนางแบบนายแบบในสังกัดโมเดลลิ่งชื่อดังแห่งหนึ่ง เขาน่ะเจอคนมาหลายประเภทจนเวียนหัวไปหมด เจอแต่คนพิลึกๆ ขนาดเจ้าเด็กข้างบ้านยังพิลึกเลยคิดดูสิ

     

                หลังจากวันนั้นจื่อเทาก็ไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมตรงไหน ยังปากแข็งเหมือนเดิม จุนมยอนน่ะเป็นพวกปากตรงกับใจ เขาเบื่อจะง้างปากเจ้าเด็กนั่นให้พูดอะไรๆ ออกมาแล้ว หลายปีก่อนซึนยังไงก็ยังซึนยังงั้น นี่...นี่ขนาดหนีไปเรียนญี่ปุ่นตั้งหลายปีกลับมาเจ้าเด็กนั้นก็แค่พูดว่า ‘ โตพอจะจีบจุนมยอนนาได้รึยัง? แล้วก็หายไปเลย มันน่าหงุดหงิดใช่มั้ยล่ะ?

                “ ดูเหมือนสไตล์คุณจะเป็นอะไรที่ซอฟท์ๆ นะ

                “ ใช่ครับ ผมชอบพวกแนววินเทจไม่ก็พาสเทลน่ะครับ ดูสบายตาดี

                “ น่าเสียดายจังครับ ผมดันชอบแนวดาร์กๆ โทนสีมืดๆ ซะได้นี่

                เพื่อนร่วมงานคนล่าสุดเป็นอดีตนายแบบที่ผันตัวมาเป็นสไตล์ลิส จุนมยอนไม่แปลกใจเลยกับบุคลิกที่ดูสง่าผิดกับเขาที่มีบุคลิกนิ่มนวล คุณชานซองยื่นแก้วกาแฟมาให้จุนมยอน แต่มือเขายังไม่ทันจะยื่นไปรับชายหนุ่มกลับเปลี่ยนใจกลางอากาศ

                เดี๋ยวผมถือให้ดีกว่าครับเพราะมันร้อนมาก

                “ ไม่อยากรบกวนเลยครับ ให้ผมถือเองก็ได้

                “ ผมถือให้ดีกว่าครับ คุณจุนมยอนถือสูทให้ผมแล้วกันนะครับ

                สุภาพบุรุษอย่างน่าประทับใจทีเดียว จุนมยอนยิ้มรับอีกคนแล้วยอมรับสูทสีดำราคาแพงมาถือไว้ เขาแอบกลอกตาไปมาตอนที่อีกคนไม่ได้มอง ดูก็รู้ว่าเพื่อนร่วมงานคนนี้กำลังจีบเขาอยู่

                เชิญครับ

                “ ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ครับ...ผมไม่ใช่ผู้หญิงสักหน่อย

                จุนมยอนตาเหลือกตอนที่คุณชานซองเปิดประตูรถผายมือเชื้อเชิญเข้าไปนั่งข้างใน จริงๆ แล้วจุนมยอนไม่ได้เกรงใจหรอกแต่เขาอึดอัดกับท่าทางแสนสุภาพของคุณชานซองมากกว่า

                ฮะๆ ไม่เป็นอะไรครับผมเต็มใจ

                “ ขอบคุณมากครับ

                พูดขอบคุณด้วยรอยยิ้มแห้งๆ พอจะก้าวขาขึ้นประตูรถแรงกระชากจากด้านหลังก็ทำให้เขาเซออกมาอย่างง่ายดาย

                หมับ!

                “ เฮ้ย!!! ”

                “ นี่นายทำบ้าอะไร! ”

                คุณชานซองตวาดใส่คนที่กระทำอุกอาจอย่างไม่เป็นมิตร แขนจุนมยอนถูกกระชากไปชนอกคนไร้มารยาทที่กระชากเขาลงรถเมื่อกี้ สูทราคาแพงของคุณชานซองถูกดึงไปจากมือเขาแล้วถูกโยนลงพื้นไม่ไยดี จุนมยอนเงยหน้ามองอีกคนชัดๆ จากตกใจก็เปลี่ยนมาเป็นหลุดยิ้มทันที

                จื่อเทา

                แต่อีกคนกลับไม่ยิ้มไปด้วยนี่สิ

                ไหนบอกว่ามาทำงานไง?

                “ อ้าว? มาทำงานแล้วจะแวะซื้อกาแฟกับเพื่อนร่วมงานไม่ได้รึไงล่ะ

                “ อยากกินกาแฟทำไมไม่บอก

                จื่อเทาถลึงตามองเหมือนกับว่าจุนมยอนได้ทำผิดอย่างมหันต์ลงไปทั้งที่เกือบอาทิตย์ตัวเองเป็นฝ่ายหลบหน้าหลบตาเองแท้ๆ จื่อเทามองหน้าคุณชานซองเขม็ง ช่างเป็นเด็กที่แข็งกระด้างจริงๆ เลยน้า...

                เด็กนี่ใครเหรอครับคุณจุนมยอน? อยู่ๆ มากระชากคุณลงจากรถ...

                อ่อ...นี่จื่อเทาครับ เขาเป็นน้องชายผมเอง

                “ น้องชายเหรอครับ?

                “ ใครอยากเป็นน้องชาย! ”

                เจ้าเด็กดื้อเริ่มเหวี่ยงอีกแล้ว จื่อเทาเปลี่ยนมาจ้องหน้าจุนมยอนเขม็งจนเขาต้องลูบแขนเจ้าเด็กดื้อเบาๆ กันไม่ให้แผลงฤทธิ์แถวนี้

                เอ่อ...วันนี้เอารถมามั้ยจื่อเทา?

                “ อือ

                “ ถ้าอย่างงั้นผมต้องขอตัวกลับก่อนนะครับคุณชานซอง เจอกันใหม่วันพรุ่งนี้ครับ

                จื่อเทาสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมแล้วหันกลับเดินดุ่มๆ ไปไม่รอให้จุนมยอนได้ร่ำลาเพื่อนร่วมงานเสร็จ ลำบากเขาต้องหอบกระเป๋าวิ่งตามขายาวๆ นั่นอีก เจ้าเด็กดื้อขี้โมโหเดินกระทืบเท้าสุดท้ายก็ยอมหยุดรอ จุนมยอนอดยิ้มขำๆ ไม่ได้

                ยิ้มอะไร เอากระเป๋ามา

                “ คงจะไม่เอากระเป๋าคนอื่นไปโยนทิ้งหรอกนะ

                “ บอกให้เอามาก็เอามาสิ

                ที่แท้เด็กปากแข็งก็แค่อยากช่วยถือกระเป๋าให้นี่เอง โถ่เอ๊ย...ไม่เห็นจำเป็นต้องทำหน้าขรึมใส่เลย จุนมยอนพยายามส่งยิ้มหวานเอาใจ พยายามใช้นิ้วสะกิดตรงนั้นหน่อยตรงนี้หน่อยแต่จื่อเทาก็เล่นตัว ทำเป็นฟึดฟัดงี้ เดินเบี่ยงตัวหลบงี้ ปัดมือออกงี้

     

                น่าหมั่นเขี้ยวเป็นบ้า

     
     

                นี่...ยังงี้จะหาว่าหึงละนะ

                “ หึงรึเปล่าเนี่ยจื่อเทา

                ก็ไม่ผิดไปจากที่คาดสักเท่าไหร่เมื่อจื่อเทาหันขวับมามองหน้าจุนมยอนแบบอึ้งสุดๆ แก้มเจ้าเด็กดื้อขึ้นริ้วสีแดงจางๆ แต่จุนมยอนช่างสังเกตเลยเห็นเข้า อ่ะนะ...น่ารักซะไม่มีแหละ จื่อเทาเงอะงะทำอะไรไม่ถูกไปสักครู่นึงหลังจากนั้นก็กลับมาทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้เหมือนเดิม

                เพ้อเจ้อ ใครจะมาหึงกันเล่า! ”   

                แล้วไหนใครบอกว่าจะจีบ?

                “ ก็จีบอยู่นี่ไง...ไม่จีบก็ปล่อยให้ขึ้นรถไปกับหมอนั่นแล้ว

                จุนมยอนถูกยัดเข้าไปในนั่งรถไม่มีการทะนุถนอมกันเลยสักนิด จื่อเทาไม่ยอมมองหน้าตรงๆ แถมยังมาทำแก้มแดงใส่อีก ทำยังกับไม่เคยควงสาวไปเดท แต่มันก็น่ารักดี

                รู้ได้ไงว่ามาแถวนี้หืม?

                “ ก็ถามหม่ามี๊เอา

                “ สรุปหึงไม่หึง?

                “ ไม่หึง! ”

                เจ้าเด็กนี่! ถามแค่นี้ทำไมต้องเสียงดังด้วยนะ ถึงจะพยายามตึหน้าขรึมแค่ไหนแก้มก็ยังแดงอยู่ดีแหละน่า! จุนมยอนยิ้มแต่โดนจื่อเทาจับหัวหันไปทางกระจกด้านข้างแทน

                อะไรเนี่ยจื่อเทา

                “ ไม่ต้องมามองหน้าเลยนะ

                “ เขินเหรอ?

                “ ไม่ได้เขิน! ”

                “ ไหนว่าจะจีบไง

                “ ก็จีบอยู่! ”

                มันคงเป็นการจีบที่ไม่น่าประทับใจที่สุดเท่าที่จุนมยอนเคยพบมาเลยล่ะ จื่อเทาไม่รู้วิธีจีบที่ดีสักเท่าไหร่สงสัยจะไม่มีคนเทรนแต่ก็ดูมีความพยายามดี ถ้าเขาเป็นผู้หญิงคงจะตบให้สักฉาดกับกิริยาแข็งกระด้างปากไม่ตรงกับใจแบบนี้

                ทะ...ทำอะไรเนี่ยจุนมยอนนา

                “ ไม่รู้จักเหรอ? จับมือไง

                “ ปล่อย...ปล่อยเลยนะ

                แก้มจื่อเทาแดงขึ้นอีกระดับอย่างเห็นได้ชัด ปากบอกให้ปล่อยแต่กลับไม่สะบัดมือออก จุนมยอนนั่งฟังเพลงจับมือกับจื่อเทาที่ตอนนี้ใช้มือขับรถข้างเดียว เขาเล่นปลายนิ้วของจื่อเทาไปมาแล้วก็ร้องเพลงคลอไปกับวิทยุ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่มือของเจ้าเด็กนี่ใหญ่จนกุมมือจุนมยอนได้มิด

                อย่างนี้ยังจะปฏิเสธอีกเหรอ?

                “ ...ไม่

               

                มือเจ้าเด็กจื่อเทานี่ก็อุ่นดีเหมือนกันนี่นาJ

     







     

              ทำไมไม่กลับบ้าน

                “ ไม่กลับ

                หลังจากมาส่งจุนมยอนถึงหน้าบ้านจื่อเทาก็ยังตามต้อยๆ เข้ามานั่งเฉยตรงโซฟาเปิดทีวีดูสบายใจเชียวล่ะ จุนมยอนก็พอจะรู้จากพ่อกับแม่เขามาบ้างว่าตอนเขาไปเรียนญี่ปุ่นจื่อเทามาเที่ยวบ้านออกจะบ่อย บางครั้งถึงกับหอบของมานอนห้องจุนมยอนเลยก็มี...มันน่ามั้ยล่ะ

                จุนมยอนวางจานขนมเค้กที่แม่ซื้อไม่ตั้งแต่เมื่อเช้าไว้ตรงหน้าจื่อเทา แทนที่จะรีบกินเพราะจำได้ว่าเป็นของโปรดจื่อเทากลับเฉย ไม่สนใจจะมองเอาแต่จ้องหน้าทีวี ดูแล้วจุนมยอนคิ้วกระตุกมันเหมือนกับเด็กที่ไม่ยอมแตะผักที่อยู่ในมื้ออาหารทำนองนั้น

                รีบกินซะสิ ของชอบไม่ใช่รึไง

                “ ไม่เอาอ่ะ จะลดน้ำหนักอยู่

                “ หือ? อ้วนตรงไหนเนี่ย? ลดไปทำไม?

                “ ให้มันหล่อสิ! ”

                ดูพูดเข้า...ไม่หล่ออะไร? อ้วนตรงไหน? แค่นี้จุนมยอนก็แทบอยากจับไปแคสเป็นนายแบบจะแย่แล้ว แล้วไอ้เรือนร่างใต้เสื้อยืดนั่นดูยังไงๆ ก็มีแต่กล้ามเนื้อชัดๆ

                อยู่ที่นี่ต้องกินนะจื่อเทา ไม่กินก็กลับบ้านไป

                “ ...

                “ ดื้อมากๆ ไม่มีใครอยากรักหรอกนะรู้มั้ย

                เจ้าเด็กดื้อที่กำลังสวมบทดื้อเงียบหันมามองหน้าจุนมยอนนิ่งๆ แต่สายตาน่ะตัดพ้อขั้นสุด!

                ดื้อแล้วจุนมยอนนาจะไม่รักเหรอ?

                “ ใช่

                “ งั้นกลับบ้านแล้ว! ”

                ร้อนถึงเขานี่แหละที่จะต้องคว้าแขนเอาไว้ไม่ให้วิ่งหนีกลับบ้านไปจริงๆ จื่อเทางอนแล้ว...เด็กนี่ยอมทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาเหมือนเดิมแต่สะบัดหน้าหนีไม่ยอมมองจุนมยอนจนต้องจับหน้าให้หันมา จุนมยอนอมยิ้มยื่นช้อนใบเล็กที่ตักเค้กพอดีคำมาแล้วเรียบร้อยจ่อปากหยักสวย

                กินเค้กดีกว่าจื่อเทา อร่อยนะ

                “ ไม่กินอ่ะ! ”

                “ ดื้อเหรอ?

                “ ขู่เหรอ? จะหนีกลับบ้านจริงๆ แล้วนะ

                ทำท่าจะลุกอีกรอบจุนมยอนเลยต้องรีบตักเค้กยัดปากจื่อเทาแล้วดึงกลับมานั่งเบียดกันตามเดิม

                กินเถอะน่า

                “ อือ

               

                แล้วมันก็จบลงตรงที่เขาป้อนเค้กจื่อเทาจนหมดจาน

              โดยที่เจ้าเด็กนี่ไม่งอแงอะไรอีกเลย (ปาดเหงื่อ)

     




















     

                “ เออนี่ ชานยอล...

                “ ครับ?

                “ มีเรื่องอยากจะขอร้องให้ช่วยน่ะ

                “ ...ครับ

                “ กิจกรรม Free Hug น่ะ

                “ ...

                “ ช่วยหน่อยนะ

                เหมือนทุกอย่างรอบตัวจะเงียบไปชั่วขณะ คนที่เอาแต่วุ่นวายกับการตอบแชทในโทรศัพท์ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นสบตากับรุ่นพี่สายรหัสคนสวย เธอมองเขาด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยความหวัง ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะใจอ่อนตกหลุมพราง แต่ขอโทษทีเถอะ...ปาร์คชานยอลคนนี้ไม่!

                “ ว่ายังไงล่ะ นายคงไม่ปฏิเสธหรอกใช่มั้ยชานยอลอา หื้ม?

                “ … ”

                “ พูดออกมาสิ นายกล้าปฏิเสธงานของคณะอย่างงั้นเหรอ

                “ … ”

                “ ไม่อยากจะบังคับหรอกนะ...แต่ฉันพนันได้เลยว่าถ้าแกปฏิเสธตอนนี้ชีวิตแกจะไม่มีวันสงบสุข!!! ”

                “ … ”

                “ ว่าไงจ้ะสุดหล่อ?

                นี่ไงล่ะเหตุผลที่ชานยอลไม่ไม่วันตกหลุมพรางยัยแม่มดฮโยซองนี่เด็ดขาด มือเรียวสวยประดับแหวนลูบหัวเขาราวกับเอ็นดูเสียเต็มประดาไปๆ มาๆ กลับจิกแน่นจนชานยอลต้องร้องซี๊ด ยัยแม่มดฮโยซองจิกเล็บมากกว่าเดิมแล้วหรี่ตาลงอย่างเป็นมิตร(ประชด)

                “ แกจะทำไม่ทำ! ”

                “ ผมไม่อยากทำ

                คนอื่นในคณะมีตั้งเยอะแยะ เด็กแพทย์คนอื่นใช่ว่าจะหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่น้อยกว่าชานยอลตรงไหน เขามีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้วนะ เปลืองตัวให้แฟนกอดรัดฟัดเหวี่ยงคนเดียวก็พอแล้ว

     

                หวงตัวเพื่อแฟนอ่ะจบป่ะ?

     

                มันเป็น Free Hug เพื่อการกุศลนะยะ

                “ โกหก กุศลจริงพี่ไม่มาจิกหัวข่มขู่ผมแบบนี้หรอก ไม่ทำ! ”

                ยัยแม่มดฮโยซอง(คนสวย)ตบโต๊ะเสียงดัง มาดเซ็กซี่ของเธอเป็นแค่ภาพลวงตาไว้หลอกล่อคนอื่นเท่านั้นแหละ ตัวตนจริงๆ ของเธอมันยิ่งกว่านางมารร้ายหรือแม่ยายในละครซะอีก

                ทำไมแกไม่ทำห๊ะ! ”

                แบคฮยอนหวง

              พูดจบก็ยักคิ้วใส่ยัยแม่มดฮโยซองเอาให้หน้าหงาย ปาร์คชานยอลเป็นคนรักแฟนมากนี่พูดเลย ตามใจแฟนขนาดไหนคิดดูสิ ไม่เชื่อต้องไปดูแบคฮยอน...รายนั้นโดนตามใจจนกลายเป็นคนขี้งอนไปแล้ว พูดชื่อแบคฮยอนปุ๊บก็เหมือนยัยแม่มดฮโยซองจะอ่อนลงโดยทันที

                เดี๋ยวฉันพูดกับน้องหนูแบคฮยอนให้ บอกว่าแกจำเป็นต้องทำโอเคมั้ย?

                “ ไม่โอเค ไม่ทำก็คือไม่ทำสิครับ

                “ ก็แค่กอดเองนะกอด! น้องหนูแบคฮยอนน่าจะเข้าใจสิยะ! ”

                “ ถ้าให้พี่ไปกอดคนอื่นที่ไม่ใช่แฟนนี่พี่จะยอมป้ะล่ะ?

                “ มันก็...

                “ มีแฟนแล้วต้องรู้ตัวสิครับ

                สองแขนมันกอดได้คนเดียวนะ

                “ ก็...

                คนเดียวของผมคือแบคฮยอน

     

              ดูเอาไว้เป็นตัวอย่างนะครับ

              ชานยอลนี่มันคนรักคนหลงแฟนระดับแอดวานซ์!

     
     

                ( ก็มีแฟนน่ารัก )

               



                “ ไปก่อนนะครับ

                “ เดี๋ยว! แกจะไปไหน! ”

                “ ไปหาแฟน นี่แฟนหิวแล้ว

                “ ชิ! ”

                ร่างสูงของน้องสายรหัสเดินห่างออกไปพร้อมกับเสียงผิวปากสบายอารมณ์ ฮโยซองคว้ากระเป๋าสะพายเดินกระแทกเท้าปึงปัง ไม่รู้ล่ะ! ปาร์คชานยอลหล่อระดับนายแบบขนาดนี้ยังไงก็ต้องดึงตัวมาทำกิจกรรม Free Hug ให้ได้ หมอนี่น่ะเป็นตัวล่อสาวๆ ชั้นดีเลยนะ!

                “ ฮึ่ยย แกคิดว่าฉันจะยอมรามือง่ายๆ เหรอยะปาร์คชานยอล! ”

                ส่วนเรื่องน้องหนูแบคฮยอนคนจิ้มลิ้มที่ปาร์คชานยอลชอบหอบหิ้วไปไหนมาไหนด้วยคนนั้นน่ะ...ถึงมือฮโยซองคนนี้รับรองเป็นเด็กดีว่าง่ายแน่นอน!        

     









     


     








     

                “ อื้ม...

                “ เงยหน้าขึ้นอีกนิดสิ

                แบคฮยอนของชานยอลหน้าแดงเป็นมะเขือเทศสุกแต่ก็ไม่ดื้อยอมเงยหน้าขึ้นรับจูบแต่โดยดี ชานยอลรั้งท้ายทอยแบคฮยอนของเขาเอาไว้แน่น บดขยี้ริมฝีปากลงไปสลับดูดดึงแผ่วเบา ลืมตามองใบหน้าจิ้มลิ้มขึ้นสีแดงอย่างชอบใจขณะที่แบคฮยอนหลับตาปี๋หอบหายใจถี่

                งานถนัดของชานยอลก็คือการเอาเปรียบเจ้าคนน่ารักให้อ่อนระทวยในอ้อมอกนี่แหละ หลังจากถูกป้อนจูบไปติดๆ กันแบคฮยอนก็อ่อนปวกเปียกหายใจหนักหน่วงโดยมีชานยอลคอยลูบหลัง กดจูบลงบนหน้าผากเนียนอย่างอ่อนโยน

                เหนื่อยเหรอหื้ม? คราวหลังจะไม่เอาแต่ใจอีกแล้ว

                “ ก็ชานยอลไม่ยอมให้เราหายใจอ่ะ! ”

                “ คล้องคอคนอื่นซะแน่นเลยไม่ใช่เหรอ?

                “ ไอ้บ้า! ”

                หัวเราะสนุกสนานให้กับท่าทางฟึดฟัดปนขัดเขิน...น่ารักสุด แบคฮยอนของเขาแก้มแดงหูแดงกำลังพยายามปรับลมหายใจให้เป็นปกติ ชานยอลจับมือเล็กขึ้นมาจูบปลอบ จัดเสื้อผ้าหน้าผมให้เรียบร้อยก่อนจะจูงมือพาออกมาจากห้องน้ำ ก็เลิกเรียนแล้ว...จะทำยังไงก็ได้

                ชานยอลสางผมนุ่มๆ ของแบคฮยอนไปพลางๆ ระหว่างเดินกลับบ้าน โน้มตัวเข้าไปใกล้แล้วส่งยิ้มกว้างให้ ถึงเจ้าคนน่ารักจะมีสะบัดหน้าหนีแต่ก็ยังแอบอมยิ้ม ให้ตายเถอะแบคฮยอน น่ารักแบบนี้ก็แย่น่ะสิ แย่มากๆ ใช้ไม่ได้เลยจริงๆ

                อยากหอม

                “ ไว้ไปที่บ้าน

                “ อยากกอด

                “ ไว้ไปที่บ้าน

                “ อยากจูบ

                “ ไว้ไปที่บ้าน

                “ อยากจับปล้ำ

                “ ไว้ไปที่...ย๊า! ”

                ชานยอลยิ้มจนตาปิด วาดแขนดึงตัวเล็กๆ มากอดให้แน่นแล้วจูบขมับไปหนึ่งทีอย่างหมั่นเขี้ยว

                สรุปทั้งหมดรวบยอดไปทำที่บ้านเลยโอเคนะJ? ”

                ชอบทำตัวน่ารักน่ารังแกนี่จะไปโทษใครได้ล่ะแบคฮยอน ชานยอลยิ้มกริ่มมองปากแดงๆ ที่ยื่นออกมาอย่างแง่งอนแล้วใจเต้นแรงจนเจ็บไปทั้งอก มีแฟนทั้งคนก็ทั้งรักทั้งหวงจนไม่รู้จะทำยังไง ถ้ามีใครคว้าแบคฮยอนไปเขาคงขาดใจตายแน่ๆ

                แบคฮยอน

                “ หือ?

                “ รู้ยังว่ารักมาก

                เจ้าคนน่ารักเอียงคอยิ้มตาหยี ดวงตาเป็นประกายวิบวับชวนใจสั่น

                ไม่รู้ก็บ้าแล้ว ชานยอลพาโบยาJ

               

                แบคฮยอนเป็นความจริง

              นั่นแหละคือสิ่งที่ชานยอลขอบคุณพระเจ้าทุกครั้งที่ตื่นนอน

     













     

                แต่พอส่งแบคฮยอนเข้าคลาสไปแล้วชานยอลก็ต้องมาเจอกับโจทย์เก่าอีก ยัยแม่มดฮโยซองเดินดุ่มๆ มาชกไหล่เขาเต็มแรง แสยะยิ้มแบบนางมารร้ายในละครและสะบัดผมสวยๆ ไปหนึ่งที ชานยอลถอนหายใจ พยายามจะเดินหนีแต่ยัยแม่มดฮโยซองก็ไม่ยอมง่ายๆ

                ยังไงแกก็จะต้องเข้ากิจกรรม Free Hug ไม่มีข้อแม้! ”

                “ ผมพูดไปหมดแล้วเมื่อวาน ไม่เอาอย่างนี้สิครับ...

                เธอเชิดหน้าขึ้นอย่างเป็นต่อ ชานยอลรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไหร่

                เอาสิยะ ถ้าแกไม่ยอมร่วมกิจกรรมนี้แกจะต้องไม่ผ่านกิจกรรมอย่างแน่นอน พอแกไม่ผ่านแล้วคิดดูนะ...เกรดสวยๆ ของแกอาจมีการคลาดเคลื่อน

                “ อย่าเอาเรื่องนี้มาขู่ผมหน่อยเลยน่า พี่เป็นบ้าไปแล้วรึไง

                “ ฉันต้องการแกนะปาร์คชานยอล แกหล่อที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมาแล้ว

                “ ผมไม่ทำ

                “ กอดเองนะยะ! แค่กอดเอง! แกอาจจะได้กอดคนสวยๆ น่ารักๆ ฟรีๆ ก็ได้ใครจะไปรู้

                “ … ”

                “ ฉันจะไม่ให้น้องหนูแบคฮยอนรู้...

                ชานยอลจะไปกอดใครเหรอ...

     
     

                ไอ้ชิบหาย!

              แบคฮยอนมา!

               

                ดูจากสีหน้าก็รู้แล้วว่าแบคฮยอนเข้าใจเหตุการณ์หมดทุกอย่างและเข้าใจทุกบทสนทนา ต่อให้ชานยอลจะหันไปถลึงตาใส่ยัยแม่มดฮโยซองอย่างคาดโทษก็คงไม่ช่วยอะไร

                “ ไอ้ Free Hug นี่ชานยอลไม่บอกเราเหรอ

                “ แบคฮยอน...

                “ จะไปกอดคนอื่นจริงๆ เหรอ

                น้ำตาเม็ดโตที่หยดลงบนผิวแก้มเหมือนจะทำใจชานยอลแตกเป็นเสี่ยง ยัยแม่มดฮโยซองอึกอัก แบคฮยอนยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาป้อยๆ มองชานยอลอย่างตัดพ้อ

                อย่าทำนะ

                “ แบคฮยอนฟังก่อน...

                “ ฮึกก ฮือออออออออออออออออ

                รีบถลาเข้าไปดึงตัวเล็กๆ นั่นเข้ามากอดปลอบแต่แบคฮยอนในโหมดงอแงจะไม่ฟังอะไรทั้งสิ้นนอกจากงอแง งอแง และงอแง ชานยอลใจหายตอนที่มือเล็กสะบัดมือเขาออก ถึงจะดูน่ารักน่าเอ็นดูขนาดไหนตอนนี้เขาก็ไม่ควรยิ้มหรือหัวเราะ(แบคฮยอนคงไม่ขำด้วยหรอก)

                เดี๋ยวนี้มีความลับกันแล้วใช่มั้ยพาโบยา! ฮึกๆ ฮือออ

                “ ไม่ใช่อย่างนั้น

                “ ไปเลยนะ...จะไป Free Hug กับใครก็ไปเลย! เราไม่สำคัญแล้วนี่! ”

                แบคฮยอนของเขาดิ้นอึกอักไม่ยอมให้กอดง่ายๆ จะบอกว่าลำพังมือเล็กๆ นิ่มๆ จะตีจะฟาดตรงไหนชานยอลไม่เจ็บหรอก กลัวอย่างเดียวคือแบคฮยอนจะเจ็บมือเอา เขาพยายามรวบมือแบคฮยอนให้อยู่นิ่งๆ แต่อีกคนไม่ยอมให้ความร่วมมือเอาซะเลย

                แบคฮยอน หยุด! ”

                ดื้อ! ดื้อมาก! พวกเขาต่อสู้กันอยู่สักพักชานยอลก็ตัดสินใจว่าเขาจะปล่อยมือแบคฮยอนไปก่อนแล้วค่อยถือจังหวะรวบเข้าหาตัวรอบเดียวเลย เป็นอันจบแล้วอุ้มพาดบ่ากลับบ้านไปเคลียร์ แต่ดันไม่เป็นไปตามแผน...จังหวะที่ชานยอลปล่อยมือที่จับมือแบคฮยอนออกเขาดันสะบัดแรงเกินไป

                ตุ้บ!

                “ แบคฮยอน! ”

                “ … ”

                เขานี่แทบอยากจะวิ่งลงถนนให้รถชนตาย! สาบานได้เลยว่าชานยอลไม่ได้ตั้งใจ! ดวงตาเบิกกว้างมองแบคฮยอนที่ตอนนี้ล้มไปนั่งนิ่งบนพื้นด้วยสีหน้าอึ้งๆ ใช่...แบคฮยอนเสียหลักล้มตอนที่ชานยอลเผลอสะบัดมือแรงเกินไป มันเหมือนเขาตั้งใจจะทำแบบนั้น แบคฮยอนคงตกใจ...

                แบคฮยอนครับ...

                “ ฮึก...

                มองอีกคนเม้มปากกลั้นน้ำตาอย่างน่าสงสาร แบคฮยอนเอาแต่ก้มมองพื้นไม่มองหน้ากันเลย

                แบคฮยอน...

                “ แง้งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง!!!!! ”

                “ แบค...

                “ เลิก...ฮึก!..เลิกกันไปเลย! ”

                “ ไม่นะแบคฮยอน...ฟังก่อน...ฉัน...

                เราเกลียดชานยอลแล้ว! ”

               

                เราเกลียดชานยอลแล้ว

               

                เราเกลียดชานยอลแล้ว

     
     

                เราเกลียดชานยอลแล้ว

     

     

    แบคฮยอน! ”









     

    #ฟิคพาโบ









    ขอเวลาสักหน่อยเพื่อกลับไปแต่งให้แบคฮยอนงอแง(อีกแล้ว)
    แบคฮยอนนางจะคัมแบคด้วยสกิลงอแงงี่เง่าที่แอดวานซ์กว่าเดิม





     


     
     

    (c)  Porcelain theme
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×