คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : Ten ✿ A
10
A.
แน่ะ! ไม่ต้องมาทำเฉยหรอกน่า
คุณแสดงออกว่าชอบผมซะขนาดนี้แล้ว ผมรู้นะ!
หลบตาทำไมครับ? อ่อ...เขินสินะ
“ แบคฮยอน! ”
“ อะไร! ”
“ ฉันหล่อป่ะ? ”
“ ห๊ะ? ”
ตาเล็กๆ นั่นเบิกกว้างนิดหน่อยคล้ายจะตกใจปนประหลาดใจ จื่อเทารู้ว่ามันดูแปลกที่จู่ๆ ก็มาถามคำถามอะไรแบบนี้ แต่นี่มันสำคัญมากเลยนะ! แบบว่าสำคัญมากๆ เลยน่ะ! ช่วงนี้ดูเหมือนว่าจื่อเทาจะไม่ค่อยมีความมั่นใจสักเท่าไหร่นัก จากที่เคยคิดว่าตัวเองหล่อกลับรู้สึกว่าตัวเองขี้เหร่ลง จะหยิบเสื้อผ้าตัวไหนมาใส่ก็เหมือนจะไม่ถูกใจไปซะหมดทั้งที่มันเป็นเสื้อแบรนด์เนมแบบที่เขาชอบนักหนา
“ บ้าป่ะเนี่ย ”
“ คิดว่าใกล้จะบ้า ”
“ ไข้ขึ้นรึเปล่าจื่อเทา!? ”
แบคฮยอนเป็นมุนษย์วุ่นวายที่มักจะทำให้จื่อเทาหงุดหงิดทุกครั้งแถมยังพยายามมาวุ่นวายกับหน้าผากของเขาอีก แบคฮยอนเอาแต่ถามว่าไม่สบายรึเปล่า? ไข้ขึ้นเหรอ? จื่อเทาต้องตีหน้าเซ็งใส่แบคฮยอนถึงยอมถอยกลับมานั่งหัวเราะ(เยาะ)
“ ก็แค่ตอบมาว่าฉันหล่อมั้ยแค่นั้นแหละ ”
“ จะเอามุมมองความจริงของพยอนแบคฮยอนหรือจะเอามุมมองแฟนเกิร์ลดีล่ะ ”
มุมมองของพยอนแบคฮยอนคงไม่คงคำว่าขี้เหร่แน่ๆ จื่อเทากลอกตาไปมา
“ มุมมองแฟนเกิร์ลสิ ”
“ จื่อเทาของฉันหล่อมากกก ดูดีแถมยังเท่สุดๆ ไปเลย! หุ่นเขาใช้ได้เลยนะ! คาริสม่าสุดๆ ไปเลยย ”
“ สรุปว่าหล่อ? ”
“ โง่ป่ะเนี่ย? ก็ต้องหล่ออยู่แล้วสิ! ”
ถึงจะชื้นใจขึ้นมานิดหน่อยแต่จื่อเทายังไม่มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ แน่นอนว่าเขาโดนชมว่าหน้าตาหล่อมาตั้งแต่เด็กจนโต มีสาวๆ ตามกรี๊ดไม่เคยขาด เล่นกีฬาบ้างประปรายแล้วยังบ้านรวย อะไรกันนะที่ดึงความมั่นใจของจื่อเทาไปจนหมดแบบนี้?
“ เออนี่...จุนมยอนนากลับมาแล้วนะ ”
“ จริงอ่ะ! ”
“ อืม ”
“ แล้วจื่อเทาคิดยังไงกับเรื่องนี้ครับ? ”
ทำหน้าล้อเลียนใส่ไม่พอยังเอาดินสอมาทำเป็นไมค์จ่อปากจื่อเทาอีก ก็นะ...แบคฮยอนไม่เคยเจอจุนมยอนนาตัวจริงหรอกเพราะปาร์คชานยอลไม่เคยปล่อยให้แฟนตัวเองมานั่งๆ นอนๆ บ้านจื่อเทาก็นานมากแล้ว(ยกเว้นมันจะทะเลาะกันแล้วหนีมาหาเขา)
“ ก็ดีครับ ”
“ ดียังไงเหรอครับคุณจื่อเทา? ช่วยขยายความหน่อยสิครับ ”
“ ดีที่จุนมยอนนากลับมายังไงล่ะครับ... ”
“ หูยย โรแมนติกจัง ”
คนมีความรักก็โรแมนติกกันทุกคนแหละน่า
จุนมยอนกำลังหางานดีๆ ทำที่บ้านเกิดตัวเองหลังจากไปเรียนที่ญี่ปุ่นนานหลายปี เขากะจะใช้เวลาพักร้อนให้คุ้มค่า โชคดีของเขาที่มีผลการเรียนดีเยี่ยมกับผลงานโดดเด่นเลยทำให้ได้เข้าไปลองฝึกงานเป็นสไตล์ลิสให้พวกนางแบบนายแบบในสังกัดโมเดลลิ่งชื่อดังแห่งหนึ่ง เขาน่ะเจอคนมาหลายประเภทจนเวียนหัวไปหมด เจอแต่คนพิลึกๆ ขนาดเจ้าเด็กข้างบ้านยังพิลึกเลยคิดดูสิ
หลังจากวันนั้นจื่อเทาก็ไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมตรงไหน ยังปากแข็งเหมือนเดิม จุนมยอนน่ะเป็นพวกปากตรงกับใจ เขาเบื่อจะง้างปากเจ้าเด็กนั่นให้พูดอะไรๆ ออกมาแล้ว หลายปีก่อนซึนยังไงก็ยังซึนยังงั้น นี่...นี่ขนาดหนีไปเรียนญี่ปุ่นตั้งหลายปีกลับมาเจ้าเด็กนั้นก็แค่พูดว่า ‘ โตพอจะจีบจุนมยอนนาได้รึยัง? ’ แล้วก็หายไปเลย มันน่าหงุดหงิดใช่มั้ยล่ะ?
“ ดูเหมือนสไตล์คุณจะเป็นอะไรที่ซอฟท์ๆ นะ ”
“ ใช่ครับ ผมชอบพวกแนววินเทจไม่ก็พาสเทลน่ะครับ ดูสบายตาดี ”
“ น่าเสียดายจังครับ ผมดันชอบแนวดาร์กๆ โทนสีมืดๆ ซะได้นี่ ”
เพื่อนร่วมงานคนล่าสุดเป็นอดีตนายแบบที่ผันตัวมาเป็นสไตล์ลิส จุนมยอนไม่แปลกใจเลยกับบุคลิกที่ดูสง่าผิดกับเขาที่มีบุคลิกนิ่มนวล คุณชานซองยื่นแก้วกาแฟมาให้จุนมยอน แต่มือเขายังไม่ทันจะยื่นไปรับชายหนุ่มกลับเปลี่ยนใจกลางอากาศ
“ เดี๋ยวผมถือให้ดีกว่าครับเพราะมันร้อนมาก ”
“ ไม่อยากรบกวนเลยครับ ให้ผมถือเองก็ได้ ”
“ ผมถือให้ดีกว่าครับ คุณจุนมยอนถือสูทให้ผมแล้วกันนะครับ ”
สุภาพบุรุษอย่างน่าประทับใจทีเดียว จุนมยอนยิ้มรับอีกคนแล้วยอมรับสูทสีดำราคาแพงมาถือไว้ เขาแอบกลอกตาไปมาตอนที่อีกคนไม่ได้มอง ดูก็รู้ว่าเพื่อนร่วมงานคนนี้กำลังจีบเขาอยู่
“ เชิญครับ ”
“ ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ครับ...ผมไม่ใช่ผู้หญิงสักหน่อย ”
จุนมยอนตาเหลือกตอนที่คุณชานซองเปิดประตูรถผายมือเชื้อเชิญเข้าไปนั่งข้างใน จริงๆ แล้วจุนมยอนไม่ได้เกรงใจหรอกแต่เขาอึดอัดกับท่าทางแสนสุภาพของคุณชานซองมากกว่า
“ ฮะๆ ไม่เป็นอะไรครับผมเต็มใจ ”
“ ขอบคุณมากครับ ”
พูดขอบคุณด้วยรอยยิ้มแห้งๆ พอจะก้าวขาขึ้นประตูรถแรงกระชากจากด้านหลังก็ทำให้เขาเซออกมาอย่างง่ายดาย
หมับ!
“ เฮ้ย!!! ”
“ นี่นายทำบ้าอะไร! ”
คุณชานซองตวาดใส่คนที่กระทำอุกอาจอย่างไม่เป็นมิตร แขนจุนมยอนถูกกระชากไปชนอกคนไร้มารยาทที่กระชากเขาลงรถเมื่อกี้ สูทราคาแพงของคุณชานซองถูกดึงไปจากมือเขาแล้วถูกโยนลงพื้นไม่ไยดี จุนมยอนเงยหน้ามองอีกคนชัดๆ จากตกใจก็เปลี่ยนมาเป็นหลุดยิ้มทันที
“ จื่อเทา ”
แต่อีกคนกลับไม่ยิ้มไปด้วยนี่สิ
“ ไหนบอกว่ามาทำงานไง? ”
“ อ้าว? มาทำงานแล้วจะแวะซื้อกาแฟกับเพื่อนร่วมงานไม่ได้รึไงล่ะ ”
“ อยากกินกาแฟทำไมไม่บอก ”
จื่อเทาถลึงตามองเหมือนกับว่าจุนมยอนได้ทำผิดอย่างมหันต์ลงไปทั้งที่เกือบอาทิตย์ตัวเองเป็นฝ่ายหลบหน้าหลบตาเองแท้ๆ จื่อเทามองหน้าคุณชานซองเขม็ง ช่างเป็นเด็กที่แข็งกระด้างจริงๆ เลยน้า...
“ เด็กนี่ใครเหรอครับคุณจุนมยอน? อยู่ๆ มากระชากคุณลงจากรถ... ”
“ อ่อ...นี่จื่อเทาครับ เขาเป็นน้องชายผมเอง ”
“ น้องชายเหรอครับ? ”
“ ใครอยากเป็นน้องชาย! ”
เจ้าเด็กดื้อเริ่มเหวี่ยงอีกแล้ว จื่อเทาเปลี่ยนมาจ้องหน้าจุนมยอนเขม็งจนเขาต้องลูบแขนเจ้าเด็กดื้อเบาๆ กันไม่ให้แผลงฤทธิ์แถวนี้
“ เอ่อ...วันนี้เอารถมามั้ยจื่อเทา? ”
“ อือ ”
“ ถ้าอย่างงั้นผมต้องขอตัวกลับก่อนนะครับคุณชานซอง เจอกันใหม่วันพรุ่งนี้ครับ ”
จื่อเทาสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมแล้วหันกลับเดินดุ่มๆ ไปไม่รอให้จุนมยอนได้ร่ำลาเพื่อนร่วมงานเสร็จ ลำบากเขาต้องหอบกระเป๋าวิ่งตามขายาวๆ นั่นอีก เจ้าเด็กดื้อขี้โมโหเดินกระทืบเท้าสุดท้ายก็ยอมหยุดรอ จุนมยอนอดยิ้มขำๆ ไม่ได้
“ ยิ้มอะไร เอากระเป๋ามา ”
“ คงจะไม่เอากระเป๋าคนอื่นไปโยนทิ้งหรอกนะ ”
“ บอกให้เอามาก็เอามาสิ ”
ที่แท้เด็กปากแข็งก็แค่อยากช่วยถือกระเป๋าให้นี่เอง โถ่เอ๊ย...ไม่เห็นจำเป็นต้องทำหน้าขรึมใส่เลย จุนมยอนพยายามส่งยิ้มหวานเอาใจ พยายามใช้นิ้วสะกิดตรงนั้นหน่อยตรงนี้หน่อยแต่จื่อเทาก็เล่นตัว ทำเป็นฟึดฟัดงี้ เดินเบี่ยงตัวหลบงี้ ปัดมือออกงี้
น่าหมั่นเขี้ยวเป็นบ้า
“ นี่...ยังงี้จะหาว่าหึงละนะ ”
“ หึงรึเปล่าเนี่ยจื่อเทา ”
ก็ไม่ผิดไปจากที่คาดสักเท่าไหร่เมื่อจื่อเทาหันขวับมามองหน้าจุนมยอนแบบอึ้งสุดๆ แก้มเจ้าเด็กดื้อขึ้นริ้วสีแดงจางๆ แต่จุนมยอนช่างสังเกตเลยเห็นเข้า อ่ะนะ...น่ารักซะไม่มีแหละ จื่อเทาเงอะงะทำอะไรไม่ถูกไปสักครู่นึงหลังจากนั้นก็กลับมาทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้เหมือนเดิม
“ เพ้อเจ้อ ใครจะมาหึงกันเล่า! ”
“ แล้วไหนใครบอกว่าจะจีบ? ”
“ ก็จีบอยู่นี่ไง...ไม่จีบก็ปล่อยให้ขึ้นรถไปกับหมอนั่นแล้ว ”
จุนมยอนถูกยัดเข้าไปในนั่งรถไม่มีการทะนุถนอมกันเลยสักนิด จื่อเทาไม่ยอมมองหน้าตรงๆ แถมยังมาทำแก้มแดงใส่อีก ทำยังกับไม่เคยควงสาวไปเดท แต่มันก็น่ารักดี
“ รู้ได้ไงว่ามาแถวนี้หืม? ”
“ ก็ถามหม่ามี๊เอา ”
“ สรุปหึงไม่หึง? ”
“ ไม่หึง! ”
เจ้าเด็กนี่! ถามแค่นี้ทำไมต้องเสียงดังด้วยนะ ถึงจะพยายามตึหน้าขรึมแค่ไหนแก้มก็ยังแดงอยู่ดีแหละน่า! จุนมยอนยิ้มแต่โดนจื่อเทาจับหัวหันไปทางกระจกด้านข้างแทน
“ อะไรเนี่ยจื่อเทา ”
“ ไม่ต้องมามองหน้าเลยนะ ”
“ เขินเหรอ? ”
“ ไม่ได้เขิน! ”
“ ไหนว่าจะจีบไง ”
“ ก็จีบอยู่! ”
มันคงเป็นการจีบที่ไม่น่าประทับใจที่สุดเท่าที่จุนมยอนเคยพบมาเลยล่ะ จื่อเทาไม่รู้วิธีจีบที่ดีสักเท่าไหร่สงสัยจะไม่มีคนเทรนแต่ก็ดูมีความพยายามดี ถ้าเขาเป็นผู้หญิงคงจะตบให้สักฉาดกับกิริยาแข็งกระด้างปากไม่ตรงกับใจแบบนี้
“ ทะ...ทำอะไรเนี่ยจุนมยอนนา ”
“ ไม่รู้จักเหรอ? จับมือไง ”
“ ปล่อย...ปล่อยเลยนะ ”
แก้มจื่อเทาแดงขึ้นอีกระดับอย่างเห็นได้ชัด ปากบอกให้ปล่อยแต่กลับไม่สะบัดมือออก จุนมยอนนั่งฟังเพลงจับมือกับจื่อเทาที่ตอนนี้ใช้มือขับรถข้างเดียว เขาเล่นปลายนิ้วของจื่อเทาไปมาแล้วก็ร้องเพลงคลอไปกับวิทยุ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่มือของเจ้าเด็กนี่ใหญ่จนกุมมือจุนมยอนได้มิด
“ อย่างนี้ยังจะปฏิเสธอีกเหรอ? ”
“ ...ไม่ ”
มือเจ้าเด็กจื่อเทานี่ก็อุ่นดีเหมือนกันนี่นาJ
“ ทำไมไม่กลับบ้าน ”
“ ไม่กลับ ”
หลังจากมาส่งจุนมยอนถึงหน้าบ้านจื่อเทาก็ยังตามต้อยๆ เข้ามานั่งเฉยตรงโซฟาเปิดทีวีดูสบายใจเชียวล่ะ จุนมยอนก็พอจะรู้จากพ่อกับแม่เขามาบ้างว่าตอนเขาไปเรียนญี่ปุ่นจื่อเทามาเที่ยวบ้านออกจะบ่อย บางครั้งถึงกับหอบของมานอนห้องจุนมยอนเลยก็มี...มันน่ามั้ยล่ะ
จุนมยอนวางจานขนมเค้กที่แม่ซื้อไม่ตั้งแต่เมื่อเช้าไว้ตรงหน้าจื่อเทา แทนที่จะรีบกินเพราะจำได้ว่าเป็นของโปรดจื่อเทากลับเฉย ไม่สนใจจะมองเอาแต่จ้องหน้าทีวี ดูแล้วจุนมยอนคิ้วกระตุกมันเหมือนกับเด็กที่ไม่ยอมแตะผักที่อยู่ในมื้ออาหารทำนองนั้น
“ รีบกินซะสิ ของชอบไม่ใช่รึไง ”
“ ไม่เอาอ่ะ จะลดน้ำหนักอยู่ ”
“ หือ? อ้วนตรงไหนเนี่ย? ลดไปทำไม? ”
“ ให้มันหล่อสิ! ”
ดูพูดเข้า...ไม่หล่ออะไร? อ้วนตรงไหน? แค่นี้จุนมยอนก็แทบอยากจับไปแคสเป็นนายแบบจะแย่แล้ว แล้วไอ้เรือนร่างใต้เสื้อยืดนั่นดูยังไงๆ ก็มีแต่กล้ามเนื้อชัดๆ
“ อยู่ที่นี่ต้องกินนะจื่อเทา ไม่กินก็กลับบ้านไป ”
“ ... ”
“ ดื้อมากๆ ไม่มีใครอยากรักหรอกนะรู้มั้ย ”
เจ้าเด็กดื้อที่กำลังสวมบทดื้อเงียบหันมามองหน้าจุนมยอนนิ่งๆ แต่สายตาน่ะตัดพ้อขั้นสุด!
“ ดื้อแล้วจุนมยอนนาจะไม่รักเหรอ? ”
“ ใช่ ”
“ งั้นกลับบ้านแล้ว! ”
ร้อนถึงเขานี่แหละที่จะต้องคว้าแขนเอาไว้ไม่ให้วิ่งหนีกลับบ้านไปจริงๆ จื่อเทางอนแล้ว...เด็กนี่ยอมทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาเหมือนเดิมแต่สะบัดหน้าหนีไม่ยอมมองจุนมยอนจนต้องจับหน้าให้หันมา จุนมยอนอมยิ้มยื่นช้อนใบเล็กที่ตักเค้กพอดีคำมาแล้วเรียบร้อยจ่อปากหยักสวย
“ กินเค้กดีกว่าจื่อเทา อร่อยนะ ”
“ ไม่กินอ่ะ! ”
“ ดื้อเหรอ? ”
“ ขู่เหรอ? จะหนีกลับบ้านจริงๆ แล้วนะ ”
ทำท่าจะลุกอีกรอบจุนมยอนเลยต้องรีบตักเค้กยัดปากจื่อเทาแล้วดึงกลับมานั่งเบียดกันตามเดิม
“ กินเถอะน่า ”
“ อือ ”
แล้วมันก็จบลงตรงที่เขาป้อนเค้กจื่อเทาจนหมดจาน
โดยที่เจ้าเด็กนี่ไม่งอแงอะไรอีกเลย (ปาดเหงื่อ)
“ เออนี่ ชานยอล... ”
“ ครับ? ”
“ มีเรื่องอยากจะขอร้องให้ช่วยน่ะ ”
“ ...ครับ ”
“ กิจกรรม Free Hug น่ะ ”
“ ... ”
“ ช่วยหน่อยนะ ”
เหมือนทุกอย่างรอบตัวจะเงียบไปชั่วขณะ คนที่เอาแต่วุ่นวายกับการตอบแชทในโทรศัพท์ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นสบตากับรุ่นพี่สายรหัสคนสวย เธอมองเขาด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยความหวัง ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะใจอ่อนตกหลุมพราง แต่ขอโทษทีเถอะ...ปาร์คชานยอลคนนี้ไม่!
“ ว่ายังไงล่ะ นายคงไม่ปฏิเสธหรอกใช่มั้ยชานยอลอา หื้ม? ”
“ … ”
“ พูดออกมาสิ นายกล้าปฏิเสธงานของคณะอย่างงั้นเหรอ ”
“ … ”
“ ไม่อยากจะบังคับหรอกนะ...แต่ฉันพนันได้เลยว่าถ้าแกปฏิเสธตอนนี้ชีวิตแกจะไม่มีวันสงบสุข!!! ”
“ … ”
“ ว่าไงจ้ะสุดหล่อ? ”
นี่ไงล่ะเหตุผลที่ชานยอลไม่ไม่วันตกหลุมพรางยัยแม่มดฮโยซองนี่เด็ดขาด มือเรียวสวยประดับแหวนลูบหัวเขาราวกับเอ็นดูเสียเต็มประดาไปๆ มาๆ กลับจิกแน่นจนชานยอลต้องร้องซี๊ด ยัยแม่มดฮโยซองจิกเล็บมากกว่าเดิมแล้วหรี่ตาลงอย่างเป็นมิตร(ประชด)
“ แกจะทำไม่ทำ! ”
“ ผมไม่อยากทำ ”
คนอื่นในคณะมีตั้งเยอะแยะ เด็กแพทย์คนอื่นใช่ว่าจะหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่น้อยกว่าชานยอลตรงไหน เขามีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้วนะ เปลืองตัวให้แฟนกอดรัดฟัดเหวี่ยงคนเดียวก็พอแล้ว
หวงตัวเพื่อแฟนอ่ะจบป่ะ?
“ มันเป็น Free Hug เพื่อการกุศลนะยะ ”
“ โกหก กุศลจริงพี่ไม่มาจิกหัวข่มขู่ผมแบบนี้หรอก ไม่ทำ! ”
ยัยแม่มดฮโยซอง(คนสวย)ตบโต๊ะเสียงดัง มาดเซ็กซี่ของเธอเป็นแค่ภาพลวงตาไว้หลอกล่อคนอื่นเท่านั้นแหละ ตัวตนจริงๆ ของเธอมันยิ่งกว่านางมารร้ายหรือแม่ยายในละครซะอีก
“ ทำไมแกไม่ทำห๊ะ! ”
“ แบคฮยอนหวง ”
พูดจบก็ยักคิ้วใส่ยัยแม่มดฮโยซองเอาให้หน้าหงาย ปาร์คชานยอลเป็นคนรักแฟนมากนี่พูดเลย ตามใจแฟนขนาดไหนคิดดูสิ ไม่เชื่อต้องไปดูแบคฮยอน...รายนั้นโดนตามใจจนกลายเป็นคนขี้งอนไปแล้ว พูดชื่อแบคฮยอนปุ๊บก็เหมือนยัยแม่มดฮโยซองจะอ่อนลงโดยทันที
“ เดี๋ยวฉันพูดกับน้องหนูแบคฮยอนให้ บอกว่าแกจำเป็นต้องทำโอเคมั้ย? ”
“ ไม่โอเค ไม่ทำก็คือไม่ทำสิครับ ”
“ ก็แค่กอดเองนะกอด! น้องหนูแบคฮยอนน่าจะเข้าใจสิยะ! ”
“ ถ้าให้พี่ไปกอดคนอื่นที่ไม่ใช่แฟนนี่พี่จะยอมป้ะล่ะ? ”
“ มันก็... ”
“ มีแฟนแล้วต้องรู้ตัวสิครับ ”
“ สองแขนมันกอดได้คนเดียวนะ ”
“ ก็... ”
“ คนเดียวของผมคือแบคฮยอน ”
ดูเอาไว้เป็นตัวอย่างนะครับ
ชานยอลนี่มันคนรักคนหลงแฟนระดับแอดวานซ์!
( ก็มีแฟนน่ารัก♥ )
“ ไปก่อนนะครับ ”
“ เดี๋ยว! แกจะไปไหน! ”
“ ไปหาแฟน นี่แฟนหิวแล้ว ”
“ ชิ! ”
ร่างสูงของน้องสายรหัสเดินห่างออกไปพร้อมกับเสียงผิวปากสบายอารมณ์ ฮโยซองคว้ากระเป๋าสะพายเดินกระแทกเท้าปึงปัง ไม่รู้ล่ะ! ปาร์คชานยอลหล่อระดับนายแบบขนาดนี้ยังไงก็ต้องดึงตัวมาทำกิจกรรม Free Hug ให้ได้ หมอนี่น่ะเป็นตัวล่อสาวๆ ชั้นดีเลยนะ!
“ ฮึ่ยย แกคิดว่าฉันจะยอมรามือง่ายๆ เหรอยะปาร์คชานยอล! ”
ส่วนเรื่องน้องหนูแบคฮยอนคนจิ้มลิ้มที่ปาร์คชานยอลชอบหอบหิ้วไปไหนมาไหนด้วยคนนั้นน่ะ...ถึงมือฮโยซองคนนี้รับรองเป็นเด็กดีว่าง่ายแน่นอน!
“ อื้ม... ”
“ เงยหน้าขึ้นอีกนิดสิ ”
แบคฮยอนของชานยอลหน้าแดงเป็นมะเขือเทศสุกแต่ก็ไม่ดื้อยอมเงยหน้าขึ้นรับจูบแต่โดยดี ชานยอลรั้งท้ายทอยแบคฮยอนของเขาเอาไว้แน่น บดขยี้ริมฝีปากลงไปสลับดูดดึงแผ่วเบา ลืมตามองใบหน้าจิ้มลิ้มขึ้นสีแดงอย่างชอบใจขณะที่แบคฮยอนหลับตาปี๋หอบหายใจถี่
งานถนัดของชานยอลก็คือการเอาเปรียบเจ้าคนน่ารักให้อ่อนระทวยในอ้อมอกนี่แหละ หลังจากถูกป้อนจูบไปติดๆ กันแบคฮยอนก็อ่อนปวกเปียกหายใจหนักหน่วงโดยมีชานยอลคอยลูบหลัง กดจูบลงบนหน้าผากเนียนอย่างอ่อนโยน
“ เหนื่อยเหรอหื้ม? คราวหลังจะไม่เอาแต่ใจอีกแล้ว ”
“ ก็ชานยอลไม่ยอมให้เราหายใจอ่ะ! ”
“ คล้องคอคนอื่นซะแน่นเลยไม่ใช่เหรอ? ”
“ ไอ้บ้า! ”
หัวเราะสนุกสนานให้กับท่าทางฟึดฟัดปนขัดเขิน...น่ารักสุด แบคฮยอนของเขาแก้มแดงหูแดงกำลังพยายามปรับลมหายใจให้เป็นปกติ ชานยอลจับมือเล็กขึ้นมาจูบปลอบ จัดเสื้อผ้าหน้าผมให้เรียบร้อยก่อนจะจูงมือพาออกมาจากห้องน้ำ ก็เลิกเรียนแล้ว...จะทำยังไงก็ได้
ชานยอลสางผมนุ่มๆ ของแบคฮยอนไปพลางๆ ระหว่างเดินกลับบ้าน โน้มตัวเข้าไปใกล้แล้วส่งยิ้มกว้างให้ ถึงเจ้าคนน่ารักจะมีสะบัดหน้าหนีแต่ก็ยังแอบอมยิ้ม ให้ตายเถอะแบคฮยอน น่ารักแบบนี้ก็แย่น่ะสิ แย่มากๆ ใช้ไม่ได้เลยจริงๆ
“ อยากหอม ”
“ ไว้ไปที่บ้าน ”
“ อยากกอด ”
“ ไว้ไปที่บ้าน ”
“ อยากจูบ ”
“ ไว้ไปที่บ้าน ”
“ อยากจับปล้ำ ”
“ ไว้ไปที่...ย๊า! ”
ชานยอลยิ้มจนตาปิด วาดแขนดึงตัวเล็กๆ มากอดให้แน่นแล้วจูบขมับไปหนึ่งทีอย่างหมั่นเขี้ยว
“ สรุปทั้งหมดรวบยอดไปทำที่บ้านเลยโอเคนะJ? ”
ชอบทำตัวน่ารักน่ารังแกนี่จะไปโทษใครได้ล่ะแบคฮยอน ชานยอลยิ้มกริ่มมองปากแดงๆ ที่ยื่นออกมาอย่างแง่งอนแล้วใจเต้นแรงจนเจ็บไปทั้งอก มีแฟนทั้งคนก็ทั้งรักทั้งหวงจนไม่รู้จะทำยังไง ถ้ามีใครคว้าแบคฮยอนไปเขาคงขาดใจตายแน่ๆ
“ แบคฮยอน ”
“ หือ? ”
“ รู้ยังว่ารักมาก ”
เจ้าคนน่ารักเอียงคอยิ้มตาหยี ดวงตาเป็นประกายวิบวับชวนใจสั่น
“ ไม่รู้ก็บ้าแล้ว ชานยอลพาโบยาJ ”
แบคฮยอนเป็นความจริง
นั่นแหละคือสิ่งที่ชานยอลขอบคุณพระเจ้าทุกครั้งที่ตื่นนอน
แต่พอส่งแบคฮยอนเข้าคลาสไปแล้วชานยอลก็ต้องมาเจอกับโจทย์เก่าอีก ยัยแม่มดฮโยซองเดินดุ่มๆ มาชกไหล่เขาเต็มแรง แสยะยิ้มแบบนางมารร้ายในละครและสะบัดผมสวยๆ ไปหนึ่งที ชานยอลถอนหายใจ พยายามจะเดินหนีแต่ยัยแม่มดฮโยซองก็ไม่ยอมง่ายๆ
“ ยังไงแกก็จะต้องเข้ากิจกรรม Free Hug ไม่มีข้อแม้! ”
“ ผมพูดไปหมดแล้วเมื่อวาน ไม่เอาอย่างนี้สิครับ... ”
เธอเชิดหน้าขึ้นอย่างเป็นต่อ ชานยอลรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไหร่
“ เอาสิยะ ถ้าแกไม่ยอมร่วมกิจกรรมนี้แกจะต้องไม่ผ่านกิจกรรมอย่างแน่นอน พอแกไม่ผ่านแล้วคิดดูนะ...เกรดสวยๆ ของแกอาจมีการคลาดเคลื่อน ”
“ อย่าเอาเรื่องนี้มาขู่ผมหน่อยเลยน่า พี่เป็นบ้าไปแล้วรึไง ”
“ ฉันต้องการแกนะปาร์คชานยอล แกหล่อที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมาแล้ว ”
“ ผมไม่ทำ ”
“ กอดเองนะยะ! แค่กอดเอง! แกอาจจะได้กอดคนสวยๆ น่ารักๆ ฟรีๆ ก็ได้ใครจะไปรู้ ”
“ … ”
“ ฉันจะไม่ให้น้องหนูแบคฮยอนรู้... ”
“ ชานยอลจะไปกอดใครเหรอ... ”
ไอ้ชิบหาย!
แบคฮยอนมา!
ดูจากสีหน้าก็รู้แล้วว่าแบคฮยอนเข้าใจเหตุการณ์หมดทุกอย่างและเข้าใจทุกบทสนทนา ต่อให้ชานยอลจะหันไปถลึงตาใส่ยัยแม่มดฮโยซองอย่างคาดโทษก็คงไม่ช่วยอะไร
“ ไอ้ Free Hug นี่ชานยอลไม่บอกเราเหรอ ”
“ แบคฮยอน... ”
“ จะไปกอดคนอื่นจริงๆ เหรอ ”
น้ำตาเม็ดโตที่หยดลงบนผิวแก้มเหมือนจะทำใจชานยอลแตกเป็นเสี่ยง ยัยแม่มดฮโยซองอึกอัก แบคฮยอนยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาป้อยๆ มองชานยอลอย่างตัดพ้อ
“ อย่าทำนะ ”
“ แบคฮยอนฟังก่อน... ”
“ ฮึกก ฮือออออออออออออออออ ”
รีบถลาเข้าไปดึงตัวเล็กๆ นั่นเข้ามากอดปลอบแต่แบคฮยอนในโหมดงอแงจะไม่ฟังอะไรทั้งสิ้นนอกจากงอแง งอแง และงอแง ชานยอลใจหายตอนที่มือเล็กสะบัดมือเขาออก ถึงจะดูน่ารักน่าเอ็นดูขนาดไหนตอนนี้เขาก็ไม่ควรยิ้มหรือหัวเราะ(แบคฮยอนคงไม่ขำด้วยหรอก)
“ เดี๋ยวนี้มีความลับกันแล้วใช่มั้ยพาโบยา! ฮึกๆ ฮือออ ”
“ ไม่ใช่อย่างนั้น ”
“ ไปเลยนะ...จะไป Free Hug กับใครก็ไปเลย! เราไม่สำคัญแล้วนี่! ”
แบคฮยอนของเขาดิ้นอึกอักไม่ยอมให้กอดง่ายๆ จะบอกว่าลำพังมือเล็กๆ นิ่มๆ จะตีจะฟาดตรงไหนชานยอลไม่เจ็บหรอก กลัวอย่างเดียวคือแบคฮยอนจะเจ็บมือเอา เขาพยายามรวบมือแบคฮยอนให้อยู่นิ่งๆ แต่อีกคนไม่ยอมให้ความร่วมมือเอาซะเลย
“ แบคฮยอน หยุด! ”
ดื้อ! ดื้อมาก! พวกเขาต่อสู้กันอยู่สักพักชานยอลก็ตัดสินใจว่าเขาจะปล่อยมือแบคฮยอนไปก่อนแล้วค่อยถือจังหวะรวบเข้าหาตัวรอบเดียวเลย เป็นอันจบแล้วอุ้มพาดบ่ากลับบ้านไปเคลียร์ แต่ดันไม่เป็นไปตามแผน...จังหวะที่ชานยอลปล่อยมือที่จับมือแบคฮยอนออกเขาดันสะบัดแรงเกินไป
ตุ้บ!
“ แบคฮยอน! ”
“ … ”
เขานี่แทบอยากจะวิ่งลงถนนให้รถชนตาย! สาบานได้เลยว่าชานยอลไม่ได้ตั้งใจ! ดวงตาเบิกกว้างมองแบคฮยอนที่ตอนนี้ล้มไปนั่งนิ่งบนพื้นด้วยสีหน้าอึ้งๆ ใช่...แบคฮยอนเสียหลักล้มตอนที่ชานยอลเผลอสะบัดมือแรงเกินไป มันเหมือนเขาตั้งใจจะทำแบบนั้น แบคฮยอนคงตกใจ...
“ แบคฮยอนครับ... ”
“ ฮึก... ”
มองอีกคนเม้มปากกลั้นน้ำตาอย่างน่าสงสาร แบคฮยอนเอาแต่ก้มมองพื้นไม่มองหน้ากันเลย
“ แบคฮยอน... ”
“ แง้งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง!!!!! ”
“ แบค... ”
“ เลิก...ฮึก!..เลิกกันไปเลย! ”
“ ไม่นะแบคฮยอน...ฟังก่อน...ฉัน... ”
“ เราเกลียดชานยอลแล้ว! ”
เราเกลียดชานยอลแล้ว
เราเกลียดชานยอลแล้ว
เราเกลียดชานยอลแล้ว
“ แบคฮยอน! ”
#ฟิคพาโบ
ขอเวลาสักหน่อยเพื่อกลับไปแต่งให้แบคฮยอนงอแง(อีกแล้ว)
แบคฮยอนนางจะคัมแบคด้วยสกิลงอแงงี่เง่าที่แอดวานซ์กว่าเดิม
ความคิดเห็น