ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    exo「 Babo - ya 」chanbaek krislay taoho

    ลำดับตอนที่ #14 : OS ; Perfect Two

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.42K
      9
      22 ส.ค. 57






    Perfect Two.

    เพราะผมคือครึ่งนึงของเขา และเขาก็คือครึ่งนึงของผม
























              เพราะเราเป็นคู่คัพเพิ้ลที่เจ๋งที่สุดในโลก

                ชานยอลมักจะบอกผมแบบนี้เสมอแหละ

               

                ตอนแรกผมคิดว่ามันค่อนข้างจะพิลึกนิดหน่อยที่เด็กผู้ชายสองคนต้องมาเป็นคัพเพิ้ลกัน เพราะคัพเพิ้ลมันใช้กับคู่รักไม่ใช่เหรอ? แต่หลังจากนั้นชานยอลก็ทำให้ผมเชื่อได้สนิทใจเลยว่าการเป็นคัพเพิ้ลกับเขามันเป็นอะไรที่เจ๋งสุดๆ! ชานยอลที่เหมือนพระอาทิตย์และผมที่เหมือนดอกทานตะวัน

                เราสองคนเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ครั้งแรกที่เจอชานยอลเราต่างก็อายุสี่ขวบด้วยกัน ตอนนั้นเขาตัวเล็กกว่าผมแถมยังทำผมคิ้วแตกด้วย แต่ก็เป็นเขาอีกนั่นแหละที่เติมสีสันให้ชีวิตของผม เพราะฉะนั้นชานยอลจึงไม่ใช่แค่เพื่อนสนิท เขาเป็นคนพิเศษ คนสำคัญ และเป็นอะไรที่มีค่าม๊ากมากสำหรับผม

     

              เขาเองก็บอกว่าคิดเหมือนผมเปี๊ยบ

     
     

                ดูซิว่าฉันซื้ออะไรมาให้เรา

                ชานยอลมีนิสัยออกจะน่ารักนุ่มนวลกว่าเด็กผู้ชายทั่วไป เขาคลั่งพวกของคัพเพิ้ลเอามาก ชนิดที่ว่าของทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาซื้อมาใช้ผมก็จะต้องใช้ไปด้วยกันกับเขา แม้แต่เตียงนอนสุดหวงของผมยังเป็นเซ็ตเดียวกับเตียงนอนบ้านเขา หรือแม้แต่ตุ๊กตาคุมะที่ผมคิดว่ามันหน้าตาเหมือนกันทุกตัว

                ผมก็สงสัยนิดหน่อยว่าทำไมเขาไม่มีแฟนสักคนแล้วใช้คัพเพิ้ลกับเธอคนนั้นซะ เขาดันตอบกลับมาซะน่ารักว่าไม่มีใครเหมือนผมอีกแล้วบนโลกใบนี้ และเขาจะอยู่เป็นคู่ผมไปจนตาย

                อ่า...ช่วงนี้เข้าหน้าฝนแล้วนี่นะ เกือบลืมไปเลย

                ผมยิ้มออกมาเมื่อเห็นสิ่งที่เขาซ่อนอยู่ข้างหลัง ชานยอลยิ้มกว้างก่อนจะชูร่มสองอันในมือให้ผมดู มันเป็นร่มสีใสที่มีตัวอักษรสกรีนสีดำอันนึงเป็นตัว B อันนึงเป็นตัว C ผมไม่รู้ว่าชานยอลไปหาร่มแบบนี้มาจากไหนแต่มันน่าทึ่งมาก เขาไม่ยอมให้ผมหยิบตัว B  แต่กลับเลือกตัว C ให้แทน

                นั่นมันเป็นของนายต่างหากล่ะ

                “ ไม่ใช่ มันเป็นของนายต่างหาก

                ชานยอลขยี้หัวผมจนยุ่งเหยิง แล้วเขาก็จัดผมให้ใหม่ หลังจากนั้นเขาก็ขยี้จนฟูอีก

                ของนายน่ะตัว C ส่วนของฉันน่ะตัว B ”

                “ ไหงงั้นล่ะ

                เพราะฉันเป็นของนายและนายเป็นของฉันไง พาโบยา

               

                ดวงตาของชานยอลหวานเชื่อม

              ก็นะ...เขาชอบมองผมแบบนี้ประจำJ

     






     





















     

                ช่วงเวลาที่มีค่าของผมคือการได้ใช้เวลาสนุกสนานไปกับชานยอล เขาเป็นแฮปปี้ไวรัสเป็นแฮปปี้เนสประจำตัวของผม นี่ไม่ได้โม้นะ! เราเดินไปโรงเรียนด้วยกันทุกวันจนกลายเป็นกิจวัตรประจำวัน กระเป๋าของชานยอลเหมือนของผมเปี๊ยบเลย เขายอมใช้สีชมพูและผมก็แย่งสีฟ้ามาครอบครองจนได้ ที่ห้อยกระเป๋าของเรามีพวงกุญแจคัพเพิ้ลด้วยล่ะ กระเป๋าเป้ผมมีทั้งตัว B และตัว C ห้อยเต็มไปหมดในขณะที่กระเป๋าของชานยอลก็มีตัว B และตัว C ห้อยเต็มไปหมดเหมือนกัน

                เลิกเรียนแล้วไปแวะร้านประจำหน่อยเป็นไง

                “ เลี้ยงฉันสิแล้วฉันจะยอมไปด้วย

                “ เป่ายิ้งฉุบ! ”

                เพราะความเคยชินล่ะมั้ง? แค่ชานยอลตะโกนออกมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยปฏิกิริยาผมก็จูนเข้าหาเขาอย่างรวดเร็ว ผมออกค้อนแต่ชานยอลดันออกกระดาษ เขาหัวเราะสะใจแต่ผมน่ะห่อเหี่ยวมาก ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกที่ผมต้องเลี้ยงของอร่อยๆ ให้ชานยอล

                ฉันเลี้ยงนายเย็นนี้งั้นนายห้ามกินข้าวบ้านฉันนะ โอเค้?

                “ งั้นนายก็ไปกินข้าวบ้านฉันสิ วันนี้มีเค้กข้าวด้วยล่ะ

                “ โอเค งั้นวันนี้ฉันจะไปกินข้าวบ้านนาย

                เราหัวเราะกันสองคน ไม่รู้ว่าตอนไหนยังไงปลายนิ้วของเราก็เกี่ยวกันซะแล้ว...ชานยอลแกว่งนิ้วของเราไปมาเบาๆ ผมฮัมเพลงของ Bruno Mars แล้วชานยอลก็คอยเป็นซาวด์ให้ ทุกกิจกรรมของผมต้องมีชานยอลร่วมด้วย เหมือนกับทุกกิจกรรมของชานยอลต้องมีผมเช่นกัน

                เช้านี้ฝนตกปรอยๆ ผมกับชานยอลเลยได้เอาร่มคัพเพิ้ลอันใหม่มาใช้ แต่เราก็พบว่าการใช้ร่มคนละคันมันมีระยะห่างมากเกินกว่าที่คิด ยิ่งเราเบียดเข้าหากันเหมือนเดินปกติก็ยิ่งเปียก ชานยอลดูหงุดหงิดนิดหน่อยที่เรากระซิบกระซาบกันไม่ได้เหมือนทุกที

                ฉันว่าเราเปลี่ยนไปใช้เสื้อกันฝนกันดีกว่า ไม่รู้สิ...แบบนี้ไม่ค่อยถนัดเลย

                “ ใช้ร่มคันเดียวก็ได้นี่

                “ ไม่ได้ เราต้องเป็นคัพเพิ้ลสิ! ”

                ผมน่ะแล้วแต่เขาเลย ดูท่าว่าผมจะได้เสื้อกันฝนอันใหม่แน่นอน ชานยอลบ่นเกี่ยวกับร่มนิดหน่อย(ซึ่งผมก็ไม่ได้มีปัญหาเรื่องนี้มากมายอ่ะนะ)สุดท้ายแล้วเขาก็ยอมเก็บร่มตัวเองเอาไว้พลางขยับเข้ามาเบียดอยู่ใต้ร่มคันเดียวกันกับผม เขาแย่งร่มของผมไปถือเอง

                นายนี่มันจริงๆ เลย

                “ ก็ฉันอยากเดินเบียดกับนายนี่นา เห็นใจกันบ้างสิ

                ผมก็อยากให้เขาเห็นใจผมเหมือนกันนะ เขาตัวโตจะตายแต่กลับเอาแต่เบียดๆ ผมทำอะไรไม่สะดวกเพราะแขนยาวที่เดี๋ยวก็โอบคอ เดี๋ยวกอดไหล่ เดี๋ยวเลื่อนมากอดเอว

                เรากลายเป็นเป้าสายตาเมื่อเดินเข้าเขตรั้วโรงเรียน เด็กผู้หญิงบางกลุ่มมองมาที่เราแล้วพากันหัวเราะคิกคัก ผมก็คิดว่าสิ่งที่เราทำอยู่มันค่อนข้างจะแปลก...แต่ผมก็ชินชากับมันไปแล้ว ชานยอลดูภูมิใจสุดๆ ตอนที่ทุกคนสังเกตว่าเราสองคนใช้ของเหมือนกันเด๊ะตั้งแต่หัวจรดเท้า

                เขามองนายแน่ะ

                “ ไม่ เขาพวกฉันกับนายต่างหาก ไหนโบกมือให้แฟนคลับเราหน่อย

                “ น่าอายจะตายไปแบบนั้นน่ะ!

                “ จะทำไม่ทำ

                แก้มผมถูกจับดึงจนแทบจะยืดได้ ชานยอลไม่ออมแรงให้ผมเลยสักนิดแถมเขายังดูชอบใจม๊ากมากที่ดึงแก้มผมจนแดงเป็นปื้น ผมจำใจหันไปยิ้มและโบกมือให้แฟนคลับ(?)ของพวกเราก่อนจะมีเสียงกรี๊ดตามมาเป็นระลอก ชานยอลจับหัวผมหันกลับไปหาเขาแล้วลูบหัวผมเบาๆ

                แบคฮยอนเด็กดี

                ชานยอลใช้สายตาหวานเชื่อมแบบนั้นมองผมอีกแล้ว...ไม่รู้ว่าเขาจะรู้ตัวมั้ย? ถึงผมจะแกล้งขยี้หัวเขากลับแต่เขาก็ยังไม่เลิกมองผมด้วยสายตาแบบนั้นซะที

                เลิกจ้องฉันสักทีเถอะน่า

                “ มองหน้านายแล้วฉันอยากจะวิ่งไปซื้อของใช้คัพเพิ้ลมาซะเดี๋ยวนี้เลย

                “ หยุดพูดไปเลย! ”

                ไม่รู้สินะ การทำแบบนี้มันทำให้ผมกับชานยอลต่างไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนสักที แต่ผมก็ไม่ได้ซีเรียสเรื่องนั้นมากมายนักหรอก ตราบใดที่ผมกับชานยอลยังมีความสุขดี ผมไม่ค่อยชอบอะไรแบบนี้สักเท่าไหร่ แต่พอชานยอลทำให้บ่อยๆ เข้าผมก็ตระหนักได้ว่า ผมเองก็คลั่งของใช้คัพเพิ้ลมากเอาการ

















             

                “ นั่นอะไร? ร่มงั้นเหรอ? คัพเพิ้ลด้วยเหรอ?

                จงแดเป็นคนแรกที่สังเกตไอเทมคัพเพิ้ลอันใหม่ของผมกับชานยอลแล้วยังแกล้งถามเสียงดังลั่นไปทั่วห้องเรียนอีกต่างหาก ผมชกแขนจงแดไปหนึ่งที ปล่อยให้ชานยอลดึงกระเป๋าผมไปเก็บไว้ที่โต๊ะให้

                คัพเพิ้ลอีกและ! ”

                “ เงียบน่า! ”

                “ เขินไง๊?

                “ เขินบ้าเขินบออะไรล่ะ เดี๋ยวปั๊ด! ”

                ก่อนที่ผมจะทันได้เงื้อมือตบหัวจงแดจริงๆ จังๆ ชานยอลก็ร้องเรียกผมมาจากอีกฝากของห้องเรียน เขานั่งกวักมือไขว่ห้างเท่ซะไม่มีก่อนจะตบเก้าอี้ประจำของผมปุๆ

                แบคฮยอนมานี่

                อ่า...จริงๆ เลยนะ ชานยอลชอบทำเหมือนผมเป็นหมาประจำ

                แบคฮยอนแฟนเรียกแน่ะ! ”

                “ เออๆ จะไปแล้วล่ะน่า

                “ มาเร็วๆ

                ผมนอนฟุบลงกับโต๊ะที่เต็มไปด้วยรอยขีดเขียน(ฝีมือชานยอล) ชานยอลใส่หูฟังข้างหนึ่งให้ผมแล้วเขาก็เปิดเพลงฮิตของ Auburn ที่ทำนองสดใสและเนื้อหาน่ารักเป็นบ้า ชานยอลชอบเพลงแนวฮิปฮอปแต่ผมจำได้ว่ามันเป็นเพลงโปรดเพลงนึงของเขาเลย เขาบอกว่ามันทำให้เขานึกถึงสิ่งดีๆ ระหว่างเรา

     

    Don't know if I could ever be

    Without you 'cause boy you complete me

    And in time I know that we'll both see

    That we're all we need

     

     

                    จะนอน ห้ามกวนนะ

                “ อือ นอนไปดิ

                ผมชอบสัมผัสฝ่ามือของชานยอลนะ มันอบอุ่นและนุ่มนวล ผมหลับตาลงไปพร้อมกับฝ่ามือของเขาที่ลูบเบาๆ ตรงหัวสลับกับบางครั้งที่เขาเปลี่ยนมาม้วนผมของผมเล่น ผมคิดว่าบางทีเขาก็นั่งเบียดผมมากเกินไปทั้งที่โต๊ะเราก็ติดกันเหมือนกับคนอื่นแต่ไม่มีใครเบียดกันสักคน ชานยอลเอนมาพิงตัวผมขณะที่เขากดเร่งเสียงเพลงของ Auburn ให้ดังพอจะตัดเสียงรอบข้างได้

                นอนด้วยคนดิ นั่งคนเดียวมันเหงาจะตาย

                “ อือ นอนๆ ไปเลยป่ะ

                เขาเอาหัวมาซุกระหว่างคอกับหัวไหล่ของผม หายใจเป็นจังหวะสม่ำเสมอและนิ่งไปเลย ผมเห็นอย่างนั้นเลยจะนอนหลับกับเขาบ้าง ชานยอลจับมือผมไว้แน่นทั้งที่ตาเขาปิดอยู่ เขาสอดมือของเราเข้าไปในใต้โต๊ะของผม นั่นล่ะ...ผมถึงรู้ว่าควรจะงีบได้สักที


    Cause you’re the one for me

    And I'm the one for you

    You take the both of us

    And we're the perfect two

     

    Baby me and you

    We're the perfect two

                




































                ในเช้าวันหยุดที่อากาศแสนสบายเพราะฝนตกตลอดทั้งเช้าเสียงเคาะประตูดังขึ้น เคาะเป็นจังหวะเหมือนในก่อนจะเริ่มเพลง Do you wanna build a snow man? ไม่ต้องเดาก็รู้เลยใครมาในตอนเช้าแบบนี้ ผมยังคงนอนเหยียดยาวดูหนังที่โซฟา ได้ยินเสียงแม่ตะโกนขึ้นมาว่า ชานยอลที่รักของแม่! มาจุ๊บทีสิจ้ะ! ’ พร้อมกับเสียงหัวเราะคิกคักผมก็ยังคงนอนนิ่งอยู่ที่เดิม

                แบคฮยอน! ชานยอลมาหาแน่ะ! ”

                “ รู้แล้วคร้าบบบบ

                มือเย็นๆ ที่จับหมับเข้าที่คอของผมทำให้คนจำพวกบ้าจี้ต้องหดคอหนี ชานยอลหัวเราะเสียงดังลั่นแล้วเขาก็ปีนป่ายโซฟาขึ้นมาทับผม เราต่อสู้กันสักพักจนเหนื่อยทั้งคู่ชานยอลถึงได้ขยับกลับไปนั่งดีๆ เขาดูดีเหมือนเดิมในเสื้อยืดสีขาวที่เป็นคัพเพิ้ลคู่กับเสื้อยืดสีดำของผม เราไม่ได้นัดกันใส่หรอก

     

                ตู้เสื้อผ้าของผมจะมีเสื้อคู่กับชานยอลอย่างน้อย 70 เปอร์เซ็นต์

     
     

                วันนี้ว่างมาก

                “ แล้วไงอ่ะ?

                “ ฉันก็จะมาอยู่เล่นกับนายทั้งวันเลยน่ะสิ

                ผมร้องเหอะออกมาทันทีที่เขาพูดจบ ชานยอลพูดเหมือนกับว่าอาทิตย์นึงเราได้เจอกันแค่สองสามวัน นั่นมันตรงข้ามเลยต่างหากล่ะ ผมกับเขาตัวติดกันเหมือนหมากฝรั่งเคี้ยวหนึบตั้งแต่วันจันทร์จนถึงวันอาทิตย์แล้วก็วกไปวันจันทร์อีกที

                ไปเอาขนมบ้านนายมา ห้ามมาอยู่เล่นบ้านคนอื่นฟรีๆ เข้าใจ๊?

                “ จะกินก็ไปเอาด้วยกัน

                “ บ้าป่ะ เดินกลับไปไม่กี่ก้าวก็ถึงแล้วจะให้ไปส่งทำไม

                “ ไปคนเดียวก็ได้ขนมไม่กี่ถุงแหละ

                ด้วยความหิวโหยผมเลยต้องกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปเอาขนมที่บ้านชานยอลจนได้ บ้านเขาน่ะมีขนมยัดเต็มไปหมดจนชานยอลต้องหอบมาแบ่งผมกินประจำ ฝนตกปรอยๆ พื้นเลยค่อนข้างจะลื่น ชานยอลบอกให้เราจับมือกันเอาไว้เผื่อว่าเวลาล้มจะได้ล้มกันสองคนไปเลย

     

                เขาบอกว่าเป็นวิถีของ Perfect Two

              ซึ่งผมก็ตามใจเขาแหละ

     
     

                กินอะไรก่อนดี?

                “ มาการองสิมาการอง! ”

                “ เอาสีอะไร?

                “ สีอะไรก็ได้

                ชานยอลหยิบมาการองหลากหลายสีที่วางเรียงบนจานสวยงามส่งเข้าปากผมหนึ่งชิ้นจากนั้นพอผมเริ่มเคี้ยวเขาก็เช็ดมุมปากให้ด้วย เรานั่งจ้องหน้าจอทีวีแทบไม่กระพริบตาเพราะเข้าถึงจุดพีคของเรื่องแล้ว แต่ชานยอลก็สะกิดตรงเอวผม เขาจ้องจอทีวีไม่ได้มองผมแม้แต่น้อย

                หยิบขนมให้ชิ้นนึง

                ผมหยิบช็อกโกแลตใส่ปากเขาหนึ่งชิ้น พอจะชักมือกลับก็ไม่ได้...เหมือนว่าใจผมจะกระตุกอย่างแรงตอนที่ชานยอลงับนิ้วผมเอาไว้ เขาขบเบาๆ เหมือนจะแกล้งแล้วก็อมยิ้ม ถึงอย่างนั้นตาเขาก็จ้องที่จอทีวีอยู่ดี ผมเผลอจ้องเขาตาไม่กระพริบตอนที่เขาจูบนิ้วของผมแผ่วเบา

                แบคฮยอนเด็กดี


                แล้วเขาก็...มองผมด้วยดวงตาหวานเชื่อมอีกแล้ว

     
     

                จากเช้าเลยไปถึงช่วงสายผมยังคงนั่งๆ นอนๆ บนโซฟาดูทีวีกับชานยอล ตอนนี้ผมกินอิ่มและพร้อมกับนอนหลับได้ทุกเมื่อเลยล่ะ ดวงตาผมเริ่มปรือ หาวเป็นครั้งคราวแต่ก็บ่อยจนชานยอลสังเกตได้ ต้องขอบคุณอกอุ่นๆ ของชานยอลที่เขาเต็มใจให้ผมหนุนอ่ะนะ มันสบายยิ่งกว่าหมอนซะอีก

                ชานยอลม้วนผมผมเล่นไปพลางๆ ระหว่างจดจ่อกับหนังเรื่องที่สองของวัน เขาหัวเราะกับมันเป็นบางครั้งต่างกับผมที่หมดความสนใจใดๆ ไปแล้วเพราะความง่วง มือข้างที่ว่างชานยอลก็ใช้มันลูบหลังผมกล่อมนอน อากาศติดจะเย็นชื้นแต่มือเขาอุ่นม๊ากมาก

     

                ผมยิ้มออกมา

              จริงๆ ผมก็ชอบคัพเพิ้ลเหมือนกันนะ

              วิถี Perfect Two ของชานยอลเป็นอะไรที่ดีสุดๆ ไปเลย

     
     






























     

                “ ทำไมใส่ไม่ได้อ่ะ! ”

                “ ไม่ๆ นายใส่ผิดแล้ว

                “ เรากลับไปใช้ร่มแบบเดิมดีมั้ย?

                “ ไม่ เพราะเราเป็นคู่คัพเพิ้ลที่เจ๋งที่สุด

                เขายังคงตอบแบบเดิม ผมกลอกตาไปมาพร้อมกับโวยวายเป็นระยะเมื่อเจ้าเสื้อกันฝนคัพเพิ้ลสีเหลืองสดใสที่ชานยอลเพิ่งไปซื้อมานี่ใส่ยากเย็นเหลือเกิน เขาจับผมใส่เสื้อกันฝนเป็นเด็กๆ เพราะตัวเขาเองไม่มีปัญหาอะไรในการใส่มันเหมือนผม ชานยอลดูตลกและน่ารักดีเวลาใส่เสื้อกันฝนสีเหลือง

                เห็นมั้ย...เราเหมือนกันเปี๊ยบเลย

                เขาฉีกยิ้มกว้างได้แบบว่า...เจิดจ้ามาก เหมือนดวงอาทิตย์ในวันที่ฝนตกทั้งวันแบบนี้ คุณนายปาร์คและแม่ของผมชอบใจใหญ่เลยตอนเห็นพวกเราในเสื้อกันฝนสีเหลือง เป็นอีกวันที่ผมกับชานยอลเป็นคัพเพิ้ล เป็น Perfect Two ของกันและกัน

                ระหว่างทางเดินไปเรียนผมร้องเพลง Singing in the rain และกระโดดโลดเต้นไปพร้อมกับชานยอล เขาพยายามทำให้ตัวเองดูตลกแล้วผมก็ขำจนปวดท้องไปหมด เวลาสิบกว่านาทีก่อนถึงรั้วโรงเรียนเลยเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในโลกกกก

                แบคฮยอน! ”

                ชานยอลวิ่งนำหน้าออกไป เขาหันกลับมามองผมแล้วก็ตะโกนเรียก

                ชอบนะ! ”

                “ ไอ้บ้า! ”

                ผมป้องปากตะโกนกลับไปทันที ชานยอลหัวเราะเบาๆ เขายังไม่ยอมหยุดส่งจูบมาให้ผมสักที เหมือนว่าเขาจะไม่ยอมหยุดส่งจูบจนกว่าผมจะยอมแพ้มั้ง?

     

                เออ...ยอมแพ้ก็ได้

               

                “ เออ

                นี่ก็ชอบเหมือนกัน! ”

     

                ทุกครั้งที่มองตาชานยอลผมมักจะนึกย้อนไปถึงตอนที่ยังอยู่ประถม ตอนที่เราเล่นซ่อนแอบกับเด็กคนอื่นๆ เพราะความเป็นคัพเพิ้ล(อีกนั่นแหละ)ผมกับเขาเลยหนีไปซ่อนที่เดียวกัน เป็นตู้ไม้แคบๆ ที่พอดีตัวเราสองคนเป๊ะ ...เราแค่หันหน้ามาชนกันในเสี้ยววินาทีนึง

               

                จากเสี้ยววินาทีมาเป็นนาที...เพิ่มไปอีกสิบนาที...ยี่สิบนาที

              ริมฝีปากของเราในวัยประถมแตะกันแผ่วเบา

     
     

              นั่นถือเป็นจูบแรกรึเปล่านะ?

     
     

                ถ้าไม่ได้ยินเสียงคนเดินมาใกล้ซะก่อนผมกับชานยอลอาจจะจุ๊บกันนานเกินกว่านั้นเพราะเขาไม่ยอมถอนหน้าออกไปสักที เรายังคงเดินจับมือกันตามปกติ ยังยิ้มและหัวเราะให้กัน แต่เราก็รู้ดีว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น อย่างเช่น...สายตาชานยอลที่มองผมมันแปลกออกไป รอยยิ้มของเขา การกระทำ สัมผัสแตะตรงนั้นไล้ตรงนี้ คำพูดกำกวมของเขา

     
     

                ทุกอย่างที่อ่อนหวานและลึกซึ้งขึ้น

              ...ผมเองก็เหมือนกัน

     
     

                จับมือฉันนี่แบคฮยอน

                “ รู้แล้วล่ะน่า

                เราจับมือกันวิ่งไปตามถนนเปียกๆ ผ่านผู้คนที่เร่งรีบและร้านต่างๆ มากมาย นิ้วโป้งของชานยอลไล้ไปมาตรงนิ้วของผมก่อนที่เขาจะหันมาพูดประโยคที่ทำเอาผมสตั้นท์ไปชั่วขณะ

                นิ้วโล่งไปนะแบคฮยอน...

                เขายิ้มแบบว่าที่สามารถควักใจผมไปเป็นของตัวเองได้ทั้งดวง

                ไว้เดี๋ยวเราใส่แหวนคัพเพิ้ลด้วยกันดีกว่าเนอะ

                “ ดีมั้ย?

               

                นี่มันเป็นวิธีขอคบแบบปาร์คชานยอลรึไงกันนะ...แปลกชะมัด

     




     

                อือ ก็ดีเหมือนกันนะ

                ผมก็ยังไม่ปฏิเสธเขาไปอีกด้วย J




     

     

     






                                  

    สำหรับเราที่เป็นชานแบคชิปเปอร์และแทนี่ชิปเปอร์ (ล็อคสมิธน่ะนะ)
    ชานแบคไม่เคยเป็น Almost Lover เลยสำหรับเรา
    แทนี่ไม่เคยเป็น Almost is never enough เลยสำหรับเรา

    ระหว่างพวกเขาสองคู่เราเชื่อ(ของเรา)ว่ามันพิเศษและลึกซึ้งกว่านั้นมาก แบบมากๆ
    ไม่อยากให้ซีเรียสนะ เรามาเสพความสุขกันจะดีกว่า *ยีฟัน*



    #วันช็อตใสๆ สไตล์มนุษย์ชอบหน้าฝน





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×