สวัสดีค่ะทุกๆคน ก่อนอื่นบอกก่อนเลยว่า ไอซ์รู้สึกดีใจและแปลกใจเล็กๆที่กลับมาเขียนบล็อกนี้อีกครั้ง ดีใจที่ได้มาเจอน้องๆค่ะ แต่แปลกใจที่คราวนี้ไม่ใช่ในฐานะกัปตันไอซ์ เด็ก ม.6 ที่สอบเข้าอักษรแล้ว ตอนนี้เป็นนิสิตแล้วค่ะ จบปี 1 แล้วด้วย ก็ตามที่สัญญากับน้องๆไว้ว่า จะมาเขียนบล็อกเล่าถึงชีวิต 1 ปี ในรั้วอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง ตอนแรกๆยอมรับค่ะ ว่าเกร็งนิดๆว่าสังคมจะเป็นยังไง เรียนยากไหม แต่รู้ตัวอีกที จบปีหนึ่งแล้ว จะมีรุ่นน้องแล้ว เวลาผ่านไปไวมากเลยค่ะ
เฟรชชี่น้องใหม่จุฬา มีกิจกรรมอะไรที่น่าโดนบ้าง?
CU First Date : ตอนมาที่งานนี้ รู้สึกตื่นเต้นมากๆ ทุกคนใส่เสื้อสีชมพู และพอเห็นซุ้มคณะอักษร โอโห ยอมรับตอนเจอรุ่นพี่ อึ้งเล็กๆค่ะ มาในธีม Arts Amazon อลังการมาก ในงานสนุกมากๆเลยค่ะ มีสันทนาการ Ice Breaking พี่ๆต้อนรับอบอุ่นมาก เป็นครั้งแรกที่มาเจอเพื่อนๆ หลังจากวันสัมภาษณ์ ก็มีเพื่อนหลายๆคนทั้งในคณะและต่างคณะมาทักทายเรา พอจบงาน รู้สึกว่า First Impression ดีมากๆค่ะ อย่างน้อยเข้ามาเรียนก็ไม่ตายแน่ๆ มีเพื่อนแล้ว 55
แรกพบคณะ : แรกพบอักษร เป็น 1 วันที่มาแล้วรู้สึกไม่เสียดายเวลาเลย รู้จักคณะอักษรมากขึ้นจริงๆ มีกิจกรรมอันนึงเด็ดบอก แต่บอกไม่ได้นะ มีแค่เด็กอักษรรุ่นไอซ์ที่รู้ และก็ได้ดูสัมภาษณ์รุ่นพี่ศิษย์เก่าด้วย ปีของไอซ์ รุ่นพี่ที่มาคือ พี่ไบร์ท เรื่องเล่าเช้านี้ และพี่เต๋อ นวพลค่ะ เป็นคนในวงการข่าวและภาพยนตร์ที่ชอบพอดีเลยเก็บข้อมูลมาอย่างเต็มที่ค่ะ
รับน้องคณะ : รับน้องอักษร 3 วัน รู้สึกว่า คุณหนูดีนะ รุ่นพี่ดูแลดีมากๆเลย ทั้งอาหาร น้ำ เทคแคร์เต็มที่ เต้นกันยับมากค่ะ กิจกรรมฐานก็สนุก นี่ก็คิดแล้วนะว่า จะไม่เลอะไม่เปียก แต่ก็ไม่รอดค่ะ เปียกกันชุ่มฉ่ำ ได้แผลมาด้วย เพราะเล่นเกมเยอะ ซ่าไปหน่อย ไปเล่าให้ใครฟัง ใครก็บอกว่า รับน้องอักษรน่าสนุก แต่ไม่โอเคตรงขึ้นลงบันได 9 ชั้นบ่อย อื้อหือ กล้ามขึ้นน่องไปสักระยะนึงเลย 555
รับน้องก้าวใหม่ : มีบ้านให้เลือกเยอะมาก ไม่หวั่นไม่ไหว แต่สุดท้าย ไอซ์ก็เลือก “บ้านคุ้ม” ค่ะ คนมักเรียกบ่อยๆว่า “บ้านคุ้มเต็มซวย” อย่าผวนนะคะ 55 บ้านนี้ดีจริงค่ะ คือจ่ายค่าบ้านไป ผลออกมาว่าได้บ้านคุ้ม เพื่อนๆถามตลอดว่า แน่ใจเหรอมาบ้านนี้ พอถึงวันจริง ตอนแรกเดินเข้ามาถึงเขตบ้าน ยอมรับว่าเกือบจะเดินกลับแล้ว กลัวมาก พี่ๆมาในธีม Olympus ค่ะ ปังสุด แต่พอเข้ามาแล้ว ไม่มีอะไรน่ากลัวเลยนี่นา เราโอเคกับมัน แค่ชุดที่พี่ๆแต่งกันมาก็เกินคุ้มแล้วค่ะ พี่ๆแต่งตัวอลังมาก เสียงเพลงนี่เต็มที่เช้าจรดเย็น ไปที่ไหนก็เด่นค่ะ 555 แต่ว่าก็ยังมีอีกหลายบ้านให้น้องๆเลือกตามความชอบน้า ลองดู ทุกบ้านได้เพื่อนกลับไปแน่นอนค่ะ
Freshy Game : กิจกรรมกีฬาสำหรับน้องใหม่ รู้สึกชอบกิจกรรมนี้นะ เพราะทำให้ได้เพื่อนกลุ่มปัจจุบันเลยก็ว่าได้ค่ะ ลงเล่นบาสเก็ตบอลไป แต่ว่าซ่าค่ะ เอ็นเข่าอักเสบ เลยงดเล่นยาว แต่บอกได้เลยว่า กีฬามีให้เล่นเยอะมาก ตั้งแต่ บาส บอล แบต ยิงปืน ยันลีลาศ ระบำใต้น้ำ กันเลยทีเดียว
One Arts : เป็นงานเด็กอักษร-ศิลป์ จาก 4 มหาวิทยาลัย ก็คือ จุฬา มหิดล ธรรมศาสตร์ ศิลปากรค่ะ เป็นเด็กปี 1 มาร่วมทำกิจกรรมกัน เป็นวันที่เต้นกันกะเอาห้องพังเลยทีเดียว 555 สนุกมากๆค่ะ น้องๆคนไหนอยู่ใน 4 ม.นี้ อย่าลืมมาจอยงานนี้กันน้า ไม่ควรพลาด
จริงๆมีกิจกรรมเยอะกว่านี้อีกนะคะ อย่างเช่น พิธีถวายสัตย์ ค่ายอาสาต่างๆ หรือว่าจะเป็น Inter Game หรือกิจกรรมของคณะนั้นๆเอง นี่ก็เป็นตัวอย่างที่ไอซ์หยิบยกมาเล่าให้น้องๆได้อ่านกันค่ะ
สังคมมหาวิทยาลัยเป็นอย่างไรบ้าง อยู่ยากจริงไหม?
ทุกๆคนจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงในชีวิตค่ะ เข้ามาในมหาวิทยาลัย เราก็ต้องเจอเพื่อนใหม่ สังคมใหม่ เราต้องรู้จักการปรับตัว พอเราปรับตัวได้ มันก็ไม่มีอะไรน่ากลัวอย่างที่เราคิด เพื่อนๆที่มหาวิทยาลัยน่ารักมาก สังคมดีค่ะ การกินการอยู่นี่ อิ่มหนำสำราญ ที่คณะของกินเยอะมาก ไม่อ้วนให้รู้ไป 555 อย่างเพื่อนไอซ์บางคนนี่ ความฝันของเขาคือ Chula cute boy 555 เขาก็จะแฮปปี้มาก ได้ดูหนุ่มๆ แรงบันดาลใจเล็กๆ 55 แต่เพื่อนไอซ์อยู่คณะอื่นไงค่ะ ที่ผู้ชายเยอะ คณะอักษรผู้ชายเยอะไหม คือจริงๆมันก็มีนะคะ แต่แค่เทียบกับผู้หญิงในคณะแล้ว มีน้อยมากแค่นั้นเอง 555 แต่ไอซ์เชื่อว่าการเรียนด้วยกัน ทำกิจกรรมร่วมกัน จะทำให้เราสนุกกับการใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยค่ะ
“ทุกอย่างเป็นเรื่องสนุกได้ เพียงแค่เราต้องเปิดใจเยอะๆนะ :D”
อักษรปีหนึ่ง ต้องเรียนอะไรบ้าง?
ปีหนึ่งของอักษร จะเรียนวิชาบังคับ 6 ตัวค่ะ เราก็จะเหลือหน่วยกิตลงได้อีกประมาณ 1 ตัว ส่วนใหญ่จะลงวิชาเข้าเอกกันค่ะ ก็พวกภาษาที่สามแหละค่ะ หรือจะเก็บวิชาอื่นๆที่เราสนใจก่อนก็ได้ค่ะ
- วิชาของเทอมแรก : อารยธรรมตะวันตก, ภาษาอังกฤษ 1, การใช้ภาษาไทย, การค้นคว้าและการเขียนรายงาน, ปริทัศน์การละคร และการใช้เหตุผล
- วิชาของเทอมสอง : อารยธรรมตะวันตก, ภาษาอังกฤษ 2, การแปลขั้นต้น, วรรณคดีไทย, ภาษาทัศนา และ ปรัชญาทั่วไป หรือ มนุษย์กับศาสนา ค่ะ
จะสังเกตได้ว่า เราไม่ได้เรียนแต่ภาษา คณะนี้มีทั้งวิชาภาคประวัติศาสตร์ สารนิเทศ ปรัชญา การละคร ด้วย ว่าง่ายๆ เราจะต้องเรียนพื้นฐานของทุกภาคนั้นเองค่ะ
ภาษาอังกฤษ ที่คณะอักษรยากไหม?
- เอาตรงๆก็ตอบเลยว่า ยาก 555 ไม่รู้ว่าคิดไปคนเดียวหรือเปล่า อาจจะเป็นเพราะคณะนี้เรียนภาษาอังกฤษไม่เหมือนคณะอื่น (คณะอื่นจะเรียน Exp Eng ค่ะ) การเรียน อาจารย์จะพูดอังกฤษตลอดค่ะ (วิชาอื่นพูดไทยหมดจ้า) มีสอบเยอะมาก มีหนังสือนอกเวลาให้อ่านเทอมละเล่ม และก็จะมีตอนปิดเทอมด้วย มี Student Project ให้ทำ แต่ว่าไอซ์แฮปปี้กับการเรียนภาษาอังกฤษนะ เทอม 2 สนุกมาก อาจารย์น่ารัก ไม่เน้นเรียนเอาเกรด ทำคะแนนดีๆโหดๆไม่ได้มาก ก็เล่นเอาคะแนนพฤติกรรม Holistic เข้าสู้ค่ะ ไอซ์มีทีมโฮลิสติกด้วยนะคะกับเพื่อน สร้างเสียงหัวเราะไปวันๆ ร่วมกิจกรรมในห้องให้เต็มที่ค่ะ
มีวิชาไหนที่เป็นไม้เด็ด ยากสุดๆ ไหม และมีวิชาไหนที่ชอบบ้าง
- แล้วแต่ความชอบของคนเรียนเลยนะ แต่ส่วนตัว อารยธรรมยากค่ะ 55 มันเยอะมาก น้ำตาจะไหล ไม่รู้เป็นอะไร สอบวิชานี้ทีไร เข้าไปตอบข้อสอบปุ๊บ ออกจากห้องมาลืมที่ท่องหมดปั๊บ และอีกวิชาที่ตัวเองรู้สึกต้องสู้ยกใหญ่คือ มนุษย์กับศาสนาค่ะ ง่วงมาก 555 ถ้าที่ชอบเลยคือ ปริทัศน์การละครค่ะ มีให้ดูหนัง ดูละครเวทีของคณะด้วย ชอบงานให้เขียนวิจารณ์หนังและละครมาก ได้ A เลยค่ะ สนุกกับการทำงานส่งวิชานี้และก็จะมีวิชา การแปลเบื้องต้นค่ะที่ชอบ เป็นวิชาที่ได้ประโยชน์จริงๆ การแปลมีหลากหลายแบบที่จะทำให้ทุกคนเข้าใจ คะแนนไม่ดีมาก แต่ก็มีความสุขตอนเรียนค่ะ
เวลาเรียน และการเตรียมตัวสอบ ต่างจากมัธยมไหม?
เอาจริงๆมันก็เปลี่ยนนะคะ การเข้าเรียนก็คงจะไม่เหมือนม.ปลายแล้ว ที่มีเช็กชื่อ หรือมีการบ้านที่ต้องตามส่งทุกๆสัปดาห์ ข้อดีของการเรียนมหาวิทยาลัยคือ “แต่ละวิชาจะมี Course Syllabus บอกรายละเอียดการเก็บคะแนนไว้ค่ะ” คือเราสามารถศึกษาได้ จะได้ปฏิบัติถูกว่า ต้องส่งงานอะไรยังไง ขาดได้ไหม แล้วเรียนอะไรบ้าง สอบเมื่อไหร่ คือจะมีระบุไว้หมดเลย การเก็บคะแนน บางวิชา สอบ 100% เลยค่ะ ไม่มีส่งงาน เช่นวิชาอารยธรรม บางวิชาก็จะคะแนนยิบย่อยเยอะมาก อย่างภาษาอังกฤษ สอบย่อยเยอะมาก มี Pop Quiz ด้วยค่ะ แบบไว้ดักคนโดดเรียน เพราะคาบที่น้องโดด อาจจะมีสอบในคาบนั้นก็ได้
รูปแบบการทำข้อสอบก็ไม่เหมือนตอนมัธยมแล้วที่มีช้อยให้เรา นี่มีแต่เขียนค่ะ เขียนจริงๆ ซึ้งมากเลย หมึกปากกาหมดก็สามารถเกิดขึ้นได้ค่ะ บางวิชาเช่น ปรัชญา ให้เป็นสมุดมาเขียนตอบเลยค่ะ ประวัติที่ตัวเองเขียนเยอะสุดคงจะเป็นวิชา วรรณคดีไทย 9 หน้า A4 เน้นๆค่ะ แรกๆกดดันค่ะ กลัว ยิ่งตอนจะสอบมิดเทอมครั้งแรก รู้สึกกลัวๆ เพราะเราเองไม่เคยเจอการเขียนตอบทีละเยอะๆ กังวลว่ามันจะไม่ทัน (คือมันก็จะมีคณะเราที่เขียนกระหน่ำเหลือเกิน)
พอสอบครั้งแรกผ่านไป เราเริ่มจะรู้ทางแล้วว่า ครั้งต่อไปเราควรทำอย่างไร การเตรียมตัวสอบ นี่เป็นคนจดเลกเชอร์ไม่ทัน และจะไม่จดต่อค่ะ ซึ่งพยายามแก้อยู่ 5555 แต่จะพยายามกลับมาจดไว้ว่า “วีคนี้เรียนอะไร เนื้อหาสำคัญคืออะไร แล้วเราต้องตามให้ทันค่ะ” อีกอย่างนะคือ สามารถอ่านชีทจากพี่รหัสได้ด้วย มีเยอะมากเลย ตั้งแต่รุ่นพี่บัณฑิตสะสมมาเรื่อยๆ เลย แล้วเพื่อนๆก็จะช่วยกันติวด้วย เอาให้รอดไปด้วยกันค่ะ J
พูดถึงเรื่อง เอก-โท ในอักษรจุฬากันหน่อย
ตอนนี้ไอซ์เลือกวิชาเอกโทไปแล้วค่ะ ยอมรับว่า อิ่มตัวกับฝรั่งเศสแล้ว บรรยากาศกดดันค่ะ เราไม่รับรู้อะไรได้อีกแล้ว 55 และก็ค่อนข้างสับสนอยู่ระยะหนึ่งเหมือนกันว่า เราจะเรียนภาษาเป็นเอกอยู่ไหม หรือเรียนสารนิเทศดี ส่วนเอกอิ้ง ตัดเลยค่ะ เพราะเรามาดูเนื้อหาที่เรียนแล้ว ค่อนข้างเป็นวรรณคดีส่วนใหญ่ที่ไม่ชอบเท่าไร แต่ว่าตอนนี้ได้คำตอบแล้วค่ะ ว่าจะเรียน
“เอกภาษาสเปน โทบรรณาธิการศึกษา”
ดูแปลกๆไหมคะ ว่าทำไมถึงเลือกแบบนี้ ไอซ์อยากเรียนโทบ.ก.มากๆ ได้ทำงานหนังสือจริงๆ บวกกับคิดว่า อุตส่าห์สอบติดทั้งที จบมาต้องได้ภาษาอะไรสักอย่างออกไป อีกอย่างบรรยากาศการเรียนสเปนนั้นก็อบอุ่นมากๆเลย และเราแฮปปี้กับการเรียนสายแปลมากๆ เลยเป็นเหตุผลที่เลือกแบบนี้ค่ะ
ที่คณะนี้ เลือกเอกตอนขึ้นปี 2 ค่ะ แต่จริงๆก็แอบมีเลือกกลายๆอยู่ตอนปี 1 แล้วค่ะ เพราะว่าต้องมีการลงเรียนวิชาเข้าเอกด้วย เช่นพวก เอกภาษาที่ 3 ก็คือเรียนทำเกรดให้ได้ตามเกณฑ์ที่กำหนดค่ะ จะมีบางเอกที่ไม่กำหนดการเข้าค่ะ เช่น ประวัติศาสตร์ ปรัชญา ภาษาไทย ค่ะ ถ้าเอกที่มีการแข่งขันสูง ก็คงยกให้เอกอังกฤษ เพราะว่า ตอนเทอม 2 นั้นจะค่อนข้างหนัก เพราะว่าต้องเรียนวิชาบังคับ ภาษาอังกฤษ 2 และ การแปลเบื้องต้น ให้ได้ B ขึ้นไป ถึงจะเข้าเอกได้ค่ะ
แต่ที่ปลื้มมากๆเลยคือ ที่คณะมีให้เรียนวิชา General Language ที่เขาเรียกกันว่า เจนแลงนั่นแหละค่ะ ก็คือเราสามารถลงเรียนภาษาอะไรก็ได้ที่เราสนใจ 4 ตัว แต่ว่า 1 ใน 4 นั้นต้องลงอังกฤษนะคะ ตอนนี้เล็งไว้เยอะเลยค่ะ ว่าอาจจะลงอิตาเลียน โปรตุเกสเพิ่มไว้ด้วย และก็จะมีวิชา General Education ใช่ละค่ะ มันคือ เจนเอด ค่ะ ไม่ได้เรียนแค่ภาษาให้โลกหมุนแน่นอน เรามีเรียนวิชาสายสังคมศาสตร์ มนุษย์ศาสตร์ สายวิทยาศาสตร์ สายสหศาสตร์ด้วย แต่ว่ามันไม่ได้ยากอย่างที่คิด ดูจากที่มีรายละเอียดวิชามา มีที่น่าสนใจหลายอันเลยค่ะ บางคนเก็บ A หมดเลยน้า และก็จะมีวิชาเสรีด้วย รู้สึกจะ 2 ตัว ก็คืออยากลงเรียนวิชาอะไรในจุฬาก็ลงได้เลยค่ะ
1 ปีของไอซ์ ทำอะไรมาบ้างนอกจากเรียนในคณะ?
จริงๆไอซ์ก็ไปแจมกิจกรรมบ้างยามว่างนะ ไปร่วมงานกองบรรณาธิการสีเทาของคณะ ช่วยงานลอยกระทงคณะ และมีอย่างหนึ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะได้ทำตั้งแต่อยู่ปีหนึ่ง และภูมิใจกับมันมากๆ คือ การได้เป็น “CU Rugby Girls รุ่นที่ 7” ค่ะ รักบี้เกิร์ลก็คือเป็นทูตกิจกรรมรักบี้ประเพณีของจุฬานะคะ หน้าที่ก็คือประชาสัมพันธ์งานรักบี้ต่างๆให้ทุกๆคนได้รู้จักกันมากขึ้น งานใหญ่ของพวกเราก็คือ งานรักบี้ประเพณีจุฬา-ธรรมศาสตร์นั่นเองค่ะ
(ภาพการ Workshop ค่ะ ต้องพูดฝรั่งเศสด้วย มั่วมาก 55)
ไอซ์ผ่านการ Workshop และสัมภาษณ์มาค่ะ ดีใจมากๆตอนที่รู้ว่าได้ทำงานนี้ ตื่นเต้น ไม่เคยทำงานอะไรสวยๆงามๆ 555 ได้เต้นเปิดงานรักบี้ด้วย ตื่นเต้นมากๆ งานรักบี้ประเพณีที่ผ่านมาบูมมาก ประสบความสำเร็จค่ะ ภูมิใจสุดๆ อีกทั้งการได้เป็นรักบี้เกิร์ล สอนให้ไอซ์ได้โตขึ้น มีประสบการณ์ ใช้ทักษะการพูดประชาสัมพันธ์ได้ดีขึ้น ตอนแรกยอมรับว่าเข้ามาในชมรมแล้วจะอึดอัด เพราะเราเด็กสุด มีแต่พี่ๆ แต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดีค่ะ ถือว่าเป็นประสบการณ์ดีๆที่พี่ๆหยิบยื่นให้ตั้งแต่เข้ารั้วจุฬามาเลยค่ะ
(มีป้ายไวนิลของตัวเองอยู่หน้าคณะด้วยค่ะ เหมือนกว่าตัวจริงอีก 55)
(ได้ไปออกสื่อ ASTV กับพี่ๆด้วยค่ะ :D)
งานอีกอย่างหนึ่งที่ไอซ์รู้สึกแฮปปี้มากๆก็คือ งาน Dek-D’s Admission on Stage นี่แหละค่ะ งานเมื่อเดือนตุลาคม ไอซ์ได้ขึ้นเวทีมาเล่าประสบการณ์การสอบให้น้องๆฟัง ส่วนอีกครั้งหนึ่งเป็นพี่บูธแนะแนว 4 อันดับให้น้องๆ สนุกมากเลย และรู้สึกยินดีทุกครั้งที่ได้มาเจอน้องๆนะคะ
แบ่งเวลาเรียน กับทำกิจกรรมทั้งหมดอย่างไร?
เข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ตารางเรียนอาจจะไม่ได้หลายๆวิชาอัดกันใน 1 วันแบบม.ปลาย ก็จะพอมีเวลาว่าง แต่เรียนทีติดกันหลายชั่วโมงเลย 2 วิชา แต่วิชาละ 3 ชั่วโมงยิงยาวแบบนี้ และเนื้อหาวิชาการสอบแต่ละครั้งนั้น พอๆกับการสอบเข้าซะอีก (ไม่ได้มากกว่านะคะ ย้ำ)
ไอซ์ว่ามันก็ไม่ได้จริง 100% นะที่คนเข้าบอกว่ามันง่ายที่สุด
เพราะเราผ่านจุดนั้นมาได้แล้วไงคะพออันใหม่มา
เรามองว่ามันยาก ดูทำไม่ได้แน่ๆ
สุดท้ายมันก็ทำได้ค่ะ ขอแค่ต้องกล้าเผชิญสิ่งใหม่ๆต่อนะคะ"
การแบ่งเวลานั้น ต้องใช้คำว่า ควรมีวินัยให้มากขึ้น อย่างที่ได้บอกไป เราต้องรู้ว่า วิชาไหนเนื้อหาอะไร เราต้องตามให้ทันอยู่เสมอ บ่อยครั้งที่ไอซ์ตามไม่ทันเลยค่ะ รู้ตัวอีกทีคือ มันเยอะมาก เช่น วิชาไม้เบื่อไม้เมาอย่างอารยธรรม หลังๆเราเลยต้องซุ่มอ่าน ก็คือจะใช้วิธีอ่านให้ไวขึ้นค่ะ จะได้ไม่ต้องไปดอง แต่ขนาดรีบแล้วก็ยังมีปัญหาเลยค่ะ เทอมที่ผ่านมา อ่านสเปนไม่ทัน ก็ต้องหอบหนังสือไปอ่านตอนขึ้นเครื่องบินไปขอนแก่นด้วย 5555 ว่าง่ายๆ ใช้เวลาที่ว่างอ่านนั่นเองค่ะ
ถ้าน้องๆเห็นใครอ่านหนังสือตามรถสาธารณะ เขาไม่ได้ฟิตนะคะ เขาอาจจะอ่านไม่ทันก็ได้ค่ะ 555 อย่างไอซ์ จะเป็นคนที่กิจกรรมถ้าได้ทำแล้ว จะทำหนัก อ่านก็จะอ่านหนักเลย ก็จะใช้วิธีสอบเข้ามหาวิทยาลัยนั่นแหละค่ะ ใกล้ๆสอบ เสาร์อาทิตย์ต้องได้สัก 2-3 ชั่วโมง วันธรรมดาพยายามจะหาเวลาอ่านก่อนนอนให้ได้ (ส่วนใหญ่อ่านสเปนก่อนนอนค่ะ เผื่อเข้าเอก)
(กองหนังสือ มสธ.ต่อเทอมค่ะ แต่บอกเลยนะ
ของอักษรเยอะกว่าค่าา มีตั้ง 7 วิชา)
ตอนนี้ก็เรียนป.ตรีควบอยู่ด้วยค่ะ"คณะนิเทศศาสาตร์ สาขาสื่อสิ่งพิมพ์ ม.สุโขทัยธรรมาธิราช" ก็จะเหนื่อยเพิ่มตรงที่ เราต้องเรียนเองอ่านเอง อาศัยจากสื่อการสอนที่ได้มา แต่โชคดีที่ตรงสอบคนละช่วงกับจุฬาค่ะ ต้องแบ่งเวลาให้เป็นพิเศษมากขึ้น และรอบคอบในการจัดตารางเรียนให้มากๆค่ะ ก็พยายามจัดให้จบภายใน 4 ปีให้ได้ค่ะ 55
ฝากถึงน้องๆที่กำลังเตรียมตัวสอบ
น้องๆคนไหน ที่ค้นหาตัวเองเจอแล้วว่าชอบสายไหน พี่ยินดีด้วยนะ เรามีเป้าหมายชัดเจนแล้ว พอเป้าหมายชัดเจน เส้นทางก็เริ่มมาแล้วเนอะ ส่วนใครที่ยังหาไม่เจอ พี่ก็จะแนะนำว่า ค่อยๆตัดช้อยส์ที่เราไม่ถนัด หรือไม่ชอบแน่ๆ ออกไป การเตรียมตัวสอบ และการแบ่งเวลานั้น พี่ขอแนะนำให้ไปดูที่สองบล็อกนี้นะคะ พี่ได้ตอบคำถามที่น้องๆน่าจะอยากรู้กันไว้หมดแล้ว
http://my.dek-d.com/icepphassorn/blog/?blog_id=10203800
การเดินทางสู่คณะภารกิจ อักษรจุฬา
http://my.dek-d.com/icepphassorn/blog/?blog_id=10204648
เทคนิคการเรียน แบ่งเวลา เก็บเกรด อยู่ในนี้ค่ะ
ส่วนน้องๆที่ยังเครียดๆว่า เราจะเริ่มอ่านหนังสือยังไงดี ตอบเลยนะคะ “ก็ไปเริ่มเปิดอ่านหนังสือจริงๆได้เลยค่ะ "จะตั้งใจทำอะไรสักอย่าง ตอนเริ่มยากสุดค่ะ” เพราะว่าการที่เรามาคิดว้าวุ่นว่า จะอ่านยังไงดีนะ มันก็จะมีแต่ความคิดนี้ซ้ำไปซ้ำมาค่ะ สู้เราเดินไปหยิบหนังสือสักเล่ม แล้วเปิดอ่านเลย ต้องได้ไม่มากก็น้อยละเนอะ ว่ามั้ย?
(น้องๆ 3 กัปตัน BAR6 แวะมาถ่ายรายการที่คณะด้วยจ้า)
“…. มีครั้งหนึ่ง ไอซ์เคยสอบได้คะแนนน้อยมากๆ น้อยจนคิดว่าน่าจะได้
min ชั้นปีค่ะ ตอนส่งข้อสอบ เราคิดว่า ยากมากๆ
แต่ก็น่าจะได้บ้างนะ พอเห็นคะแนน ยอมรับว่าช็อกเล็กๆเลยค่ะ
อาจารย์ไม่ทราบด้วยว่าเราได้เท่านี้ พอสุดท้ายอาจารย์รู้ เลยได้คุยกันค่ะ
อาจารย์ถามว่า ใช่เราเหรอ เครียดไหม แต่ไอซ์ก็ตอบไปว่า
“ไม่เครียดค่ะอาจารย์ สุดท้ายหนูก็ทำอะไรไม่ได้ คะแนนกินไม่ได้ มีแค่ต้องพยายามใหม่เท่านั้น” ….”
นี่แหละค่ะ "คาดหวังไว้สูง พอตกลงมามันเจ็บ แต่อย่าลืมว่า ตกลงมาเท่าไร เราก็ปีนขึ้นใหม่ได้ค่ะ" แต่การสอบเข้ามหาวิทยาลัยนั้น มันอาจจะไม่ได้มีโอกาสให้ปีนซ้ำๆบ่อยนัก จะขอให้เรามีความชัดเจน และความพยายามนะ "อย่ารอให้ผลลัพธ์ออกมา ทั้งๆที่เรายังไม่ได้ตั้งใจกับมันเลย" ทุกวันนี้ไอซ์ยังคิดเลยนะ ว่าทุกครั้งที่เราท้อ อ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง คะแนนน้อย แต่ไม่เคยมีความคิดที่จะซิ่วเลย เพราะเราตัดสินใจเลือกแล้ว ให้นึกถึงคนที่เหนื่อยกว่าเรา
"สิ่งที่พ่อแม่ขอจากเราอย่างเดียวก็คงเป็น
ทำหน้าที่การเรียนของเราให้ดีที่สุดค่ะ"
สุดท้ายนี้ ไอซ์ก็หวังว่าที่เล่ามาทั้งหมด จะช่วยให้น้องๆมีแรงบันดาลใจในการตั้งใจอ่านหนังสือสอบเข้าให้มากขึ้น หรือว่าจะเป็นการแนะแนวทางให้น้องๆที่เพิ่งเป็นเฟรชชี่ใหม่ๆ 1 ปีที่ผ่านมาในรั้วจุฬานี้ สอนอะไรไอซ์เยอะมาก เราได้เจอเพื่อนใหม่ สังคมใหม่ ประสบการณ์ใหม่ๆ ผ่านมาทั้งเรื่องดีและไม่ดีค่ะ แต่ที่แน่ๆ เราโตขึ้นแน่นอนค่ะ ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่ปีเดียวเท่านั้น ก็สอนเราได้เลยค่ะว่า เวลา 4 ปีในมหาวิทยาลัยสั้นจริงๆ มันก็ความรู้สึกเดียวกับตอนที่เราจบมัธยมมานั่นแหละค่ะ ใช้เวลาให้คุ้มนะคะ J
ติดตามกัปตันไอซ์ได้ตามช่องทางนี้เลยค่ะ
กัปตันไอซ์ BAR5 อักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รุ่น 82
Private Facebook : Icepphassorn Aonkwanmueng
Facebook Fanpage : http://www.facebook.com/Iicebar5 กัปตันไอซ์ BAR5
Instagram + Ask.fm + Public Line : @icepphassorn
Twitter : @iiceiizz
ความคิดเห็น
คุ้มค่ากับการรออ่านบล็อกนี้จริงๆค่ะ
พี่ไอซ์ทำกิจกรรมเยอะมาก แต่ก็ยังรักษาการเรียนไว้ได้ดีอีกด้วย
รู้สึกมีแรงบันดาลใจมากเลยค่ะ ขอบคุณพี่ไอซ์ที่เขียนบล็อกดีๆแบบนี้ขึ้นมากนะคะ
ขอบคุณพี่มากคะที่มาแชร์ประสบการณ์ที่มีประโยชน์แบบนี้ ><
แค่นี้ผมก็จะตายแล้ว ฮือ ฮือ ฮือ
แต่ผมก็จะสู้นะครับ
ผมเห็นพี่พูดถึงเอกสารนิเทศ ผมจำได้ว่าผมเคยเห็น
พี่ผู้ชายคนนึงหล่อมาก ๆ เรียนเอกนี้แหละ
เลยอยากรู้เรื่องเอกนี้หน่อย พี่พอจะแนะนำผมหน่อยได้มั้ยครับ
ผมจะพยายามฝ่าอุปสรรคไปเจอพี่ไอซ์ให้ได้นะครับ
หวังว่าจะได้เจอกัน
สวัสดีครับ
ทุกตัวอักษรกระแทกใจแรง
เรายังไม่เข้ามหา'ลัยเลยแต่กลัวมาก
ขอบคุณสำหรับคำพูดให้กำลังใจนะคะ♥