คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Missing you.
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นเมื่อถึงเวลาที่เจ้าของต้องการให้มันทำหน้าที่ เช้าตรู่....ที่ดูจะเช้าเกินไป แม้แต่พระอาทิตย์ก็ยังไม่พร้อมจะตื่นมาทำงาน จองชินกดปิดเสียงปลุกก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงนอน แม้จะยังงัวเงียและตาสองตายังไม่พร้อมจะเปิดรับแสงใหม่ของวัน แต่เขาก็ยังมีความกระตือรือร้นมากพอที่จะพาตัวเองให้พ้นจากเตียงนอน สมาชิกคนอื่น ๆ ยังคงหลับใหลอยู่ในห้วงนิทรา ไม่พร้อมที่จะลืมตาขึ้นมาสนใจมักเน่ตัวสูงที่ดูจะมีอะไรมากมายให้ทำจนมากเกินไป
หลังจากเสร็จธุระส่วนตัวจองชินก็เริ่มสร้างความวุ่นวายให้กับสมาชิกทีละคนด้วยการบุกเข้าไปปลุกถึงในห้องนอน
“มินฮยอก มินฮยอก” เขาเริ่มด้วยการปลุกเพื่อนซี้เป็นคนแรก มินฮยอกผงกหัวขึ้นมามองเขาก่อนที่จะทิ้งตัวลงนอนอย่างเซ็ง ๆ
“มาปลุกทำไมเนี่ย...” มินฮยอกตัดพ้อเขาทั้ง ๆ ที่ยังลืมตาไม่ขึ้น
“เราต้องรีบไปขึ้นเครื่องไง” พูดไปพลาเขย่าตัวเพื่อนรักไปพลาง วูบแรกมินฮยอกดูจะตกใจรีบควานหานาฬิมาดูเวลา ก่อนจะพบว่า....นี่ยังเช้าเกินไป เขาทิ้งนาฬิกาลงบนเตียงนอนอย่างเซ็ง ๆ ก่อนหลับตาลงอีกครั้ง ขยับตัวหนีให้พ้นรัศมีวุ่นวายจากเพื่อนรัก จองชินใช้เท้าเขี่ยแรง ๆ ไปหนึ่งครั้งกระตุ้นให้มินฮยอกรีบตื่นขึ้นมาตามความต้องการของตัวเอง ก่อนที่จะเริ่มปฏิบัติการณ์วุ่นวายที่ห้องถัดไป
ยงฮวายังนอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม มีความสุขกับห้วงนิทราที่น่าหลงใหล จองชินค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้ก่อนจะนั่งลงบนเตียงแล้วก้มลงไปกอดแล้วกระซิบที่หูเขาเบา ๆ ยงฮวาสะดุ้งตื่นในทันทีด้วยความตกใจ
“นายเองเหรอ....เล่นอะไรบ้า ๆ” เขาโวยวายตาสว่างขึ้นมาทันที
“ก็ถ้าไม่ใช้วิธีนี้พี่ก็ไม่ตื่นง่าย ๆ น่ะสิ” เขายิ้มอารมณ์ดีที่แผนการสำเร็จก่อนจะรีบเดินออกจากห้อง ยงฮวาเขวี้ยงหมอนใส่เขาด้วยความรำคาญ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เจ้ามักเน่จอมแสบหาเหตุวุ่นวายอีกแล้ว
จองชินเลือกมาที่ห้องจงฮยอนเป็นห้องสุดท้าย เพราะเขาเป็นโจทย์ที่แก้ได้ง่ายที่สุด เพียงแค่เขาเปิดประตุเข้าไปแล้วเรียกชื่อจงฮยอน จงฮยอนก็ลืมตาขึ้นในทันที แม้จะดูงัวเงียแต่เขาก็ยังพอจะรู้ว่าต้องทำอะไร เขาพยักหน้าทั้ง ๆ ที่ยังไม่ตื่นดี เตรียมพร้อมจะลุกจากเตียง
สมาชิกทั้งสามคนลากกระเป๋าของตัวเองออกมาพร้อมหน้ากันโดยมีจองชินนั่งไขว้ห้างรอพวกเขาอยู่อย่างสบายอารมณ์ มินฮยอกหาวออกมาคำโต ยังไม่พร้อมจะเดินทาง พี่ใหญ่หน้ามุ่ยออกอาการเบื่อมักเน่จอมแสบที่นับวันจะร้ายขึ้นทุกที จงฮยอนไม่พูดไม่ทำอะไรนอกจากหิ้วกระเป๋าของตัวเองเตรียมตัวไปขึ้นรถ
ในทีสุดวงฟ้าก็พาตัวเองพ้นจากสายตาแฟนคลับนับร้อยที่มารอที่สนามบิน เมื่อพ้นจากสายตาของคนภายนอกก็สามารถทำอะไรได้ตามต้องการ เขาเริ่มสอดส่ายสายตามองหาเพื่อนร่วมทางที่เขาอยากจะเดินทางไปด้วยมากที่สุด ก่อนที่เธอจะปรากฏตัวที่ประตูทางเข้าพร้อม ๆ กับสมาชิกในวงเดินผ่านมายังทางที่เขาทั้งสี่หนุ่มกำลังนั่งอยู่ ทุกคนต่างโค้งทักทายกันตามมารยาท จองชินแอบขยิบตาให้เธอ มีเรื่องราวที่รู้กันแค่สองคน ก่อนที่เธอจะเดินจากไป
ยงฮวายังคงง่วนอยู่กับการโทรศัพท์เหมือนที่เขาเคยทำเป็นประจำ ไม่ได้สนใจคนรอบข้างว่ากำลังจะทำอะไร ความสนใจของเขาพุ่งเป้าไปที่สาเหตุที่คนในโทรศัพท์ไม่อาจเดินทางไปพร้อมกับเขาในวันนี้ได้ ทั้ง ๆ ที่ควรจะมีเวลาได้ไปเที่ยวด้วยกัน กลับต้องมาหมดหวังเพราะตารางงานที่ไม่ตรงกัน
“จะโกรธจริง ๆ แล้วนะเนี่ย” เขาทำหน้าเง้าหน้างอทั้ง ๆ ที่คนในโทรศัพท์ไม่อาจมองเห็น
<ชั้นมีงานจริง ๆ พี่อย่างอแงสิคะ>
“ถ้าไม่งอแงแล้วจะมาหาเหรอ....” เขายังคงต่อรอง เสียงซอฮยอนถอนหายใจเฮือกใหญ่ได้ยินผ่านหูโทรศัพท์ชัดเจน แต่กลับไม่ทำให้ยงฮวาสะทกสะท้าน ถ้าเธอถอนหายใจแสดงว่าใกล้เวลาที่เธอจะยอมทำตามเขา เขารู้เรื่องนั้นดี
<อย่ามาใช้มุขเก่า ๆ นะ ไปไม่ได้จริง ๆคะ เอาไว้เจอกันที่โน่นนะคะ ชั้นจะโทรหาพี่ก่อนขึ้นเครื่อง ห้ามต่อรองคะ ฉันต้องไปทำงานแล้ว> เธอวางสายไปด้วยความเร่งรีบไม่ทันได้รอฟังเขาต่อ ยงฮวามองดูโทรศัพท์เซ็ง ๆ ก่อนจะเก็บมันคืนลงไปในกระเป๋า
“ตกลงโซยอชิแดจะไม่ไปพร้อมเราเหรอพี่” มินฮยอกกระแซะเข้าใกล้ยงฮวา เขาแค่พยักหน้าไปตามน้ำไม่ทันได้คิดถึงสาหตุที่หมู่นี้เจ้าตี๋น้อยดูสนอกสนใจความเป็นไปของสมาชิกวงนี้เป็นพิเศษ
“ว่าแต่ว่า...นายถามทำไม” ยงฮวาตั้งคำถามก่อนจะฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ “นายกับเจ้าของดอกไม้...ใครว่ะ...” แต่กลับคิดไม่ออก
“ได้เวลาขึ้นเครื่องแล้ว” มินฮยอกแกล้งกลบเกลื่อนก่อนจะลุกจากเก้าอี้เดินหนีไปหาจงฮยอนแล้วรีบฉุดให้เดินไปด้วยกัน ป้องกันไม่ให้ยงฮวาตามมาเซ้าซี้กับเขาอีก
จงฮยอนยังคงเก็บเรื่องที่เขากับฮโยยอนจากันด้วยดีไว้ในใจ ไม่มีความน่าภาคภูมิใจที่เขาจะต้องป่าวประกาศถึงความเสียใจของเขาให้ใครได้ยิน ยังคงดำเนินชีวิตไปตามปกติ ไปห้องซ้อม แต่งเพลง ทัวร์คอนเสิร์ต สิ่งเดียวที่ขาดหายไปคือหัวใจ แม้มันจะยังทำหน้าที่ได้ดีในทางกายภาพ แต่ในความเป็นจริงเขากลับรู้สึกเหมือนไม่มีมันอยู่ ....วันนั้น วันที่เธอจากไป บางทีเธออาจจะเอามันไปด้วย
ทันทีที่เครื่องบินทะยานขึ้นสู่ฟ้ายงฮวาก็พบว่าตัวเองถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว มักเน่ตัวสูงหายไปอย่างไร้ร่องรอย มินฮยอกยังเกาะติดจงฮยอนไม่ยอมห่าง ไปต่างประเทศคราวนี้ทำไมเขาถึงได้รู้สึกเหมือนตัวเองโดดเดี่ยวจนบอกไม่ถูก
จองชินโชคดีที่ขอเปลี่ยนที่นั่งกับไอดอลคนอื่นได้ แม้จะมีทางเดินมาคั่นกลางระหว่างเขากับกยูริ แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้อยู่ใกล้กันเลย กยูริมองดูเขาที่จู่ ๆ ก็มานั่งอยู่ใกล้ ๆ เธอด้วยความแปลกใจ จองชินไม่พูดอะไรเพียงแค่ขยิบตาให้เธอ กยูริหัวเราะออกมาเบา ๆ เขามองซ้ายมองขวาก่อนจะส่งกระดาษเล็ก ๆ ในมือให้กับเธอ กยูริรับมาเปิดออกดู
<ผมคิดถึงพี่> หลังอ่านข้อความจบเธอหันไปยิ้มให้เขา เขาจึงยื่นแผ่นกระดาษให้เธออีก
<คิดถึงผมมั๊ย> เธอพยักหน้าให้เขาแทนคำตอบ จองชินยิ้มออกมาด้วยความพอใจ ขอแค่ได้อยู่ใกล้ ๆ ใช้ลมหายใจที่มีร่วมกันเพียงเท่านี้ก็ทำให้หัวใจของเขาพองฟู พร้อมจะทำงานสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายให้ผ่านพ้นไปในแต่ละวัน
เป็นเพราะอยู่กันคนละซีกโลกทำให้เวลาต่างกันจากกลางวันเป็นกลางคืน แต่จองชินยังคงดูสดชื่นดีแม้จะเดินทางมาไกล เขากระตือรือร้นกระตุ้นให้สมาชิกในวงออกไปเที่ยวตามโปรแกรมที่ได้วางไว้ ยงฮวายังทำตัวหงอยเหงาไม่คิดจะขยับเยื้อนตัวเองไปไหน เขาทำเพียงซุกตัวลงในผ้าห่มอยากหลับตา เร่งวันเวลาให้เร็วขึ้น เพื่อที่ซอฮยอนจะได้มาเจอกับเขาเสียที จงฮยอนนอนหลับไปทันทีที่เข้ามาในห้องนี้เรื่องชวนไปเที่ยวคงไม่ต้องพูดถึง มีเพียงมินฮยอกที่ดูพร้อมจะออกไปกับเขา
“นายไม่ได้หลับ ชั้นรู้” ยงฮวาพูดขึ้นเมื่อสองแสบพากันพ้นออกจากห้องไป จงฮยอนยังคงนิ่งอยู่ “นายไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรใช่มั๊ย” จงฮยอนลืมตาโพล่งขึ้นมา
“ชั้นสบายดี” เขายังปากแข็ง
“เท่าที่ดู นายไม่ได้สบายดี” ยงฮวายังมั่นใจ
“อีกไม่นานชั้นจะสบายดี” จงฮยอนยังคงยืนยัน ยงฮวาถอนหายใจให้กับน้องชาย เพราะเขาเป็นคนแบบนี้ คนที่ไม่ชอบแสดงความรู้สึก เขาถึงได้ดูเหมือนเข้มแข็งทั้ง ๆ ที่อ่อนแอ
“ความรักครั้งนี้จะเป็นบทเรียนให้นาย มันจะสอนให้นายรู้ว่ารักอย่างเดียวไม่พอ” จงฮยอนฟังแล้วยิ้มเจื่อน ๆ ให้พี่ชาย บทเรียนนี่ดูจะราคาแพงเกินไป แพงมากเสียจนเขาต้องจ่ายมันด้วยหัวใจทั้งดวงของเขาเอง
ไอดอลชื่อดังมากหน้าหลายตาต่างเดินตามก้นไปราวกับทัวร์กรุ๊ปใหญ่ ดูตื่นตาตื่นใจกับสภาพแวดล้อมแปลกใหม่ที่ไม่คุ้นตา กยูริกำลังตั้งใจฟังไกด์บรรยายไปพร้อม ๆ กับยกกล้องดิจิตอลในมือขึ้นมากดชัตเตอร์เป็นระยะ ๆ อาจเป็นเพราะกำลังตื่นเต้นกับสิ่งแปลกใหม่ หรือเพราะเธอไม่ได้ระวังตัว เธอต้องตกใจสุดขีดอีกครั้งที่รู้สึกว่ามีใครบางคนกอดเข้าที่เอวของเธอก่อนจะดึงร่างเธอให้ลอยหายเข้าไปที่หัวมุมทางเลี้ยว เธอกำลังดิ้นร้นเพื่อเอาตัวรอด อยากจะกรีดร้องแต่กลับมือหนามาปิดปากเธอไว้
“ผมเอง” เสียงกระซิบที่ข้างหูที่เธอคุ้นเคย เขาเล่นแบบนี้อีกแล้ว เธอโกรธมากกว่าจะนึกสนุกไปกับเขา กยูริแกะมือเขาออกจากเอวของเธอ ก่อนที่จะก้าวหนีจากเขาด้วยความโกรธ จองชินไม่ได้ปล่อยให้เธอไปไกลจากเขา เขารีบดึงเธอกลับมาสู่อ้อมกอดของเขาอีกครั้ง
“ปล่อย...” เธอพูดน้ำเสียงเฉียบขาด แต่เขายังดื้อไม่ยอมปล่อยเธอ
“พี่ไม่สนุกด้วยนะ เลิกเล่นบ้า ๆ แบบนี้ซะที” น้ำเสียงของเธอไม่พอใจ แม้เธอจะยืนนิ่งในอ้อมกอดเขา แต่สีหน้าของเธอกลับบึ้งตึง
“ถ้าผมไม่ทำแบบนี้เราจะได้อยู่ด้วยกันเหรอครับ” จองชินยังดันทุรัง เขาค่อย ๆ จับไหล่เธอให้หมุนกลับมาสบตากับเขา “ให้ผมไปเดินเที่ยวกับพี่พร้อมกับคนอื่น ๆ ได้มั๊ยล่ะครับ ผมก็อยากบอกให้ใคร ๆ รู้ว่าเราคบกันอยู่เหมือนกัน” เขาดูเอาแต่ใจ
“เราคุยกันแล้วนะ” กยูริชักจะอ่อนลง เพราะเธอเองก็รู้ดีว่าทำให้เขาอึดอัดใจมากแค่ไหน
“ผมถึงต้องทำแบบนี้ไง หรือจะให้ผมกวักมือเรียกพี่ให้คนอื่นเห็น แบบนั้นก็ดีนะ พวกแฟนบอยจะได้เลิกยุ่งกับพี่ซะที” จองชินกลับกลายเป็นฝ่ายเง้างอนเสียเอง กยูริได้แต่ลอบถอนหายใจเบา ๆ ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงต้องยอมเขาอยู่ตลอดเวลา
“โอเค งั้นวันนี้เราไปเที่ยวกันก็ได้ ที่ไหนก็ได้ที่นายอยากไป” ในที่สุดเธอก็ต้องยอมแพ้เขาอีก จองชินเผยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาอย่างผู้มีชัย
แสงแดดอ่อน ๆ ริมอ่าววิคตอเรียตกกระทบกับพื้นน้ำเบื้องหน้าส่งประกายระยิบระยับ ราวกับเป็นทะเลอัญมณี เบื้องหลังเป็นโอเปร่าเฮ้าส์อันโด่งดังสัญลักษณ์แห่งซิดนีย์ จองชินดูเหมือนนายแบบจากมิลานแฟชั่นวีค เขาดูดีในเสื้อผ้าสีดำผมยาวถูกรวบไว้เพียงครึ่งเดียว สวมแว่นตาดำเพื่อพรางตนเองไม่ให้เป็นที่สังเกต หากไม่มีคำว่าไอดอลชื่อดังจากเกาหลี ทั้งสองคนคงจะเป็นเพียงคู่รักชาวต่างชาติที่มาท่องเที่ยวเหมือนกับคนอื่นทั่ว ๆ ไป จองชินโอบกอดร่างบางของกยูริไว้แนบกับตัวเขาราวกับว่าเธออาจจะพลัดหลงหายไประหว่างทาง เสียงพูดคุยหัวเราะอย่างมีความสุขที่ได้มีช่วงเวลาแห่งความสุขร่วมกัน
“ถ้าเราอยู่ต่างประเทศเราก็ไม่ต้องกลัวใครจะจำเราได้ใช่มั๊ยครับ” จองชินปิ๊งไอเดียบางอย่างขึ้นมา
“ถ้าในเอเชียก็ไม่แน่นะ” กยูริออกความเห็น
“เราไปยุโรปกันมั๊ย ผมจะได้อยู่กับพี่ตลอดเวลา” กยูริฟังแล้วยิ้มออกมา
“แล้วจะไม่ทำงานเหรอไง”
“ก็เวลาที่เราว่างไงครับ เราจะทำอะไรก็ได้ที่ยุโรป”
“อะไรที่ว่าน่ะ อะไรเหรอ” จองชินมองหน้าเธอไม่ยอมตอบคำถามแต่กลับก้มหน้าเข้าไปจนใกล้เธอ กยูริรู้ทันแผนการร้ายของเขาจึงแกล้งผละออกจากเขา แล้วมุ่งความสนใจไปที่เรื่องอื่นแทน
“ตรงนั้นสวยจัง ไปถ่ายรูปไว้ดีกว่า” เธอพูดก่อนที่จะวิ่งตรงไปที่จุดชมวิว จองชินได้แต่ยิ้มก่อนจะรีบตามเธอไป
“มาถ่ายรูปด้วยกัน” กยูริส่งเสียง ออกแรงดึงให้เขาย่อตัวลงมาเพื่อให้เสมอกับเธอ ก่อนจะหันเลนส์กล้องเข้าหาตัวเอง นับจังหวะก่อนจะกดชัตเตอร์
“จองชิน นายสูงเกินไปดูสิ เหลือที่ว่างบนหัวพี่เพียบเลย” กยูริวิจารณ์ทันทีที่ได้เห็นรูปจากหน้าจอ
“งั้นก็ถ่ายใหม่สิครับ ผมจะย่อให้ต่ำลงกว่านี้” เขาเสนอแผนและปล่อยให้กยูริเป็นคนกดชัตเตอร์เช่นเดิม หลังจากจัดท่าทางกันครู่เดียว กยูริก็เริ่มนับให้สัญญาณอีกครั้ง
“หนึ่ง สอง ส....” จองชินไม่รอนับถึงสามเขาใช้สองมือประคองใบหน้างดงามให้หันมาประจันหน้ากับเขาก่อนจะจู่โจมจูบเธอไม่ให้ทันตั้งตัว เธอตกใจในช่วงความรู้สึกแรกก่อนจะผละออกจากเขา จองชินยังคงใช้สองมือหนาประคองดวงหน้าของเธอเอาไว้ จ้องมองเธอคล้ายว่าจะประเมินความรู้สึกของคนตรงหน้า ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้ใบหน้าเธออีกครั้ง ไม่ใช่เขาเพียงคนเดียวที่เรียกร้องหาสัมผัสจากเธอ เธอเองก็ต้องการมันจากเขาเหมือนกัน กยูริค่อย ๆ ปิดเปลือกตาลงก่อนจะปล่อยให้ริมฝีปากของเขาทาบทับลงบนปากของเธอ เขาดูอ้อยอิ่ง ค่อย ๆ ละเลียดชิมรสแห่งความคิดถึง ความปรารถนาและโหยหาให้ได้พบเจอกัน แสงอาทิตย์ยามบ่ายตกกระทบลงบนร่างของคู่รัก สร้างเงาบนพื้นถนนที่คล้ายภาพคนคนเดียวยืนอยู่บนท้องถนน คนสองคนที่ใช้หัวใจดวงเดียวกัน
เปิดพาร์ทใหม่ด้วยคู่กยูชิน เอาอินโทรเบา ๆ ไปก่อน อยากเจอยงซอต้องใจเย็น ๆ นะคะ
แอบมาตอบคำถามจากพาร์ทที่แล้ว หลายคนสงสัยว่าตกลงยงซอมี NC หรือเปล่า มีหรือไม่แล้วแต่จะ IMH กันเองคร่า เราให้คุณเลือกตอนจบของพาร์ทได้เอง 555
ความคิดเห็น