คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : ◆ how to 13: I said just friend
“3rd conditional sentences จะใช้เมื่อพูดถึงสิ่งที่ขัดกับความเป็นจริงในอดีต เช่น If I had studied, I would have passed the test. (ถ้าฉันทบทวนบทเรียน ฉันก็คงจะสอบผ่านได้) สิ่งที่ประโยคนี้บอกเราได้ก่อนอื่นเลยคือ ฉันไม่ได้ทบทวนบทเรียนมา และฉันก็สอบตก ประโยคนี้จึงเป็นประโยคที่ขัดกับความเป็นจริงในอดีต เพราะมันไม่ได้เกิดขึ้นเลย ” เสียงแหลมแบบรบกวนประสาทแก้วหูของอาจารย์สุภาพรรบกวนการหลับในคาบของผมได้เสียหายมาก คือง่วงมากมิไหวล้าววววว คิดแล้วเพลียใจกับการที่ต้องไปเรียนพิเศษต่อเย็นนี้
แต่ เห้ย เรียนพิเศษ
เรียนกับน้ำหวานนนนน !!!!!!!!!!!!!!
“ ไอ้คิม เย็นนี้ไปเรียนพิเศษกับกู ห้ามโดด ห้ามเด้ง ห้ามดึ๋ง กูไม่ได้เจอน้ำหวานมานานมากแล้ว คิดถึงมากแบบบอกไม่ถูก ” ผมหันไปพูดรัวใส่ไอ้คิมที่กำลังใส่หูฟังอยู่ พร๊อบบาลี่ชัวร์ว่าแม่งไม่ได้ยิน - -
“ สถลัชนันท์ ชวนเพื่อนคุยอีกแล้ว ” เอิ่ม ผมโดนแล้ววไงล่ะ
“ ป่าวนะอาจารย์ ผมแค่ …… ”
“ สถลชนันท์คุย แสดงว่าพวกเธอจะต้องเข้าใจเรื่องที่ครูสอนมากแล้วแน่ๆ เพราะฉะนั้น เอาเรื่อง conditional sentences เขียน essay ความยาวห้ามน้อยกว่าสองกระดาษรายงานของโรงเรียน ส่งพรุ่งนี้ก่อนบ่ายสาม ” ยังพูดไม่ทันจบ อาจารย์สุภาพรก็โยนการบ้านกองใหญ่มาให้ เอิ่มมม ไม่ตายเพราะการบ้านก็ตายเพราะเพื่อนนี่แหละวะ หลังจากสังเกตสายตาอาฆาตที่เพื่อนที่รักของผมส่งมาให้ กูขอโท๊สสสสสส TT
“ เชี่ยเซฟ เพราะมึงเลย สัด ตบเกรียนแม่มมม ” หลังจากอาจารย์สุภาพรออกไปผมก็โดนเพื่อนเกือบยี่สิบคนรุมเซเลอร์มูน (รุมด่า) ไม่ได้ ต้องเซอไวฟ์ ต้องรอเจอน้ำหวานให้ได้ !
“ เก่งอิ๊งมากดิสัด จะส่งทันป่ะ ให้ส่งอาทิตย์หน้ากูยังไม่ทันเลย ” ไอ้เติ้ลพูด
“ แหม่ะ กูก็ไม่ได้เก่ง จะส่งช้าส่งเร็วยังไงมันก็ต้องส่งอยู่ดี ถ้ามึงไม่ลองทำแล้วเมื่อไหร่มึงจะเป็นวะสัด ” ผมเริ่มมีน้ำโห เลยเสียงดังกลับบ้าง โอเคครับ ทุกคนเงียบ
“ มึงลองไปถามไอ้ดลดิ แม่งท๊อปวิชาภาษาอังกฤษของรุ่นเลยนะมึง ” ถ้าชีวิตช่วงนี้ของผมจะไม่ได้ยินชื่อมันในแต่ละวัน มันคงเป็นเรื่องแปลกมากเลยสินะ อยู่โรงเรียนเดียวกันมาสิบเอ็ดปี ทำไมต้องมาเป็นช่วงนี้ด้วยวะ …..
_______________________________________
“ ตี้ใกล้ถึงแล้ว รอแปปเดียวนะเจย์ ” เสียงนิ่งๆแต่แฝงไปด้วยความรักอย่างสุดซึ้งถูกส่งผ่านไอโฟนไปถึงสาวน้อยหน้าเหวี่ยงคนนึง เสียอย่างเดียวแม่งโกหก ตอนนี้เพิ่งจะลากตัวเองออกมาจากโรงเรียนขึ้นบีทีเอสสุรศักดิ์อยู่ คือมันใกล้ถึงสยามตรงไหนว้า ฮ่าๆ
“ กูคิดว่ากูจะไม่ไปเรียน เดี๋ยวจะไปหาเบลที่หอ ” ไอ้จ๊ะพูด โดดเรียนหาเมีย ชาติเจริญครับลูกชายท่านฑูต
“ ไปเอากันชัวร์ ” ปากเสียแบบนี้มีอยู่คนเดียว ไอ้คิม
“ ไม่เสือกดิ ” ไอ้จ๊ะหันไปโบกมันทีนึง แล้วยิ้มที่มุมปากนิดนึง สงสัยข้อสันนิฐานของไอ้คิมจะจริงแฮะ
“ แวะกินข้าวสยามเป็นเพื่อนก่อน กูหิว ไม่งั้นเตรียมไปหาน้ำหวานของมึงเพียงผู้เดียวได้เลย ” จนบีทีเอสมาถึงสยามผมก็โดนไอ้คิมขู่ลงมากินข้าวเป็นเพื่อน แหงสิ ผมจะปฏิเสธอะไรได้ ก็ไอ้จ๊ะไปหาเมียละนี่ ถ้าไอ้คิมไม่ไปด้วยผมก็อโลน
“ อ่าวดล มากินร้านนี้เหมือนกันอ่อ ” หลังจากเปิดประตูไปสูดกลิ่นความหอมของหมูทอดร้านต้นโอ๊คแล้วผมก็เจอสรรพสิ่งที่มีคิ้วเยอะนั่งอยู่กับสาวหุ่นดีคนเดิม เฟิร์นนั่นเอง มิน่าไอ้คิมกระดี๊กระด๊าทักเชียวว หน้าหูดำ!
“ เออ มากินเป็นเพื่อนเฟิร์นอ่ะ มานั่งด้วยกันดิ ” ไอ้ดลนี่ก็เซนส์ไวซะเหลือเกิน
“ เฟิร์นนี่เพื่อนดล ชื่อคิม ส่วนนี่เซฟ ” ไอ้ดลแนะนำให้เฟิร์นรู้จักกับพวกผม เมื่อไอ้ดลเปิดทาง ต่อมความหม้อของไอ้คิมก็ทำงานอย่างหนัก ถ้าวันนี้ผมไม่ได้เจอหน้าน้ำหวานอ่ะนะ แม่งน่าดู !
_______________________________________
ตอนนี้เป็นเวลาเกือบหกโมง เวลาเรียนอ่ะห้าครึ่ง แต่เวลาแฮ่นของไอ้คิมแม่งยาวกินเวลาเรียนของผม หลังจากเฟิร์นกลับไปแล้วแม่งถึงยอมมาเรียน และยังมีเหตุการณ์น่าอเมซิ่งอีกคือ …
“ ดล มึงจะเข้ามาด้วยจริงๆหรอวะ ” ไอ้คิมถามไอ้หน้าหล่อระหว่างที่เราหยุดยืนอยู่หน้าประตูกระจกของห้องเรียน ท่ามกลางสายตานักเรียนสาวที่มองเราสามคน จะไม่ให้มองได้ไงล่ะครับก็นักเรียนโรงเรียนดังย่านสาทรยืนอยู่สามคน พูดเลยว่าหล่อทั้งสาม
“ เออดิ ไม่งั้นกูจะตามมาถึงนี่ทำไมล่ะ ” มันพูดหน้าตาเฉย ก่อนจะเลื่อนประตูกระจกแล้วเดินเข้าไป
“ หวัดดีน้ำหวาน ” ผมพุ่งเข้าไปด้วยความเร็วแสงก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆนางฟ้าในใจ โห คนไรน่ารักขนาดนี้ฟะ
“ อ้าว หวัดดีเซฟ ไหนบอกจะมาเรียนตรงเวลา สายอีกละ ” นางฟ้าหันมายิ้มให้ก่อนแซวผมแล้วหัวเราะอย่างร่าเริง ดวงาคู่สวยมองเลยไปข้างๆผม
“ มึง ยืมหนังสือหน่อยดิ เดี๋ยวจดให้ ” ไอ้ดลสะกิดผม มานั่งข้างกูตั้งแต่ตอนไหนวะเนี่ย ทีแรกกูก็หล่ออ่านะ พอนั่งข้างมึงปุ๊บ กูอุบาทว์เลยว่ะ ผมส่งหนังสือเรียนพิเศษให้มันก่อนจะหันมาคุยกับน้ำหวานต่อ เอาจริงๆก็ไม่ใช่ว่าผมไม่ได้คุยกะน้ำหวานเลยหรอกนะ ก็ยังคงใช้วิชามารขอไลน์เธอมาคุยจนได้
“ เอ้อ ที่บอกว่าไปญี่ปุ่นมา เราซื้อคิทแคทชาเขียวมาฝาก แบ่งคิมกะเพื่อนอีกคนกินด้วยละกัน ” มือขาวยื่นกล่องขนมคิทแคทชาเขียวมาให้ผม อยากจะจับขนมมาดม แต่มันก็น่าเกลียดไป ฮ่าๆ
“มึงคุยเบาๆดิ๊ กูไม่มีสมาธิ ” ผมกำลังจะหันไปพูดกะน้ำหวาน ไอ้ดลก็พูดขึ้นมา
เอ๊า ผมสตั้นสิบวิ นี่ผมว่าผมก็พูดเบาสุดละนะ กำลังจะหันไปเถียงกับไอ้ดลต่อ แต่ดูจากคิ้วเข้มๆของมันผูกชนกันขนาดนั้น ไม่เสี่ยงดีกว่า เห็นนิ่งอย่างี้ ด่าทีน้ำตาร่วงเลยนะครับ งั้นผมขอคุยกะน้ำหวานต่อเบาๆละกัน บ่องตง จะไม่มีใครสามารถห้ามเซฟได้เรื่องนี้
“ น้ำหวานกลับไงเนี่ย ” หลังจากเทปการสอนหมดม้วนแล้ว เด็กๆในห้องก็ทยอยเก็บของเดินออกจากห้องไปเพื่อกลับบ้าน ตอนนี้ก็สองทุ่มกว่าแล้ว
“ เดี๋ยวคุณพ่อเรามารับจ้ะ ” น้ำหวานตอบแล้วยิ้มให้ โอ๊ย วันนี้หัวใจเซฟจะหยุดทำงานเป็นสิบรอบ ก็รอยยิ้มของนางฟ้าน่ะสิครับ
“ เดี๋ยวเราลงไปส่ง นี่คุณพ่อจะว่าเราไหมเนี่ย ฮ่าๆ ” ผมว่าพลางหยิบกระเป๋านักเรียนหนังของเธอมาถือให้
“ ไม่ว่าหรอก แต่ก็ขอบใจนะ แล้วเพื่อนเซฟไม่รอแย่หรอ ” น้ำหวานพูดกะผมพลางหันไปมองไอ้สองตัวที่ยืนอยู่ข้างหลัง
“ โอ๊ย ไม่เป็นไรครับ ตามสบายเลย ” ไอ้คิมเป็นคนพูด ส่วนไอ้ดลก็ยิ้มๆให้ ว่าแต่ทำไมมันยิ้มเฝื่อนขนาดนั้นวะ ปวดขี้รึไง - -
“ คือ แบบ ว่า กูฟินนนนนน ” ผมวิ่งด้วยความเร็ว 120 กิโลเมตรต่อนาทีขึ้นบันไดบีทีเอสแบบไม่หยุดพัก ทำไงได้ คนมันมีความสุขนี่ครับ
“ มึงชอบเค้ามากหรอวะ ” เสียงนิ่งๆของไอ้ดลถาม
“ ชอบแบบ สัดๆ มากๆ คนอะไรโคตรน่ารักก ” ผมตอบก่อนจะแตะบัตรบีทีเอสลงบนเครื่องตอบรับแล้วเดินเข้ามาบ้างใน ตามด้วยไอ้ดลแล้วก็ไอ้คิม
“ พี่ดล ” เสียงใสๆเรียกไอ้เจ้าประธานรุ่นคนหล่อของผมนี่เอง ไอ้นี่น่าหมั่นไส้ สาวโคตรๆเยอะ หันไปก็เห็นน้องคนสวยโรงเรียนสาธิตยืนอยู่
“ อ่าว หวัดดีน้องแก้ม มาเรียนหรอ ” ไอ้ดลทักพร้อมรอยยิ้มละลายใจ
“ ค่า พี่ดลก็มาเรียนหรอ ” น้องแก้มถามต่อ
“ มาเฝ้าเพื่อนเรียนต่างหาก รีบกลับบ้านนะ เดี๋ยวคุณน้าเป็นห่วง ” ไอ้ดลคุยกะน้องแก้มซักพักรถไฟฟ้าก็มา
“ เห้ยเซฟ หิวว่ะ ไปกินข้าวกัน แถวบ้านมึงอ่ะ ” ไอ้คิมพูดพลางลูบท้อง
“ กินไรอ่ะ หัวปลาหรอ ” ผมถาม พูดเลยว่าโคตรไม่อยากกิน
“ ร้านหยงเหอ ขายน้ำเต้าหู้ กินกันอยากกิน ” ไอ้ดลตอบ มันรู้ได้ไงวะ นี่ขนาดแถวบ้านผมนะเนี่ย ร้านอะไรเอ๋อๆ
“ อะไรนะ อะไรเอ๋อๆ ” ผมถาม
“ เอ๋อพ่อง หยงเหอเว่ย ขายน้ำเต้าหู้ แต่มีข้าวด้วย ” ไอ้ดลว๊าก ก่อนโบกหัวผมทีนึง
“ อ๋ออออ กินก้ะด้ะ ” ผมตอบแบบแอ๊บแบ๊วสุดๆกวนตีนไอ้ดล
หลังจากกินข้าวเสร็จ ไอ้คิมชิงกลับไปก่อนเพราะบ้านมันไกล ไอ้ดลอาสาเดินเข้ามาส่งผมถึงหน้าบ้าน เหตุผลเชี่ยๆของมันคือ กุกลัวมึงโดนฉุด นานรึป่าวไม่รู้แต่เป็นเพราะผมกะมันเดินคุยโน่นคุยนี่กันเรื่อยๆจนมาถึงหน้าบ้านเลยรู้สึกว่าไม่นาน ดูนาฬิกาอีกทีก็ปาเข้าไปห้าทุ่มกว่าแล้ว ดึกมากแล้วนะเนี่ย
“ เห้ยดล กูว่ามันดึกมากละว่ะ นอนบ้านกูก่อนป่ะ จากนี่ไปปากซอยก็ไกลเอาเรื่องอยู่ แถวบ้านมึงยิ่งแดนดิบด้วย แล้วพรุ่งนี้ไปโรงเรียนด้วยกัน กุมีเสื้อกะกางเกงให้ยืม ” มันพยักหน้ารับอย่างง่ายๆ เห้ย ใจง่ายจัง คนเชี่ยไร
ผมพามันเดินเข้ามาในบ้าน ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ข้าวล่างแล้ว ขึ้นนอนหมด บ้สนผมเป็นบ้านอนามัยครับ สี่ทุ่มหม่าม๊าบังคับนอนหมด ผมพาได้ดลขึ้นบันไดอย่างเบาส้นเท้าที่สุด และแล้วเราก็มาถึงห้องนอนผม ผมพุ่งตัวลงไปนอนแปะอยู่บนเตียงด้วยความเหนื่อย และเหนื่อยกว่านั้นเมื่อคิดถึง essay เรื่อง conditional sentences ของตัวเองแล้วก็ อยากจะร้องไห้
“ มึงจะอาบน้ำก่อนป่าว ” ไอ้ดลนั่งลงพื้นที่ว่างตรงข้างเตียงก่อนจะสะกิดถามผมเบาๆ
“ เออๆ ขออาบกอนละกันนะมึง essay กูยังไม่ได้เริ่มเลย ส่งพรุ่งนี้ด้วย ” ผมใช้แรงที่ยังเหลือทั้งหมดคว้าผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำ
“ เห้ย essay มึงเกี่ยวกะอะไรอ่ะ ” ไอ้ดลตะโกนถามไล่หลังมา
“ conditional sentences ว่ะ ” ผมว่าแล้วก็ปิดประตูรีบอาบน้ำเลย เหนียวตัวมาก
ผ่านไปสิบนาที ผมเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยร่างกายที่สะอาดเต็มร้อย แต่ไม่ได้หายง่วงขึ้นเลย ไอ้ดลนั่งทำงานอยู่บนโต๊ะท่าทางขยันมาก เห็นมันละรู้สึกผิดเลยครับ ถ้าผมขยันได้ครึ่งมันป่านนี้ชีวิตเจริญไปแล้วเนอะ
“ มีงานเหมือนกันหรอวะมึง โต้รุ่งแน่มึงกะกู ” ผมพูดกะมันระหว่างที่สวมชุดนอนอยู่ แหม่ะเรียกซะหรู เอาจริงก็เสื้อยืดกะบ๊อกเซอร์นี่แหละครับ ผมไม่ใส่เป็นชุดๆหรอก นั่นอ่ะนิสัยไอ้ดล
“ ไม่มีหรอก กูทำเสร็จหมดแล้ว อันนี้ร่าง topic กะ main idea ไว้ให้มึงทำงานต่อ ” มันหันมายิ่มแฉ่งพร้อมชูกระดาษรายงานโรงเรียนที่เต็มไปด้วยตัวหนังสือแบ่งกันเป็นหัวข้อๆให้ผมดู โหนี่ขนาดไปอาบน้ำแค่สิบนาทียังทำได้ขนาดนี้ ถ้าผมอู้ซักชั่วโมงป่านนี้เสร็จแล้วมั้งเนี่ย (writer: อิเซฟ ชั่ว เดี๋ยวตีเลยย)
“ เห้ยมึง ขอบใจมาก เกรงใจว่ะ ” ผมรับขอบคุณมันจนลิ้นแทบพันกัน โอย อยากจะลงไปกราบมันมาก ณ จุดนี้
“ ไม่ต้องเกรงใจหรอก งานถนัดกูเลย อีกอย่างกูยังไม่ง่วงด้วย มึงนอนไปเลยเดี๋ยวกูทำให้ แค่นี้ชิวๆ พรุ่งนี้เสร็จชัวร์ ” มันพูดยิ้มๆก่อนจะคว้าผ้าเช็ดตัวสีน้ำเวินที่ผเอาออกมาวางไว้ให้แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ไอ้ที่มันบอกจะทำให้ก็น่าสนอยู่หรอกครับ แต่ใช่เรื่องที่ไหน ก็เรียนมาพอๆกัน เหนื่อมาพอๆกัน ธุระมันก็ไม่ใช่ ผมเลยไปนั่งที่โต๊ะแล้วเริ่มต้นเขียนรายงานต่อ เอาจริงๆคือแทบไม่ได้เขียนเลย ลอกที่ไอ้ดลเขียนไว้ใส่กระดาษเท่านั้นเอง พอลอกไปได้ซักสามบรรทัด ตาผมจะปิดอ่ะ ไม่ไหวละ ของีบซักพักละกัน ……
________________________________________________________
“ เซฟ เซฟ ลุกไปนอนดีๆ นอนอย่างงี้เดี่ยวปวดคอ ” ผมหลับไปได้นานเท่าไหร่ไม่รู้ มือนุ่มๆก็สะกิดผมข้างหลัง ผมงัวเงียๆมองไอ้คนคิ้วเข้มที่ยืนอยู่ข้างๆ ก่อนจะลุกไปล้มตัวลงนอนที่เตียง ก่อนจะดีดตัวลุกขึ้นมา
“ เชี่ยย essay ” ผมแหกปากลั่น แล้วรีบหันไปมองนาฬิกา ตอนนี้บอกเวลาตีสองครึ่งแล้ว ชิบหายล้าวววว เวลาแค่นี้งานไม่เสร็จแน่ ไม่น่าหลับเลยยย
“ กูทำให้เสร็จแล้วแหละ เก็บลงแฟ้มมึงไปเรียบร้อยแล้วด้วย นอนเหอะ ” ไอ้ดลคลี่ยิ้มอย่างใจดีก่อนดันตัวผมลงไปนอน เห้ออ โล่งอก
“ ขอบใจมากนะเว่ย ไว้มึงมีงานไรบอกกูได้เลยนะ เดี๋ยวกูช่วย ” ผมพูดทั้งๆที่หลับตาอยู่ ความง่วงชนะทุกสิ่งครับ ณ จุดนี้
“ ตอนนี้มึงช่วยขยับตัวไปข้างในหน่อยได้ป่ะ กูจะนอนด้วย ” มันพูดเสียงนิ่งทำเอาผมขำแล้วก็กลิ้งตัวเองไปนอนเตียงฝั่งที่ชิดกำแพง
“ ขอก่ายหน่อยนะ พอดีกูติดหมอนข้าง ” ผมกำลังจะแหกปากโวยวายเมื่อรู้สึกถึงอะไรหนักพาดอยู่ตรงสะโพก ก่อนที่เสียงทุ้มจะกระซิบข้างหูผม โธ่ไอ่สัดตกใจหมด นึกว่าอะไร แล้วผมก็หลับไปด้วยความเหนื่อย
TBC.
ไรเตอร์ฟื้นคืนชีพ
หลังจากไปค่ายแล้วได้แรงบันดาลใจในการจิ้น
เมื่อเห็นรุ่นพี่หนุ่มๆของไรเตอร์ตัวติดกันเป็นปลาหมึก อิอิ
ความวายในสายเลือดก็ทำงานอย่างหนักจนอดไม่ไหว รีบมาอัพให้รีดเดอร์เลยย
ความคิดเห็น