ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เทพเซียนเกรียนยุทธภพ!

    ลำดับตอนที่ #1 : เจ้าตายแล้ว!

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9.95K
      315
      30 ส.ค. 60


         "เจ้าตายแล้ว!  เอ้าคนต่อไปเชิญ..."

         เสียงของชายวัยกลางคนที่แต่งตัวคล้ายข้าราชการตามบ้านนอก  หน้าตาบอกบุญไม่รับ  กล่าวกับผมด้วยแววตาอันเรียบเฉย  ก่อนจะประทับตราบนเอกสารอะไรบางอย่างที่ดูจะสำคัญมาก ๆ บนโต๊ะตรงหน้าแล้วยื่นมาทางนี้  ผมรับกระดาษแผ่นนั้นมาอ่านแบบงง ๆ ที่หัวเอกสารจั่วตัวอักษรสีแดงเบ้อเริ่มไว้ว่า


    เอกสารแจ้งการเสียชีวิต   


    @@@@@@@@@@


    ชื่อ : โชคดี  ผีคุ้มครอง

    สัญชาติ : ไทย

    เพศ : ชาย

    อายุ : 17 ปี 4 เดือน

    วันเวลาตาย : ไม่เป็นที่แน่ชัด

    สาเหตุการตาย : ไม่เป็นที่แน่ชัด

    สถานะหลังการตาย : กำลังอยู่ในระหว่างพิจารณา


    @@@@@@@@@@


        
    "เอ้าคนต่อไปเข้ามา! ส่วนนายรีบ ๆ เดินออกไปได้แล้ว  เสียเวลาคนอื่นเค้ารู้ไหม?"

         ชายวัยกลางคนเอ็ดผมพร้อมกับไล่ออกไปจากห้อง  แต่ผมก็ยังคงนั่งอยู่อย่างนั้น  นั่งเพราะมึน  นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ที่นี่มันที่ไหนแล้วผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน?  ถ้าจำไม่ผิดความทรงจำสุดท้ายก่อนจะมารู้สึกตัวที่นี่คือผมยังนั่งเรียนวิชาสังคมอยู่ในห้องเรียนกับเพื่อนคนอื่น ๆ เลยนี่นา...  

         "บอกว่าให้รีบ ๆ ออกไปได้แล้วไง  ไม่เห็นเหรอว่าคนถัดไปเค้ามายืนรอแล้วน่ะ!"

         "เดี๋ยว ๆ คุณเป็นใคร  แล้วเรื่องอะไรมาออกคำสั่งกับผม?  ที่นี่คือที่ไหนแล้วไอ้เอกสารบ้านี่มันหมายความว่ายังไงกันหา!  แบบนี้เข้าข่ายหมิ่นประมาทนะเฮ้ย!"

         ใช่ โชคดีคือชื่อของผมเอง  เพศอายุและสัญชาติที่ระบุในเอกสารก็ถูกต้องทุกประการ  แต่ไอ้ข้อความที่ระบุการตายอะไรเนี่ยมันซี้ซั้วสิ้นดี  ก็ผมยังนั่งหายใจอยู่ตรงนี้แล้วจะมาบอกว่า... เอ๊ะ!

         "ดูเหมือนว่าจะรู้สึกตัวแล้วสินะ?"

         ชายวัยกลางคนยังคงมองมาทางนี้ด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก  แต่ผมกลับเย็นยะเยือกไปทั่วทั้งไขสันหลัง  ไม่มีลมหายใจ  คือความรู้สึกแรกที่ผุดขึ้นมา  ก่อนจะตามติด ๆ ด้วยหัวใจที่ไม่เต้น  ส่วนอาการเย็นยะเยือกเมื่อครู่ก็ไม่ใช่เพราะตกใจ  แต่เป็นเพราะร่างของผมมันเย็นเฉียบมาตั้งแต่แรกแล้วต่างหาก!   

    @@@@@@@@@@

         หลังจากที่อาละวาดโวยวายในห้องนั้นจนโดนเจ้าหน้าที่ตัวล่ำ ๆ สองคนหามออกมาเรียบร้อยแล้ว  ตัวผมก็มานั่งในห้องแห่งใหม่  เป็นห้องทำงานสีขาวประดับประดาด้วยของมีค่าดูโอ่อ่าหรูหรากว่าเมื่อครู่ลิบลับ  ท่าทางว่าห้องนี้คงจะเป็นของผู้มีตำแหน่งใหญ่โตกว่าชายวัยกลางคนเมื่อครู่แน่

         "ฮึกก... ฮืออ..."

         ผมพยายามสะกดกลั้นน้ำตาและเสียงสะอึกสะอื้นอย่างเต็มที่  แน่ล่ะจู่ ๆ เจอแบบนี้ใครจะไปทนไหว  อยู่ ๆ ก็ต้องมาตายแถมสาเหตุการตายและวันเวลาที่ตายก็ยังไม่รู้  ตายที่ไหนยังไงไม่รู้สักอย่างเลย  ในเอกสารก็ไม่บอกไม่ชี้แจง  ไม่ต่างอะไรกับโครงการของรัฐบาลสมัยนี้เลยสักนิด

         "อ้าวนี่ยังไม่เลิกร้องไห้อีกเหรอ"

         สาวสวยในมาดพนักงานออฟฟิศคนหนึ่งผลักบานประตูเข้ามา  ผมหันไปมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า  เรือนผมสีทองเป็นประกาย  ใบหน้าคมเข้มดวงตาสีฟ้าเด่นตามแบบชนชาติอารยัน  ชุดเสื้อนอกและกระโปรงมินิสเกิร์ตสีแดงบาดตา  ทรวดทรงองค์เอวตรงตามมาตรฐานในฝันของชายหนุ่มยุคปัจจุบัน  รองเท้าส้นสูงสีดำขับเน้นช่วงเรียวขาให้ดูโดดเด่นยิ่งขึ้น  เธอเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานตรงหน้าผมก่อนจะวางเอกสารกองเรียงไว้

         "คุณเป็นใครกันครับ?"

         ผมถามอย่างระแวดระวัง  รู้สึกหวาดวิตกไปกับทุกเรื่องในตอนนี้  สาวสวยได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มตอบกลับมาก่อนจะบอกว่า

         "ลองเดาดูสิจ๊ะ... ฮิฮิ"

         "โอเค  งั้นผมว่าพี่สาวต้องเป็นพระเจ้าหรืออะไรทำนองนั้นแน่ ๆ  แล้วก็มาแจ้งว่าผมตายเพราะเหตุสุดวิสัย  เป็นความผิดพลาดบางอย่างของสวรรค์เลยจะให้ผมไปเกิดในชาติภพใหม่  ได้เป็นอะไรเทพ ๆ และแน่นอนเลยว่าต้องเป็นประเทศจีนโบราณด้วยใช่มั้ยฮะ?"

         พอพูดถึงตรงนี้ก็ได้ยินเสียงตกเก้าอี้  สาวสวยคนนั้นร่วงลงไปกองกับพื้นใต้โต๊ะทำงานของเธอ  ก่อนจะปีนขึ้นมาเอาคางเกยกับโต๊ะ  ใบหน้าซีดเผือด

         "ทะ ทำไมเธอถึงรู้เรื่องนี้ได้ล่ะ!!!"

         เอ่อคือ... นักเขียนนิยายในหมวดแฟนตาซีกำลังภายในจากเว็บเด็กดีดอทคอมทั้งหลายครับ  ผมต้องขอประทานโทษเป็นอย่างสูงที่เคยปรามาสว่าซี้ซั้วเขียนเรื่องพระเจ้าและโลกหลังความตายแบบสั่ว ๆ  แถมยังมักง่ายก็อปปี้เนื้อเรื่องลอกกันมาเป็นทอด ๆ อย่างไร้สมองไร้จินตนาการสิ้นดี  เพราะบัดนี้ได้รู้ซึ้งแล้วว่าไอ้เรื่องที่พระเจ้าส่งไปเกิดใหม่เนี่ยมันจริงแท้ถูกต้อง 100%  ไม่มีสิ่งใดผิดเพี้ยน  บ้าเอ๊ยย! นี่ผมต้องมีชะตากรรมไปเกิดเป็นนางสนมในวังหรือเนี่ย!!!  

         "คือถ้าได้ไปเกิดใหม่จริง  ผมขอเลยว่าไม่อยากไปเกิดเป็นนางสนมหรือนางร้ายในเกมโอโตเมะนะครับ!"

         ทีแรกผมก็แค่กลัวความตาย  แต่ตอนนี้เริ่มกลัวการไปเกิดใหม่เสียยิ่งกว่า  จึงจำเป็นต้องอ้อนวอนพระเจ้าสาวสวยคนนี้ให้สงเคราะห์ผมไปสู่ชาติภูมิใหม่ที่ดีกว่าการไปฝึกปรุงยาหรือเป็นนางในของท่านอ๋อง  แต่เธอกลับส่ายศีรษะก่อนจะตอบว่า

         "เธอเข้าใจผิดไปหลายเรื่องอยู่นะ  อย่างแรกเลยชั้นไม่ใช่พระเจ้าหรอก  เป็นแค่เดมิก๊อดหรือที่เรียกกันว่าพวกกึ่งเทพนั่นแหละ"

         สาวสวยกระโปรงแดงแนะนำตัวว่าชื่อ อาธีน่า เป็นทูตสวรรค์ผู้รับหน้าที่คอยดูแลการเกิดและตายของมนุษย์ในแถบเอเชียอาคเนย์ทั้งหมด  และสาเหตุที่ทำให้เธอหนักใจอยู่ในขณะนี้ก็คือปรากฏการณ์ไม่คาดฝันที่มีอุกกาบาตลูกใหญ่ตกลงมาบนพื้นโลก  แถมยังลงใจกลางกรุงเทพฯ ทำให้ผู้คนมากมายต้องสังเวยชีวิตไปพร้อม ๆ กัน  ด้วยเหตุนี้  ทำให้วิญญาณมนุษย์จำนวนมหาศาลลอยมายังสำนักงานของเธออย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน  เจ้าหน้าที่ทุกคนรวมถึงอาธีน่าต่างไม่มีประสบการณ์ในการจัดการกับวิญญาณปริมาณขนาดนี้นับตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่สองและยุคเขมรแดง  ทำให้มีการตกหล่นในเรื่องเอกสารและจุดหมายปลายทางของวิญญาณบางส่วน  ชวนให้ปวดหัวที่สุด

         "และเคสของเธอก็เป็นหนึ่งในนั้น  สารภาพตามตรงก็คือพวกเราไม่มีจุดหมายปลายทางให้วิญญาณของเธอ  เพราะพาสปอร์ตกลับไปเกิดใหม่นั้นได้โอนถ่ายให้วิญญาณตนอื่นไปหมดแล้ว  กว่าจะถึงรอบต่อไปก็ต้องรอไปอีกหมื่นปีเลยเชียว..."

         หมื่นปีเลยเหรอ  พูดเป็นเล่นไปน่า!  ผมยืนอึ้งกับระบบอันห่วยแตกซึ่งไม่ต่างไปจากระบบของข้าราชการในประเทศที่ผมจากมา  ให้รอถึงหมื่นปีเลยเหรอไม่เอาน่า  แล้วระหว่างนั้นจะให้ทำอะไรฆ่าเวลากันดีล่ะ?  

         "ระหว่างนั้นเธอก็เป็นสัมภเวสีลอยไปมาอยู่แถว ๆ ชายแดนไทยไปก่อนแล้วกันนะ"

         "จะบ้าเรอะ! ใครจะไปยอมกันเล่า!!!"

         ผมออกปากโวยวาย  แต่ก็ต้องเงียบลงเมื่อเจ้าหน้าที่ตัวล่ำ ๆ สองคนเมื่อกี้เดินเข้ามาในห้องเพื่อตรวจดูความเรียบร้อย  อาธีน่าถอนใจยาวก่อนจะบอกว่า

         "ก็ว่าอยู่ว่าเธอต้องโวยวายแน่  แต่ไม่ต้องเป็นห่วงไปนะเพราะชั้นมีทางเลือกใหม่ให้ด้วย"

         ว่าแล้วเธอก็ชี้ไปยังรูปของน้องหมาน่ารักตัวหนึ่ง  ขนสีน้ำตาลแดงท่าทางสดชื่นร่าเริง  ดูจากฉากหลังในรูปแล้วน่าจะเป็นเมืองจีนหรือที่ไหนสักแห่งที่ออกไปในแนวนั้น 

         "ถ้าไม่อยากเป็นสัมภเวสี  ก็ไปเกิดเป็นน้องหมาตัวนี้แทนก็แล้วกัน  อีกสักสิบถึงสิบห้าปีค่อยเจอกันใหม่นะ!"    

         เธอพูดตัดบทแล้วชี้นิ้วมาทางนี้เหมือนปัดรำคาญ  ร่างของผมเรืองแสงสีฟ้าในทันทีและก่อนจะได้พูดจาโต้ตอบอะไรกับแม่สาวเดมิก๊อด  สติของผมก็ดับวูบไปเสียไม่ทันได้รับรู้อะไรอีก...


    จบตอน    

              

               
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×