ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เทพเซียนเกรียนยุทธภพ!

    ลำดับตอนที่ #101 : ค่ำคืนแห่งการเตรียมใจ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 178
      7
      3 มี.ค. 62


         กว่าหลิวเสียะหัวจะเดินทางไปถึงสำนักมังกรทองเวลาก็ล่วงไปกว่าค่อนคืนแล้ว  สถานการณ์ส่วนใหญ่ตกอยู่ในความสงบ  เหลือไว้เพียงความวุ่นวายในการจัดการกับความเสียหายจากศึกและศพของผู้ตายเท่านั้น  ลูกศิษย์ของสำนักพาเจ้าสำนักเข้าไปยังเรือนรับรองเพื่อพักผ่อนเพราะจางเหอลู่หลับไปแล้วหลับจากรับศึกหนักมา  เสียะหัวไม่มีทางเลือกจึงเข้าพักเพื่อรอพบปะสหายเก่าในวันรุ่งขึ้นแทน

         "แล้วพวกพรรคมารล่ะ?"

         "พวกเราจัดเรือนแยกทางด้านหลังสำนักเอาไว้ให้พวกมันครับ  อย่างไรเสียก็ยังไม่มีใครวางใจให้พวกมันเข้ามาพักภายในนี้หรอกครับท่าน"

         หลิวเสียะหัวพยักหน้าก่อนจะเข้าไปพักผ่อนในเรือนรับรองที่ถูกจัดเตรียมไว้เป็นพิเศษสำหรับตนเอง  เขาออกคำสั่งให้ลูกพรรคที่ติดตามมาแบ่งหน้าที่ช่วยเหลือพวกมังกรทองคอยเฝ้ายามระวังภัย  ทั้งจากภายในและภายนอกกันเลยทีเดียว  เนื่องด้วยยังมิอาจไว้ใจพวกมารได้มากนัก  ไว้รอถึงรุ่งเช้าค่อยสะสางเรื่องราวต่าง ๆ กับสหายจะดีกว่า  หลิวเสียะหัวเลือกมุมเหมาะตรงข้างหน้าต่างก่อนจะหย่อนกายลงนั่งพลางถอนหายใจยาวออกมา

         "เหอลู่เอย... การณ์มันเริ่มจะไม่เป็นไปตามที่พวกเราคาดไว้เสียแล้วสินะ"

         เจ้าสำนักหมาป่าเงินพร่ำรำพันกับตัวเองในขณะที่จ้องมองดวงจันทร์กลมโตสุกสว่างที่ด้านนอกหน้าต่าง  เฝ้าคิดคำนึงถึงเหตุการณ์มากมายในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา  และอีกหลายเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น  ด้วยความประหวั่นใจเกรงว่าโศกนาฎกรรมในครั้งนี้อาจจะไม่จบลงง่าย ๆ เป็นแน่  แต่อย่างไรเสียในฐานะเจ้าสำนักใหญ่และหัวอกของผู้เป็นบิดา  เขาย่อมมิอาจเพิกเฉยได้แน่หากคนสำคัญของตนตกอยู่ในวิกฤตอันตรายใด ๆ  ไม่ว่านั่นจะหมายถึงการที่ต้องเสียสละชีพของตนเองก็ตามที...


    @@@@@@@@@@@@


         "ชิ! พวกมันโคตรดูถูกเราเลย  ดันให้ที่พักสกปรกเหม็นอับอย่างกับรูหนูแบบนี้น่ะ!"

         ผมบ่นเป็นหมีกินผึ้งในระหว่างที่ขับลมปราณไล่ฝุ่นที่เกาะหนาตามพื้นและฝ้าเพดาน  รวบฝ่ามือดึงผงสกปรกเหล่านั้นเข้ามารวมกันไว้กลายเป็นก้อนทรายอัดแข็งขนาดเท่าศีรษะเด็ก  ตอนนี้พลังฝีมือของผมรุดหน้าขนาดที่เล็งควบคุมการปล่อยลมปราณได้อย่างลึกซึ้งและแม่นยำหาใดเปรียบ  กระนั้นยังไม่วายเจอน้องหมาตัวแสบค่อนแขวะไม่เลิกอีก

         "ไอ้หนูอย่าได้ประมาทอีกฝ่ายไปเชียว  ข้าสังหรณ์ใจว่านอกจากเกาฟานเฉียงแล้ว  เจ้าสำนักอื่นเองที่มิได้เข้าพวกกับเทียนซานก็อาจคิดเหิมเกริมสวามิภักดิ์กับศัตรูจากบนฟ้าแล้วก็ได้  เพราะฉะนั้นจงเตรียมพร้อมรับมือพวกมันให้ดีเถอะ!"

         พวกองค์รักษ์แห่งเทียนซานที่เหลือซึ่งถูกควบคุมตัวไว้กลับมาสมทบกันอีกครั้ง  พร้อมทั้งแจ้งข่าวว่าฝ่ายศัตรูเตรียมแผนใหญ่เพื่อจัดการกับพวกเราโดยใช้พวกห้าสำนักเป็นเบื้ยล่าง  ซึ่งเรื่องนี้ทุกคนก็ได้รับรู้ไปแล้วผ่านการศึกอันดุเดือดเมื่อครู่  อย่างไรก็ดี... ตอนนี้ทางเทียนซานยังคงถือไพ่เหนือกว่าเพราะมีตัวประกันคนสำคัญอย่างองค์หญิงอยู่ในกำมือ  แต่ในเมื่อฝั่งนั้นเพิ่มจำนวนไพ่ที่ใช้เล่นเกมอันตรายแบบนี้เข้ามาอีก  นั่นย่อมหมายถึงพวกมันเองก็ทุ่มสุดตัวเหมือนกันและถ้าฝ่ายใดเพลี่ยงพล้ำไปก่อนก็จะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน

         "แล้วตอนนี้ชาล็อตยังปลอดภัยดีอยู่หรือเปล่า?"

         ผมถามพวกสมุนเทียนซาน  จอมมารได้ยินดังนั้นถึงกับแค่นหัวเราะออกมาเลยทีเดียว

         "ชาล็อตงั้นรึ?  นี่เจ้าเรียกชื่อนังหนูนั่นอย่างสนิทสนมเลยเชียว? แถมยังใช้คำว่าปลอดภัยอีกด้วย  หรือว่าบางที..."

         "หนวกหูน่า! ชั้นก็แค่เป็นห่วงว่าตัวประกันจะปลอดภัยดีหรือเปล่าเท่านั้นแหละไอ้บ้า!!!" 

         ผมรีบตะโกนกลบเกลื่อนในทันที  รู้สึกว่าใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมานิดนึงแต่พยายามไม่ตอบโต้อะไรไปมากกว่านี้  ยัยนั่นมันก็แค่ตัวประกันเท่านั้นแหละน่าไม่มีอะไรไปมากกว่านี้หรอก  ที่สำคัญกว่านั้นคือจากนี้เราจะเคลื่อนไหวยังไงต่อ?  ในเมื่อพวกห้าสำนักปัญญาอ่อนมันไม่คิดจะร่วมมือกับเราอีกต่อไปแล้วเนี่ย...

         "เราจะทำตามแผนเดิมคือหาทางบุกเข้าวังหลวง  ชิงตัวองค์ฮ่องเต้และจัดการวางเพลิงให้ทั่วบริเวณไปเลย ฮ่า ๆ"

         โอ้โหแผนของน้องหมาก็ยังคงร้ายกาจและแสบสันต์เหมือนเดิม  โดยเริ่มจากการลอบเข้าไปข้างในวังหลวงผ่านทางลับที่เคยใช้เมื่อครั้งก่อน  จากนั้นจึงเสาะหาแหล่งที่ใช้คุมขังฮ่องเต้ซึ่งจากการคาดเดาของจอมมารก็คงไม่พ้นคุกใต้ดินเป็นแน่  ในระหว่างนั้นพรรคพวกที่เหลือจะเริ่มลงมือวางเพลิงตามจุดสำคัญต่าง ๆ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของพวกมัน  แยกกองกำลังของอีกฝ่ายให้ออกห่างจากกันให้มากที่สุดแล้วจากนั้นผมและน้องหมาจะจัดการไล่เก็บทีละส่วนไปเรื่อย ๆ เพื่อตัดกำลังของศัตรู  หากดูท่าไม่ดีพวกเราก็สามารถถอนตัวหนีออกมาตามทางลับใต้ดินได้ตลอดเวลา  ว่าง่าย ๆ นี่คือการรบแบบกองโจรดี ๆ นี่เอง

         "ความเสี่ยงเพียงหนึ่งเดียวที่เหลือก็คือเราไม่รู้ว่าไอ้พวกที่มาใหม่มันจะเก่งแค่ไหนสินะ?"

         จากเบาะแสล่าสุดเห็นว่าระหว่างที่เราเดินทางเข้าเมืองหลวง  พวกศัตรูได้มีกำลังเสริมลงมาจากบนฟ้าอีกรอบ  คราวนี้เป็นยานลำเล็ก ๆ ไม่สะดุดตาเท่าไหร่นัก  เห็นว่าเป็นข้าหลวงใหญ่จากสหราชอาณาจักรหรืออะไรเนี่ยแหละ  และในเมื่อทางเราไม่มีข้อมูลของอีกฝ่ายแบบนี้ก็คงเป็นการยากที่จะเตรียมแผนรับมือได้

         "บางทีนี่อาจจะเป็นศึกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเทียนซานเท่าที่เคยมีมาเลยก็ว่าได้  คืนนี้พวกเจ้าจงพักผ่อนให้เพียงพอ  หลังจากนี้จะหันหลังกลับไม่ได้อีกแล้วจำไว้!"   

         แม้ว่าแผนของเส้าเทียนอิ้งจะสมบูรณ์แบบแค่ไหน  แต่มันก็คงใช้ได้เพียงครั้งเดียวเพราะพวกมันย่อมไม่เปิดโอกาสให้เราบุกเข้าไปได้อีกครั้งแน่  ดังนั้นต้องทุ่มเททุกอย่างที่มีเพื่อเล่นงานให้ศัตรูบอบช้ำได้มากที่สุด  หลังจากนั้นเมื่อพวกห้าสำนักใหญ่เห็นว่าอีกฝ่ายเสียท่าแบบนี้  ก็คงไม่ยอมรับใช้เป็นเบี้ยล่างต่อไปอีกแน่ ๆ  กระนั้นในใจผมกลับรู้สึกถึงความกดดันบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้  บางอย่างในแผนการนี้กำลังจะนำพาพวกเราไปสู่หายนะ  หรือว่านี่จะเป็นสังหรณ์ร้ายกันนะ?  

         "ไอ้หนูคืนนี้พักผ่อนให้พอเถอะ  แล้ววันพรุ่งนี้ช่วงหัวค่ำเราจะดำเนินตามแผนที่วางเอาไว้  ไม่ต้องกังวลไปหรอกมีข้าเส้าเทียนอิ้งอยู่ด้วยทั้งคน ฮ่า ๆ"

         ดูท่าน้องหมาจะอ่านใจผมออก  จึงบอกให้รีบไปนอนโดยไม่โวยวายเหมือนทุกที  เพราะถึงยังไงแผนการนี้จะสำเร็จได้ก็ต้องพึ่งพาความสามารถและพลังทุกอย่างที่มีอยู่ในตัวของผม  และนั่นเองที่ทำให้โคตรกดดันเลยให้ตายสิ!


    จบตอน


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×