ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เทพเซียนเกรียนยุทธภพ!

    ลำดับตอนที่ #11 : ห้าพรรคใหญ่ปะทะเทียนซาน ตอนที่04

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.24K
      153
      16 ต.ค. 60


         "โอ้โหนี่มันยิ่งกว่านั่งดูหนังจีนกำลังภายในอีกนะนี่!"

         ผมถึงกับแอบส่งเสียงครางด้วยความลุ้นระทึก  เมื่อครู่เจ้าคนร่างใหญ่นี่กระโดดเข้ามาเล่นงานผมอีกแล้ว  ไม่รู้มันแค้นอะไรทางนี้กันนักหนาคนรู้จักรึก็ไม่ใช่  ยังดีที่ได้องค์รักษ์ตัวล่ำบึกโดดไปรับมือไว้ก่อน  ไม่งั้นได้งานเข้าตัวเองอีกเป็นแน่  ด้านจอมมารหมาน้อยก็ยังคงปักหลักอยู่ใต้หลังคากันต่อไปแถมมีพากษ์สดลงมาเป็นระยะอีกด้วย

         "หนังเหนียวนักรึ  ลองนี่ดูหน่อย!"

         เจ้าสำนักพยัคฆ์แดงยังคงจู่โจมอย่างบ้าเลือดจนผมนึกว่าเจ้าหมอนี่สงสัยติดเชื้อพิษสุนัขบ้ามาแน่ ๆ ถึงได้คลุ้มคลั่งขนาดนี้  มันผนึกกำปั้นเข้าหากันแล้วชกเข้าใส่ศิลามังกรแบบรัวถี่ยิบจนมองตามแทบไม่ทัน  แต่องค์รักษ์ของจอมมารก็ใช่ย่อยซะที่ไหนเพราะมันเองก็ต้านทานการบุกของเจ้านั่นได้อย่างไม่ลำบากอะไร

         "ท่านเกา  หมดเวลาเล่นแค่นี้แล้วกระมัง?"

         เจ้าศิลามังกรบอกพลางเกร็งพลังทั้งตัวจนดูเหมือนคางคกที่พองลม  โอ้หรือว่านี่คือกระบวนท่าไม้ตายแบบที่เคยเห็นในหนังกันนะ  งั้นก็แสดงว่าเตรียมจะเผด็จศึกกันแล้วสิเนี่ย? 

         "นั่นสินะ  งั้นก็จบกันเสียที!"

         แล้วคนที่ชื่อเกาฟานเฉียงนั่นก็รับมือกับพลังอันเกรี้ยวกราดของศิลามังกรด้วยมือเพียงข้างเดียว! เฮ้ย ๆ เมื่อกี้เจ้าองค์รักษ์นี่บอกว่าเป็นท่าไม้ตายไม่ใช่เรอะ  แล้วทำไมถึงเสียท่ากันง่าย ๆ แบบนี้ล่ะ  หรือเพราะเจ้าสำนักนั่นมันออมมือตั้งแต่แรกแล้ว?  ผมนั่งตัวแข็งทื่อเพราะไม่รู้เรื่องอะไรกับเขาเลยสักอย่าง  แต่ท่าทางฝ่ายธรรมะและองค์รักษ์คนอื่น ๆ จะเข้าใจเป็นอย่างดี  ถึงขนาดที่เจ้าผอมกระโดดออกไปช้อนร่างของเจ้าศิลามังกรกลับมานั่งคุกเข่าที่ข้างบัลลังก์กันเลยทีเดียว

         "จอมมาร  ข้าขออภัยด้วย...  ไอ้นี่มันร้ายกาจไม่เบา!"

         ศิลามังกรนั่งลงเดินพลังลมปราณพร้อมกับหอบหายใจหนักทีเดียว  สงสัยว่าคงกำลังใช้กำลังภายในฟื้นฟูอาการบาดเจ็บแหง ๆ แต่แบบนี้ก็เท่ากับว่าพวกองค์รักษ์เจ็ดคนนี่ฝีมือห่วยกว่าพวกห้าสำนักใหญ่นี่หว่า?  เฮ้ยแบบนี้ก็งานเข้าตรูสิฟะเพราะต่อไปคนที่ต้องสู้มันก็น่าจะ...

         "จอมมาร! อย่ามัวแต่นิ่งดูดายรีบลงมาแก้มือให้ลูกสมุนโดยเร็วเข้าสิ ฮ่า ๆ"

         นั่นไงตรูว่าแล้ว! ไอ้เบื๊อกนั่นกวักมือเรียกให้ผมรีบลงไปโดนกระทืบไว ๆ เล่นเอาทางนี้หนาวไปถึงสันหลัง  ก็จะให้ทำไงล่ะชีวิตนี้เกิดมาอย่างมากก็เคยมีเรื่องทะเลาะต่อยตีกับเพื่อนในโรงเรียนเท่านั้น  ไม่เคยไปท้าตีท้าต่อยกับเจ้าสำนักจีนยุคโบราณนะเฟ้ย!

         "ช้าก่อนไอ้ลูกสุนัข!  ตราบใดที่ข้ายังอยู่แกไม่มีทางแตะต้องท่านประมุขแม้เพียงปลายเล็บ!"

         ศิลามังกรกางแขนสองข้างเข้ามาขวางไว้ได้ทันเวลาพอดี  เยี่ยมไปเลยบอดี้การ์ดมันก็ต้องแบบนี้สิถึงจะถูก  ว่าแล้วทั้งสองคนก็ตั้งท่าเตรียมต่อสู้กันอีกรอบ  ถ้าไม่เพราะเสียงของจอมมารตัวจริงอย่างเส้าเทียนอิ้งเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน

         "ฮ่า ๆ ห้าสำนักใหญ่เองก็พัฒนาฝีมือรุดหน้าขึ้นมากเลยนี่  ช่างผิดหูผิดตาไปจากเมื่อครั้งในความทรงจำของข้าจริง ๆ"

         ครั้งก่อนที่ว่านี่คงหมายถึงเรื่องตั้งแต่ก่อนที่จะทำพิธีเทียบร่างเชิญวิญญาณสินะ  ผมคิด  งั้นก็แสดงว่าเจ้าพวกนี้เคยต่อสู้กันมาครั้งนึงแล้วนี่หว่า  โอ๊ยไอ้พวกบ้าเลือดชอบการต่อสู้  ชีวิตพวกเอ็งวัน ๆ ไม่คิดจะทำงานทำการหรือทำประโยชน์อะไรอย่างอื่นเลยใช่มั้ยหา?

         "พวกเราชาวยุทธเฝ้าฝึกฝนวิชาเพื่อพัฒนาฝีมือและผดุงคุณธรรม  จึงต่างจากพวกมารที่ชอบข่มเหงรังแกชาวบ้าน  ท่านจึงมิได้เห็นห้าสำนักใหญ่ลงมือทำร้ายผู้ใดให้เป็นที่เปรียบเทียบกระมัง?"

         คราวนี้เป็นชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับผม  แต่บุคลิกท่าทางต่างจากเจ้าจอมยุทธเจ็ดขี้โอ่นั่นอย่างเห็นได้ชัด  เพราะหมอนี่ดูสุขุมเยือกเย็นเป็นผู้ใหญ่กว่ามาก  ส่วนหน้าตาก็พอไปวัดไปวาได้  แต่หล่อน้อยกว่าผมนิดนึง อิอิ

         "แล้วคุณชายท่านนี้คือ?"

         "ข้าคือหลิวเย่อจื่อ  บิดาของข้าหลิวเสียะหัวสุขภาพไม่สู้ดีจึงสั่งให้ข้ามาเป็นตัวแทนของพรรคหมาป่าเงินขอรับ"

         หลิวเย่อจื่อแนะนำตัวพร้อมแสดงความเคารพจอมมารอย่างรู้มารยาท  ดูท่าว่าสำนักนี้คงไม่บ้าเลือดเหมือนเจ้าพวกพยัคฆ์แดง  เท่านี้ผมก็พอจะรู้จักเจ้าสำนักใหญ่ทั้งห้าแบบคร่าว ๆ แล้วคือ จางเหอลู่แห่งมังกรทอง  เกาฟานเฉียงแห่งพยัคฆ์แดง  หลิวเย่อจื่อแห่งหมาป่าเงิน  หยางจิวเทียนแห่งเหยี่ยวดำและสำนักสุดท้ายคือช้างเขียวแต่ยังไม่รู้ว่าเจ้าสำนักชื่อแส้อะไร

         "อ้อ! คุณชายหลิวนี่เอง  ท่านพ่อของเจ้าเป็นจอมยุทธคุณธรรมต้นตำรับของแท้  เจ้าสำนักอื่นน่าดูไว้เป็นเยี่ยงอย่างเสียจริง ฮ่า ๆ"

         จอมมารตัวแสบไม่วายแขวะกัดชาวบ้านเขาอีก  ถ้าจะถามว่าอะไรเป็นสาเหตุให้สำนักอื่นเค้าชิงชังพวกมาร  เหตุผลนึงคงไม่พ้นเรื่องฝีปากของตัวมันเองนี่แหละ  เฮ้อ... ตอนแรกแค่ปากที่เหมือนหมา  แต่ตอนนี้กลายเป็นหมาทั้งตัวก็สมควรล่ะนะ  พวกสำนักใหญ่ที่เหลือดูจะเดือดขึ้นเล็กน้อยแต่ยังพยายามเก็บท่าทางเอาไว้

         "อย่างที่ข้าบอกเอาไว้  การกำราบความชั่วมิให้กำเริบก็ถือเป็นหนึ่งในคุณธรรมที่จำเป็นเช่นกัน!"

         หยางจิวเทียนกล่าว  ก่อนจะหันไปสบตากับจางเหอลู่พร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อย  ดูทรงแล้วเจ้าสองคนนี้คงแอบเตี๊ยมอะไรกันไว้ล่วงหน้าแล้วแหง ๆ  เพราะอุตส่าห์ดั้นด้นมาถึงพรรคมารทั้งทีคงไม่ใช่วิ่งมาบอกรักแน่ ๆ

         "เส้าเทียนอิ้ง  ในเมื่อท่านปากแข็งไม่ยอมรับในความผิดที่กระทำ  เห็นทีพวกข้าคงต้องลงมือเพื่อผดุงไว้ซึ่งคำว่าคุณธรรมเสียแล้ว!"

         เอาล่ะสิ ทีนี้พวกมันจะเล่นมุกหมาหมู่รุมกันซึ่ง ๆ หน้าแบบนี้เลย  แล้วตรูจะเอาตัวรอดได้ยังไงล่ะเนี่ย  บรรดาประมุขแห่งห้าสำนักใหญ่ต่างลุกขึ้นยืนโดยพร้อมเพรียงกัน  นั่นไง! เจ้าพวกนี้ปากก็บอกจะเจรจาแต่ที่จริงคือเห็นฝีมือของพวกองค์รักษ์ยังไม่เท่าไหร่  เลยจะใช้วิธีรุมตีนกันเลยสินะ

         "ช้าก่อน! พวกท่านเป็นถึงสำนักใหญ่เสาหลักแห่งยุทธภพจะกระทำการอันต่ำช้าอย่างหมาหมู่เช่นนี้เลยหรือ?"

         "หุบปาก! ต้นเหตุมันเกิดจากพวกเจ้ากระทำความชั่วต่างหากเล่า  จะโทษพวกข้าได้อย่างไร"

         เจ้าเกาฟานเฉียงบอกทั้งที่เนื้อเต้นใหญ่แล้ว  ชะรอยว่าหมอนี่ต้องแอบพี้ยาก่อนเดินเข้ามาในห้องโถงพรรคแน่ ๆ ทั้งคึกทั้งดีดไม่เลิกแบบนี้

         "เช่นนั้นก็คงเลี่ยงมิได้จริง ๆ  ลงมือได้!"

         เมื่อสิ้นคำสั่งของจอมมาร  ลูกดอกเล็ก ๆ จำนวนมากก็พุ่งออกมาจากช่องลับที่แอบซ่อนไว้ตามกำแพงและเสาเรือน  ฝ่ายธรรมต่างตกใจเร่งรับมืออาวุธลับกันเป็นพัลวัน  ทว่าปริมาณนั้นมากเกินกว่าจะจัดการได้ทั้งหมดจึงมีบางคนที่โดนลูกดอกปักเข้าให้  แม้แต่ผมเองยังตะลึงไม่คิดว่าเจ้าหมาน้อยจะกล้าใช้วิธีลอบกัดเล่นงานชาวบ้านเขาเหมือนกัน... 


    จบตอน

        
        
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×