ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เทพเซียนเกรียนยุทธภพ!

    ลำดับตอนที่ #15 : เหตุวิกฤตหลังม่านพลังเขตมิติ

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.71K
      117
      16 ก.ย. 60


         "เจ้านี่ฝีมือไม่เบาเลยนะ"
       
         สาวสวยเจ้าของจี้ห้อยคอคนนั้นวิ่งตามมาจนเจอตัวผม  ที่แท้เธอรู้ตัวว่าทำของตกเอาไว้จึงย้อนกลับมา  แล้วได้เห็นการต่อสู้เท่ ๆ ระหว่างตัวผมเองกับพวกชายโฉดนั่นเมื่อครู่นี้  แน่นอนว่าไอ้เราก็ต้องทำคะแนนเพิ่มด้วยการยื่นจี้เส้นนั้นคืนให้กับเจ้าของและเสยผมสักทีนึง

         "พอดีผมเห็นว่าพวกมันคิดจะขโมยสร้อยเส้นนี้  ก็เลยต้องสั่งสอน... แอ๊ก!!!"

         ยังไม่ทันพูดจบประโยคดีเลย  แม่สาวจอมโหดก็จัดการถีบเข้าให้พร้อมกับแย่งจี้ห้อยคอแล้ววิ่งหนีไป  อะไรวะเนี่ย! คนเค้าอุตส่าห์เก็บไว้ให้แต่ดันทำตัวไม่มีมารยาทแบบนี้คงต้องอบรมนิสัยกันสักหน่อยแล้ว  ผมไล่ตามสาวสวยคนนั้นไปในทันที  ซึ่งด้วยพลังยุทธที่มีทำให้ตามทันในเวลาไม่นานนัก  ครั้นแม่นั่นจะกระโจนขึ้นหลังคาเพื่อหลบหนีก็ไม่พ้นเจอคว้าจับไว้ได้เสียก่อน

         "ว๊าย! เจ้าจะทำอะไรน่ะไอ้คนไร้มารยาท!"

         "เอ็งต่างหากล่ะที่ไร้มารยาทน่ะ! มีอย่างที่ไหนคนเค้าเก็บของมาคืนให้ดันทำร้ายกันแบบนี้?"

         สาวเจ้าไม่ยอมจึงออกมือเท้าต่อสู้  ไอ้เราก็ไม่ค่อยอยากทำร้ายคนสวย ๆ จึงตกเป็นฝ่ายตั้งรับเสียนี่  แต่ดู ๆ ไปแล้วแม่นี่หน้าตาคุ้น ๆ อยู่นะ?  เหมือนเคยเห็นหรือเจอกันที่ไหนมาก่อนแต่ดันนึกไม่ออกเลยแฮะ 

         "เฮ้ยพอ ๆ หยุดสักทีเถอะแม่คู๊ณณ!!!"

         ผมรู้สึกรำคาญจึงซัดฝ่ามือเข้าไปแถว ๆ หน้าท้อง  แม้อีกฝ่ายจะระวังตัวและยกท่อนแขนขึ้นป้องกันเอาไว้ได้แต่ก็ยังเจ็บจุกเสียดไม่เบา  เธอนั่งคุกเข่าลงหอบหายใจแรงทว่ายังไม่ยอมแพ้  ใช้วิชาฝ่ามือพุ่งเข้าโจมตีอย่างรวดเร็วจนผมตั้งรับแทบไม่ทัน  อา... นึกออกแล้ว! ไอ้พลังสายฟ้าที่ฉาบไปทั่วมือทั้งสองข้างของแม่สาวนี่มันเป็นวิชาแบบเดียวกับคนที่ชื่อหลิวเย่อจื่อเลยนี่หว่า  แถมพอสังเกตดี ๆ แล้วหน้าตาก็ยังมีส่วนคล้ายกันอีก

         "เธอเป็นญาติกับคนที่ชื่อหลิวเย่อจื่อใช่มั้ย?"

         เท่านั้นแหละสาวสวยพลันหยุดมือในทันที  ดูเหมือนเธอจะแปลกใจมากที่จู่ ๆ ก็มีคนทักขึ้นมาแบบนี้จึงได้จ้องหน้าผมเขม็งเลย

         "เหตุใดเจ้าจึงคิดเช่นนั้น?"

         "ก็ชั้นได้เห็นพลังสายฟ้านั่นมาก่อนแล้วที่... เอ๊ย! เคยได้ยินคนพูดกันถึงวิชานี้น่ะสิ"

         เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ  ขืนบอกไปว่าได้เห็นที่พรรคเทียนซานเมื่อวันก่อนเดี๋ยวกลายเป็นเรื่องเป็นราวให้ปวดหัวกันอีก  สาวน้อยได้ยินเช่นนั้นก็ลดมือและผ่อนท่าทีอันตึงเครียดลง  แต่ไม่วายจ้องผมตั้งแต่หัวจรดเท้าเหมือนกับกำลังมองมนุษย์ต่างดาวยังไงยังงั้นแหละ

         "เจ้านี่แปลกคนนะ  พูดจาไม่เหมือนชาวบ้านซ้ำยังแข็งแกร่งจนผิดปกติอีก  หรือว่าเจ้าจะมาจากนอกด่าน?"


     @@@@@@@@@@@@


         ในระหว่างที่ชายหนุ่มกับหญิงสาวกำลังยืนสนทนากันอยู่  เจ้าตาแก่ขี้เมาก็ร่ำสุราอยู่บนแนวกำแพงวัดใกล้กันนั้น  เฝ้าสังเกตพฤติกรรมและลอบฟังทุกบทสนทนาของเด็กหนุ่มผู้เป็นร่างทรงเส้าเทียนอิ้งอย่างตั้งอกตั้งใจ  ทันใดนั้นเองมันรับรู้ได้ถึงเหตุวิกฤตที่อีกฟากของม่านมิติกาลเวลา  ตาแก่ไม่รอช้ารีบเหาะเหินเดินอากาศข้ามเส้นแบ่งรอยต่อมิติไปยังห้วงอวกาศอันไกลโพ้น  ท่ามกลางมวลหมู่ทะเลดาวนั่น  กองทัพหุ่นรบที่มีโครงสร้างตัวถังแบบเดียวกับมนุษย์กำลังทำสงครามต่อสู้กับเผ่าต่างดาวอย่างดุเดือด  ที่บริเวณหัวไหล่ของหุ่นรบทุกตัวมีติดสัญลักษณ์เป็นรูปผืนธงสี่เหลี่ยมสีขาว  ประดับด้วยดาวสีทองรายล้อมเงาศีรษะราชสีห์แดงหันด้านข้าง  อันเป็นเครื่องหมายของ สหราชอาณาจักร  ซึ่งทำสงครามแย่งชิงดวงดาวมานักต่อนัก
           
         "TFG-3684  กำลังลดระดับลงสู่ชั้นบรรยากาศ  เจ้าหน้าที่รวมถึงนักบินทุกคนโปรดเข้าประจำตำแหน่งสถานีรบ!"

         เสียงแจ้งเตือนผ่านทางอินเตอร์คอมดังไปทั่วลำยานอวกาศ  มนุษย์ทุกคนในนั้นต่างเร่งเข้าประจำตำแหน่งหน้าที่ของตนอย่างเคร่งครัด  ไม่นานนักยานรบขนาดมหึมาก็เข้าสู่ชั้นบรรยากาศของดวงดาวบ้านเกิดเหล่าเอเลี่ยนเผ่า วอนอชบี  ท่ามกลางการยิงปะทะของเจ้าบ้านอย่างเข้มข้น

         "เกียร์ออร์ก้า ทุกลำประจำตำแหน่งที่ท่าส่งพร้อมออกปฎิบัติการแล้วครับ!"

         เสียงโอเปอร์เรเตอร์บนห้องควบคุมแจ้งแก่กัปตันยานรบ  เมื่อได้อาณัติสัญญาณไฟเขียวก็ออกคำสั่งให้ทุกหน่วยออกจู่โจมศัตรูในทันที  เหล่าหุ่นรบขนาดใหญ่กว่ามนุษย์ปกติสักราวเมตรครึ่งก็ถูกปล่อยจากแท่นส่ง  เข้าโรมรันกับแนวรับของพวกวอนอชบีอย่างรวดเร็วรุนแรง  หุ่นรบเหล็กพวกนี้ทำหน้าที่ได้เต็มประสิทธิภาพจนทัพฝ่ายเอเลี่ยนแตกกระเจิงไม่เป็นท่า  ใช้เวลาสักหกชัวโมงเศษก็สามารถจัดการกับป้อมปืนต่อสู้อากาศยานและฐานเก็บอากาศยานของศัตรูได้แทบทั้งหมด  เรียกว่าเป็นกลยุทธเด็ดปีกเวหาของอีกฝ่ายเพื่อครองน่านฟ้าโดยสมบูรณ์  โดยทางนี้เสียเกียร์ออร์ก้าไปราวสิบสามตัวเท่านั้น    

         "ของหมู ๆ เท่านี้ดาวดวงนี้ก็จบเห่ล่ะนะ!"

         หนึ่งในทีมผู้ควบคุมเกียร์ออร์ก้าด้วยระบบบังคับระยะไกลผิวปาก  แต่โดนหัวหน้าเขกหัวเข้าให้พร้อมกับบอกว่าอย่าประมาท  เพราะพวกวอนอชบีนั้นเก่งกาจในด้านสงครามกองโจร  อีกทั้งพื้นที่กว่า 80% บนพื้นผิวดาวดวงนี้ยังเป็นป่ารกชัฎที่มีพืชยืนต้นขนาดยักษ์สูงถึงเกือบสิบหกเมตร  ทำให้เกียร์ออร์ก้าไม่สามารถปฎิบัติการได้เต็มที่ในภูมิประเทศเช่นนี้

         "โธ่บอส! กะอีแค่ดาวเลเวล B+ แบบนี้มันจะสักเท่าไหร่กันเชียว?  จำไม่ได้เหรอตอนไปลุยกะพวก ทีมูมูมบา ระดับ A+ น่ะโหดสัสกว่านี้ตั้งเยอะนา"

         บางคนถึงกับเสนอให้ทิ้งบอมแบบปูพรมเผาป่าทำลายศัตรูในคราวเดียวไปเลย  แน่นอนว่าเจอเขกกะโหลกกันไปอีกรอบ  เพราะเป้าหมายหลักในสงครามครังนี้ก็คือทรัพยากรทั้งไม้เนื้อดีและแร่ธาตุตามหน้าผิวดินและอัญมณีที่ซุกซ่อนอยู่ใต้ชั้นดิน  ขืนเผาวอดจนหมดป่าก็เท่ากับทุบหม้อข้าวตัวเองน่ะสิ  ใครมันจะบ้าทำแบบนั้นกัน

         "จะบอกว่าความประมาทคือหนทางแห่งความพ่ายแพ้สินะคะ  ยังเป็นคนรอบคอบเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะหัวหน้าเนี่ย"

         ชาล็อต ซี ฟอนบราวน์  สาวสวยผมสีบลอนด์เดินเข้ามายังห้องควบคุมระบบเกียร์ออร์ก้าที่อยู่ใต้สะพานเดินเรือ  ทุกคนในห้องต่างลุกขึ้นทำความเคารพในทันที  เนื่องด้วยฐานันดรอันสูงส่งของเธอ  หลานสาวของ ราชินีคลาวเดีย  ผู้เป็นจ้าวแห่งสหราชอาณาจักรปกครองดวงดาวต่าง ๆ ในย่านใกล้เคียงกับระบบสุริยะ

         "ท่านผู้หญิงชาล็อตเดินทางมาเยี่ยมเยียนสถานีรบถือเป็นเกียรติอย่างสูงครับ!"

         หัวหน้าหน่วยกล่าวอย่างแข็งขัน  ก่อนจะให้ทุกคนเข้าประจำตำแหน่งทำหน้าที่ตามเดิมโดยมีคุณหนูผู้สูงศักดิ์ยืนชมสถานการณ์อยู่ห่าง ๆ พร้อมรอยยิ้ม  เธอเฝ้ามองความพินาศของอีกหนึ่งอารยธรรมผ่านทางมอนิเตอร์บนยานด้วยความกระหายอยากได้ทั้งลาภยศ อำนาจ เสียงสรรเสริญและทรัพยากรอันมีค่าของดาวดวงนี้  ไม่ว่าอีกฝ่ายจะยอมหรือไม่ก็ตามที...


    จบตอน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×