ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เทพเซียนเกรียนยุทธภพ!

    ลำดับตอนที่ #27 : ภาพนิมิต

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.64K
      66
      5 ต.ค. 60


         เมื่อคืนนี้ผมนอนหลับสบายไปหน่อยเลยตื่นสายเสียได้  แต่เอาจริง ๆ ส่วนใหญ่ก็ไม่เคยตื่นเช้านอกจากตอนไปโรงเรียนล่ะนะ  ตาเฒ่าไม่อยู่บ้านสงสัยว่าจะออกไปเก็บของป่าแต่เช้าแน่ ๆ เลย  เมื่อวานนี้เล่นทุบโต๊ะจนมือแทบพังทำเอาเป็นห่วงแต่สงสัยจะไม่เป็นอะไรมาก  แล้วนี่จะเอายังไงกับชีวิตดีล่ะเนี่ยเรา?

         "ฮ่าห์!"

         จังหวะนั้นเองที่หูของผมได้ยินเสียงเหมือนใครกำลังตั้งสมาธิจดจ่ออยู่ไม่ไกล  เลยเดินออกไปดูเสียหน่อย  ตอนแรกก็นึกว่าอยู่ข้าง ๆ กระท่อมเสียอีก  ที่ไหนได้เจ้าของเสียงนั้นอยู่ห่างจากบ้านของตาแก่ไปตั้งเกือบสองร้อยเมตรเชียว  นี่หูของตรูดีขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย?  และที่สำคัญกว่านั้นคือเจ้าของเสียงดังกล่าวคือสาวสวยที่ผมเคยพอเจอเมื่อครั้งที่ปะทะกับพวกสมิงหนุ่มเสียด้วย!  เธอกำลังซุ่มฝึกวิชาอะไรบางอย่างที่ดูเหมือนการกวัดแกว่งกระบี่ไปมาทั้งที่ไม่ได้ถืออะไรในมือแท้ ๆ  แล้วทำไมถึงต้องแอบมาฝึกวิชาแบบลับ ๆ ล่อ ๆ กลางป่ากลางเขาแบบนี้ด้วยนะ  ผมรีบหลบหลังต้นไม้ใหญ่เพื่อสอดแนมพฤติกรรมอันน่าสงสัยนี้  ไม่วายโดนสาวเจ้าจับได้อีก

         "ใครกัน! ปรากฏตัวออกมาเดี๋ยวนี้นะ!"

         ปราณสายฟ้าพุ่งจากปลายนิ้วของสาวสวยเข้าปะปะที่โคนต้นไม่ไกลจากที่ผมแอบอยู่เท่าไรนัก  เพียงแค่นั้นก็ผ่าแยกลำต้นอันหนาของต้่้นไม้ให้ขาดออกจากกันได้อย่างง่ายดาย  ด้วยความตกใจผมรีบชูแขนทั้งสองข้างขึ้นและเดินออกมาต่อหน้าอีกฝ่ายในทันที

         "ยอมแล้ว ๆ ข้าไม่ใช่คนร้ายหรือพวกไม่ประสงค์ดีหรอกนะ!"

         "เจ้า! เจ้าคือคนเมื่อตอนนั้นนี่นา?"

         ดูเหมือนว่าเธอเองก็จำผมได้เช่นกัน  แอบเขินเลยนะเนี่ยที่คนสวย ๆ แบบนี้จำหน้ากันได้  ทว่าแทนที่จะได้คุยกันฉันหนุ่มสาวปกติก็กลายเป็นว่าแม่คุณชักกระบี่เล่มยาวออกมาจ่อคอหอยผมเสียก่อนนี่

         "เจ้าลอบติดตามข้ามาด้วยเหตุใดกัน?  รีบตอบมิเช่นนั้นหัวจะหลุดจากบ่า!"

         โอยคนของสำนักหมาป่าเงินทำไมถึงได้มือไวใจเร็วกันขนาดนี้  เมื่อคราวของเจ้าหลิวเย่อจื่อก็ทีนึงล่ะเอะอะชอบเอากระบี่พาดคอชาวบ้านเล่นตลอด  แต่ฝีมือของแม่สาวคนนี้ยังไม่ได้ครึ่งของหมอนั่นหรอก  เมื่อเธอเผลอเปิดช่องว่างผมก็จัดการเบี่ยงปลายกระบี่ออกแล้วปลดอาวุธจากมือมาถือไว้เอง  ครั้นกระหยิ่มนึกว่าชนะแล้วก็เจอทีเด็ดสาวน้อยซัดด้วยวิชาดรรชนีในทันที  แม้ว่าพลังจะอ่อนด้อยแต่สายฟ้าที่แฝงมากับลมปราณทำให้ผมรู้สึกช็อตตัวชาไปนิดหน่อยเหมือนกัน

         "ยังคิดขัดขืนอีกนะ  ข้าจะจับเจ้ามัดไว้แล้วรีดเบาะแสคนบงการให้จงได้!"

         "เอาไว้ชนะได้ก่อนแล้วค่อยโม้นะสาวน้อย"

         พลังปราณขั้นสีม่วงส่องประกายเจิดจ้าที่ฝ่ามือของผม  หลายวันมานี้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมายและมันก็ช่วยขัดเกลาฝีมือการควบคุมพลังภายในของตนเองให้ดียิ่งขึ้น  สาวสวยม่ทันระวังเลยโดนซัดเข้าไปเต็ม ๆ หนึ่งดอกแถวซี่โครง  นี่ขนาดผมออมแรงไว้เยอะแล้วแต่สีหน้าของเธอก็ยังดูเจ็บปวดมาก

         "เอาล่ะ... ทีนี้ก็มานั่งจับเข่าคุยกันดี ๆ ไม่มีเกรียนได้แล้วนะ!"

         ผมจับเธอมัดด้วยเถาวัลย์ที่หาได้จากบริเวณนั้นเพื่อไม่ให้อาละวาดอีก  แล้วจึงค่อย ๆ อธิบายเหตุผลที่โผล่หน้ามาเจอตอนอีกฝ่ายกำลังซุ่มฝึกวิชาพอดี  สาวน้อยได้ยินผมเล่าก็ผ่อนคลายความตึงเครียดลง  ท่าทางเธอจะมีโจทก์อยู่ไม่น้อยถึงได้ระมัดระวังตัวเสียเหลือเกิน  เท่าที่นึกออกก็พวกสมิงหนุ่มล่ะแน่นอนหนึ่งกลุ่ม

         "ทีนี้ตาข้าถามบ้างว่าทำไมเจ้าถึงมาฝึกวิชาลับ ๆ ล่อ ๆ ในป่าเขาแบบนี้  ไม่ไปฝึกในสำนักของตัวเองกันเล่า?"

         "หึ! มันไม่ใช่กงการอะไรของเจ้าสักหน่อย!"

         อ้าวปากเสียแบบนี้เดี๋ยวได้โดนอีกดอกหรอก  ผมนี่เงื้อมือเตรียมจะซัดอีกซักป้าบสองป้าบให้หลาบจำ  คุณเธอเลยต้องเปิดปากเล่าว่าที่ไม่ฝึกในสำนักหมาป่าเงินก็เพราะทนความกดดันไม่ไหว  เนื่องด้วยทุกคนต่างก็เอาแต่เปรียบฝีมือเธอกับพี่ชายอยู่เสมอ

         "เฮ้ ๆ พี่ชายที่ว่านี่หรือจะเป็น..."

         "ใช่! ไอ้คนบ้าที่ชื่อหลิวเย่อจื่อนั่นแหละที่เป็นพี่ชายของข้า!"


    @@@@@@@@@@@@


         จอมมารนั่งหน้านิ่วอยู่กับมัจจุราชอเวจีและพวกพ้องแห่งเทียนซาน  เมื่อคืนมันแทบไม่ได้นอนเลยเนื่องจากสอบเค้นความจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่ตาแก่นี่อยู่เบื้องหลัง  แม้มัจจุราชจะไม่เปิดปากเล่าอะไรให้ฟังมากนักแต่เส้าเทียนอิ้งก็ยังให้บรรดาลูกสมุนรุมขู่กรรโชกสารพัด 

         "ฮ่า ๆ น่าขันเหลือเกินจอมมาร!  ขนาดคราวที่แล้วเจ้าปะทะกับข้าด้วยตนเองยังกินกันไม่ลง  แล้วมีหรือที่ฝีมือพวกสวะปลายแถวเช่นนี้จะระคายผิวข้าได้?"

         เส้าเทียนอิ้งเองก็ไม่ได้คาดหวังว่าลูกสมุนของตนจะชิงชัยกับเจ้าปิศาจตนนี้ได้หรอก  เพียงแต่ตอนนี้มันมีแค่รอเวลาให้ได้ร่างของตนกลับคืนมาภายในจันทร์เพ็ญครั้งหน้าก็เท่านั้น  ในระหว่างนี้ต้องคอยจับตามองไม่ให้มัจจุราชใช้แผนชั่วร้ายอะไรมาดักทางกันอีก

         "ถ้าข้าคิดเอาจริง  พวกเจ้าคงม้วยมรณาสิ้นสูญทั้งพรรคไปเรียบร้อยแล้ว"

         "แล้วใยเจ้าจึงไม่คิดเอาจริงเสียทีเล่า?"

         ได้ยินดังนี้แววตาของมัจจุราชก็เปลี่ยนไป  มันไม่สบตากับจอมมารแต่ใช้วิธีพูดกับลมฟ้าอากาศทางอื่นแทน  

         "เวลาเริ่มงวดเข้ามาทุกขณะแล้ว...  อันที่จริง เวลา ก็เป็นเพียงแค่ปัจจัยเล็ก ๆ เท่านั้น  ก่อนที่พายุลูกใหญ่จะถาโถมเข้าทำลายทุกสิ่งทุกอย่างจนราบพนาสูร  แม้ข้ามัจจุราชอเวจีผู้นี้จะยิ่งใหญ่ทรงพลังเพียงไหนก็ไม่อาจหยุดยั้งได้"

         "จะเพ้อเจ้ออะไรมันก็เรื่องของเจ้า  ข้าสนแค่เรื่องของข้าเท่านั้น  เอาล่ะตอบมาว่าเจ้าวางแผนทั้งหมดนี้ไปเพื่ออะไรกัน!"

         จอมมารไม่สนใจเรื่องพายุหรือเหตุการณ์ไร้สาระที่มัจจุราชยกมาอ้างเพื่อเบี่ยงประเด็น  มันสนแค่เรื่องที่เจ้านี่บังอาจขัดขวางพิธีการอันสำคัญยิ่ง  แถมยังวางแผนลักพาตัวภาชนะอันทรงคุณค่ามาเก็บซ่อนไว้ในป่าแห่งนี้อีก

         "สนแค่เรื่องของเจ้า?  เจ้าแน่ใจแล้วหรือที่พูดแบบนี้  มาสิข้าจะให้เจ้าดูนิมิตบางอย่าง  ทีนี้เจ้าช่วยตอบข้าหน่อยว่าหายนะครั้งนี้มันไม่เกี่ยวข้องกับเจ้าจริง ๆ"  

         แล้วตาเฒ่าก็เนรมิตภาพลวงตาที่มีเพียงเส้าเทียนอิ้งและมันเท่านั้นสามารถมองเห็น  ภาพของ
    เจ้าสัตว์ประหลาดร่างยักษ์สีดำทมิฬยืนสูงตระหง่านบดบังรัศมีแห่งดวงอาทิตย์จนมิด  ร่างของมันประกอบไปด้วยโลหะและกลไกมากมายท่าทางน่าสยดสยองราวกับเทพมรณา  และพื้นที่เจ้าสัตว์ประหลาดยืนอยู่ก็คืออาณาบริเวณที่เต็มไปด้วยเศษซากปรักแห่งแว่นแคว้นอันยิ่งใหญ่ของต้าหลง  ท่ามกลางเสียงร้องโหยหวน  สิ้นหวังและทุกข์ทรมานของผู้คนภายใต้เปลวเพลิงดั่งภาพจากนรกอเวจี  ที่ตรงนั้นจอมมารเห็นตนเองกำลังยืนประจันหน้ากับเจ้าสัตว์ยักษ์มหึมานั่น  บาดเจ็บสาหัสอาบเลือดนองกาย  ได้แต่ฝืนยืดหยัดอยู่เพียงลำพังอย่างอ้างว้างเดียวดาย 

    ก่อนที่ภาพนิมิตนั้นจะเลือนหายไป...



    จบตอน
        
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×