ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เทพเซียนเกรียนยุทธภพ!

    ลำดับตอนที่ #30 : ทดสอบพลังใหม่

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.54K
      67
      11 ต.ค. 60


         "โว้ยยยย เลิก ๆ เรื่องที่มันทำไม่ได้ยังไงมันก็ทำไม่ได้อยู่ดีนั่นแหละ!"

         ผมโวยวายเสียงดังลั่น  หลังจากที่พยายามรีดเร้นลมปราณจากทั่วร่างอย่างสุดชีวิตแต่คว้าน้ำเหลวอีกเป็นรอบที่ร้อย  ท้องก็ร้องจ๊อก ๆ เพราะไม่มีอะไรตกถึงมันเป็นเวลาเกือบสี่วันแล้ว  นี่ดีว่าเป็นร่างของจอมมารนะขืนเป็นร่างคนปกติคงผอมแห้งตายไปนานล่ะ

         "ไม่ใช่ ๆ เจ้าขับชีพจรผิดวิธีแล้ว  มันต้องโคจรพลังจากด่านต้นไปที่ท้องน้อยแล้วกระจายไปตามส่วนต่าง ๆ นี่เจ้าเล่นหมุนทวนทิศแถมยังผิดลำดับอีกต่างหาก!"

         เจ้าศิลามังกรเองก็หัวเสียไม่แพ้กันกับผม  เพราะมันก็ต้องคอยเป็นคนติววิชาให้จนไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันด้วยกัน  นอกจากนั้นก็มีบรรดาเจ็ดองค์รักษ์คนอื่น ๆ สลับสับเปลี่ยนกันเข้ามาสั่งสอน  แต่ทุกรายล้วนแต่ส่ายหัวและหนีไปกันหมด  เฮ้ยไม่ใช่ว่าผมโง่นา! เพียงแต่ไม่ชอบและไม่สนใจไอ้วิชาลมปราณนี่ต่างหาก  เอาจริง ๆ นะแค่พลังขั้นสีม่วงนี่ก็ไม่เห็นมีใครเก่งพอจะสู้ได้เลย  แบบนี้ก็น่าจะใช้ได้แล้วไม่ใช่รึไงฟะ?

         "ได้ยินมาว่าเจ้าหมุนลมปราณทวนทิศได้ด้วยหรือ?"

         จอมมารในร่างน้องหมาเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับสินหุ่ย  มันได้ยินจากองค์รักษ์คนอื่นว่าผมดื้อด้านแถมยังเถียงคำไม่ตกฟาก  นอกจากนี้ยังเดินลมปราณผิดทิศทางอีกต่างหาก  หนอย! อย่าให้ตรูหลุดจากตรวนที่มือเท้านี้ออกไปได้นะ  จะไล่ตบปากเรียงตัวเลยข้อหาขี้ฟ้องเจ้านายเนี่ย

         "เจ้าไปรู้วิธีเดินลมปราณทวนทิศนี้มาจากที่ไหน? หรือว่า..."

         เส้าเทียนอิ้งส่งเสียงฮึมฮัมในลำคอเหมือนคิดอะไรบางอย่างที่สำคัญมากอยู่  เอ่ยคือที่จริงไอ้การเดินลมปราณทวนทิศนี่มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรขนาดนั้น  ก็แค่ก่อนหน้านี้ผมไปฟังเรื่องขี้โม้ของตาเฒ่าเก็บของป่ามาไง  พอโดนจับมาฝึกวิชาลมปราณเลยไขว้ไปนึกถึงคำพูดของตาแก่นั่นขึ้นมาแล้วพลังมันก็วิ่งไปตามที่ใจคิด  ซึ่งก็คงผิดวิธีน่ะแหละเพราะลมปราณผมมันพุ่งไปมากกว่าขั้นสีม่วงไม่ได้เลยสักนิด

         "มานี่ข้าจะแนะเคล็ดลับของการเดินลมปราณให้!"

         อยู่ ๆ น้องหมาก็หัวเสียอะไรไม่รู้แล้วพาลจับตัวผมมาติวเข้มชนิดโหดสุด ๆ  ด้วยการขึงข้างฝาแล้วให้เจ็ดองค์รักษ์ซัดฝ่ามือใส่เรียงตัว!  ไอ้บ้าเอ๊ยถึงจะมีพลังคุ้มครองตัวแต่โดนเข้าไปหลาย ๆ รอบก็เจ็บเหมือนกันนะเฟ้ย  นี่คนนะไม่ใช่กระสอบทราย

         "เอ้า! ถ้าไม่อยากทรมานก็ขับลมปราณขั้นสูงออกมาให้ได้โดยเร็วเข้าสิ!"

         เจ้าศิลามังกรและมารผมขาวต่างดาหน้ากันเข้ามาเล่นงานผมอย่างต่อเนื่อง  บวกกับความหิวกระหายและความเหนื่อยล้าที่สะสมมาจนถึงวันนี้ผลักดันให้ผมไปถึงขีดจำกัดในที่สุด  เมื่อจิตร้องตะโกนอยู่ภายในร่างว่าไม่ไหวอีกต่อไปแล้วโว้ย!  คลื่นพลังก็ล้นทะลักออกมาราวกับทำนบกั้นน้ำที่พังทลาย  ผมรู้สึกได้อย่างชัดเจนเลยว่ากระแสปราณไหลบ่าจากท้องน้อยไปตามจุดต่าง ๆ ตามร่างกาย  ลำแสงสีแดงห่อหุ้มตัวผมไว้ในขณะที่เกร็งพลังเพียงนิดก็ทำลายเหล็กดำที่ตรึงแขนขาให้กลายเป็นผุยผงในพริบตา

         "ศิลามังกร มารผมขาวและอสูรแปดหน้า  ไปทดสอบฝีมือมันหน่อยซิ!"

         จอมมารหัวเราะชอบใจในระหว่างที่ออกคำสั่งให้สามในเจ็ดองค์รักษ์เข้ามาทดสอบพลังกับผม  แต่มีหรือที่พวกนั้นจะต่อกรได้เพราะตอนนี้ตรูกำลังเดือดสุด ๆ ละเฟ้ย!  เริ่มจากศิลามังกรที่โผล่เข้ามาพร้อมกับพลังฝ่ามืออันร้ายกาจ  เลยโต้กลับด้วยฝ่ามือเช่นกันจนเจ้านั่นกระเด็นปลิวไปไกล  ส่วนเจ้ามารผมขาวกับอสูรแปดหน้าก็จับพวกมันเหวี่ยงชนกันเองแล้วถีบกระเด็นไปเช่นกัน 

         "สินหุ่ย! ตาเจ้าแสดงฝีมือแล้ว!"

         คราวนี้ถึงคราวของมือขวาจอมมารบ้างล่ะ  สินหุ่ยดูจะไม่ประมาทเพราะตั้งท่าเตรียมรับมืออย่างแข็งขัน  ผมจึงเป็นฝ่ายพุ่งเข้าไปเผด็จศึกด้วยกำปั้นลุ่น ๆ แต่อีกฝ่ายกลับหลบได้อย่างง่ายดาย  แถมซัดหนึ่งฝ่ามือใส่แถว ๆ หัวไหล่ผมอีก  เลยต้องออกแรงให้มากขึ้นด้วยการเกร็งพลังจากทั่วร่าง  ก่อเกิดเป็นปราณสายฟ้าวิ่งพล่านไปรอบตัวราวกับปิศาจสายฟ้า  ผมชูมือขึ้นข้างหนึ่งเพื่อปลดปล่อยพลังที่มากเกินไปนี้ออกมา  เพียงเท่านั้นห้องพักในเทียนซานก็แหลกไปเกินครึ่ง  เปิดรูโหว่ขนาดมหึมาเดือดร้อนคนซ่อมแซมอีกแล้ว  แรงสะเทือนนั่นทำให้ทั้งพรรคถึงกับสั่นไหวไม่หยุด 

         "ฮ่า ๆ ดีมาก! แสดงพลังออกมามากกว่านี้อีกสิ!"

         ไอ้หมาบ้านั่นยังยั่วผมไม่เลิก  ตอนนี้ผมรู้สึกเดือดดาลราวกับสติจะหลุดออกจากร่างอยู่แล้ว  สินหุ่ยอ้อมเข้าทางด้านหลังผมเพื่อใช้วิชาดัชนีแต่ช้าเกินไป  ผมหันไปซัดฝ่ามือใส่สามครั้งซ้อนก่อนที่เจ้านั่นจะทันกะพริบตาเสียอีก  แล้วร่างของมือขวาก็ลอยละลิ่วหายไปจากระยะสายตาผมในทันที  ทีนี้ก็เหลือแต่เจ้าหมาบ้านี่สินะ?

         "แกตาย!!!"

         เอาล่ะถึงตอนนี้ผมรู้แล้วว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นกับตัวเองแน่ ๆ  เพราะแม้จะมีสติสัมปชัญญะอยู่ครบถ้วน  แต่กลับควบคุมร่างกายให้ไปตามที่ใจนึกไม่ได้เลยสักนิด  เหมือนกับมีอะไรบางอย่างคอยบงการให้อาละวาดอย่างบ้าคลั่งเช่นนี้  หมัดของผมกำลังจะซัดโดนเจ้าหมาบ้านั่นอยู่แล้ว  และถ้ามันหลบไม่ทันก็ต้องกลายเป็นเศษซากแน่นอนไม่ต้องสงสัย  แต่จะเรียกว่าเป็นเคราะห์ดีของมันหรือเคราะห์ร้ายของผมกันแน่นะ  เมื่อกำปั้นนั้นไปไม่ถึงจอมมารเพราะทางนี้ล้มลงสลบไปเสียก่อนเนื่องจากทนความเหนื่อยล้าต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว...


    @@@@@@@@@@@@


         "จับมันไปไว้ที่ ห้องนั้น แล้วสินะ?"

         "ขอรับนายท่าน  พวกข้าจับเจ้าหนูนั่นไปไว้ตามคำสั่งเรียบร้อยแล้ว"

         เส้าเทียนอิ้งโล่งใจที่หยุดปัญหาไว้ทันท่วงที  เมื่อครู่ถ้าเจ้านั่นไม่สลบไปเสียก่อนมีหวังมันได้ไปเที่ยวชมเมืองผีสักระยะเป็นแน่  เห็นชัดว่าแม้จะช่วยทะลวงด่านพลังขั้นสีแดงให้กับเจ้าหนูสำเร็จแต่ก็ต้องแลกมากับความคลุ้มคลั่งควบคุมตนเองไม่ได้  ซึ่งก่อนหน้านี้มันเคยเกณฑ์ลูกสมุนฝีมือดีมาแอบถ่ายทอดวิชาลับให้  และทุกคนก็มักจะติดอยู่ที่ขั้นพลังดังกล่าวจนเสียสติหรือไม่ก็ทำร้ายร่างกายตนเองจนหมดสิทธิ์ฟื้นฟูสภาพได้  เสาเทียนอิ้งจึงยุติการถ่ายทอดวิชาเพื่อป้องกันเหตุร้ายดังกล่าว  ไม่นึกไม่ฝันว่าอาการดังกล่าวจะกำเริบกับร่างตัวเองที่มีคนอื่นเป็นเจ้าของด้วย

         "สินหุ่ย... นับจากนี้ให้ข้าวให้อาหารมันไปตามปกติและคอยเฝ้าดูการฝึกเดินลมปราณ  ไม่ให้อาการคลุ้มคลั่งกำเริบอีกล่ะ!"

         ตอนนี้มีสิ่งที่จอมมารมั่นใจอยู่สองประการ  หนึ่งคือการปั้นเจ้าหนูนั่นให้สำเร็จวิชายุทธของตนต้องหาทางยับยั้งอาการคลุ้มคลั่งให้ได้เสียก่อน  และอีกประการคือไอ้มัจจุราชเจ้าเล่ห์แอบลอบสอนวิชาลมปราณทวนทิศอันร้ายกาจให้กับเจ้านั่นไว้ล่วงหน้าแล้ว  จะด้วยเหตุผลกลใดก็ตามหากเจ้านั่นใช้วิชาทวนทิศกับพลังเต็มขั้นของวิชามารประสานจิต เทพประสานใจแล้วล่ะก็  อาจเกิดอันตรายร้ายแรงขึ้นก็เป็นได้  ไอ้สารเลวนั่นคงจะเล็งตรงจุดนั้นเอาไว้สิท่า!


    จบตอน

        
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×