ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เทพเซียนเกรียนยุทธภพ!

    ลำดับตอนที่ #43 : ศึกประลองจ้าวยุทธจักร ตอนที่06

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 834
      33
      5 พ.ย. 60


         เราจะแยกความฝัน ภาพมายา และความจริงออกจากกันได้อย่างไร?  เพราะผู้ไม่รู้ย่อมไร้ซึ่งหนทางจำแนกความแตกต่างของเส้นแบ่งระหว่างเรื่องสมมุติและเรื่องจริง  หากว่าเราหลับฝันเห็นตัวตนของผีเสื้อ  เช่นนั้นแล้วเราคือตัวเราผู้ที่นอนฝัน  หรือว่าทั้งหมดนั้นเป็นแค่มโนของผีเสื้อว่าเป็นมนุษย์? 

         อันที่จริงแล้วทั้งสองสิ่งนี้ล้วนตั้งอยู่บนพื้นฐานที่แตกต่างกัน  มายาคือภาพที่สร้างขึ้นในใจคน  มันกำเนิดจากความคิดอ่านและจินตนาการอันโลดแล่น  แต่ก็ยังมิอาจตัดขาดจากโลกความจริงที่ภายนอก  มายาจึงเกิดขึ้นและดำรงอยู่ภายใต้อาณัติหนึ่งของความเป็นจริงนั่นเอง  ดังที่จางเหอลู่ได้มองเห็นกลลวงกลับกลอก  ซับซ้อนยอกย้อนเกินบรรยาย  มันได้ยินเสียงกระซิบของภูติร้ายแห่งบรรพกาลและหลงวนเวียนอยู่ในห้วงทุกข์  สิ่งที่ไขว่คว้ามาได้มีเพียงความมืดมิดไร้ก้นบึ้งเท่านั้นเอง  วิชาเซียนจำแลงก็เป็นเพียงแค่ภาพมายาที่ตั้งอยู่บนส่วนหนึ่งของเป็นความจริง  ซึ่งนำพาไปสู่วิถีแห่งเซียน  เพียงแต่มันเป็นทางอ้อมที่เต็มไปด้วยปิศาจและภูติร้ายคอยยุยงและซ้ำเติมให้มีแต่ความพินาศชิบหายในระหว่างทางเท่านั้น...

    @@@@@@@@@@@@ 

         "เป็นอะไรไปเย่อจื่อ  ไม่คิดจะต่อสู้แล้วหรือไร?"

         เจ้าสำนักมังกรทองเย้ยหยันเด็กหนุ่มที่หน้าสะบัดไปซ้ายทีขวาทีอย่างไร้ทางป้องกัน  แต่หลิวเย่อจื่อยังฝืนถอยออกมาตั้งหลักได้  พลังปราณกระบี่วชิระปะทุขึ้นอีกครั้งแต่คราวนี้อย่าว่าแต่จะได้ใช้เลย  แค่เวลาจะกะพริบตายังไม่มีเพราะจางเหอลู่เคลื่อนที่เข้าหาอย่างรวดเร็วพร้อมกับซัดฝ่ามือเข้าที่ช่วงท้อง  เด็กหนุ่มส่งเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดในขณะที่ร่างกระเด็นกระดอนไม่เป็นท่า  ดูเหมือนแค่ฝ่ามือเดียวก็ทำให้ซี่โครงหักไปสองท่อนได้  ปรากฏไอสีดำแผ่ซ่านออกมาจากบริเวณที่ซัด

         "นี่มันวิชาอะไรกันหรือขอรับ"

         สินหุ่ยและศิลามังกรต่างตกตะลึงกับความเปลี่ยนแปลงอย่างเฉียบพลันของจางเหอลู่  นอกเหลือจากพลังฝีมือที่เพิ่มพูนมหาศาลแล้ว  นิสัยใจคอยังเปลี่ยนไปชนิดจำแทบไม่ได้  เดิมเจ้าสำนักมังกรทองอาจจะมีความหยาบช้าเจ้าเล่ห์อยู่บ้าง  แต่ก็มิได้อำมหิตขนาดลงมือรังแกผู้ที่ด้อยกว่าเช่นนี้  บางทีความลับอาจจะซ่อนอยู่ในวิชาใหม่ที่ไม่มีใครรู้จักนี้ก็เป็นได้

         "แม้แต่ข้าเส้าเทียนอิ้งผู้อยู่มาถึงหกร้อยปีก็ยังไม่รู้จักวิชาดังกล่าว  ไม่แน่ว่าอาจเป็นเคล็ดลับที่เก่าแก่ยิ่งกว่านั้น  บางทีคงเป็นหนึ่งในสิ่งที่ท่านอาจารย์ข้าหลงเหลือไว้ในหอฌาน..."

         แน่นอนว่าเส้าเทียนอิ้งรู้จักหลักแหล่งของหอฌานแห่งเทียนเหอ  เพียงแต่มันไม่คิดว่าในนั้นจะมีวิชาลับใดที่อาจารย์ทิ้งไว้ในชนรุ่นหลังซึ่งตนเองก็ไม่รู้จัก  เพราะก่อนที่จะสำเร็จวิชามารประสานจิต เทพประสานใจ มันก็เคยเข้าไปเก็บตัวที่ภายในหอฌานมาก่อนเช่นกัน

         "น่ากลัวว่าเจ้านี่จะเป็นคู่ประลองที่ร้ายกาจสุด ๆ  ไอ้หนู! เอ็งเตรียมพร้อมไว้เลย  จบศึกนี้เมื่อไหร่ข้าจะลงไปสู้เอง!"

         ถึงจะบอกว่าออกสู้ด้วยตนเอง  แต่เส้าเทียนอิ้งก็ยังแอบหวั่นใจเพราะบัดนี้ร่างของตนตกอยู่ในมือคนอื่น  หากเป็นเมื่อก่อนมันคงกระโดดลงไปแยกทั้งคู่และจัดการกำราบจางเหอลู่ด้วยตนเองแล้ว  แถมยังเป็นวิชาลึกลับที่ไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังจึงต้องขอศึกษาจากการต่อสู้ของหลิวเย่อจื่ออีกสักนิด

         "หลิวเย่อจื่อ! เจ้าหยุดต่อสู้ได้แล้ว  กลับมาที่นี้เดี๋ยวนี้!"

         หลิวเสียะหัวเป็นห่วงลูกชายถึงขนาดออกคำสั่งหักหน้าเย่อจื่อต่อสาธารณะ  ด้วยรู้ว่าจางเหอลู่ในตอนนี้นั้นอันตรายยิ่งนัก  หากดื้อดึงต่อไปไม่แน่ว่าแม้แต่ชีวิตก็อาจรักษาเอาไว้ไม่ได้  ทว่าจากนิสัยหัวรั้นของเด็กหนุ่มก็ทำให้มันยังคงมิอาจตัดใจจากการประลองได้  หลิวเย่อจื่อลุกขึ้นยืนอย่างทรนง  มันใช้วิชาจี้จุดเฉพาะทางเพื่อลดความเจ็บปวดและเริ่มร่ายรำเพลงกระบี่ตามแบบฉบับของสำนักหมาป่าเงินที่เชี่ยวชาญด้านนี้เป็นพิเศษ

         " เพลงกระบี่เงาจันทร์ งั้นรึ  ช่างเหมือนเสียะหัวมาด้วยตนเองเสียจริง!"

         ในช่วงวัยหนุ่ม  ทั้งจางเหอลู่และหลิวเสียะหัวเคยปะทะกันมาหลายครั้งในฐานะผู้ชิงตำแหน่งความเก่งกาจในยุทธภพ  และก็พลัดกันแพ้พลัดกันชนะมาโดยตลอดแต่ทางด้านจางเหอลู่ภาษีดีกว่าจึงได้เป็นเสาหลักของยุทธภพไป  เมื่อได้เห็นวิชากระบี่อันร้ายกาจจากคนหนุ่มก็เหมือนย้อนเวลากลับสู่อดีตอีกครั้ง  เจ้าสำนักมังกรทองเนื้อเต้นที่จะได้แก้มือกับวิชาที่ตนกินไม่ลงมาก่อน  คลื่นพลังสีดำแผ่ออกจากทั่วทั้งร่างของมัน  ราวกับเมฆดำที่ค่อย ๆ เคลื่อนตัวเข้าปกคลุมทั่วบริเวณอย่างเชื่องช้า

         "ผู้อาวุโสข้าขอล่วงเกินล่ะ!"

         เย่อจื่อเป็นฝ่ายบุกก่อน  แต่คราวนี้เลือกใช้เพลงกระบี่ที่เน้นท่วงท่าไม่ได้เน้นพลังอย่างวิชาเงาจันทร์เพราะต้องการประเมินวิชาลับของอีกฝ่ายเสียก่อน  จึงเก็บปราณกระบี่วชิระไร้พ่ายเก็บไว้เป็นไม้ตายเผด็จศึก

         "ดีมาก! ข้าจะให้เจ้าได้เห็นวิถีเซียนที่แท้จริง!"

         จางเหอลู่รวบพลังไว้ที่มือข้างหนึ่ง  มองเห็นคล้ายก้อนเมฆดำหมุนวนอยู่บนฝ่ามือก่อนที่จะขยายใหญ่ขึ้นจนเกือบเท่าร่างของเย่อจื่อ  มันพ่นลมใส่ก้องเมฆดังกล่าวเพื่อให้ลอยไปหาอีกฝ่าย  หลิวเย่อจื่อไม่รู้ว่าเจ้าก้อนพลังสีดำนี้คืออะไรแต่คงหลบเลี่ยงไม่ได้จึงคิดสลายมันซะด้วยเพลงกระบี่เงาจันทร์ชุด ร่ายรำเหนือสายน้ำ  ซึ่งเป็นกระบวนท่าที่มีไว้เพื่อสลายลมปราณได้ทุกรูปแบบ  เด็กหนุ่มเคลื่นที่เข้าหาเมฆดำอย่างไม่เกรงกลัว  ก่อนจะสอดกระบี่เข้าไปเพื่อใช้กระบวนท่า  ไม่นึกฝันว่าจู่ ๆ กระบี่ที่สอดเข้าไปนั้นจะพุ่งกลับออกมาจ่อที่ใบหน้าของตนเองแทนที่! 

         "เฮ้ย!"

         เย่อจื่อตกใจจนต้องถอยออกมาสองสามก้าว  กระบี่ยังอยู่ในมือของตนแต่เมื่อครู่นี้มันเห็นกับตาว่าปลายกระบี่พุ่งเข้าหาอย่างแน่นอน  นี่มันเรื่องอะไรหรือว่าเป็นภาพลวงจากวิชามารกันนะ?  มิหนำซ้ำเจ้าคลื่นดำก็ยังเคลื่อนที่เข้าใกล้เขาอีกแล้ว  หากสัมผัสถูกมันไม่รู้ว่าจะเป็นเช่นไรบ้างแต่เย่อจื่อก็ไม่ยอมเสียเวลาคิด  เด็กหนุ่มเร่งจู่โจมใส่ด้วยกระบวนท่า ลอดสายฝน  อันเป็นวิชาที่แทงรัวยิบขนาดที่จำแนกเม็ดฝนที่ตกพรำได้อย่างแม่นยำ  กระนั้นผลก็เหมือนเดิม  ยิ่งแทงเข้าไปมาเท่าไหร่  ปลายกระบี่ก็มีแต่จะย้อนกลับออกมาในทิศตรงข้ามเสมอจนมันบาดใบหน้าอันงดงามของเขาจนได้  สรุปว่าทุกการโจมตีจะถูกดีดสะท้อนกลับออกมาทุกครั้งทำให้ไม่สามารถทำลายคลื่นพลังดังกล่าวได้  ทุกคนที่นั่งชมการประลองถึงกับตกตะลึงในวิชาอันแปลกประหลาดพิสดารเหลือจะกล่าวนี้กันถ้วนหน้า

         "เย่อจื่อ! ข้าบอกให้เจ้าเลิกประลองได้แล้วไง!"

         หลิวเสียะหัวเริ่มเครียดจนกำหมัดแน่น  สถานการณ์ดูจะเลวร้ายลงทุกทีและลูกชายของตนก็บาดเจ็บหนักขึ้นเรื่อย ๆ  ปล่อยไว้แบบนี้ย่อมไม่เป็นผลดีต่ออนาคตของสำนักเป็นแน่


    จบตอน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×