ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เทพเซียนเกรียนยุทธภพ!

    ลำดับตอนที่ #47 : ศึกประลองจ้าวยุทธจักร ตอนที่10

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 758
      31
      14 พ.ย. 60


         และแล้วก็มาถึงมวยคู่เอกของวันที่ทุกคนต่างตั้งตารอคอยกันมานาน  เพราะการต่อสู้ระหว่างจอมยุทธที่ได้ชื่อว่าเป็นเสาหลักของยุทธภพกับจอมมารสุดโหดแห่งยุคมันหาดูกันได้ง่าย ๆ ที่ไหนเล่า  ตาลุงจางเหอลู่ที่ไม่รู้วันนี้ไปกินยาผิดขนานมาหรือเปล่าถึงบ้าเลือดผิดวิสัยยิ้มแก้มแทบปริ  เพราะไม่ต้องทนรอถึงคู่ที่ห้าตัวผมในคราบเส้าเทียนอิ้งก็กระโดดลงสู่ลานประลองพร้อมดวลชิงความเป็นสุดยอดในโลกนี้แล้ว

         "รับมือ!"

         สิ้นเสียงสัญญาณร่างของประมุขมังกรทองก็ตรงดิ่งมาทางนี้อย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า  น้องหมาซึ่งหลบอยู่ด้านในเสื้อรีบสั่งให้ผมทำตามที่เคยฝึกกันมานั่นคือเร่งโคจรพลังและเตรียมรับมืออย่างมีสติ  ฝ่ามือมังกรทองที่วันนี้เคลือบไว้ด้วยคลื่นสีดำดูทรงอานุภาพยิ่งกว่าที่ผมเคยจำได้เสียอีก  แค่หนึ่งกระบวนท่าก็รุนแรงพอจะระเบิดผิวหน้าของลานประลองให้กลายเป็นหลุมขนาดใหญ่ได้ในทันที  บ่งบอกเลยว่าตาลุงแกเอาจริงสุด ๆ   

         "เป็นอะไรไปจอมมาร! ถ้าพลังยังไม่เข้าที่เดี๋ยวข้าจะช่วยกระตุ้นให้เอง!"

         ลุงจางแกบ้าเลือดไปแล้วจริง ๆ นอกจากพลังฝ่ามืออันร้ายกาจแล้ว  คราวนี้ยังเรียกกลุ่มเมฆสีดำออกมาล้อมรอบตัวเองอีก  จากคำบอกเล่าของจอมมารหากโจมตีผ่านเมฆดำพวกนี้ก็จะโดนเล่นงานกลับคืน  เพราะฉะนั้นทางแก้มีอยู่สองอย่างนั่นคือหาทางอ้อมโจมตีในส่วนที่ไม่มีกลุ่มก้อนสีดำพวกนี้  หรือไม่ก็หาทางสลายคลื่นพลังให้ได้เสียก่อน

         "อ่อนหัด! อย่างเจ้าน่ะหรือจะเทียบเคียงข้าได้  ลองรับมือวิชาบดเมฆสลายวารีดูหน่อยเป็นไร!"

         น้องหมาแกล้งตะโกนชื่อวิชาเพื่อบอกใบ้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป  และถ้าพูดถึงวิชานี้ก็คือใช้กระบวนท่าสลายเมฆดำสินะ?  ว่าแล้วผมจึงเกร็งพลังส่งผ่านไปยังฝ่ามือทั้งสองในทันที  เมื่อจางเหอลู่เข้ามาใกล้  จึงเล็งใช้สันฝ่ามือฟาดเข้าใส่พร้อมด้วยกระบวนท่าดังกล่าวและมันก็ได้ผล!  เจ้าเมฆดำที่รายล้อมร่างของอีกฝ่ายถึงกับแตกกระเจิงไปส่วนหนึ่งเมื่อเจอพลังบดเมฆสลายวารีเข้าไป

         "ฮึ่ม!"

         ท่าทางตาลุงจะตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นวิชาใหม่ของตนถูกสลายลงต่อหน้าต่อตา  วิชาบดเมฆสลายวารีนั้นเดิมก็เป็นกระบวนท่าที่มีไว้เพื่อตัดหรือผลักดันลมปราณของคู่ต่อสู้อยู่แล้ว  จึงไม่แปลกอะไรถ้ามันจะตัดทะลุคลื่นสีดำเข้าไปได้  นอกจากนี้ผมยังได้เรียนรู้อีกเรื่องหลังจากการปะทะด้วย  นั่นคือสัมผัสของปราณที่แผ่ออกมามันช่างละม้ายคล้ายกับเคล็ดมารประสานจิต เทพประสานใจเหลือเกิน  หรือก็คือเป็นวิชามารประสานจิตฯ ใรอีกเวอร์ชั่นนั่นเอง  ผมจึงแกล้งถอยหลังไปสองถึงสามก้าวเพื่อประวิงเวลาแจ้งเรื่องนี้กับน้องหมาในทันที

         "อืมม... อย่างที่คิดไว้จริง ๆ  ถ้าวิชาของมันก็สืบสานจากวิถีเซียนดุจเดียวกับข้า  งั้นทางนี้ต้องเน้นวิชาที่ใช้สลายปราณของคู่ต่อสู้ได้เป็นหลักเสียแล้ว!"

         จากการวิเคราะห์ของน้องหมา  เจ้าวิชาดังกล่าวน่าจะยังเป็นแค่ส่วนเดียวไม่ครบสมบูรณ์ดีนัก  คาดว่าหากให้เวลามากกว่านี้อีกสักสิบปี  ไม่แน่ว่าจางเหอลู่อาจพยายามฝึกฝนจนสำเร็จถึงขั้นสุดท้ายก็เป็นได้  ถึงตอนนั้นมันคงกลายเป็นภัยคุกคามเทียนซานอย่างไม่ต้องสงสัย  เพราะฉะนั้นต้องรีบจัดการสลายพลังเซียนนี้โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

         "เส้าเทียนอิ้ง! แค่สลายพลังข้าเพียงเท่านี้อย่าได้ใจไปนัก  เพราะข้ายังไม่ทันได้แสดงไม้เด็ดให้ดูเลยด้วยซ้ำ!"

         สงสัยตาลุงจางจะรู้สึกเสียหน้ามากที่โดนทำลายวิชาได้จึงตะโกนเสียงดังพร้อมกับเร่งโคจรลมปราณรอบใหม่  สังเกตเห็นเม็ดเหงื่อผุดขึ้นแถวหน้าผากประปราย  แสดงว่าเจ้าเมฆดำนี่คงกินแรงไปเยอะน่าดูเชียว  ไหนจะใช้วิชานี้มาตลอดตั้งแต่ที่สู้กับสองพ่อลูกสกุลหลิวแล้ว  งานนี้ผมว่าไม่นานก็คงรู้ผลแล้วมั้ง?


    @@@@@@@@@@@@


         ในระหว่างที่การต่อสู้ในลานประลองกำลังดำเนินไปอย่างดุเดือดนั้นเอง  ที่อีกฟากของขุนเขาปรากฎสองบุรุษยืนจ้องมองการดวลกันระหว่างเส้าเทียนอิ้งและจางเหอลู่อยู่เช่นกัน  ฝ่ายหนึ่งคือตาแก่ขี้เมาเจ้าของสมญามัจจุราช  ส่วนอีกฝ่ายคือข้ารับใช้จอมไสยเวทในร่างชายใส่สูทขาว

         "โฮ่! ที่แท้คนที่แนะแนวทางด้านมืดให้แก่เจ้าสำนักมังกรทองก็คือเจ้านี่เอง"

         "ไม่เจ้าเล่ห์เท่าคนที่แอบสอนวิชาให้ไอ้หนุ่มนั่นเช่นเจ้าหรอก!"

         ต่างฝ่ายต่างยืนบลัฟกันไปมาเพราะตอนนี้ตัวหมากของทั้งคู่กำลังฟาดฟันกันอย่างหนักหน่วง  แล้วด้วยข้อตกลงหรือกฏบางอย่างทำให้พวกมันไม่สามารถยื่นมือลงไปยุ่งเกี่ยวมากกว่านี้ได้  ทั้งสองจึงต้องเฝ้ามองศึกครั้งนี้อยู่ห่าง ๆ เพียงเท่านั้น

         "ไม่นึกเลยว่าศาสตร์แห่งมนต์ดำจะมีวิธีเรียกใช้แบบนี้ด้วย"

         ตาแก่ขี้เมาแกล้งแซะ  มันไม่ทันคาดคิดว่าอีกฝ่ายจะยืมมือคู่อริอย่างจางเหอลู่ในการเล่นงานจอมมาร  นี่คงจะแอบลอบเข้าไปในระหว่างประมุขจางซุ่มฝึกวิชาและส่งเสียงกระซิบบอกเคล็ดต้องห้ามอะไรบางอย่างแน่ ๆ  มิเช่นนั้นคงไม่โดนกระแสมารครอบงำถึงขนาดนี้

         "ศาสตร์แห่งความมืดลึกล้ำเกินกว่าที่เจ้าคิดหรือเข้าใจ  มิเช่นนั้นจะลองสอบถามจากพวกพ้องในกลุ่ม Eliminator ดูไหม... หึหึ"

         มัจจุราชกัดฟันกรอด  ตัวมันย่อมรู้ดีว่าศาสตร์มืดร้ายกาจเพียงใด  โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเก่งกาจเหนือชั้นของโซโลมอน  ที่เพียงแค่คิดก็ทำเอาทั้งตัวแทบจะสั่นเทิ้มไปด้วยความหวาดกลัวสุดขีด

         "ฮ่า ๆ เอาเถอะอย่าได้เครียดไปเลย  เพราะคนที่เจ้ากำลังคิดถึงอยู่คงไม่สามารถมาปรากฎตัวที่นี่ในเวลานี้ได้หรอก!  ระหว่างนี้ก็พยายามเข้าก็แล้วกันนะ"

         ท่าทางชายในชุดสูทคงจะรู้ดีว่าตาเฒ่ากำลังนึกถึงอะไรอยู่  เพราะอันที่จริงตัวมันก็ใช่ว่าจะจงรักภักดีต่อ ชายผู้นั้น  จากก้นบึ้งของจิตใจ  เพียงแต่ตอนนี้ต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อรอคอยการฟื้นคืนมาของเทพโครนอสเสียก่อน

         "ต่อให้โครนอสกลับมาเจ้ากับข้าก็ไม่พ้นวังวนแห่งชะตากรรมเช่นเดิมอยู่ดี"

         และมัจจุราชก็อ่านใจชายในชุดสูทออกเช่นกันจึงตอบกลับไปเช่นนั้น  เพราะความเก่งกาจของโซโลมอนนั้นไปจนถึงขั้น พิชิตเทพเจ้า  ได้แล้ว!

         "แล้วไง? หรือเจ้าจะบอกว่าไอ้จอมมารโง่ ๆ จะเอาชนะชายผู้นั้นได้รึไง มัจจุราช?"

         ตาแก่ไม่พูดโต้ตอบอะไรอีกฝ่าย  มันได้แต่ยืนทอดถอนใจพร้อมกับรับชมการต่อสู้ของเส้าเทียนอิ้งต่อไป  พร้อมกับภาวนาว่าขอให้แผนการทั้งหมดลุล่วงไปได้ด้วยดี ไม่สิ...  แค่หนึ่งในสิบก็ยังดี  ที่เหลือก็รอการมาถึงของ คนจากบนฟากฟ้า  สินะ?


    จบตอน

        
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×