ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เทพเซียนเกรียนยุทธภพ!

    ลำดับตอนที่ #51 : ศึกประลองจ้าวยุทธจักร ตอนที่14

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 762
      32
      23 พ.ย. 60


         และแล้วการประลองก็เริ่มเข้าสู่ช่วงไคลแมกซ์  เมื่อลุงจางเกิดคลุ้มคลั่งบ้าเลือดเนื่องจากไม่สามารถควบคุมพลังลมปราณขั้นสูงได้  หากปล่อยไปเช่นนี้ไม่เพียงแต่ลานประลองนี่จะย่อยยับเท่านั้น  แม้แต่ในตัวเมืองเองก็คงวอดวายชิบหายไม่แพ้กันแน่ ๆ   ดังนั้นผมต้องหาทางหยุดเหตุการณ์บ้า ๆ นี้ไว้ให้ได้เสียก่อน

         "จางเหอลู่! ข้าจะจัดการเจ้าเสียตรงนี้  อย่าหวังว่าจะได้กำเริบเสิบสานไปกว่านี้เลย!!!"

         ผมรวบลมปราณขั้นสูงเพื่อเรียกลมพายุหอบใหญ่เข้าจู่โจมในทันที  แต่กระแสลมก็เข้าไม่ถึงตัวฝ่ายตรงข้ามเพราะติดกำแพงเมฆสีดำขนาดมหึมาเสียก่อน  ลุงจางใช้ทั้งสองมือควบคุมคลื่นดำที่มีอิทธิฤทธิ์ยิ่งใหญ่เกินตัวของแกจนกล้ามเนื้อแขนทั้งสองข้างเริ่มปริแตก  เลือดสด ๆ สาดพุ่งไปทั่วบริเวณ  สีหน้าของตาลุงบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดจนแทบจะเกินรับไหว 

         "ท่านพ่อ  ได้โปรดหยุดมือเท่านี้เถิด!"

         บรรดาลูก ๆ ของแกต่างอดรนทนไม่ไหวต้องรีบออกโรงมาช่วยกันห้ามปราม  ด้วยเห็นสภาพสังขารของบิดาตนแล้วนึกหวาดกลัวว่าจะบาดเจ็บหนักไปมากกว่านี้  ไม่ใช่ด้วยน้ำมือของผมนะ  แต่จากวิชามารของลุงจางเองนั่นแหละ

         "ใช่แล้ว  ขนาดพวกลูกของเจ้ายังกล่าวเช่นนั้นเลย!"

         "สามหาว!!!"

         แค่จางเหอลู่สะบัดข้อมือข้างหนึ่ง  ก็ทำเอาพวกลูกชายลูกสาวกระเด็นกระดอนไม่เป็นท่า  ตอนนี้ในหัวของตาลุงคงมีแค่ว่าทำยังไงถึงจะเอาชนะจอมมารได้แน่ ๆ  ใครจะว่าอะไรก็ไม่คิดสนใจฟังอีกต่อไปแล้ว 

         "วันนี้ข้าจะพิชิตมารร้ายและก้าวขึ้นไปปกครองยุทธภพอย่างเต็มภาคภูมิ!"

         ลุงจางตะโกนเสียงดังกึกก้องชนิดฟ้าถล่มแผ่นดินทลาย  จนใครที่ได้ยินต่างก็ขนลุกไปตาม ๆ กัน  แต่ผมคนหนึ่งล่ะที่ไม่ได้รู้สึกโกรธหรือหวาดกลัวใด ๆ เลย  กลับคิดสมเพชเวทนาในตัวแกมากยิ่งขึ้นไปอีก  หากว่าอยากจะเป็นจ้าวยุทธภพขนาดนั้นก็ลองดูสิ  ลองเอาชนะจอมมารคนนี้ให้ได้เสียก่อน!

         "รับมือ!"

         ผมก้มตัวลงเตะกวาดรอบทิศ  ดึงเอาฝุ่นทรายที่พื้นให้ลอยฟุ้งในอากาศกลายเป็นพายุทรายทันที  จุดประสงค์เพื่อบดบังทัศนวิสัยและลอบเข้าทางด้านหลังของลุงจางอย่างรวดเร็วเงียบเชียบ  ต่อให้คลื่นพลังเมฆดำจะร้ายกาจเพียงใด  หากใช้ไม่ถูกเป้าหมายก็ไร้ค่า  ระหว่างที่อีกฝ่ายยังไม่ทันระวังตัว  ผมจึงซัดพลังฝ่ามือเข้าใส่ตาลุงในทันที

         "นึกแล้วว่าแกต้องเข้ามาใกล้!"

         แทนที่จะได้รุก  ผมกลับพลาดท่าโดนลุงจางหันมากระแทกด้วยสันมือเข้าเต็ม ๆ ใบหน้า  ส่วนที่โดนคือแถวเหนือลูกตาข้างซ้ายขึ้นไปเล็กน้อย  เลือดสด ๆ สาดกระเซ็นเปรอะใบหน้าผมไปครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว

         "ไอ้หนู!!!"

         "ไม่เป็นไร  แค่ถาก ๆ ไปเท่านั้น!"

         น้องหมาตกใจร้องเรียก  ผมเอามือกุมหน้าพร้อมกับโดดหลบออกจากรัศมีจู่โจมของอีกฝ่ายในทันที  ไม่นึกว่าลุงแกจะระแวดระวังด้านหลังอยู่แล้วจึงโดนตอบโต้โดยไม่คาดฝัน  แต่โชคยังดีที่สันมือแกไม่เข้าเป้าสำคัญอย่างลูกตาทำให้ผมรอดจากการตาบอดแบบหวุดหวิด  และตอนนี้ผมเองก็เริ่มจะหงุดหงิดมากขึ้นทุกทีแล้วด้วย

         "ประมุขจาง  ข้าเตือนเจ้าแล้วนะ  อย่าหาว่าข้าใจร้ายก็แล้วกัน!"

         ถ้าลุงแกมีความสามารถควบคุมกลุ่มเมฆดำได้  งั้นทางนี้ก็จะใช้ความสามารถรวบรวมฝุ่นทรายที่ปลิวกระจายอยู่ทั่วบริเวณให้เป็นประโยชน์บ้างล่ะ  ก่อนอื่นผมเตะกวาดเพื่อเรียกทรายให้ปลิวว่อนหนักกว่าเดิมอีก  จนบดบังให้มองไม่เห็นอะไรที่เบื้องหน้าเลย

         "เจ้าทำได้แค่นี้เองหรือจอมมาร! ถ้าเช่นนั้นก็เป็นแค่ไอ้ขี้ขลาดที่จ้องจะเล่นลอบกัดชาวบ้านเท่านั้นสินะ?"

         คนเขลาย่อมมองไม่เห็นความจริงที่ตรงหน้า  มองไม่ทะลุถึงคุณค่าอันเที่ยงแท้ในสรรพสิ่ง  ฝุ่นทรายที่ลอยอยู่ตรงหน้าของจางเหอลู่อาจเป็นได้แค่เครื่องมือบดบังทัศนวิสัยเพื่อเล่นลอบกัดเท่านั้น  แต่สำหรับผมแล้ว  เจ้าเม็ดเล็ก ๆ เหล่านี้แหละที่จะนำชัยชนะมาให้  ผมเรียกพลังลมปราณเต็มกำลังสิบส่วน  ไม่ใช่เพื่อสร้างคลื่นพลังลูกใหญ่ ๆ  ไม่ใช่เพื่อใช้กระบวนท่ารุนแรงอันใด  แต่เพื่อทำสิ่งเล็ก ๆ เช่นการบดอัดเม็ดทรายอันละเอียดยิบพวกนี้ให้กลายเป็นหัวกระสุน  แม้ว่าอาจจะดูเล็กแต่มันก็แข็งยิ่งกว่าศิลา  และคมกริบมีพลังทะลุทะลวงสูงยิ่งกว่าดรรชนีของทุกสำนักรวมกันเสียอีก  นี่คือสิ่งที่กำเนิดจากภูมิปัญญาของเด็กตัวเล็ก ๆ เช่นผมที่หลอมรวมองค์ความรู้ระหว่างโลกเก่าและโลกใหม่เข้าด้วยกัน

         "จางเหอลู่  เจ้าพ่ายแพ้แล้ว!"

         ผมวางกระสุนลงบนฝ่ามือ  เล็งไปที่ลุงจางก่อนจะใช้นิ้วมืออีกข้างดีดด้วยพลังดรรชนีอันรุนแรง  หัวกระสุนหมุนติ้วแหวกอากาศพุ่งเข้าหาฝ่ายตรงข้ามด้วยความเร็วอันน่าสะพรึง  แม้ว่าตาลุงจะทันสังเกตเห็นและเรียกกลุ่มเมฆดำมาตั้งแนวรับอย่างสุดกำลังก็ตามที  แต่ด้วยความแรงและเร็วของมันก็พุ่งทะลวงผ่านเมฆดำมาได้อย่างไม่ยากเย็นนัก  กระทั่งลุงจางถึงกับต้องใช้พลังฝ่ามือเข้าหยุดยั้งเลยทีเดียว

         "มารร้ายแห่งยุคสมัยน่ะ  มีข้าแค่คนเดียวก็เกินพอแล้ว!"

         กระสุนพุ่งทะลุกลางฝ่ามือของจางเหอลู่อย่างง่ายดาย  และบินแฉลบหัวไหล่ไปเพียงแค่นิดเดียว  แต่ด้วยอำนาจทำลายล้างของมันก็ถึงกับบดขยี้เนื้อตรงหัวไหล่ไปเกือบครึ่งเลยทีเดียว  เลือดสด ๆ สาดเป็นน้ำพร้อมด้วยเสียงร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวดของตาลุง  ด้านลูก ๆ ทั้งเจ็ดเมื่อเห็นผลแพ้ชนะปรากฎชัดจึงปรี่เข้ามาขัดขวางการประลองในทันที  ซึ่งตัวผมเองก็ไม่ติดใจจะสู้ต่ออีกแล้ว  เพราะทำได้ตามเป้าที่ตั้งไว้คือหยุดตาลุงบ้าเลือดนี่เท่านั้น

         "เอ้า! มีใครอยากจะประลองกับข้าอีกมั้ย?"

         ผมจงใจตะโกนเสียงดังเพื่อข่มขวัญสำนักอื่น ๆ ในทันที  อันที่จริงไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้เพราะทุกคนก็คงเห็นความเก่งกาจของทั้งตัวผมและลุงจางในวันนี้แล้ว  ไม่น่าจะมีใครกล้าหือกับเทียนซานอย่างน้อย ๆ ก็คงอีกสิบถึงยี่สิบปีเป็นอย่างต่ำแน่  และเมื่อทุกสำนักต่างเห็นพ้องต้องกันว่าเส้าเทียนอิ้งคือบุคคลที่เก่งฉกาจไร้ผู้เทียบเทียม  จึงต่างยกย่องให้ผมได้ขึ้นตำแหน่งเป็นจ้าวยุทธจักรอย่างเป็นทางการในที่สุด!


    จบตอน      
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×