ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เทพเซียนเกรียนยุทธภพ!

    ลำดับตอนที่ #59 : องค์หญิงชาล็อต

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 661
      25
      16 ธ.ค. 60


         "อืมม... อืออ..."

         ผมค่อย ๆ ลืมตาอย่างลำบากยากเย็น  แสงสว่างจากหลอดไฟช่างเจิดจ้าทำเอาผมแสบตาไปหมด  นี่มันนานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้เจอกับแสงไฟกำลังสูงแบบนี้นอกเหนือจากแสงจันทร์กับแสงเทียน  แต่เดี๋ยวก่อนนะ! เราโดนพวกมนุษย์ต่างดาวมันจับตัวไว้นี่หว่า!

         "ฟื้นแล้วหรือ?"

         ชายผิวดำรูปร่างสูงใหญ่ที่เห็นก่อนหน้านี้เข้ามาทักทายเมื่อเห็นว่าผมลืมตาตื่นขึ้นแล้ว  ไอ้เรานี่ถึงกับสะดุ้งสุดตัวด้วยความตกใจ  ก่อนจะทันรู้สึกตัวว่าแขนขาถูกยึดตรึงแน่นกับเก้าอี้โลหะอันแข็งแกร่ง  เหลียวมองไปรอบด้านจึงพบว่าที่นี่คือห้องทรงกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางไม่น่าจะเกินสักสิบเมตรได้  และเก้าอี้ตัวที่ผมนั่งอยู่ก็ตั้งอยู่ที่ใจกลางของห้องนั้นด้วย  และแสงไฟที่ส่องหน้าผมนี่ดูยังไงก็เหมือนกับที่เห็นในหนังเวลาจะสอบสวนพวกนักโทษหรือคนร้ายชัด ๆ

         "พยายามอยู่เฉย ๆ จะดีกว่านะ  ถึงดิ้นรนยังไงก็..."

         ชายคนนั้นยังไม่ทันพูดจบประโยค  พลังลมปราณขั้นสีแดงก็ช่วยให้ผมถอนแขนขาออกจากพันธนาการทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย  เก้าอี้ที่ดูมั่นคงแข็งแรงแหลกหลุดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยท่ามกลางความตื่นตะลึงของอีกฝ่าย  และผมไม่รอที่จะอธิบายใด ๆ ทั้งสิ้น  รีบพุ่งตัวไปทางประตูที่ใกล้ที่สุดทันทีเพื่อหนีออกจากยานอวกาศลำนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

         "ดะ... เดี๋ยวก่อน...!"

         ทันใดนั้นกระแสไฟฟ้าปริมาณมหาศาลก็พุ่งเข้าจู่โจมทั่วทั้งร่างของผมในทันที  และต้นกำเนิดของไฟฟ้านั้นก็มาจากปลอกคอที่สวมเอาไว้ตรงคอของผมนั่นเอง  กระนั้นก็ยังฝืนทนเจ็บวิ่งไปถึงประตูจนได้  ซึ่งตรงนั้นมีหญิงสาวอีกคนที่ผมเห็นเมื่อก่อนหน้านี้มายืนดักรอท่าไว้เรียบร้อยแล้ว

         "ก็อย่างที่บอกไปนั่นแหละบาว..."

         คราวนี้ทั่วทั้งร่างของผมรู้สึกร้อนระอุขึ้นมาในพริบตา  ราวกับน้ำในตัวกำลังระเหยออกมาจากข้างในเรื่อย ๆ แถมยังร้อนผ่าวจนผมถึงกับอ้วกออกมาเพราะอวัยวะภายในมันบิดมวนไปหมด  เรี่ยวแรงที่จะใช้หนีเมื่อครู่พลันมลายหายไปในพริบตา

         "แค่ไฟฟ้าน่ะเอาพวกคนเถื่อนไม่อยู่หรอก  ต้องคลื่นไมโครเวฟสิรับรองเสร็จทุกราย!"

         เธอคลายมือจากปุ่มกดเครื่องส่งสัญญาณ  เท่านี้ปลอกคอของผมก็หยุดการทำงานในทันที  และอาการของผมก็ดีขึ้นนิดหน่อยกลายเป็นแค่เนื้อย่างระดับมีเดียมแรร์ไม่ถึงกับสุกไปหมดทั้งตัว  ไอความร้อนระเหยออกมาจากตัวผมอย่างต่อเนื่อง  ถ้าโดนเจ้านี่อีกรอบมีหวังตายหยังเขียดแหง ๆ

         "เอ่อ... คุณผู้หญิงครับ  คลื่นไมโครเวฟนี่มันออกจะ..."

         "ทำไม?  เพราะสหภาพทางช้างเผือกไม่ยินยอมให้ใช้ได้งั้นหรือ?  แต่เมื่อครู่เจ้าคนเถื่อนนี่มันพยายามจะหนีจากการควบคุมตัวนะ  อ้างอิงจากกฎข้อที่ 2544-16  เจ้าหน้าที่สามารถใช้เครื่องมือหรือวิธีการต่าง ๆ ได้โดยอิสระในกรณีฉุกเฉินเพื่อป้องกันมิให้ยาน..."

         "ไม่ใช่อย่างนั้น!  เพียงแต่ผมยังไม่เห็นว่าสถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะฉุกเฉินระดับหนึ่งเลยนะครับ!"

         ชายผิวดำดูกระอักกระอ่วนเมื่ออยู่ต่อหน้ายัยจอมโหดแสนสวยนั่น  ไม่รู้อีนี่ไปกินรังแตนมาจากไหนถึงปั้นหน้าบึ้งตึงตลอดเวลาเหมือนกับมีใครจะตายยังงั้นแหละ  เอ่อ... แล้วถ้าเถียงกันเสร็จแล้วก็ช่วยเก็บตรูที่นอนเดี้ยงอยู่นี้ไปปฐมพยาบาลทีเถ๊อะ  เกรียมไปหมดแล้วเนี่ย!

         "องค์หญิงครับ  ปลอดภัยดีใช่มั้ยครับ!"

         คราวนี้ชายหนุ่มโทนฝรั่งหน้าตาดีพลุนพลันเข้ามาในห้องแล้วเอ่ยถามความปลอดภัยของยัยนั่นในทันที  เอิ่มม... ที่เอ็งควรถามน่ะคือตรูนี่!  นอนแผ่เป็นเนื้อสเต็กมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วเฟ้ย!!!  ขนาดนิ้วสักนิ้วยังขยับไม่ได้เลยแบบนี้คงไม่พ้นโดนพวกมันจับไปชำแหละร่างทดลองแหง ๆ ฮืออ...

         "ไม่ต้องเป็นห่วงเกรแฮมฉันปลอดภัยดี  แต่ช่วยกันจับเจ้าคนเถื่อนนี่ตรึงไว้กับอุปกรณ์ที่แข็งแรงกว่านี้ได้มั้ย?  อยากจะสอบปากคำมันสักหน่อยว่าแอบลักลอบขึ้นยานเรามาทำไม?"

         ว่าแล้วยัยโหดนั่นก็จับร่างผมย้ายไปไว้ในอีกห้องหนึ่งเพื่อลงมือสอบสวนด้วยตัวเอง  เอาวะ... อย่างน้อยก็ยังไม่ได้คิดชำแหละตรูในเร็ว ๆ นี้แน่  ผมค่อยใจชื้นขึ้นนิดนึงก่อนจะหมดสติสลบไปอีกรอบ


    @@@@@@@@@@@@    


         "ตกลงเจ้าหมอนั่นเลยถูกจับไปสอบสวนโดยท่านชาล็อตเป็นการส่วนตัวงั้นเหรอ  ว๊าแย่จัง  เรื่องนี้ถ้ารู้ไปถึงหูพวกเบื้องบนล่ะก็มีหวังโดนด่าอานแน่ ๆ เลย!"

         มารีนถอนหายใจเมื่อได้ยินเรื่องราวจากปากของบาว  ราวหกชั่วโมงก่อนหน้านี้เสียงสัญญาณเตือนภัยดังขึ้นจากในแฮงเกอร์ที่เก็บเกียร์ออร์ก้า  และสิ่งที่ทุกคนพบหลังจากนั้นก็คือร่างของเด็กหนุ่มผมดำคนหนึ่งนอนสลบเพราะฤทธิ์ยาจากระบบป้องกันภัยอัตโนมัติภายในยาน  จึงได้นำตัวมาไว้ที่ห้องสอบสวนเพื่อเตรียมจะไต่สวนในหลาย ๆ เรื่อง  ไม่นึกว่าองค์หญิงจะขอลงมือทำหน้าที่นี้ด้วยตัวเอง     

         "ช่วยไม่ได้นี่  ในเมื่อเจ้าตัวยืนกรานขนาดนั้นแถมยังอ้างถึงชื่อของราชินีคลาวเดียด้วยซ้ำ  ทางเกรแฮมจึงต้องยอมให้คุณผู้หญิงนำตัวหมอนั่นไปสอบปากคำเป็นการส่วนตัวได้  แถมชางยังถูกกันไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยอีกต่างหาก!"        

         บาวเองก็ตีสีหน้าเหนื่อยหน่ายเต็มที  ตั้งแต่ลงมาแตะชั้นบรรยากาศของดาวดวงนี้ก็มีแต่เรื่องวุ่น ๆ ไม่หยุด  ไหนจะโดนอุกกาบาตจนเครื่องเกียร์ออร์ก้าเสียหาย  ไหนจะจับตัวชนพื้นเมืองบนดาวขึ้นมาโดยพลการ  ตบท้ายด้วยสปายที่ไม่รู้ว่าใช้วิธีไหนแอบลักลอบเข้ามาในยานได้อีก

         "ถึงบ่นไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอกนะ  บาวนายจัดการตรวจเช็คซ่อมแซมความเสียหายของเกียร์ออร์ก้าต่อเถอะ  ส่วนมารีนแปลงโค๊ดภาษาบนดาวดวงนี้เรียบร้อยดีแล้วสินะ?  ช่วยส่งข้อมูลกลับไปที่สหภาพฯ ด้วย"

         เกรแฮมเข้ามาเบรคการสนทนาของทั้งคู่แล้วออกคำส่งให้ทำหน้าที่ของตนต่อไปจะได้ไม่ฟุ้งซ่านและหลุดคำพูดที่ไม่จำเป็นออกมา  นี่ล่ะคือความยากลำบากในการทำงานกับชนชั้นสูงเพราะบางครั้งสิทธิที่มีมากเกินขอบเขตก็มักจะทำให้อะไร ๆ ดูเลวร้ายลงได้

         "แล้วผมควรจะทำอะไรดีครับหัวหน้า?"

         ในฐานะที่เป็นบอดี้การ์ดรับหน้าที่ดูแลบุคคลพิเศษ  ทว่ากลับถูกขับไล่ไสส่งอย่างไม่ใยดีจากบุคคลในอารักขา  ชางจึงรู้สึกหงุดหงิดอยู่ในทีแต่พยายามไม่แสดงมันออกมา  เกรแฮมจึงบอกให้เขาอยู่ช่วยบาวที่นี่ไปก่อน  จนกว่าคุณผู้หญิงจะเสร็จภารกิจสอบปากคำเจ้านั่น...


    จบตอน   

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×