ลำดับตอนที่ #64
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #64 : คัมภีร์ลับแห่งเทียนเหอ
หลังจากที่พวกเราลอบเข้าสู่เขตราชฐานชั้นในมาได้ ก็พบกับจ้าวผู้ครองแผ่นดินแห่งนี้หรือที่เรียกกันว่าฮ่องเต้นั่นเอง แล้วจอมมารก็เริ่มการเจรจาต่อรองเงื่อนไขเพื่อแลกเปลี่ยนกับข้อมูลสำคัญที่ทางนี้เสี่ยงชีวิตหามาได้ในทันที
"ข้าไม่ขออะไรจากท่านมากหรอก นอกเสียจากบันทึกลับฉบับหนึ่งที่ท่านถือวิสาสะยึดครองเอาไว้เป็นการส่วนตัว!"
แม้จะได้ชื่อว่าเป็นมหาบุรุษผู้เยือกเย็นและสุขุมรอบคอบเพียงใด แต่เมื่อได้ยินประโยคนี้ของเส้าเทียนอิ้งแล้ว ฮ่องเต้ยังถึงกับผงะไปชั่วครู่เลยทีเดียวด้วยไม่นึกว่าจะได้ยินคำนี้จากปากของจอมมารกระมัง?
"ข้าคือเจ้าผู้ครองแผ่นดิน... เพราะฉะนั้นการถือครองทุกสรรพสิ่งในใต้หล้าย่อมเป็นสิ่งที่ถูกต้องสมควรแล้วมิใช่หรือ แล้วเจ้าจะกล่าวหาว่าข้าเก็บสิ่งใดไปจากมือของพวกเจ้ากันเล่า?"
"อย่ามาเล่นลิ้นกับข้า! ข้ารู้นะว่าเจ้าลักลอบนำคัมภีร์ฉบับหนึ่งออกมาจากภายในหอฌาณแห่งเทียนซาน และสิ่ง ๆ นั้นสมควรจะเป็นของข้ามาแต่แรกแล้ว!!!"
จอมมารตะเบ็งเสียงคอแทบแตก เท่าที่จำได้ผมยังไม่เคยเห็นหมอนี่โกรธอะไรมากมายขนาดนี้มาก่อนเลย ดูท่าว่าเอกสารลับที่ทางฮ่องเต้เก็บซ่อนไว้คงจะมีความสำคัญกับจอมมารจริง ๆ ทว่าอีกฝ่ายก็ยังคงยืนกรานคำเดิมว่าไม่รู้ไม่เห็นเช่นเคย
"ได้! ในยามวิกฤตถึงเพียงนี้เจ้ายังกล้าทำเล่นลิ้นอีก เช่นนั้นข้าเส้าเทียนอิ้งผู้นี้จะออกคำสั่งให้สมุนแห่งเทียนซานทั้งหมดจู่โจมเมืองหลวง! ดูสิว่าฮ่องเต้เช่นเจ้าจะยังทำใจเย็นได้อีกแค่ไหน? และอย่าลืมว่าศัตรูจากบนฟ้าก็บุกมาประชิดตัวแล้วด้วย!!!"
ดูเหมือนจู่ ๆ จอมมารก็จะน็อตหลุดเอาดื้อ ๆ เลย ไม่สมกับภาพลักษณ์ผู้นำเทียนซานก่อนหน้านี้ที่ดูนิ่งสุขุมสักนิด ผมนึกสงสัยว่าคัมภีร์นั่นจะสำคัญขนาดที่ต่อให้ทั้งสองฝ่ายต้องตายก็ต้องชิงมาเป็นของตัวเองให้ได้กันเลยหรือ?
"จอมมาร... ดูเหมือนเจ้าต่างหากที่ประเมินสถานการณ์ไม่ออก ถ้าเทียนซานคิดจะบุกเมืองหลวงล่ะก็ กองทัพและไพร่พลของข้า รวมถึงสมาชิกห้าพรรคใหญ่ทั้งหมดจะพร้อมทำสงครามกับพวกเจ้าในทันที!"
นั่นไง จอมมารใจร้อนไปเลยไม่ทันนึกถึงเรื่องสมดุลอำนาจที่เคยมีมาแต่ก่อน เพราะต่อให้เป็นจอมมารที่ร้ายกาจเพียงใด แต่การให้ต่อกรกับกองทัพที่มีกำลังพลหลักแสน ไม่สิ... อาจจะถึงล้านด้วยซ้ำแถมยังมีพวกห้าพรรคใหญ่คอยสนับสนุนอีกคงไม่ใช่เรื่องง่ายแน่ ๆ (แถมตอนนี้ยังอยู่ในร่างน้องหมาด้วย)
"เอ่อ... กระผมขอแทรกนิดนึงขอรับ"
ผมฉวยโอกาสยกมือขึ้นขัดจังหวะเพื่อคลายบรรยากาศอันหนักอึ้งในห้อง เพราะรู้สึกอึดอัดกับสภาพที่เป็นอยู่แถมในหัวก็เต็มไปด้วยคำถามมากมาย แต่ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดและน่าจะกระทำเป็นอย่างแรกก็คือการหาทางรับมือกับพวกกองทัพจากนอกโลกไม่ใช่หรือ? แล้วจะมามัวทะเลาะกันเรื่องม้วนคัมภีร์ทำไมฟะ!
"ถูกต้อง! เวลาเช่นนี้เราควรจะหาทางรับมือกับศัตรูภายนอกเสียก่อน ไม่ใช่เปิดศึกภายใน!"
ฮ่องเต้เห็นด้วยกับผม แต่ก็ยังคงปฎิเสธเรื่องของคัมภีร์อยู่ดีและพยายามเกลี้ยกล่อมให้จอมมารยอมคายข้อมูลของอีกฝ่ายออกมา ซึ่งแน่นอนว่าเส้าเทียนอิ้งไม่มีทางบอกง่าย ๆ อยู่แล้ว
"ข้ามาเพื่อต่อรอง ไม่ใช่ยอมจำนน! ฮ่องเต้ถ้าเจ้าไม่ยอมมอบม้วนคัมภีร์มาล่ะก็ ข้าคงต้องลงมือเองเสียแล้ว!"
แล้วจอมมารก็ทำสิ่งที่เหลือเชื่อ นั่นคือการกระโดดเข้าจู่โจมใส่ฮ่องเต้ด้วยร่างของหมาน้อย! ชั่วพริบตานั้นผมสัมผัสได้ถึงพลังวัตรจากร่างของมันจึงโดดเข้าขวางเพื่อไม่ให้เหตุการณ์มันบานปลายไปมากกว่านี้ ผมรับมือเขี้ยวเล็บเล็ก ๆ นั่นด้วยฝ่ามือเพียงข้างเดียว แต่ก็ทำให้มือผมชาไปแว่บหนึ่งเลยทีเดียว ไม่นึกว่าขนาดอยู่ในร่างน้องหมา เส้าเทียนอิ้งยังอุตส่าห์เค้นพลังลมปราณขั้นสีขาวได้อีก!
"ไอ้หน้าโง่! เจ้าจะมาขวางข้าไว้ทำไม?"
"เฮ้ยเอ็งจะบ้าเรอะ! ขืนทำร้ายฮ่องเต้เดี๋ยวพวกองค์รักษ์ก็ได้แห่กันมาหรอก แล้ววันนี้เรามาเพื่อเจรจาไม่ใช่เปิดศึกนะเฟ้ย!"
สุดท้ายกลายเป็นผมทะเลาะกับจอมมารแทน เพราะสำหรับผมไอ้คัมภีร์บ้าบออะไรนั่นไม่ได้สำคัญอะไรสักนิด ในทางกลับกันไอ้พวกเอเลี่ยนจากนอกโลกที่จ้องจะจับคนทางนี้ไปผ่าทดลองนั่นต่างหากที่เป็นประเด็นสำคัญสุดในตอนนี้แล้ว ขืนปล่อยให้เล่นงานฮ่องเต้ที่ตรงนี้ก็เท่ากับสร้างศัตรูเพิ่มโดยไม่จำเป็นสิฟะ! สรุปว่าจอมมารสูญเสียความเยือกเย็นจนมองข้ามเรื่องง่าย ๆ แค่นี้ไปเสียหมด
"ว่าแต่เอ็งทำยังไงถึงมีพลังปราณออกมาได้ล่ะเนี่ย เป็นแค่น้องหมาแท้ ๆ"
"เฮอะ! แต่เดิมทีร่างเก่าของข้าก็เป็นแค่คนธรรมดาอยู่แล้ว การฝึกฝนเพื่อเพิ่มพลังวัตรในร่างของตนไม่ใช่เรื่องยากอะไรเสียหน่อยเจ้าโง่!"
ผมได้เรียนรู้เดี๋ยวนี้เองว่าหากได้ฝึกฝนอย่างถูกวิธี แม้แต่พวกสัตว์ทั้งหลายก็สามารถสร้างพลังลมปราณในตัวเองได้ แต่การสร้างได้ในระยะเวลาอันสั้นขนาดนี้สงสัยว่าเจ้าหมอนี่อาจจะเป็นอัจฉริยะจริง ๆ ก็ได้?
"ช่างน่าตกใจจริง ๆ เส้าเทียนอิ้ง ไม่นึกเลยว่าแม้แต่ในร่างเดรัจฉานเจ้ายังสามารถเค้นลมปราณออกมาได้อีก"
ขนาดฮ่องเต้ยังดูทึ่งกับพรสวรรค์ของเจ้านี่ สุดท้ายจึงยอมเปิดการเจรจาโดยยื่นข้อเสนอให้จอมมารและพรรคเทียนซานสามารถผ่านเข้าออกหอฌาณแห่งเทียนเหอเพื่อสืบหาม้วนคัมภีร์ดังกล่าวได้ (ตามปกติมีกองทัพคอยปกป้องทางเข้าอยู่)
"พูดเป็นเล่น! เจ้าแอบเอามันออกมาจากข้างในนั้นตั้งนานแล้ว ตอนนี้ให้พวกข้าเข้าไปจะได้ประโยชน์อะไร?"
จอมมารยังคงโวยวายไม่เลิก และดูท่าว่าการเจรจาจะยิ่งยืดเยื้อออกไปอย่างไม่มีจบสิ้น ถ้าไม่เพราะเหตุวิกฤตที่เข้ามาแบบกะทันหันเสียก่อน โดยผมและจอมมารสามารถจับเค้าของมันได้แทบจะพร้อม ๆ กันเลย
"นี่มัน...!"
แม้จะไม่ได้ออกไปดูลาดเลาที่ด้านนอกด้วยตนเอง แต่ผมก็สัมผัสได้ว่ามีบางสิ่งที่ใหญ่โตกำลังลอยอยู่เหนือน่านฟ้าของราชวังต้องห้ามแห่งนี้ ไม่ต้องบอกก็พอจะเดาได้ว่าเจ้าสิ่งนั้นต้องเป็นยานอวกาศของพวกผู้รุกรานจากนอกโลกแน่ ๆ
จบตอน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น