ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เทพเซียนเกรียนยุทธภพ!

    ลำดับตอนที่ #64 : คัมภีร์ลับแห่งเทียนเหอ

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 560
      23
      3 ม.ค. 61


         หลังจากที่พวกเราลอบเข้าสู่เขตราชฐานชั้นในมาได้  ก็พบกับจ้าวผู้ครองแผ่นดินแห่งนี้หรือที่เรียกกันว่าฮ่องเต้นั่นเอง  แล้วจอมมารก็เริ่มการเจรจาต่อรองเงื่อนไขเพื่อแลกเปลี่ยนกับข้อมูลสำคัญที่ทางนี้เสี่ยงชีวิตหามาได้ในทันที

         "ข้าไม่ขออะไรจากท่านมากหรอก  นอกเสียจากบันทึกลับฉบับหนึ่งที่ท่านถือวิสาสะยึดครองเอาไว้เป็นการส่วนตัว!"

         แม้จะได้ชื่อว่าเป็นมหาบุรุษผู้เยือกเย็นและสุขุมรอบคอบเพียงใด  แต่เมื่อได้ยินประโยคนี้ของเส้าเทียนอิ้งแล้ว  ฮ่องเต้ยังถึงกับผงะไปชั่วครู่เลยทีเดียวด้วยไม่นึกว่าจะได้ยินคำนี้จากปากของจอมมารกระมัง?

         "ข้าคือเจ้าผู้ครองแผ่นดิน...  เพราะฉะนั้นการถือครองทุกสรรพสิ่งในใต้หล้าย่อมเป็นสิ่งที่ถูกต้องสมควรแล้วมิใช่หรือ  แล้วเจ้าจะกล่าวหาว่าข้าเก็บสิ่งใดไปจากมือของพวกเจ้ากันเล่า?"

         "อย่ามาเล่นลิ้นกับข้า! ข้ารู้นะว่าเจ้าลักลอบนำคัมภีร์ฉบับหนึ่งออกมาจากภายในหอฌาณแห่งเทียนซาน  และสิ่ง ๆ นั้นสมควรจะเป็นของข้ามาแต่แรกแล้ว!!!"

         จอมมารตะเบ็งเสียงคอแทบแตก  เท่าที่จำได้ผมยังไม่เคยเห็นหมอนี่โกรธอะไรมากมายขนาดนี้มาก่อนเลย  ดูท่าว่าเอกสารลับที่ทางฮ่องเต้เก็บซ่อนไว้คงจะมีความสำคัญกับจอมมารจริง ๆ  ทว่าอีกฝ่ายก็ยังคงยืนกรานคำเดิมว่าไม่รู้ไม่เห็นเช่นเคย

         "ได้! ในยามวิกฤตถึงเพียงนี้เจ้ายังกล้าทำเล่นลิ้นอีก  เช่นนั้นข้าเส้าเทียนอิ้งผู้นี้จะออกคำสั่งให้สมุนแห่งเทียนซานทั้งหมดจู่โจมเมืองหลวง!  ดูสิว่าฮ่องเต้เช่นเจ้าจะยังทำใจเย็นได้อีกแค่ไหน?  และอย่าลืมว่าศัตรูจากบนฟ้าก็บุกมาประชิดตัวแล้วด้วย!!!"

         ดูเหมือนจู่ ๆ จอมมารก็จะน็อตหลุดเอาดื้อ ๆ เลย  ไม่สมกับภาพลักษณ์ผู้นำเทียนซานก่อนหน้านี้ที่ดูนิ่งสุขุมสักนิด  ผมนึกสงสัยว่าคัมภีร์นั่นจะสำคัญขนาดที่ต่อให้ทั้งสองฝ่ายต้องตายก็ต้องชิงมาเป็นของตัวเองให้ได้กันเลยหรือ?  

         "จอมมาร... ดูเหมือนเจ้าต่างหากที่ประเมินสถานการณ์ไม่ออก  ถ้าเทียนซานคิดจะบุกเมืองหลวงล่ะก็  กองทัพและไพร่พลของข้า  รวมถึงสมาชิกห้าพรรคใหญ่ทั้งหมดจะพร้อมทำสงครามกับพวกเจ้าในทันที!"

         นั่นไง  จอมมารใจร้อนไปเลยไม่ทันนึกถึงเรื่องสมดุลอำนาจที่เคยมีมาแต่ก่อน  เพราะต่อให้เป็นจอมมารที่ร้ายกาจเพียงใด  แต่การให้ต่อกรกับกองทัพที่มีกำลังพลหลักแสน ไม่สิ... อาจจะถึงล้านด้วยซ้ำแถมยังมีพวกห้าพรรคใหญ่คอยสนับสนุนอีกคงไม่ใช่เรื่องง่ายแน่ ๆ (แถมตอนนี้ยังอยู่ในร่างน้องหมาด้วย) 

         "เอ่อ... กระผมขอแทรกนิดนึงขอรับ"

         ผมฉวยโอกาสยกมือขึ้นขัดจังหวะเพื่อคลายบรรยากาศอันหนักอึ้งในห้อง  เพราะรู้สึกอึดอัดกับสภาพที่เป็นอยู่แถมในหัวก็เต็มไปด้วยคำถามมากมาย  แต่ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดและน่าจะกระทำเป็นอย่างแรกก็คือการหาทางรับมือกับพวกกองทัพจากนอกโลกไม่ใช่หรือ?  แล้วจะมามัวทะเลาะกันเรื่องม้วนคัมภีร์ทำไมฟะ!

         "ถูกต้อง! เวลาเช่นนี้เราควรจะหาทางรับมือกับศัตรูภายนอกเสียก่อน  ไม่ใช่เปิดศึกภายใน!"

         ฮ่องเต้เห็นด้วยกับผม  แต่ก็ยังคงปฎิเสธเรื่องของคัมภีร์อยู่ดีและพยายามเกลี้ยกล่อมให้จอมมารยอมคายข้อมูลของอีกฝ่ายออกมา  ซึ่งแน่นอนว่าเส้าเทียนอิ้งไม่มีทางบอกง่าย ๆ อยู่แล้ว

         "ข้ามาเพื่อต่อรอง  ไม่ใช่ยอมจำนน!  ฮ่องเต้ถ้าเจ้าไม่ยอมมอบม้วนคัมภีร์มาล่ะก็  ข้าคงต้องลงมือเองเสียแล้ว!"

         แล้วจอมมารก็ทำสิ่งที่เหลือเชื่อ  นั่นคือการกระโดดเข้าจู่โจมใส่ฮ่องเต้ด้วยร่างของหมาน้อย! ชั่วพริบตานั้นผมสัมผัสได้ถึงพลังวัตรจากร่างของมันจึงโดดเข้าขวางเพื่อไม่ให้เหตุการณ์มันบานปลายไปมากกว่านี้  ผมรับมือเขี้ยวเล็บเล็ก ๆ นั่นด้วยฝ่ามือเพียงข้างเดียว  แต่ก็ทำให้มือผมชาไปแว่บหนึ่งเลยทีเดียว  ไม่นึกว่าขนาดอยู่ในร่างน้องหมา  เส้าเทียนอิ้งยังอุตส่าห์เค้นพลังลมปราณขั้นสีขาวได้อีก! 

         "ไอ้หน้าโง่!  เจ้าจะมาขวางข้าไว้ทำไม?"

         "เฮ้ยเอ็งจะบ้าเรอะ! ขืนทำร้ายฮ่องเต้เดี๋ยวพวกองค์รักษ์ก็ได้แห่กันมาหรอก  แล้ววันนี้เรามาเพื่อเจรจาไม่ใช่เปิดศึกนะเฟ้ย!"

         สุดท้ายกลายเป็นผมทะเลาะกับจอมมารแทน   เพราะสำหรับผมไอ้คัมภีร์บ้าบออะไรนั่นไม่ได้สำคัญอะไรสักนิด  ในทางกลับกันไอ้พวกเอเลี่ยนจากนอกโลกที่จ้องจะจับคนทางนี้ไปผ่าทดลองนั่นต่างหากที่เป็นประเด็นสำคัญสุดในตอนนี้แล้ว  ขืนปล่อยให้เล่นงานฮ่องเต้ที่ตรงนี้ก็เท่ากับสร้างศัตรูเพิ่มโดยไม่จำเป็นสิฟะ!  สรุปว่าจอมมารสูญเสียความเยือกเย็นจนมองข้ามเรื่องง่าย ๆ แค่นี้ไปเสียหมด

         "ว่าแต่เอ็งทำยังไงถึงมีพลังปราณออกมาได้ล่ะเนี่ย  เป็นแค่น้องหมาแท้ ๆ"

         "เฮอะ! แต่เดิมทีร่างเก่าของข้าก็เป็นแค่คนธรรมดาอยู่แล้ว  การฝึกฝนเพื่อเพิ่มพลังวัตรในร่างของตนไม่ใช่เรื่องยากอะไรเสียหน่อยเจ้าโง่!"

         ผมได้เรียนรู้เดี๋ยวนี้เองว่าหากได้ฝึกฝนอย่างถูกวิธี  แม้แต่พวกสัตว์ทั้งหลายก็สามารถสร้างพลังลมปราณในตัวเองได้  แต่การสร้างได้ในระยะเวลาอันสั้นขนาดนี้สงสัยว่าเจ้าหมอนี่อาจจะเป็นอัจฉริยะจริง ๆ ก็ได้?

         "ช่างน่าตกใจจริง ๆ เส้าเทียนอิ้ง  ไม่นึกเลยว่าแม้แต่ในร่างเดรัจฉานเจ้ายังสามารถเค้นลมปราณออกมาได้อีก"

         ขนาดฮ่องเต้ยังดูทึ่งกับพรสวรรค์ของเจ้านี่  สุดท้ายจึงยอมเปิดการเจรจาโดยยื่นข้อเสนอให้จอมมารและพรรคเทียนซานสามารถผ่านเข้าออกหอฌาณแห่งเทียนเหอเพื่อสืบหาม้วนคัมภีร์ดังกล่าวได้ (ตามปกติมีกองทัพคอยปกป้องทางเข้าอยู่) 

         "พูดเป็นเล่น! เจ้าแอบเอามันออกมาจากข้างในนั้นตั้งนานแล้ว  ตอนนี้ให้พวกข้าเข้าไปจะได้ประโยชน์อะไร?"

         จอมมารยังคงโวยวายไม่เลิก  และดูท่าว่าการเจรจาจะยิ่งยืดเยื้อออกไปอย่างไม่มีจบสิ้น  ถ้าไม่เพราะเหตุวิกฤตที่เข้ามาแบบกะทันหันเสียก่อน  โดยผมและจอมมารสามารถจับเค้าของมันได้แทบจะพร้อม ๆ กันเลย

         "นี่มัน...!"

         แม้จะไม่ได้ออกไปดูลาดเลาที่ด้านนอกด้วยตนเอง  แต่ผมก็สัมผัสได้ว่ามีบางสิ่งที่ใหญ่โตกำลังลอยอยู่เหนือน่านฟ้าของราชวังต้องห้ามแห่งนี้  ไม่ต้องบอกก็พอจะเดาได้ว่าเจ้าสิ่งนั้นต้องเป็นยานอวกาศของพวกผู้รุกรานจากนอกโลกแน่ ๆ


    จบตอน
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×