ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เทพเซียนเกรียนยุทธภพ!

    ลำดับตอนที่ #9 : ห้าพรรคใหญ่ปะทะเทียนซาน ตอนที่02

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.51K
      163
      8 ก.ย. 60


         "ไอ้จอมมารจองหองนั่นข้าจะขยี้ให้เละเลยคอยดูสิ!"

         เกาฟานเฉียงยังคงจองเวรไม่เลิกทั้งที่ตนเป็นฝ่ายเริ่มอาละวาดก่อน  หัวหน้าพรรคใหญ่ทั้งห้าเลือกนั่งตามแต่เห็นสมควรในห้องโถงกลางของเทียนซานอันกว้างขวาง  แม้ว่าจำนวนคนทั้งหมดจะปาเข้าไปเกือบสามสิบทว่าก็มิได้ทำให้ห้องรับรองแห่งนี้ดูคับแคบลงเลยสักนิด

         "เอาล่ะ  รบกวนเจ้าช่วยไปตามเส้าเทียนอิ้งมาพบหน้าพวกข้าโดยเร็วเถิด!"

         จางเหอลู่กำชับกับมารผมขาวให้เร่งประมุขพรรคมารออกมาต้อนรับแขก  ที่ในห้องโถงนี้ยังมีองค์รักษ์พิทักษ์จอมมารอีกสองคนยืนเคียงข้างบัลลังก์ซ้ายขวา  คนหนึ่งตัวผอมลีบแต่ดวงตาเป็นประกาย ส่วนอีกคนผิวคล้ำร่างกำยำสมสัดส่วน  ท่าทางว่าเจ้าสองคนนี้คงมีตำแหน่งใหญ่ที่สุดในบรรดาองครักษ์ทั้งหมดกระมัง?

         "ขอบคุณเจ้าสำนักทุกท่านที่เดินทางมาเยี่ยมเยือน  หนทางไกลคงลำบากยิ่งนัก"

         สินหุ่ยเป็นผู้ออกมาให้การต้อนรับในลำดับแรก  แน่นอนว่าทุกคนต่างไม่สนใจใยดีกับคำทักทายตามพิธีนั่น  เพราะต่างใจจดจ่ออยู่กับการปรากฏตัวของผู้นำพรรคมารเพียงเท่านั้น

         "ไม่ต้องมากพิธีรีตอง!  รีบ ๆ ไปตามหัวหน้าของพวกแกออกมาได้แล้ว!"

         เกาฟานเฉียงใส่อารมณ์กระแทกกระทั้นในน้ำเสียง  สินหุ่ยโค้งคำนับให้อย่างมีมารยาทก่อนจะส่งสัญญาณให้บรรดาลูกสมุนที่แอบอยู่ด้านหลังเปิดม่าน  ต้อนรับการปรากฏตัวของเส้าเทียนอิ้งประมุขพรรคมารคนปัจจุบัน  ซึ่งเจ้าสำนักใหญ่ทุกคนต่างรู้ดีอยู่แก่ใจว่าบัดนี้จอมมารได้ร่างใหม่สิงสู่แล้ว  แต่ไม่นึกว่าจะเป็นร่างของเด็กหนุ่มผู้องอาจปราดเปรียวเช่นนี้  เส้าเทียนอิ้งค่อย ๆ เดินอย่างสง่าผ่าเผยไปสู่บัลลังก์ที่ตรงกลางห้องแล้วนั่งลงอย่างใจเย็น  รังสีแห่งพลังที่แผ่ซ่านจากทั่วร่างของเขาส่งผลให้ใจคนสะท้าน  ไม่ทันไรบรรดาจอมยุทธฝ่ายธรรมะทั้งหลายก็เริ่มหายใจไม่ทั่วท้องเสียแล้ว...  


    @@@@@@@@@@


         "เหวอคนเพียบเลยว่ะ  ไม่เห็นเหมือนที่คุยกันไว้นี่นา!"

         ผมถึงกับอึ้งเมื่อเห็นจำนวนคนในห้องโถงใหญ่แต่พยายามเก็บอาการไว้ไม่แสดงออก  ยังคงนั่งคิ้วขมวดเก๊กท่าจอมมารให้แนบเนียนที่สุดเท่าที่จะทำได้  ไหนเจ้าหมานั่นบอกว่าอย่างมากก็แค่สิบคนไงฟะ  นี่ตูนับยังไงก็เกินสามสิบคนแน่ ๆ เรียกว่าแห่กันมาหมดทั้งหมู่บ้านเลยมั้งเนี่ย?  ให้ตายสิแล้วพวกธรรมะนี่จะพ่นคำเชย ๆ อย่าง ธรรมะย่อมชนะอธรรม หรือ กระบี่อยู่ที่ใจ อะไรแบบนี้มั้ยน๊า

         "วันนี้ทุกท่านให้เกียรติมาเยือนสำนักของข้าโดยพร้อมเพรียงกัน  ช่างเป็นเรื่องน่ายินดียิ่งนัก!"

         จอมมารกล่าวทักทายแขกทุกคนในห้องโถง  แน่นอนว่าไม่ใช่เสียงของผมแน่ ๆ เพราะตอนนี้เม้มปากไว้แน่นเลย  ก็ก่อนหน้านี้เจ้าหมาน้อยมันเจ้ากี้เจ้าการอธิบายแผนรับมือกับพวกห้าพรรคใหญ่ให้ฟังในระหว่างที่อสูรแปดหน้ากับมารผมขาวออกไปถ่วงเวลานี่นะ  มันบอกให้ผมนั่งนิ่ง ๆ และตัวมันจะแอบอยู่บนฝ้าใต้หลังคาห้องโถง  คอยเจรจากับฝ่ายธรรมะเองโดยมีผมนั่งประกอบฉากเฉย ๆ  และหากว่ามีบทบู๊เจ้าองค์รักษ์ที่ยืนอยู่ข้างบัลลังก์ทั้งสองคนจะรับหน้าที่นั้นเอง

         "นี่มันอะไรกัน  จอมมารพูดโดยไม่ต้องอ้าปากเนี่ยนะ?"

         ทุกคนในห้องโถงต่างตกตะลึงเมื่อได้เห็นความเหนือชั้นของฝีมือ เอ่อ... หรือจะเรียกว่าเล่ห์กลของเจ้าหมานั่นนี่นะ?  จอมมารนอกจากจะแอบอยู่บนฝ้าเพดานแล้วยังวิ่งไปมาบนนั้นเพื่อให้เจ้าสำนักอื่นจับที่มาของเสียงไม่ได้ด้วย 

         "ท่านเส้าเทียนอิ้ง... วันนี้พวกข้าเดินทางมาเยือนด้วยมีเรื่องขุ่นเคืองใจยิ่งนัก  เพราะลูกสมุนของท่านก่อกรรมทำเข็ญรังแกผู้อ่อนแอ  บุตรชายของข้าจึงจำต้องยื่นมือช่วยเหลือ  ไม่นึกว่าจะโดนลอบทำร้ายอย่างเลือดเย็น!"

         ตาแก่คนหนึ่งที่วางท่าคล้ายผู้นำของขบวนการกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มกังวานสมกับเป็นเจ้าสำนัก  ลวดลายบนเสื้อของหมอนี่ทำให้พอเดาได้ว่าต้องเป็นคนของสำนักมังกรทองแน่ ๆ และเหตุการณ์ที่พูดถึงก็สงสัยว่าจะเป็นตอนที่ไอ้ขี้เก๊กคุณชายเจ็ดอะไรนั่นมาหาเรื่องผม  แล้วสุดท้ายก็เจอพลังปราณตัวเองดีดกระเด็นไปติดบนหลังคาซะงั้น

         "เสียแรงที่ข้าสู้อุตส่าห์นับถือท่านมานาน  พรรคเทียนซานอันยิ่งใหญ่ตกต่ำไปถึงเพียงไหนจึงกล้าลงมือกระทั่งคนไม่มีทางสู้!"

         เจ้าสำนักมังกรทองยังคงพล่ามไร้สาระต่อไป  แถมเกินครึ่งนี่ก็เรื่องโกหกยกเมฆชัด ๆ ตูแค่ไปหาข้าวช้าวกินแถมโดนพวกเอ็งหาเรื่องก่อน  แล้วไอ้หมอนั่นก็ระเบิดตัวตายกับความอับอายสุดจะทน  จนต้องวิ่งร้องไห้โฮไปฟ้องพ่อ  โถ... ตกลงเจ้านั่นอายุเท่าไหร่กันแล้วแน่ฟะ?  

         "ฮ่า ๆ จางเหอลู่! หากลูกชายท่านยังอ่อนด้อยเรื่องฝีมือ  วันหลังไปเดินตลาดก็ควรพาองค์รักษ์ไปด้วยสักห้าหกคนเป็นอย่างน้อย  เพื่อมิให้คนอื่นฉวยโอกาสมารังแกเอาได้  หรือถ้ายังไม่อุ่นใจพอ  พรรคของข้าพอจะมียอดฝีมือส่งไปคุ้มครองตัวท่านและครอบครัวได้ทุกเมื่อนะ!"

         โอ้โหน้องหมานี่เห็นตัวเล็ก ๆ แต่ปากร้ายไม่เบานะเนี่ย  เล่นแขวะกันซึ่งหน้าแบบนี้ไม่กลัวโดนพวกเจ้าสำนักฝ่ายธรรมะรุมกระทืบเอารึไงวะ?  ทางนั้นมากันตั้งสามสิบกว่าเลยนะ  ถ้าผมเจอเด็กช่างกลจำนวนขนาดนี้เดินขึ้นรถเมล์ล่ะก็แทบจะกระโดดออกทางหน้าต่างกันเลยเชียว

         "เส้าเทียนอิ้ง! อย่ามาเล่นลิ้นนอกเรื่อง  พวกข้าเดินทางมาเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับลูกชาย  จงรีบนำตัวเจ้าลูกสมุนที่เล่นงานจอมยุทธเจ็ดแห่งสำนักมังกรทองออกมาขอขมาเดี๋ยวนี้!"

         แน่นอนว่าเจ้าสำนักทั้งห้าเป็นเดือดเป็นแค้นขึ้นมาทันที  ตาแก่ที่ชื่อจางเหอลู่ถึงกับเรียกไอ้เจ็ดหน้าหยกจองหองนั่นเดินเข้ามาเพื่อชี้ตัวเลยว่าไอ้คนที่รังแกคือใครอยู่ในห้องโถงนี่หรือไม่  และแน่นอนว่าเจ้าโง่นั่นย่อมไม่พลาดที่จะชี้หน้าผมได้อย่างแม่นยำ

         "ท่านพ่อเจ้านี่แหละที่บังอาจทำร้ายข้า!"  

         เท่านั้นแหละทั่วทั้งห้องโถงก็ตกอยู่ในสภาพสูญญากาศไปในพริบตา  ทุกคนต่างเบิกตาโพลงมองทางผมทีทางเจ้าจอมยุทธเจ็ดทีด้วยความสับสน  มีเพียงเจ้าสำนักพยัคฆ์แดงที่น่าจะชื่อว่าเกาฟานเฉียงตบเข่าฉาดก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

         "เยี่ยม! เป็นถึงจอมมารฝีมือระดับตำนานเลื่องลือ  กลับหน้าไม่อายรังแกเด็ก ฮ่า ๆ"

         ไม่เพียงเท่านั้น  เมื่อเกาฟานเฉียงหัวเราะจบก็ดีดตัวลอยมาทางนี้ในทันทีพร้อมกับพลังฝ่ามือที่ร้ายกาจ  จู่ ๆ เจอแบบนี้แล้วผมจะมีปัญญาหลบได้ยังไง  เลยทำได้แค่เพียงยกสองแขนขึ้นป้องกันใบหน้าไปตามสัญชาตญาณ  โชคดีที่องค์รักษ์อ้วนผอมไม่ยอมปล่อยให้อีกฝ่ายเข้าถึงตัวผมได้  พวกมันแล่นเข้ามารับมือเจ้าสำนักพยัคฆ์แดงได้อย่างว่องไวจนผมมองตามแทบไม่ทัน  วินาทีที่ฝ่ามือของทั้งสามปะทะกันก็เกิดเป็นเสียงระเบิดดังสนั่นไปทั่วห้องโถงเลยทีเดียว...


    จบตอน

        
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×