ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เทพเซียนเกรียนยุทธภพ!

    ลำดับตอนที่ #99 : เผด็จศึกพยัคฆ์แดง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 183
      11
      18 ก.พ. 62


         การต่อสู้อันดุเดือดระหว่างเจ้าสำนักทั้งสองได้ดำเนินมาสู่ช่วงสุดท้าย  หลังจากผ่านไปกว่าสามสิบกระบวนท่า  จางเหอลู่ก็ดูจะผ่อนแรงลงจากความเหนื่อยล้าและอาการบาดเจ็บที่สะสมมาจากเมื่อครั้งศึกเจ้ายุทธจักร  ด้านเกาฟานเฉียงนั้นนอกจากจะยังแข็งแรงดีอยู่แล้วยังเพิ่มความรุนแรงของกระบวนท่าเข้าไปอีก

         "ฮ่า ๆ เป็นอะไรไปจางเหอลู่!  วันนี้เป็นวันจายของเจ้าแล้วโทษฐานที่สมคบคิดกับพวกมาร!!!"

         เจ้าสำนักพยัคฆ์แดงเกร็งฝ่ามือรีดเร้นลมปราณพวยพุ่งขึ้นมาจนมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า  มันดูคมกริบราวกับใบมีดที่พร้อมจะเฉือนเนื้อเถือหนังของศัตรูได้เลยทีเดียว 

         "หากข้าฆ่าเจ้าและจอมมารได้  ยุทธภพนี้ก็จักตกเป็นของข้า!"

         "ไร้สาระ!"

         จางเหอลู่รับมือกับปราณคบดาบด้วยเมฆสีดำในทันที  ทว่าความรุนแรงของมันนั้นถึงกับตัดวิชาเซียนจำแลงได้อย่างง่ายดาย  เจ้าสำนักมังกรทองไม่ทันคาดคิดจึงโดนเฉือนเข้าที่ท้องแขนอย่างจังเลือดกระฉูดเป็นสาย  เมื่อเห็นท่าไม่ดีเหอลู่จึงเปลี่ยนมาใช้วิชาดั้งเดิมของสำนักนั่นคือกระบวนท่าลมมังกรเตะทวนทิศ  หมุนตัวเตะกวาดพร้อมกับกระแทกอีกฝ่ายให้ลอยขึ้นไปบนฟ้า  ก่อนจะตามไปด้วยกระบวนท่าพยุหะเขี้ยวมังกรทะยาน  จู่โจมอย่างรวดเร็วไร้ช่องโหว่ให้ตอบโต้  แต่เพราะอาการบาดเจ็บที่มีทำให้ออกท่าได้ไม่ถนัดนัก  เกาฟานเฉียงเห็นช่องว่างก็ตอบโต้ด้วยกำปั้นทันที  ซัดเข้าที่ใบหน้าจนจางเหอลู่ร่วงลงมากระแทกพื้นที่เบื้องล่าง 

         "ยุทธภพตกเป็นของเจ้ารึ?  ช่างน่าขันเสียจริง  ตกเป็นเบี้ยล่างของพวกศัตรูสิไม่ว่า!"

         แม้จะพลาดท่าก็ยังไม่ยอมแพ้  จางเหอลู่ประสานปราณมังกรเข้ากับวิชาเทพจำแลงแล้วจู่โจมเข้าใส่แบบเต็มกำลัง  คราวนี้เกาฟานเฉียงถึงกับกระเด็นถอยหลังไปบ้างเมื่อเจอการโจมตีแบบทุ่มสุดตัวเช่นนี้

         "เวลานี้แทนที่เจ้าจะร่วมมือกับคนอื่น ๆ ช่วงชิงเมืองหลวงกลับมา  นี่กลับยอมก้มหัวถวายตัวเป็นสุนัขของพวกมัน  เศษคนยังดีเกินกว่าจะใช้เรียกเจ้าเลยด้วยซ้ำ!!!"

         จางเหอลู่เริ่มเป็นต่อจึงเดินลมปราณเต็มที่หวังเอาชัยโดยเร็ว  ทว่าสังขารกลับไม่อำนวยด้วยพิษบาดแผลที่ยังตกค้าง  มันจึงกระอักเลือดทรุดลงหอบกับพื้นเสียเอง

         "ฮ่า ๆ หลังจากที่ข้าได้เป็นเจ้ายุทธภพแล้วค่อยไปเอาคืนพวกมันก็ยังได้..."

         เกาฟานเฉียงเกร็งพลังสิบส่วนเตรียมใช้ท่าไม้ตายส่งวิญญาณอดีตเสาหลักแห่งยุทธภพ  เหล่าจอมยุทธแห่งพรรคเห็นดังนั้นย่อมไม่รอช้า  รีบกระโดดเข้าไปขัดขวางอีกฝ่ายมิให้ทำร้ายบิดาของตนในทันที

         "กระจอก! กระจอก! กระจอก! ไอ้พวกปลาซิวปลาสร้อยอย่าได้ริมาท้าทายข้าคนนี้เชียวนะ!!!"

         เกาฟานเฉียงซัดวิชาฝ่ามือพยัคฆ์ซ้อนตะวันเข้าใส่พวกลูก ๆ ของจางเหอลู่จนกระเด็นไม่เป็นท่า  และวินาทีแห่งความเป็นความตายนั้นเองที่ร่างของเจ้าสำนักพยัคฆ์แดงกลับถูกกระแทกจนปลิวหมุนขึ้นไปกลางอากาศ  ซ้ำยังเจอซัดเข้าที่ใบหน้าไม่รู้กี่สิบครั้ง  ตบท้ายด้วยการถีบมันร่วงทะลุหลังคาลงไปนอนกองที่ข้างในเรือนชานต้อนรับของสำนัก  และแน่นอนว่านี่จะเป็นฝีมือของใครไปไม่ได้นอกเสียจากเจ้ายุทธจักรคนปัจจุบันเส้าเทียนอิ้งนั่นเอง

         "สามหาวสิ้นดี  ฝีมืออย่างแกไม่เพียงพอจะทำให้ข้าตื่นเต้นเลยด้วยซ้ำ..."

         นายโชคดีในร่างของเสาเทียนอิ้งลงมือเต็มที่แบบไม่ไว้หน้าเพราะโกรธแค้นจากที่ลอบโจมตีเมื่อครู่  ครั้นเมื่อเกาฟานเฉียงตั้งตัวได้ก็เจอวิชาสำนักเทียนซานเล่นงานเข้าให้จนแขนหักทั้งสองข้าง  มันคุกเข่าลงร้องโอดโอยเสียงดังลั่น  ก่อนจะเจอฝ่ามือคว้าบีบกะโหลกเอาไว้ไม่ให้หนีไปไหนได้

         "สาบานมา  ว่าต่อไปนี้แกจะไม่แข็งข้อกับเทียนซานและสำนักอื่น ๆ อีก  ไม่งั้นตาย!"

         เจ้าสำนักพยัคฆ์แดงกัดฟันกรอดไม่ยอมเอ่ยปากตามที่ถูกบังคับแม้ว่าจะหมดหนทางสู้แล้ว  เส้าเทียนอิ้งไม่มีทางเลือกจึงจัดการบีบศีรษะให้แน่นยิ่งขึ้น  เสียงกะโหลกโดนบีบดังลั่นไปทั่วจนแม้แต่เหล่าธรรมะยังขนลุก

         "ไอ้บ้า! ข้าคนนี้เป็นถึงเจ้าสำนักพยัคฆ์แดงเชียวนะ  อย่างแกก็มันก็แค่มารกระจอกตัวหนึ่งเท่านั้น  ถ้าข้ารอดไปได้ล่ะก็..."

         เกาฟานเฉียงยังทำปากแข็งด้วยมั่นใจว่าอีกฝ่ายเป็นแค่เด็กน้อยไม่ใช่จอมมารตัวจริงย่อมมิกล้าเอาชีวิตผู้อื่นอย่างแน่นอน  ที่ไหนได้มันนั้นคาดผิดไปไกลโขทีเดียว  และนั่นต้องชดใช้ด้วยชีวิตที่เหลืออยู่ของตนเอง!

          "รอดไปได้?  ไม่มีวันพรุ่งนี้สำหรับแกแล้วไอ้ชาติชั่ว!!!"

         ฉับพลันเส้าเทียนอิ้งก็ลงมือหักคอของเกาฟานเฉียงในทันที  ท่ามกลางสายตาทุกผู้ในที่นั้นจับจ้อง  น้องหมาถึงกับเผยรอยยิ้มอันเยือกเย็นออกมา  ด้วยรู้สึกพึงพอใจกับความเด็ดขาดของเจ้าหนูนี่ที่กระทำในสิ่งที่ถูกต้องสมควรแล้วทุกประการ  เชื้อชั่วย่อมไม่ควรเก็บไว้  เพราะมันจะเป็นภัยต่อไปในภายภาคหน้า...   


    @@@@@@@@@@@@


         ฟากฟ้าด้านนอกส่งเสียงคำรามอื้ออึงไม่ทิ้งช่วงคล้ายกับจะมีลมพายุ  หลิวเย่อจื่อนั่งสงบนิ่งอยู่ในเรือนชานที่พัก  เขานั่งจ้องมองอุปกรณ์แปลกประหลาดสีขาวที่วางอยู่บนโต๊ะตรงหน้าอย่างพินิจพิจารณา  เขานึกถึงคำพูดของข้าหลวงแห่งสหราชอาณาจักรนั่น  เซฟิราฟเอเนอจี้  หากว่าที่เจ้านั่นพูดเป็นจริง  ในจักรวาลนี้ก็ยังมีพลังงานในรูปแบบอื่น ๆ ที่ร้ายกาจไม่แพ้พลังวิชาลมปราณของดินแดนต้าหลงแห่งนี้แน่ ๆ 

    ครืน... ครืน...

         เสียงลมกรรโชกที่ด้านนอกเริ่มรุนแรงขึ้นทุกที  เห็นทีว่าค่ำคืนนี้คงไม่พ้นพายุฝนกระหน่ำเป็นแน่  ทว่าในจังหวะที่เขากำลังจะตกลงสู่ห้วงภวังค์นั้นเอง  จู่ ๆ เจ้าอุปกรณ์สีขาวก็ส่งเสียงร้องออกมาเสียก่อน!

         "ข้าขอเข้าไปหน่อยนะ"

         เสียงประตูเปิดออกเบา ๆ ในขณะที่หลิวเสียะหัวผู้บิดาปรากฏตัวขึ้น  เย่อจื่อถอนหายใจเบา ๆ พลางเลื่อนมือออกจากกระบี่คู่ใจทันที

         "ท่าทางจะไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนนะ  น้องสาวของเจ้าเป็นห่วงมากเลยทีเดียวรู้หรือเปล่า?"

         หลังจากที่เย่อจื่อได้รับการปล่อยตัวจากในวังหลวง  เขาก็เดินทางกลับมาพักผ่อนที่บ้านไม่ได้ตามเกาฟานเฉียงไปที่สำนักมังกรทองด้วย  และนั่นทำให้พวกคนในพรรคหมาป่าเงินโล่งใจมากทีเดียว  ด้วยกลัวว่าอาจเกิดอันตรายกับเจ้าสำนักรุ่นถัดไป

         "ข้าขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงขอรับท่านพ่อ  แล้วหลิวอี่หลันล่ะ?"

         "เห็นว่ามีธุระข้างนอกน่ะ  ข้าก็ออกปากห้ามไปแล้วแต่นางหัวรั้นเสียเหลือเกิน"

         หลิวเสียะหัวกล่าวพลางไอเบา ๆ  ดูท่าว่าอาการป่วยเรื้อรังจะตามมารังควานเจ้าสำนักหมาป่าเงินอีกแล้ว  เย่อจื่อจึงจัดที่นั่งในห้องให้บิดา  แล้วสองพ่อลูกจึงได้ปรึกษาธุระปะปังกันท่ามกลางสายฝนที่ภายนอก...


    จบตอน



        
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×