ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yaoi] I'm your Toy. ผมเป็นของเล่นของคุณ (8P)

    ลำดับตอนที่ #14 : ตอนที่13 ผมกับเดทรอบสอง

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.51K
      93
      23 พ.ค. 60

    ตอนที่13

    ผมกับเดทรอบสอง

     

       ผมไม่ใช่คนชอบเที่ยว นอกจากเป็นการไปเที่ยวเก็บข้อมูลไว้เขียนนิยาย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเดินห้าง หากไม่จำเป็นผมไม่มีทางไปแน่ๆ

     

       ถ้าไม่จำเป็น...

     

       'ไปเดทกันนะ'

     

     

       ...


       ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อตัวเองมานั่งอยู่ในร้านไอติมชื่อดังในห้าง ข้างกายผมล้อมรอบด้วยคนเจ็ดคนที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดี ผมนั่งอยู่ที่โซฟาสีแดงตัวยาวสองข้างก็มีร่างของจินกับไปป์นั่งประกบตามเคย ซึ่งผมเริ่มรู้สึกแล้วว่าสองคนนี้ตัวติดกับผมยิ่งกว่าใครๆ โดยเฉพาะจินที่นั่งเบียดเข้ามาชิดชนิดแขนติดแขนไหล่ติดไหล่

     

       ผมเหล่มองจินที่ก้มมองเมนูด้วยสีหน้าตื่นเต้นเป็นเด็กๆ ก่อนจะเปรียบเทียบกับท่าทางตอนพูดจีบผมเมื่อหลายวันก่อน

     

       อ่า... อย่าไปนึกดีกว่า


       วันนี้ผมมาเดทกับทั้งเจ็ดคน โดยมีจินเป็นทัพหน้าโทรมาชวน ทีแรกผมคิดปฏิเสธแต่จินยกสัญญาที่ผมเคยพูดไว้เมื่อเดือนก่อนขึ้นมาอ้าง


       "ทอยสัญญาแล้วนี่ว่าจะไปเที่ยวด้วยกันอีก ไปนะ ไปเดทกันนะ!"


       และจากถ้อยคำที่ว่าทำให้ผมมานั่งอยู่ตรงนี้...

     

       พอมาถึงร้านแต่ละคนก็เปิดเมนูดูคร่าวๆแล้วสั่งกันคนละถ้วยด้วยท่าทางชำนาญ เว้นแค่คู่ลอสริกซ์ที่สั่งชุดช็อคโกแลตฟองดู ซึ่งผมอดสงสัยไม่ได้ว่าจะกินกันหมดเหรอ?

     

       แต่จะว่าไปผมไม่เห็นมีใครในกลุ่มไม่ชอบกินไอติมสักคน ทำเอาลบทัศนคติเกี่ยวกับเรื่องผู้ชายต้องไม่ชอบของหวานในหัวผมไปเลย (ส่วนใหญ่คนรู้จักผมที่เป็นผู้ชายไม่มีใครชอบกินไอติมกันสักคน)

     

       ขนาดซิตซ์เองก็สั่งริงอะดิงแต่เปลี่ยนรสไอศกรีมเป็นรสช็อคโกแลตล้วน

     

       ส่วนเวย์สั่งบานาน่า โบ๊ท ไอติมเปลี่ยนเป็นรสมอคค่า

     

       จินก็สั่งโอริโอ้บราวนี่ เปลี่ยนไอติมเป็นช็อคโกแลตหมดจนผมนึกหวานลิ้นแทน

     

       ไปป์สั่งเฮอริเคนถ้วยใหญ่เหมา5ลูกไปคนเดียวชวนอิ่มแทน ไอติมก็คละๆกันไปแต่ไม่เอาวานิลา ซึ่งพอถามเจ้าตัวบอกว่าหวานไปไม่ชอบ

     

       มาถึงไนท์ที่ผมคิดว่าน่าจะชอบแบบเรียบๆอย่างพวกกาแฟกลายเป็นว่าเจ้าตัวสั่งมิสเตอร์ซาน เบบี้ ที่มีไอติมแค่สองลูกกับกล้วยฝานราดซาอสตอเบอรี่ ไอติมเปลี่ยนเป็นสตอเบอรี่กับสตอเบอรี่ซอร์เบท์ แค่นั้นไม่พอไนท์ยังสั่งสตอเบอรี่ สมูทตี้มาอีกแก้ว ซึ่งมันแน่นอนแล้วว่าเจ้าตัวชอบสตอเบอรี่เป็นอย่างมาก

     

       ผมแอบจดไว้ในหัว ซึ่งของผมสั่งเป็นชูวี่ ชอคกี้ แฟนซี รสไอติมก็เป็นช็อคโกแลตมิดไนท์ แต่เหมือนคนอื่นๆจะแปลกใจที่ผมสั่งถ้วยเล็ก

     

       "ทำไมทอยสั่งถ้วยเล็กจังล่ะ? ไม่ชอบกินไอติมเหรอ?"ไปป์ถาม คนอื่นๆเองก็มองอย่างข้องใจ ซึ่งผมก็ยอมอธิบายตามความจริง

     

       "ไม่เชิงไม่ชอบหรอก แค่ฉันชอบแบบอื่นมากกว่า... ฉันหมายถึงฉันชอบกินพวกไอติมผลไม้น่ะ เคยไปกินที่ร้านนึงตอนไปหาข้อมูลเขียนพล็อต ถ้ามีโอกาสฉันก็จะไปกินที่ร้านนั้นบ่อยๆ"ผมพูดพลางนึกถึงร้านไอศกรีมผลไม้ที่เชียงใหม่ที่เคยไปเมื่อช่วงต้นปีตอนไปเก็บข้อมูล ผมได้ลองกินไอติมรสแปลกๆหลายอย่าง อย่างไอติมรสลำไย รสลิ้นจี่ รสองุ่น แต่แบบธรรมดาก็มีนะ อย่างไอติมนมสด ไอติมชาเย็น แล้วก็ไอติมรสช็อคโกแลตที่ผมชอบที่สุด

     

       ผมว่าระหว่างไอติมที่ร้านนั้นกับไอติมตามห้างผมชอบแบบแรกมากกว่า อาจเพราะร้านนั้นมีบรรยากาศสบายๆไม่น่าอึดอัดเหมือนตามห้างล่ะมั้ง แล้วไอติมที่นั่นก็อร่อยดี แถมถูก ผมเชื่อว่าต่อให้คนไม่ชอบกินของหวานก็ยังต้องชอบไอติมที่ร้านนั้น

     

       "เห ไอติมผลไม้งั้นเหรอ แล้วมีอะไรอะไรอร่อยบ้างล่ะ?"ไปป์ถามอย่างสนใจ ซึ่งผมทำหน้านึก

     

       "ก็หลายอย่างนะ มีองุ่น ลิ้นจี่ ชาเย็น มะพร้าว นมสด สตอเบอรี่..."พูดถึงตรงนี้ผมก็เห็นไนท์หันมามองอย่างสนใจ ซึ่งพอผมมองตอบก็เบนหน้าหนีไป

     

       "อร่อยจริงเหรอ? งั้นคราวหน้าทอยพาฉันไปด้วยสิ นะ พาไปหน่อยนะ"จินพูดอ้อน หันมากะพริบตาแบบที่ผมเห็นแล้วต้องใจอ่อนยอมให้ในที่สุด

     

       "ก็ได้หรอก..."ผมตอบไม่ทันจบดีจินก็ทำเสียงไชโย ซึ่งผมกลอกตามองท่าทางนั้นยิ้มๆ ขณะที่ในห้วงคิดเริ่มแน่ใจ

     

       ผมรู้สึกตัวมาสักพักแล้วว่าตัวเองแปลกไป...โดยเฉพาะกับจิน

     

       ตั้งแต่ก่อนหน้านี้ ทั้งตอนไปเที่ยวสวนสนุก ตอนที่อีกฝ่ายมาที่บ้านแล้วพูดชวนผมมากินไอติม แล้วยังหลังจากนี้เจ้าตัวยังมีโปรแกรมขึ้นไปดูหนังชั้นบนอีก ซึ่งผมยอมเลยตามเลยทุกครั้ง ทั้งๆที่ปกติแล้วผมมักปฏิเสธไปแบบไม่ต้องคิด แต่กับจินแล้ว...ไม่เคยเลยสักครั้งที่ผมจะปฏิเสธได้ลง


       ไอติมถูกยกมาเสิร์ฟ ระหว่างกินอยู่จินก็ร้องขอเชอรี่จากผมซึ่งผมก็ให้ไปอย่างง่ายดาย ผมมองเสี้ยวหน้าของจินที่ตักไอติมเข้าปากอย่างมีความสุขแล้วนึกอ่อนใจกับตัวเอง ก่อนยอมรับในที่สุด

     

       ท่าทา...ผมคงเป็นโรคแพ้ลูกอ้อนของจินซะแล้วสิ

     

     

       หลังจากกินไอศกรีมเสร็จพวกผมก็ขึ้นมาชั้นบน จินกับไปป์รี่ไปดูโปรแกรมหนังที่ออกฉาย โดยมีลอสริกซ์เดินตามไปด้วย ผมยืนมองภาพทั้งสี่คนแย่งกันเลือกเรื่องที่จะดูแล้วขำ ดีที่สุดท้ายตัดสินกันด้วยการเป่ายิ้งฉุบ

     

       ส่วนพวกผมที่เหลือไม่ได้เข้าไปแย่งด้วย ทางเวย์นั้น เจ้าตัวบอกว่าไว้ถ้าอยากดูจริงๆค่อยมาคราวหน้าหรือไม่ก็ซื้อแผ่นไปดูที่บ้านก็ได้ ทางซิตซ์เองก็ไม่สนใจเท่าไหร่ บอกว่าหนังส่วนใหญ่ก็น่าเบื่อเหมือนกันหมด ส่วนไนท์คล้ายกับผมตรงที่ดูได้ทุกแนว

     

       พวกผมเลยปล่อยให้พวกจินตัดสินกันไป ก่อนที่เวย์จะเดินไปซื้อพวกน้ำกับป็อปคอร์นโดยมีผมกับไนท์ตามไปช่วยถือ โดยเวย์เลือกแบบหวานทั้งหมด ซึ่งก็ตามที่ผมคาดไว้ล่ะนะ

     

       พอเข้าไปนั่ง เป็นเพราะไปป์กับจินเดินเข้าไปก่อนตามด้วยลอสริกซ์แล้วก็ผมทำให้เมื่อต้องนั่งเรียงตามแถวก็กลายเป็นว่าผมนั่งคั่นระหว่างแฝดคนหนึ่งกับเวย์ ซึ่งผมอดรู้สึกแปลกๆไม่ได้ เพราะปกติจะต้องนั่งกลางระหว่างไปป์กับจินตลอด

     

       "อ๋า ไหงทอยไปนั่งตรงนั้นล่ะ ไม่เอา ฉันจะนั่งกับทอย"เสียงโวยของจินดังมาถึงที่ที่ผมนั่ง

     

       ผมหันไปมองตามเสียง เห็นไปป์ที่นั่งข้างๆจับไหล่ร่างคนที่กำลังกึ่งๆยืนให้นั่งลงแล้วพูดปลอบสองสามประโยค ผมเห็นจินพยักหน้ารับด้วยท่าทางไม่เต็มใจก่อนส่งสายตาอาลัยอาวรณ์มาทางผม

     

       แค่นั่งห่างกันแค่นี้เองจินดันทำโวยวายทำเอาผมรู้สึกระอาบวกเขินแปลกๆกับการกระทำอีกฝ่าย ซึ่งตอนนี้เองที่เวย์สะกิดผมก่อนส่งป็อปคอร์นมาให้

     

       ผมรับมาพร้อมขอบคุณ ก่อนเงยหน้ามองหนังที่เริ่มฉาย หนังเรื่องนี้เป็นแนวสืบสวน เป็นเรื่องเกี่ยวกับคู่รักที่ถูกฆาตรกรรมในโรงแรม โดยมีโทรศัพท์จากผู้ต้องสงสัยสามคนโทรมาหาในเวลาไล่เลี่ยกัน นักสืบมือดีที่มีหน้าที่สืบสวนคดีต้องหัวปั่นเมื่อแต่ละคนต่างมีหลักฐานที่อยู่ในเวลาก่อเหตุชัดเจน เป็นพล็อตที่มีความซับซ้อนพอตัว

     

       ผมซึ่งกำลังดูไปพลางคิดทบทวนไปพลางว่าจะลองเปลี่ยนแนวมาเขียนแนวสืบสวนสักเรื่องดีไหมก็ต้องสะดุ้งเล็กๆเมื่อถูกสะกิดจากทางฝั่งซ้าย

     

       ลอส...ไม่ก็ริกซ์ ฝาแฝดที่นั่งอยู่ข้างตัวผมเป็นคนสะกิด ซึ่งเมื่อผมหันไปมองอีกฝ่ายก็ชี้ที่...ป็อปคอร์น

     

       ผมเลื่อนป็อปคอร์นมาวางไว้กึ่งกลางให้อีกฝ่ายหยิบได้สะดวกก่อนกลับไปดูต่อ

     

       หลังจากหนังจบพวกผมก็ทยอยออกจากโรง ซึ่งจินกับไปป์ก็พูดเกี่ยวกับเนื้อหาหนังกันอย่างออกอรรถรส ขณะที่ซิตซ์หาวเสียงดังพร้อมเบียดขี้เกียจไปมา เท่าที่ผมได้ยินมาจากเวย์ดูเหมือนซิตซ์จะหลับไปตั้งแต่ช่วงกลางเรื่อง...ท่าทางสำหรับซิตซ์แล้วไม่ว่าหนังอะไรก็คงน่าเบื่อล่ะมั้ง?

     

       "อ๊า ฉันหิวแล้วหาอะไรกินกันเถอะ"เสียงจินบ่นพร้อมกับเสียงไปป์แซวจินว่าเป็นพวกหิวตลอดเวลา

     

       "งั้นไปหาอะไรทานกันเถอะครับนี่ก็เย็นแล้วด้วย"คำตอบเวย์ทำให้จินร้องอย่างลิงโลด ประกาศเสียงดังว่าจะกินพิซซ่าก่อนเดินนำไปแบบเสร็จสรรพจนผมต้องอ่อนใจ

     

       นี่เรียกว่าเผด็จการหรือเอาแต่ใจกันนะ?

     

       "ทอย"เสียงเรียกชื่อทำให้ผมหยุดขาที่กำลังก้าวตามหลังจินกับไปป์ไป เมื่อหันมาหาต้นเสียงก็เห็นลอสริกซ์สองแฝดยืนมองผมอยู่ ซึ่งวันนี้ทั้งคู่ก็แต่งตัวเหมือนกันอีกแล้ว ไม่สิ... นอกจากครั้งแรกที่เจอกันแล้วผมไม่เคยเห็นทั้งคู่แต่งตัวต่างกันสักครั้ง


       เพราะอะไรกันนะ?


       "พวกฉันมีเรื่องอยากถาม"แฝดทางซ้ายมือว่าขึ้น ผมพยักหน้าให้เป็นเชิงอนุญาต ซึ่งแฝดขวาว่าต่อ

     

       "พวกฉันอยากรู้...ว่าทอยแยกพวกเราออกรึยัง?"


       คำถามนั้นทำให้ใบหน้าของผมแข็งค้างไปชั่วขณะ ผมมองทั้งคู่สลับกันก่อนจะพูดตอบไปตามจริง

     

       "ฉันยังแยกไม่ออกหรอก ขอโทษนะ"ผมไม่กล้าสบตาทั้งคู่ เพราะไม่รู้ว่าทั้งสองคนจะผิดหวังแค่ไหนที่ผมพูดไปแบบนั้น


       ที่จริง...นี่เป็นเหตุผลหลักที่ผมหลีกเลี่ยงจะคุยกับทั้งสองคนอย่างใกล้ชิดอย่างที่คุยกับจินหรือไปป์ ทั้งๆที่ทั้งคู่เป็นแฟนคลับและมีความสนใจเรื่องนิยายเหมือนกันกับผม สาเหตุเป็นเพราะผมไม่สามารถแยกทั้งสองคนออก...


       จริงๆแล้วก็ไม่ใช่ว่าผมไม่พยายามแยกทั้งคู่ให้ออกหรอกนะ แต่ช่วงเวลาที่ผมกับพวกเขาอยู่ด้วยกันก็ไม่ได้นานอะไร และตัวผมเองก็ไม่ได้มีความสามารถพิเศษที่จะสามารถแยกทั้งคู่ออกในช่วงเวลาสั้นๆ

     

       ทั้งสองเดินเข้ามาใกล้ ผมมองใบหน้าเรียบนิ่งของทั้งสอง ก่อนจะเป็นแฝดคนซ้ายที่เอ่ยก่อน

     

       "ถ้าทอยรู้สึกผิด งั้น..."พูดแล้วก็หยุดให้อีกคนพูดต่อ

     

       "...2อาทิตย์จากนี้ ทอยช่วยแยกพวกเราให้ออกทีนะ"

     

       ผมเบิกตา ก่อนจะนิ่งคิด


       ก็ถูก ถ้าให้เวลาสักหน่อยบางทีผมอาจทำได้ เวลาสั้นๆสองแค่อาทิตย์อาจดูเป็นไปไม่ได้ที่จะแยกทั้งคู่ให้ออก แต่ถึงอย่างนั้น...การไม่พยายามเลยก็ไม่ใช่ทางออกที่ดี

     

       ผมมองสบกับนัยน์ตาสีฟ้าเขียวสองคู่ที่จ้องมองมาอย่างคาดหวังกึ่งๆขอร้อง แววตาของทั้งสองมีรอยวูบไหววาบผ่าน ซึ่งนั่นทำให้ผมตัดสินใจ

     

       "ได้ ฉันจะลองดู"เมื่อผมเอ่ยรับปากทั้งคู่ก็มีสีหน้ายิ้มแย้มก่อนจะเดินตามไปป์กับจินไป ทิ้งให้ผมเดินตามหลังไปอย่างช้าๆ

     

       ถึงมันจะยาก...แต่ผมจะทำให้ได้

     

       เพราะผมไม่อยากให้ทั้งคู่รู้สึกเศร้า ไม่อยากให้ผิดหวัง...


       เพราะอย่างนั้นไม่ว่ายังไงผมก็ต้องแยกทั้งคู้ให้ออกให้ได้ ผมสัญญา

     

     

       ขาที่เดินต่อพลันชะงักเมื่อผมนึกได้ว่าเผลอสัญญากับตัวเองไป ทั้งที่ตัวผมน้อยครั้งที่จะเอ่ยคำสัญญา เพราะคำสัญญามีไว้รักษา ถ้าคิดว่าจะทำไม่ได้ตัวผมไม่มีทางสัญญาเด็ดขาด ตั้งแต่เกิดมาผมผิดสัญญากับตัวเองเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ซึ่งหลังจาก'ครั้งนั้น'ผมก็ตัดสินใจว่าจะไม่ยอมผิดสัญญากับตัวเองเป็นครั้งที่สอง

     

       แต่ปกติถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญผมมักไม่สัญญากับตัวเอง เพราะสำหรับผมสัญญาที่ให้ไว้กับตัวเองนั้นสำคัญกว่าการรับปากให้สัญญากับคนอื่นหลายเท่า แต่ตอนนี้ผมกลับ...

     

       แย่ล่ะ นี่ผมชักจะแคร์พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆแล้วสิ

     

       ผมเอื้อมมือมาปิดหน้า ก่อนรีบลดมือลงเมื่อเวย์ที่สังเกตเห็นหันมาถามว่าเป็นอะไรรึเปล่า

     

       เอาเถอะ ยังไงก็ต้องทำให้ได้ล่ะนะ

     

     

       พิซซ่า...อาหารที่ไม่ใช่แนวผมเท่าไหร่

     

       ผมมองพิซซ่าหน้าซีฟู้ดสองถาดใหญ่ แล้วมองตามไปที่พิซซ่าถาดกลางที่ไม่มีหน้า ไม่สิ พิซซ่าหน้าชีสล้วนเพิ่มขอบไส้กรอกชีสซึ่งเป็นถาดส่วนตัวของซิตซ์

     

       ผมได้ความรู้ใหม่สองอย่างคือ ซิตซ์ชอบชีสมาก และ ซิตซ์แพ้อาหารทะเลทุกชนิด

     

       เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึง แต่เมื่อผมนึกหวนไปวันที่กินหม้อไฟนั้น นอกจากเห็ด ไก่ หมูสไลด์ แล้วก็ผัก ไม่มีพวกกุ้ง ปลาหรืออะไรอยู่เลยจริงๆ

     

       ซึ่งผมที่ได้รู้ก็พยายามจำไว้ว่าหากจะซื้ออะไรไปฝากซิตซ์ต้องขีดฆ่ารายชื่ออาหารทะเลออก

     

       ซื้อไปฝาก...?

     

       ผมทวนคำนี้อย่างงุนงง เมื่อมันเป็นเรื่องปกติที่ไหนที่ผมจะซื้ออะไรไปฝากใครแบบนั้น ขนาดอินอย่างมากผมก็ซื้อพวงกุญแจไม่ก็ที่ห้อยโทรศัพท์ให้ตามแต่อารมณ์

     

       แล้วนี่ผมดันคิดจะซื้อของไปฝากซิตซ์? มันต้องมีอะไรผิดปกติกับตัวผมแน่ๆ

     

       "ทอย?"


       เสียงทักหวานๆทำให้ผมที่นั่งอยู่ริมในสุดหันไปมอง ซึ่งนั่นทำให้ทั้งเจ็ดคนที่นั่งอยู่ด้วยกันหันตามไปหาเจ้าของเสียงเรียก

     

       "...นัท?"

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×