ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yaoi] I'm your Toy. ผมเป็นของเล่นของคุณ (8P)

    ลำดับตอนที่ #34 : ตอนที่33 เมื่อผม...เปิดใจ (1)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.56K
      70
      31 ธ.ค. 61

    ตอนที่33

    เมื่อผม...เปิดใจ (1)


     

       เพราะอะไรๆ หลายๆ อย่าง ทำให้ผมชอบปิดกั้นตัวเองจากคนอื่น


       แต่ว่า มันคงถึงเวลาเปิดใจแล้ว



       ...


       ผมมองแผ่นหลังที่จากไปเฉยๆ ของอิน ก่อนย้อนกลับมามองพวกไปป์ที่ยืนรออยู่


       "เอ่อ เวย์ ซิตซ์ แล้วก็ไนท์ไปไหนเหรอ?"ผมเริ่มจากถามหาทั้งสามคนที่เพิ่งสังเกตว่าไม่ได้อยู่ในห้องแล้ว ทั้งๆ ที่ตอนลงจากเวทียังเห็นอยู่แท้ๆ


       "อ้อ เรื่องนั้น..."จินทำหน้านึกได้ แต่ก็หยุดพูดไปซะเฉยๆ ผมย่นคิ้วอย่างสงสัย ก่อนต้องอุทานเมื่อจู่ๆ ก็ถูกปิดตาจากด้านหลัง


       "ขอความร่วมมือหน่อย เดี๋ยวพวกฉันจะพาไปดูอะไรสนุกๆ"ครั้งนี้คือเสียงไปป์ ผมพยักหน้าเบาๆ ทีนี้จากมือที่ปิดตาก็เปลี่ยนเป็นอะไรที่นุ่มลื่นกว่า เมื่อจัดการปิดตาผมเรียบร้อยไปป์ก็จัดแจงจูงมือผมให้เดินตามไป


       "เฮ้ ไปป์ นั่นจะพาทอยไปไหนกันน่ะ?"


       "เงียบน่าริกซ์ นี่พวกฉันยังไม่ได้คิดบัญชีที่นายกับลอสปิดเรื่องมีตติ้งวันนี้ทีเลยนะ นี่เวย์ก็คาดโทษพวกนายไว้แล้วด้วย"


       "อ่ะ นั่น..."


       "ชู่! ถ้านายอยากรู้ก็ตามมาเงียบๆ สิ"


       เสียงบทสนทนาที่ได้ยินคร่าวๆ ทำให้ผมแน่ใจว่าเรื่องครั้งนี้พวกลอสกับริกซ์ไม่ได้มีส่วนร่วมด้วย ...ว่าแต่ไปป์จะพาผมไปไหนล่ะเนี่ย?


       "ถึงแล้ว"


       ผมได้ยินเสียงไปป์บอกก่อนผ้าที่ปิดตาผมอยู่จะถูกนำออก เมื่อลืมตาขึ้นผมก็พบว่าตัวเอง...อยู่ในดินแดนมหัศจรรย์


       ผืนป่า ทุ่งดอกไม้ และเสียงนกร้อง ทำให้ผมเผลอนึกว่าตัวเองหลุดเข้าไปในโลกแฟนตาซีเข้าแล้ว แต่เมื่อดูชัดๆ ก็พบว่ามันคือห้องหนึ่งในโรงแรม เพียงแต่ถูกจัดแต่งด้วยต้นไม้และอะไรหลายๆ อย่าง


       ไปป์รุนหลังผมให้เดินไปข้างหน้า ซึ่งเมื่อเดินเข้าไปหลายก้าว ผมก็พบกับโต๊ะไม้แกะสลักยาวที่มีพวกพืชไม้เลื้อยและเถาวัลย์พันอยู่ ส่วนเก้าอี้ก็ทำมาจากไม้สีเข้มเช่นกัน แต่พนักพิงหลังนั้นมีทรงสูงและโค้งมนผิดจากเก้าอี้ทั่วไป พอผมเห็นแล้วคล้ายมีความรู้สึกคุ้นเคยเข้าสะกิด แต่ยังไม่ทันได้คิดอะไร ผมก็เห็นซิตซ์กับไนท์นั่งอยู่ที่เก้าอี้ ทั้งคู่นั่งเยื้องหัวโต๊ะไปคนละฝั่ง และก่อนที่ผมจะได้พูดอะไรก็ถูกไปป์กับจินจัดแจงให้นั่งที่หัวโต๊ะ ส่วนทั้งคู่ก็นั่งประกบมุม โดยกีดกันลอสกับริกซ์ให้ไปนั่งถัดจากซิตซ์กับไนท์


       "เอ่อ แล้วเวย์..."ผมเปิดปากถามไปได้ครึ่งหนึ่งก็เห็นคนที่ถามถึงเดินเข้ามาด้านในพร้อมรถเข็นอาหาร ผมคิดจะลุกไปช่วยแต่ก็ถูกไปป์กดไหล่ห้ามไว้


       "ทอยนั่งรอเฉยๆ เหอะ"พอพูกจบไปป์ก็เป็นฝ่ายลุกขึ้นไปช่วยเวย์แทน และเมื่ออาหารถูกวางบนโต๊ะก็ทำให้ผมแปลกใจมากขึ้น เมื่อรูปร่างของอาหาร มันดูคล้ายกับที่ผมบรรยายไว้ในนิยายเรื่องภูตมนตรามาก โดยฉากที่เขียนคืองานฉลองครั้งสำคัญที่ทั้งเหล่าภูต คนแคระ และเอลฟ์ต่างเฉลิมฉลองให้กับชัยชนะและสันติภาพที่กลับคืนสู่แดนภูต...


       ทำไมถึง?


       ผมได้แต่กะพริบตามองไปป์ช่วยเวย์ยกพวกอาหารมาวาง รวมทั้งเครื่องดื่มที่ถูกบรรจุใส่แก้วเบียร์มัค


       พออาหารวางครบ ไปป์ที่ยืนอยู่ก็กระแอมเบาๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ต่างไปจากปกติ


       "เพื่อเฉลิมฉลองแด่ชัยชนะในศึกครานี้ ข้าขอเริ่มงานฉลอง ณ บัดนี้!" ไปป์พูดจบก็ดีดนิ้วทีหนึ่ง แล้วเสียงดนตรีที่มีจังหวะกลองสนุกสนานก็ดังขึ้น ไฟในห้องถูกหรี่ลงให้เหลือเพียงแสงสีส้มสลัว และเพียงอึดใจ บนโปรเจคเตอร์ที่ผนังก็พลันฉายภาพหญิงสาวงดงามมากมายเริงระบำรอบกองไฟ


       ผมรู้สึกเหมือนได้เข้าไปอยู่ในฉากนิยายที่เคยเขียนไว้ไม่มีผิด ซึ่งฉากนี้เป็นฉากที่ผมชอบที่สุดในเรื่องภูตมนตราเลยด้วย เพราะมันเป็นฉากที่ฟีนได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเหล่าภูตอย่างแท้จริง จากภูตที่ถูกขับไล่ กลับกลายเป็นวีรบุรุษที่ทุกคนต่างยอมรับ...


       ขณะที่ผมนึกอึ้ง ไปป์ก็ตักขาหมูที่ฉ่ำเยิ้มไปด้วยซอสหอมกรุ่นมาวางบนจานของผม อัญมณีที่พาดบนหน้าผากอีกฝ่ายหยอกล้อกับแสงไฟจนเกิดประกายวูบวาบ ผมหันมองคนอื่นๆ ก็พบว่าแต่ละคนกำลังทานอาหารด้วยท่าทีสนุกสนาน ผมเห็นจินลุกไปหาริกซ์พร้อมท้าชนแก้วกันโดยมีลอสคอยปรามอยู่ใกล้ๆ ซึ่งบรรยากาศที่อบอุ่นและสนุกสนานนี้ทำให้ผมเหยียดยิ้มกว้าง ก่อนค่อยๆ ยกแก้วขึ้นดื่ม


       เพราะความเผลอตัวทำให้ผมหลงลืมไปว่า...สุราคือยาพิษร้าย...


       ผมลืมตาขึ้นมาบนเตียงนอนของใครสักคน


       หลังตื่นเต็มตาผมก็ค่อยๆ ยันตัวขึ้นนั่งพลางกวาดมองทั่วทั้งห้องที่ตกแต่งด้วยโทนสีดำ และเพราะอาการปวดแปล๊บที่แล่นขึ้นศีรษะทำให้ผมยกมือขึ้นนวดขมับพลางพยายามหาคำตอบว่าเกิดอะไรขึ้น แต่คิดไปคิดมาก็เหมือนจะจำได้แค่ว่าหลังมีตติ้งผมกับพวกไปป์ก็ไปกินอาหารกัน จากนั้น...?


       แปลก


       ปกติผมไม่เคยเมาจนจำอะไรไม่ได้ ทุกครั้งที่กินเหล้า ต่อให้ร่างกายไม่ฟังคำสั่งไปบ้าง แต่สมองผมยังแจ่มชัดและบันทึกทุกอย่างเอาไว้ แต่นี่...


       แกร้ก


       "ทอย ตื่นแล้วเหรอครับ?"ที่เข้ามาในห้องคือเวย์ที่กลับมาอยู่ในมาดเจ้าชายเหมือนเดิม อีกฝ่ายเดินเข้ามาพร้อมกับถ้วยโจ้กและยา พอผมเห็นอย่างนั้นก็ประหลาดใจ


       "รู้สึกยังไงบ้างครับ? ปวดหัว? ตัวร้อน?"


       "ก็...ไม่นะ? เกิดอะไรขึ้นเหรอ?"ผมถามเวย์ด้วยความรู้สึกมึนเบลอ เวย์ได้ยินแล้วก็ถอนหายใจ


       "ทอยจำไม่ได้เหรอครับ? เมื่อวานซิตซ์ท้าทอยแข่ง..."


       พอเวย์พูดถึง ผมก็ค่อยๆระลึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนได้ทีละน้อย รู้สึกว่าตอนดื่มๆ กันอยู่ ซิตซ์ที่ย้ายมานั่งที่จินได้พูดชวนผมที่จิบเบียร์กินช้าๆ


       "ดวลกันหน่อยไหม?"


       "ดวล?"ผมเลิกคิ้ว แล้วเหลือบมองไปทางริกซ์กับจินที่แข่งกันดื่มอยู่ และคงเพราะอารมณ์คึกทำให้ผมตอบตอบรับพลางยักคิ้วท้าทาย


       "เอาสิ"


       ที่เหลือจากนั้นก็เป็นการแข่งซดเบียร์ ผมจำไม่ได้ว่าตัวเองวูบไปตอนแก้วที่เท่าไหร่ แต่คงจะเกินสิบแก้วอยู่...


       "ฉันจำได้ว่าแข่งกับซิตซ์อยู่ แต่เกิดขึ้นต่อจากนั้นล่ะ?"


       "หลังทอยดื่มไปได้พักหนึ่งก็วูบ ทีแรกพวกผมคิดว่าทอยเมา แต่จู่ๆทอยก็ชัก แล้วเริ่มเกาตามตัว พวกผมถึงเพิ่งเห็นว่ามีผื่นขึ้น... ดูเหมือนทอยจะมีอาการแพ้เบียร์นะครับ"


       "อ่า งั้นเหรอ?"ผมตอบพลางขมวดคิ้ว ตอนนี้เองที่รู้สึกว่าเนื้อตัวมันคันแปลกๆ แต่ผมก็ไม่กล้าเกา เพียงหันไปบอกเวย์ให้สบายใจ


       "ดูเหมือนอาการจะดีขึ้นแล้วล่ะ ขอบใจนะ"


       "จริงเหรอครับ? ถึงเมื่อวานพวกผมจะพาทอยไปตรวจที่โรงพยาบาลแล้วก็เถอะ แต่หมอบอกว่าทอยยังต้องกินยาแล้วก็พักผ่อนเยอะๆ ถ้ายังไงก็พักกับพวกผมต่ออีกสักสองสามวันเถอะครับ"เวย์พูดอย่างติดกังวล แต่ผมกลับรู้สึกเกรงใจ


       "เอ่อ แต่นั่นมันจะรบกวน..."


       "เรื่องรบกวนไม่รบกวนฉันตัดสินเอง"เสียงพูดแทรกที่ดังขึ้นทำให้ผมหันไปมองทางประตูที่มีร่างใครบางคนยืนขวางอยู่


       "ซิตซ์?"


       พอผมพูดทัก เจ้าของชื่อก็ตรงเข้ามาใกล้ อีกฝ่ายนาบฝ่ามือใหญ่กับหน้าผากผมครู่หนึ่ง ก่อนผละมือออกไปพร้อมกวาดสายตาขึ้นลง จากนั้นก็พูดสั่ง


       "พักซะ"จบคำคนก็เดินออกไปอย่างไม่รอการสนองจากผม ผมหันมองเวย์ที่ยืนอมยิ้มอยู่ข้างๆ


       "ซิตซ์เป็นห่วงทอยมากนะครับ แล้วเขาคงรู้สึกผิดอยู่ที่ทำให้ทอยต้องเป็นแบบนี้"ผมได้ยินเวย์พูดแบบนั้นก็เบิกตา ก่อนรีบร้อนปฏิเสธ


       "หือ? นั่นไม่ใช่..."


       "จะบอกว่าไม่ใช่ความผิดซิตซ์สินะครับ? ผมเองก็คิดอย่างนั้น แต่ถึงบอกไปซิตซ์ก็คงรู้สึกผิดอยู่ดี"พูดถึงตรงนี้เวย์ก็ถอนหายใจเบาๆ "ถ้าทอยอยากให้ซิตซ์หายรู้สึกผิด ก็พักผ่อนดีๆ กินยา แล้วก็หายไวๆนะครับ"


       "อะ อืม..."ผมได้ยินเวย์พูดแบบนั้นก็ได้แต่ตอบคำเสียงแผ่ว


       พอผมกินโจ้กกับยาเสร็จก็เพิ่งนึกได้ว่ายังไม่รู้เลยว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน ซึ่งคำตอบของเวย์ทำให้ผมเบิกตากว้าง


       "อ้อ นี่ห้องซิตซ์น่ะครับ หลังพาทอยไปตรวจแล้ว ซิตซ์ก็ขออาสาดูแลทอยเอง"


       "เอ่อ ถ้างั้นที่บอกว่าให้มาพักที่นี่สักพักก็..."


       "ครับ สองสามวันนี้คงต้องให้ทอยพักที่ห้องซิตซ์ไปก่อน ถ้าอาการดีขึ้นแล้วค่อยกลับ"


       ได้ยินเวย์พูดแล้วผมก็พูดไม่ออก แต่แล้วแวบหนึ่งผมก็คิดขึ้นได้


       "แล้วเรื่องนี้...ได้บอกอินรึเปล่า?"


       "คุณอินทราน่ะเหรอครับ? เปล่าครับ พวกผมไม่ได้บอก"เวย์ตอบด้วยสีหน้าคล้ายสงสัย


       "ถ้างั้นก็ดีแล้ว"ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะพูดเสริม "ถ้าบังเอิญอินถามถึง ก็ให้บอกว่าฉันดื่มหนักไปหน่อย เลยกลับไม่ไหวแล้วกัน"


       "...ครับ"เวย์ตอบคำ โดยที่แววตาที่มองผมดูแปลกไป แต่เพราะฤทธิ์ยาบวกความอ่อนเพลียทำให้ผมหลับไปอีกครั้ง



       พอตื่นขึ้นมาก็เจอซิตซ์นั่งอยู่ใกล้ๆ ผมตกใจจนผุดลุกนั่ง สมองที่เพิ่งตื่นเริ่มประมวลผลได้ว่านี่ห้องซิตซ์ และที่ผมนอนอยู่คือเตียงของซิตซ์


       "ตื่นแล้ว?"


       "อ่า ใช่"ผมตอบคำ ซึ่งซิตซ์ก็พยักหน้ารับรู้ ก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้สีหน้าผมเปลี่ยน


       "ก็ดี ฉันกำลังจะทายาให้พอดี"


       "ทายา?"ผมพึมพำ ก่อนเห็นยาแก้ผดผื่นในมือซิตซ์ ผมรีบสำรวจร่างกายตัวเองว่ามีรอยผื่นเยอะแค่ไหน แล้วก็ได้เห็นรอยจุดสีแดงกระจายเต็มผิว แม้ว่าผมจะมีผิวสีออกคล้ำ แต่มันก็ยังเห็นได้ชัด และ...น่าเกลียดมาก


       "ไม่ต้อง ฉันทาเองได้"ผมปฏิเสธเสียงแข็ง แต่ซิตซ์ไม่ให้ความร่วมมือ


       "ฉันบอกว่าจะทาให้"


       "ไม่ได้ ฉันจะทาเอง!"ผมเผลอขึ้นเสียงใส่ แต่พอรู้ตัวก็รีบอธิบายเสียงอ่อน "ฉัน... ฉันทาเองได้ รอยผื่นมันน่าเกลียด ดูสกปรก นายอย่ามาโดนดีกว่า..."ยิ่งพูดเสียงผมยิ่งเบา ขณะที่สายตาซิตซ์กลับแข็งกร้าวมากขึ้นทุกที


       "สกปรก? น่าเกลียด? ฮึ เรื่องนั้นฉันไม่สน!"พูดจบซิตซ์ดึงแขนข้างที่รอยผื่นของผมออกไปอย่างรวดเร็ว แล้วเปิดจุกขวดยาทาให้อย่างที่ผมห้ามไม่ทัน


       ผมพยายามดึงแขนกลับ แต่แรงผมกับอีกฝ่ายมันระดับต่างกันสุดกู่ ผมจึงทำได้แต่มองซิตซ์ทายาให้เงียบๆ และพอเห็นว่าซิตซ์ไม่ได้มีทีท่ารังเกียจรอยผื่นพวกนั้นผมก็เม้มปากตัวเองแน่น


       ไม่นานซิตซ์ก็ช่วยทายาให้ทั้งตัว พอเสร็จอีกฝ่ายก็จับผมเปลี่ยนเสื้อผ้า


       "ใส่ชุดนี่ไปก่อน เดี๋ยวรอให้พวกนั้นไปเอาเสื้อที่บ้านนายมาแล้วค่อยเปลี่ยน"


       ผมพยักหน้ารับ หลังแต่งตัวเสร็จโทรศัพท์มือถือของผมที่อยู่หัวเตียงก็ดังขึ้น ผมหยิบมาดูรายชื่อโทรเข้า ก่อนจะทำใจกดรับสาย


       "อิน? มีอะไรรึเปล่า?"

     

       "ไงทอย สบายดีรึเปล่า?"


       คำถามที่เปิดขึ้นเป็นประโยคแรกของปลายสายทำให้ผมชะงัก ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วตอบ


       "ก็ไม่ถือว่าสบายหรอก เมื่อวานดื่มหนักไปหน่อย ตอนนี้ยังรู้สึกมึนๆ อยู่นิดหน่อย เธอมีอะไรรึเปล่า?"


       "หืม? งั้นฉันให้เวลาอีกสองชั่วโมงแล้วกัน เดี๋ยวหกโมงเย็นจะไปหา"


       "เดี๋ยว เธอมีอะไรรึเปล่า? ตอนนี้ฉันไม่ได้อยู่บ้านนะ เมื่อวานมาค้างที่คอนโดพวกเวย์น่ะ"


       "งั้นเดี๋ยวฉันไปหาที่คอนโด มีธุระสำคัญมาก"


       เพราะน้ำเสียงย้ำในคำพูดทำให้ผมมีสังหรณ์ไม่ดีเท่าไหร่ แต่เพราะอินยืนกรานผมถึงได้หันไปบอกซิตซ์ถึงเรื่องที่อินจะแวะมาหา


       พอถึงเวลาผมก็แต่งตัวและเตรียมลงไปหาอินด้านล่าง แต่เวย์ที่รู้เรื่องกลับบอกว่าจะให้ยืมใช้ห้อง ผมถึงได้ไปรออินที่ห้องของเวย์แทน ไม่นาน อินที่วันนี้แต่งเสื้อเชิ้ตสีแดงกระโปงออฟฟิศสีดำก็เดินเข้ามาในห้อง


       "ไงทอย เมื่อคืนสนุกมากล่ะสิ?"คำทักทายที่ผมเพียงส่งยิ้มแกนๆตอบ แต่อินก็ไม่ได้ให้ความสนใจมาก อีกฝ่ายเดินไปนั่งที่โซฟาตัวยาว ก่อนกอดอกและไขว้ขา พอผมนั่งลงที่โซฟาตัวเยื้องๆกัน หลังเงียบอยู่ครู่ใหญ่อินก็พูดเปิดประเด็น


       "เอาล่ะ ทอยจ๊ะ มีอะไรจะสารภาพไหมเอ่ย?"


       คำถามของอินที่เปิดมาทำให้ผมแอบใจกระตุก เหงื่อเริ่มชื้นฝ่ามือ แต่ผมก็พยายามตีหน้านิ่งขณะที่ในหัวครุ่นคิดว่าอินกำลังซักฟอกผมด้วยเรื่องอะไร แต่สุดท้ายก็คิดไม่ออก


       "เธอหมายถึงอะไร?"


       ไม่รู้ว่าผมพูดอะไรผิดหู เพราะอินเปลี่ยนจากรอยยิ้มหวานมาชักสีหน้าโมโห


       "ยังทำเป็นไขสืออีก! นายคิดว่าการที่ฉันไม่เห็นแปลว่าฉันไม่รู้งั้นเหรอ?"


       "สรุปว่าเธอพูดถึงเรื่องอะไร?"ผมถามซ้ำ ซึ่งครั้งนี้อินเหยียดยิ้มอย่างที่มองดูก็รู้ว่าโมโหอยู่เห็นๆ


       "ให้ฉันพูดงั้นเหรอ? ได้! ได้ยินมาว่าหลายอาทิตย์ก่อนนายถูกรถชน มีอะไรจะแก้ตัวรึเปล่า?"


       "!!!"


       "ว่าไงนะ! ถูกรถชน?!"


       เสียงจินที่ดังขึ้นทำให้ผมสะดุ้ง ซึ่งพอผมหันไปดูก็เห็นว่าที่หน้าประตูห้องเวย์มีคนยืนอออยู่ครบ และแต่ละคนก็มีสีหน้าตกใจไม่แพ้กัน


       "งั้นที่ทอยเจ็บตัวคราวก่อน เพราะโดนรถชนมางั้นเหรอ?!"


       คำพูดโพล่งของจิน ทำให้ผมอยากจะปิดหน้าตัวเอง เมื่อรอบนี้ความลับของผมแตกดังโพละเลย


       จบกัน...


       "อ้อ! นี่แปลว่าสมรู้ร่วมคิดกันแอบปิดบังฉันงั้นสินะ?"อินพูดเสียงลอดไรฟัน ซึ่งผมรีบหันไปพูดกล่อม


       "เดี๋ยวก่อนอิน ฟังฉันอธิบายก่อน... ฉันไม่ได้ถูกรถชน วันนั้นฉันแค่ถูกเฉี่ยว ส่วนแผลก็ได้มาตอนหลบรถ ฉันลื่นล้มเลยข้อมือเคล็ดนิดหน่อย ไม่ได้ถูกชนอย่างที่เธอเข้าใจ"ผมอธิบายอย่างชัดเจนให้รู้ว่าไม่ได้โกหกจริงๆ อินมองหน้าผมอยู่นานก่อนถามช้าๆ


       "แล้วทำไมนายไม่บอกฉัน?"


       "ฉัน...ไม่คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร"


       "ใหญ่ไม่ใหญ่อยู่ที่ฉันตัดสิน ไม่ใช่นาย!"อินตะคอกใส่แบบที่ผมต้องนิ่ง ผมเห็นอินพยายามสะกัดกั้นอารมณ์โกรธก่อนถามย้ำด้วยเสียงกดต่ำ


       "นอกจากเรื่องนี้แล้ว นายยังมีอะไรปิดบังฉันอีกรึเปล่า?"


       พอฟังคำถามผมก็ลังเล แต่สุดท้ายก็พูดตอบเสียงอ้อมแอ้ม


       "ที่จริง...ฉันแพ้เบียร์เลยนอนค้างที่คอนโดซิตซ์เมื่อคืน แต่อาการไม่ได้หนักอะไร..."


       "แพ้-เบียร์?"อินกัดฟันพูดเน้น ก่อนตวัดสายตาไปมองพวกจินที่ยืนอยู่หน้าประตู


       "เดี๋ยวอิน เรื่องนี้ฉันทำตัวเอง ฉันไม่รู้ว่าตัวเองจะแพ้เบียร์ มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับ..."ผมรีบพูดห้าม เมื่อแน่ใจว่าอินคงโทษพวกเวย์เรื่องนี้ แต่อินกลับยกมือห้ามผมแล้วลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับทั้งเจ็ดคน ผมรีบลุกตามแต่อินกลับชี้หน้าต่อว่าพวกเวย์เสียงดัง


       "นี่ดูแลทอยกันประสาอะไร! ฉันฝากพวกนายดูแลทอยแต่กลับปล่อยให้ทอยต้องเป็นแบบนี้! แล้วนี่ฉันจะวางใจยกทอยให้กับพวกนายได้ยังไงกัน!"


       ผมรีบไปล็อคตัวอินเมื่อเห็นว่าอินเลือดขึ้นหน้าจนเหมือนจะก่อเรื่องได้ตลอดเวลา


       "อิน ใจเย็นก่อน ใจเย็นก่อน ฟังฉัน..."ผมพูดเกลี้ยกล่อม แต่นึกไม่ถึงว่านั่นจะทำให้อินเปลี่ยนเป้าหมาย


       "นายด้วยทอย! ถ้านายไม่อยากให้ฉันเป็นห่วง มีอะไรก็หัดบอกกันบ้างสิ! นายไม่รู้หรอกว่าตอนฉันได้ยินเรื่องที่นายโดนรถชนฉันตกใจแค่ไหน! นายจะรู้สึกยังไงถ้าเป็นฉัน? ไหนนายรับปากว่ามีอะไรจะไม่ปิดบังอีกไง! ไอ้คนไม่รักษาคำพูด!"อินหันมาทุบผม มันก็เจ็บอยู่ แต่ผมไม่ได้ปัดป้อง เพราะตอนนี้สีหน้าของอินนอกจากจะเต็มไปด้วยความโกรธเคืองแล้ว ในดวงตาที่วาวโรจน์ของอีกฝ่ายยังคลอไปด้วยหยดน้ำเล็กๆ


       ผมที่รู้สึกผิดเลยทำได้แค่ยืนรอให้อินระบายอารมณ์ให้เสร็จ รอจนกระทั่งอีกฝ่ายสงบลงผมถึงพูดด้วยเสียงที่นุ่มนวลและจริงใจที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้


       "ฉันขอโทษอิน ขอโทษจริงๆ ที่ทำให้เธอกังวล คราวหลังฉันจะไม่ทำอีกแล้ว ครั้งนี้ฉันสัญญาเลย..."


       ทางอินพอฟังคำพูดผมก็นิ่งไปสักพักก่อนจะจัดแจงเช็ดหน้ากับเสื้อผม ซึ่งพอเจ้าตัวผละห่างออกไป ผมก็ได้เห็นว่า นอกจากขอบตาที่ยังแดงๆ อยู่นิดหน่อย ส่วนอื่นบนใบหน้าของอินดูปกติจนถ้าผมไม่รู้มาก่อน ก็คงคิดไม่ถึงว่าไม่กี่อึดใจก่อนหน้านี้ อีกฝ่ายเพิ่งจะร้องไห้มา


       "นายรับปากแล้วนะ?"


       "อืม"


       "ดี งั้นไปนั่งคุยดีๆกัน... พวกนายที่เหลือก็มาด้วย"ท้ายประโยคอินพูดโดยตวัดปลายเสียงแข็งใส่ ส่งผลให้พวกจินที่ยืนดูสถานการณ์อยู่ไม่ไกลสะดุ้งเล็กๆ ซึ่งผมก็ได้ยิ้มจืดเจื่อน


       อินก็ยังเป็นอินล่ะนะ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×