คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #39 : ตอนที่38 ผมกับ...เรื่องน่าอิจฉา
ตอนที่38
ผมกับ...เรื่องน่าอิจฉา
ความอิจฉา เป็นสิ่งที่ห้ามได้ยากพอๆกับความรัก และที่คนเรานึกอิจฉาก็เป็นเพราะตัวเองไม่มีสิ่งนั้น
ตลอดมา ผมได้แต่นึกอิจฉาคนอื่นๆ สิ่งที่คนอื่นๆมีแต่ผมไม่มี และไม่มีทางมี
อิจฉาในสิ่งที่เรียกว่า สายสัมพันธ์
...
พอกินกันเสร็จ ผมก็ขอให้พวกลอสพาไปที่บ้าน
"ฉันแค่จะเอาของให้ แล้วก็เอาโน้ตบุ๊คด้วย ได้ใช่ไหม?"
พอได้ยินแบบนั้นพวกเขาก็ยอมพาไป ผมไขกุญแจรั้ว ก่อนจะสังเกตเห็นซองจดหมายสีแดงเสียบอยู่ที่ประตู
'ถึง ทอย'
ยังคงเป็นลายมือเดิมเหมือนครั้งที่แล้วๆมา พักหลังมานี้ผมได้จดหมายจากคนคนหนึ่งที่ไม่มีชื่อที่อยู่ผู้ส่ง ทั้งยังดูเหมือนไม่ได้ส่งไปรษณีย์ด้วย แต่เพราะเนื้อหาจดหมายมีแต่ชื่นชมเรื่องนิยายที่ผมเขียน ทำให้ผมเดาว่าคงเป็นแฟนคลับที่บังเอิญรู้จักตัวจริงของผม
ถึงผมจะไม่ได้แจ้งความเพราะเห็นว่าไม่ได้มีเจตนาร้าย แต่คนคนนี้ก็ทำให้ผมอดสงสัยว่าอีกฝ่ายรู้จักผมได้ยังไงอยู่เหมือนกัน
ผมเก็บจดหมายแล้วเดินเข้าบ้าน หลังจากเอาของที่ต้องการมาแล้วพวกผมก็ตรงกลับคอนโด
วันนี้คนอื่นๆยังไม่กลับกัน ผมเลยไปนั่งเล่นรอที่ห้องของลอสต่อ ริกซ์เปิดกล่องเช็ค สภาพของในกล่องยังใหม่เอี่ยมและไม่เคยถูกแตะต้อง เป็นเพราะผมไม่ได้ยุ่งกับมันเลยตั้งแต่ได้รับมาจากอิน
พอริกซ์เห็นอย่างนั้นก็ค่อยๆ แกะของในกล่องออกมาบ้าง
ผมเห็นสีหน้าท่าทางตื่นเต้นของอีกฝ่ายก็หันไปดูลอส ก่อนพบว่าอีกฝ่ายกำลังใช้แปรงปัดถูพวกฟิกเกอร์ด้วยท่าทีทะนุถนอมอย่างที่สุด
อืม... ผมไปเขียนนิยายต่อดีกว่า
ผมนั่งทำงานต่อได้พักหนึ่งหนึ่งก็ได้ยินเสียงริกซ์ร้องขึ้น
"ไม่จริง!"
ผมผุดลุกจากโซฟาแล้วตรงไปหาต้นเสียง
"เกิดอะไรขึ้น?"
ผมถามอย่างกังวลพลางสำรวจรอบด้าน แต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรแปลกไป ทีนี้มองไปทางริกซ์ก็เห็นอีกฝ่ายก้มหน้ามองฟิกเกอร์สองตัวในมือ
"เกิดอะไรขึ้น?"ผมถามซ้ำ โดยโทนเสียงรอบนี้เบาลงเมื่อคาดเดาได้ว่าคงเกิดอุบัติเหตุบางอย่างทำให้ฟิกเกอร์เสียหาย และอีกฝ่ายก็กำลังเศร้าใจอยู่ แต่ทั้งที่คิดแบบนั้น ริกซ์ที่เงยหน้าขึ้นก็พูดด้วยน้ำเสียงเหมือนจะประท้วง
"ทอย! ดูนี่สิ"
"หืม?"
ผมมองฟิกเกอร์ในมือริกซ์ ซึ่งพบว่าทั้งสองตัวคือฟิกเกอร์ทาริน พอคิดจะถามว่ามีอะไรผิดปกติก็ทันเห็นว่าฟิกเกอร์ทารินตัวซ้ายมีสีตาต่างกับฟิกเกอร์ทารินตัวขวา โดยปกติทารินจะมีตาสีดำ แต่ดวงตาของฟิกเกอร์ทารินตัวซ้ายกลับมีสีฟ้า
อ่า
"ทอยดูสิ! ไหงเขาลงสีผิดงี้อ่ะ!"ริกซ์มีสีหน้าเจ็บช้ำใจอย่างรุนแรง พอผมเห็นแบบนั้นก็พูดปลอบ
"ใจเย็นก่อน"
"แต่ว่าทอย!"
"ไม่ได้ลงสีผิดหรอก"
"หือ...?"
"ไม่ได้ลงสีผิดหรอก เพราะภาคต่อไป...ดวงตาของทารินจะเปลี่ยนเป็นสีฟ้า"
"หะ!"
"เดี๋ยวนะ นี่...?"
ผมส่งยิ้มให้ริกซ์ที่มีสีหน้าสับสน จริงๆผมวางพล็อตไว้จนถึงตอนจบแล้ว และภาคสุดท้ายนี้ดวงตาของทารินจะเปลี่ยนเป็นสีฟ้าแน่นอน เพียงแต่นอกจากผมก็มีแต่อินที่รู้ สงสัยอินตั้งใจจะเซอไพรส์ผมล่ะมั้ง?
"อืม ก็อย่างที่ว่าแหละ แต่ที่เหลือยังเป็นความลับ รอให้ฉันเขียนจบแล้วจะเอาให้อ่านนะ"ผมยกมือลูบหัวอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนมองไปทางลอสที่ตอนนี้มีหน้าซับซ้อน เหมือนอีกฝ่ายจะดีใจแล้วก็หดหู่ไปพร้อมกัน
ผมส่งยิ้มให้ทั้งคู่ ก่อนจะกลับไปเขียนนิยายต่อ ซึ่งหลังผมหย่อนก้นลงบนโซฟาก็ได้ยินเสียงของริกซ์แว่วมา
"ตาสีฟ้า? ตาสีฟ้า??? ไม่จริงน่า ได้ไง? โอ๊ย อยากรู้เว้ย!"
ผมยิ้มขำๆ ก่อนจะปล่อยตัวเองให้เข้าสู่โลกของตัวอักษร
รู้สึกตัวอีกทีก็หกโมงกว่า คนอื่นๆยังไม่กลับ พวกริกซ์เลยเอาพิซซ่าที่สั่งไว้กอนหน้านี้มาอุ่น ระหว่างที่ลอสเอาพิซซ่าไปอุ่นผมกับริกซ์ก็นั่งเล่นเกมโอโทเล่กัน พวกเราต่างใช้ไอแพดที่จิ้มสะดวกมาเล่นกันผ่านเว็บ ซึ่งผลปรากฏว่าเล่นกันสิบตา ผมเป็นฝ่ายแพ้ทั้งสิบตา
"ฮ่าๆๆ ชนะอีกแล้ว"
ริกซ์หัวเราะลั่น ส่วนผมก็หน้าเคร่งขึ้น ตาที่สิบเอ็ดเริ่มขึ้น ผมพยายามใช้สมาธิให้มากขึ้น แต่ทั้งที่รูปการณ์เหมือนผมจะเป็นฝ่ายชนะ ทว่าริกซ์กลับพลิกกระดานกลับจนผมเหลือตัวหมากเพียงแปดตัวเท่านั้น
"ว้าว ชนะอีกแล้ว"
ปกติผมไม่ค่อยคิดอะไรกับเรื่องแพ้ชนะ แต่พอได้ยินริกซ์ขานว่าตัวเองชนะอีกแล้วซ้ำไปซ้ำมาก็ทำให้รู้สึกเหมือนคิ้วจะกระตุกหน่อยๆ ผมเริ่มตาที่สิบสอง โดยระหว่างเล่นลอสก็ยกพิซซ่าที่อุ่นแล้วมาวาง
ไม่นานผลก็แสดงออกมา และใช่ ผมแพ้อีกครั้ง
"ไงทอย ฉันชนะอีกแล้วนะ"ริกซ์หัวเราะร่าพลางยักคิ้วอย่างกวนๆ "อ้า ชนะอีกแล้ว ชนะทอยอีกแล้วสิเนี่ย เดี๋ยวตาหน้าก็ชนะอีกแน่เลย เฮ้อ แย่จัง"
ไอ้เรื่องแพ้ชนะสำหรับผมก็ไม่ได้สนใจหรอก แต่เห็นอีกฝ่ายทำพูดคุยข่มอย่างลอยหน้าลอยตาแล้วมันรู้สึก...หมั่นไส้ลึกๆ
ผมหันไปจ้องลอสที่นั่งดูอยู่ข้างๆ แล้วถามเสียงนิ่ง
"ลอส ริกซ์เคยเล่นโอโทเล่แพ้บ้างไหม?"ผมถามอย่างเช็คสถิติ เพราะผมไม่เชื่อหรอกว่าริกซ์จะไม่เคยแพ้ใครเลย ซึ่งริกซ์ที่ได้ยินผมถามก็ทำท่าจะห้ามลอส แต่สายไปเมื่อลอสพยักหน้าให้พร้อมตอบสั้นๆ
"เคย"ได้ยินอย่างนั้นผมจึงถามต่อว่าแพ้ใครบ้าง ซึ่งลอสก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีโดยการตอบคำถามผมอย่างละเอียดและครบถ้วน
"ริกซ์เคยแพ้ซิตซ์ แพ้ไนท์ แพ้เวย์ แพ้ไปป์ แพ้จิน..."พอพูดไล่ถึงชื่อจิน ริกซ์ก็แทรกขึ้นมาว่า 'อย่างจินฉันไม่นับว่าแพ้หรอก!' ซึ่งลอสทำเป็นไม่ได้ยินก่อนพูดต่อ "แล้วก็...แพ้ฉัน"
"ฉันแพ้เยอะกว่าไม่กี่ตาเองนะ!"ริกซ์เถียงขึ้นมาทันที แล้วก็ลอสก็สวนกลับไปหน้านิ่ง "ยังไงก็แพ้เยอะกว่าอยู่ดี"
แล้วทั้งสองคนก็เถียงกันอีกหลายประโยคโดยประเด็นเปลี่ยนไปว่าเล่นเกมไหนชนะเยอะกว่ากัน ผมซึ่งนั่งชมอยู่ข้างๆมองคู่แฝดที่มีเหมือนกันทุกสัดส่วนไม่เว้นแม้แต่ส่วนสูงหันหน้าเข้าหากันคล้ายส่องกระจกแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่า
"น่าอิจฉาจังนะ"
ผมสะดุ้งเมื่อทั้งคู่หยุดทะเลาะแล้วหันขวับมามองผมอย่างพร้อมเพรียงกัน ทั้งสองคนหันมามองผมแล้วหยุดค้างไปอึดใจ
"เมื่อกี้ทอยบอกว่าอิจฉา... ทอยอิจฉาอะไร?"
พอได้ยินคำถามของริกซ์ผมก็ยกมือขึ้นจับริมฝีปากตัวเองที่เผลอไผลหลุดความในใจออกมา คิดจะเลี่ยงคำโดยบอกว่าไม่มีอะไรแต่พอมองทั้งสองคนผมก็เปลี่ยนใจแล้วตอบตรงๆ
"ก็...แค่อิจฉาพวกนายน่ะ ที่มีกันและกันอยู่เสมอ"
ทั้งคู่หันมองหน้ากัน ก่อนจะหันมาหาด้วยสีหน้าเหมือนจะถามว่าน่าอิจฉาตรงไหน ซึ่งผมหัวเราะเบาๆ
"ไม่ว่าเมื่อไหร่... ไม่ว่าจะทุกข์ใจ หรือต้องเผชิญหน้ากับปัญหาที่หนักหนาแค่ไหน..."ผมใช้หลังมือสัมผัสแก้มของทั้งคู่เบาๆ "ก็จะมีกันและกันอยู่เสมอ..."
ผมมองทั้งคู่แล้วยิ้มอย่างนึกอิจฉา
ไม่มีวันโดดเดี่ยว ไม่มีวันอ้างว้าง ตราบใดที่ทั้งคู่มีกันและกันจะไม่มีวันต้องเผชิญกับความทุกข์เพียงลำพังเด็ดขาด...
ผมอดคิดไม่ได้จริงๆ ว่าน่าอิจฉา เมื่อตั้งแต่เกิดทั้งคู่ก็มีและกันอยู่ตั้งแต่แรก มีสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นและไม่มีวันตัดขาด
"...น่าอิจฉาจริงๆนะ"
สิ้นคำพูดผมก็ต้องหงายหลังเมื่อโดนริกซ์ผลักอย่างไม่ทันตั้งตัว ตอนแรกนึกว่าจะหัวฟาดแล้ว แต่ปรากฏว่าลอสใช้มือรองไว้ให้ ผมก็อยากพูดขอบใจนะถ้าอีกฝ่ายไม่ได้จัดให้ผมนอนบนตักตัวเองแทนช่วยดันผมให้ลุกขึ้นนั่งดีๆ
อะไรกันน่ะสองคนนี้?
ผมพยายามลุกแต่ก็โดนยึดไหล่เอาไว้ทำให้ต้องนอนหงายอยู่บนตักลอสอย่างนั้น ผมนอนกะพริบตามองคู่แฝดที่ไม่รู้ว่าต้องการอะไรจากการกระทำนี้ และไม่ทันที่ผมจะพูดอะไรก็เป็นริกซ์ที่ถามขึ้น
"ทอยอิจฉาพวกฉัน? ทอยว่าฉันกับลอสน่าอิจฉาเหรอ?"พอผมพยักหน้าให้อย่างที่สภาพพอจะอำนวยริกซ์ก็ยกยิ้มมุมปาก "ทอยรู้ไหมว่าตอนเด็กๆน่ะฉันชอบแกล้งลอสมาก แกล้งจนต้องร้องไห้ทุกวันเลยล่ะ"
เรื่องเล่าของริกซ์ทำให้ผมเลื่อนสายตาไปมองลอสที่มองสบกับผมแบบไม่หลบตา
เรื่องจริงงั้นเหรอ?
"ฉันน่ะ...เคยเกลียด เกลียดไอ้ฝาแฝดของตัวเองที่อยู่เหมือนเงา ตามติดน่ารำคาญ ฉันเคยคิดว่าน้องชายที่เกิดช้ากว่าฉันเป็นสิ่งที่เกะกะสายตาสุดๆ ฉันตอนเด็กๆมักชอบคิดว่าทำไมมันต้องเหมือนฉันด้วย ไม่ว่าอะไรที่ฉันมีมันก็ต้องได้ด้วยเสมอ ยิ่งตอนเด็กๆพ่อแม่ชอบแต่งตัวพวกฉันให้เหมือนกันเป็นแพ็คคู่ ยิ่งเหมือนกันเท่าไหร่ฉันก็ยิ่งเกลียด"
"แต่นอกจากหน้าตากับส่วนสูงแล้วลอสน่ะไม่มีอะไรเหมือนฉันเลยสักนิด อ่อนแอ ขี้แย ปวกเปียก"ตอนริกซ์พูดถึงตรงนี้ผมก็เหลือบมองหน้าลอสที่สีหน้ายังเป็นปกติแล้วฟังต่อ
"พอเข้าประถมฉันก็เลี่ยงที่จะเล่นกับลอส ฉันไม่เคยสนใจใยดีน้องชายฝาแฝดของตัวเองสักนิด ลอสเองพอฉันเมินใส่ก็เอาแต่เก็บตัวเงียบ พวกเราค่อยๆห่างกันจนดูไม่ค่อยต่างจากคนแปลกหน้าที่อาศัยบ้านเดียวกัน แน่นอนว่าฉันก็ชอบให้เรื่องเป็นแบบนั้น ความสัมพันธ์ของพวกฉันเป็นแบบนั้นจนขึ้นเกรด5 ฉันมันเป็นพวกซ่าเลยเผลอไปมีเรื่องกับพวกรุ่นพี่เกรด6 ฉันที่จัดการกับพวกนั้นได้ก็คิดว่าตัวเองเก่ง ได้เป็นหัวหน้าของกลุ่ม มันเจ๋ง มันเยี่ยม ฉันตอนนั้นคิดว่าตัวเองเท่ห์สุดๆ โดยไม่รู้ตัวเลยว่าสิ่งที่ฉันทำมันจะส่งผลแย่กับลอส"
กับลอส? ผมขมวดคิ้วก่อนจะเบิกตาเมื่อคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
"ไอ้พวกกระจอกนั่นมันสู้ฉันไม่ได้เลยไปลงที่ลอส... แรกๆฉันไม่สังเกตด้วยซ้ำว่าลอสเกิดเรื่อง ถึงจะได้ยินจากป้าเกรซว่าลอสได้แผลกลับบ้านทุกวันแต่ฉันก็ไม่ใส่ใจ จนวันหนึ่งลอสป่วยไม่ได้ไปเรียน พวกมันที่ไม่โผล่หัวมาตั้งนานก็โผล่หน้ามา ทอยรู้ไหมว่าไอ้หัวโจกนั่นพูดประโยคแรกว่าอะไร?"ริกซ์ถามกลั้วหัวเราะ แต่ผมไม่ได้หัวเราะตาม และหัวเราะไม่ออกเมื่อได้สิ่งที่อีกฝ่ายเล่าต่อ
" 'ไงไอ้ลูกหมา วันนี้คิดหนีกลับทางประตูหน้า อยากให้ฉันไปยำฝาแฝดแกแทนไหม?'
ฉันตอนนั้นไม่เข้าใจอะไรสักนิด ยังทำอวดเก่งพูดเสียงเยาะตอบกลับไปว่า
'แกจะทำอะไรกับมันก็ไม่ใช่เรื่องของฉัน'
พวกมันทำหน้าประหลาดใจ ก่อนจะเป็นไอ้หัวโจกที่ทำท่าเข้าใจ 'อ้อ งั้นแกคงเป็นริกซ์'
ฉันฟังแล้วสะดุดใจ เพราะมันพูดแบบนี้แปลว่าทีแรกคิดว่าฉันเป็นลอส และก่อนที่ฉันจะได้ถามอะไร พวกมันก็พูดปนหัวเราะแบบที่ทำให้ฉันหน้าชา
'แปลกดี ทั้งที่แกดูไม่สนใจแฝดตัวเองสักเท่าไหร่ แต่ไอ้อ่อนนั่นมันกลับยอมให้พวกฉันกระทืบเล่นทุกวันแลกกับการไม่ไปยุ่งกับแก' "
เล่าถึงตรงนี้ริกซ์ก็หัวเราะ ผมเห็นแววสั่นไหวในแววตาคู่นั้น
"ฉันไม่รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น ฉันรู้แค่ว่าตัวเองกระโจนเข้าไปอัดพวกมันจนหมด แล้วรู้ตัวอีกทีก็ถูกอาจารย์มาจับห้าม ฉันโดนเชิญผู้ปกครอง พ่อกับแม่พาฉันที่เพิ่งทำแผลเสร็จกลับบ้าน พอกลับไปถึงสิ่งแรกที่ฉันเห็นคือฝาแฝดของตัวเองที่กำลังเป็นไข้ยืนไอค่อกแค่กรออยู่ประตูบ้าน ฉันในตอนนั้นตรงเข้าไปกระชากเสื้อลอสแล้วตะคอกด้วยเสียงที่ดังเท่าที่จะดังได้
'มาสอดเรื่องฉันทำไม!'
วินาทีนั้นฉันอยากรู้เหตุผล ทั้งๆที่ฉันทำไม่เคยสนใจใยดี ทั้งๆที่ฉันเกลียดมันขนาดนั้น ทำไมถึงปกป้องฉัน ปกป้องไอ้พี่ชายไม่ได้เรื่องที่เอาแต่สร้างปัญหาอย่างฉันกัน? แต่ทอยรู้ไหมว่าคำตอบที่ฉันได้คืออะไร?"
ริกซ์ตั้งคำถามกับผมแต่กลับมองไปยังลอส ซึ่งลอสเองก็มองสบตากับริกซ์ก่อนทั้งคู่จะเอ่ยขึ้นพร้อมกัน
" 'เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?' "
หลังทั้งสองผสานเสียงเสร็จก็ริกซ์ที่เล่าต่อ
"ใช่ ประโยคแรกที่ลอสพูดหลังโดนฉันตะคอกคือการถามอาการฉันที่ตอนนั้นก็แค่ปากกับคิ้วแตกนิดหน่อย ฉันทั้งที่ตอนแรกไม่เจ็บสักนิด ไม่รู้สึกอะไรด้วยซ้ำ แต่พอโดนลอสถาม โดนมองด้วยสายตาเป็นห่วง แผลที่ไม่เจ็บเลยสักนิดน่นมันกลับเจ็บขึ้นมาทันที มันเจ็บมาก เจ็บจนฉันได้แต่ร้องไห้ ปล่อยให้น้ำตามันไหลออกมาต่อหน้าคนที่ฉันคิดตลอดมาว่าเกลียดที่สุด..."
"แล้วอย่างนี้ทอยยังคิดอิจฉาพวกฉันอยู่อีกไหม?"
ริกซ์ถามเหมือนอยากให้ผมตอบว่าไม่อิจฉาอีกแล้ว แต่เปล่าเลย ยิ่งได้ยินเรื่องราวนั้นมันยิ่งทำให้ผมอิจฉามากขึ้นไปอีก
ผมไม่ตอบคำริกซ์ ขยับตัวเล็กน้อยเพื่อให้มองเห็นลอสกับริกซ์ได้ชัดๆ ผมมองคู่พี่น้องที่ถึงจะทะเลาะกันเกลียดกันแค่ไหนแต่สุดท้ายก็ยังอยู่ด้วยกัน ยังไงทั้งคู่ก็มีสิ่งที่เชื่อมต่อกันไว้ สิ่งที่ไม่มีอะไรทดแทนได้ และเป็นสิ่งที่ไม่มีวันตัดขาด...
สิ่งที่เรียกว่า 'สายสัมพันธ์'
ผมส่งยิ้มให้ทั้งคู่แทนคำตอบ เพราะดูเหมือนริกซ์จะไม่อยากได้คำตอบว่า อิจฉา จากผมเท่าไหร่
"ทอย..."
ผมได้ยินเสียงริกซ์เรียก แต่เพราะเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ผมต้องรีบยันตัวแล้วลุกขึ้นไปรับ
เมื่อผมเห็นเบอร์ที่โทรมา ก็เผลอนิ่งค้างไปจนสายเกือบถูกตัด แต่ก็กดรับได้ทัน ผมกรอกเสียงไปหาปลายสายอย่างพยายามควบคุมเสียงไม่ให้สั่น
ก็แค่เหมือนทุกครั้ง ก็แค่พูดให้ปกติเหมือนเมื่อครั้งก่อนๆ
"ครับ ป้าอร"
...
พอกินกันเสร็จ ผมก็ขอให้พวกลอสพาไปที่บ้าน
"ฉันแค่จะเอาของให้ แล้วก็เอาโน้ตบุ๊คด้วย ได้ใช่ไหม?"
พอได้ยินแบบนั้นพวกเขาก็ยอมพาไป ผมไขกุญแจรั้ว ก่อนจะสังเกตเห็นซองจดหมายสีแดงเสียบอยู่ที่ประตู
'ถึง ทอย'
ยังคงเป็นลายมือเดิมเหมือนครั้งที่แล้วๆมา พักหลังมานี้ผมได้จดหมายจากคนคนหนึ่งที่ไม่มีชื่อที่อยู่ผู้ส่ง ทั้งยังดูเหมือนไม่ได้ส่งไปรษณีย์ด้วย แต่เพราะเนื้อหาจดหมายมีแต่ชื่นชมเรื่องนิยายที่ผมเขียน ทำให้ผมเดาว่าคงเป็นแฟนคลับที่บังเอิญรู้จักตัวจริงของผม
ถึงผมจะไม่ได้แจ้งความเพราะเห็นว่าไม่ได้มีเจตนาร้าย แต่คนคนนี้ก็ทำให้ผมอดสงสัยว่าอีกฝ่ายรู้จักผมได้ยังไงอยู่เหมือนกัน
ผมเก็บจดหมายแล้วเดินเข้าบ้าน หลังจากเอาของที่ต้องการมาแล้วพวกผมก็ตรงกลับคอนโด
วันนี้คนอื่นๆยังไม่กลับกัน ผมเลยไปนั่งเล่นรอที่ห้องของลอสต่อ ริกซ์เปิดกล่องเช็ค สภาพของในกล่องยังใหม่เอี่ยมและไม่เคยถูกแตะต้อง เป็นเพราะผมไม่ได้ยุ่งกับมันเลยตั้งแต่ได้รับมาจากอิน
พอริกซ์เห็นอย่างนั้นก็ค่อยๆ แกะของในกล่องออกมาบ้าง
ผมเห็นสีหน้าท่าทางตื่นเต้นของอีกฝ่ายก็หันไปดูลอส ก่อนพบว่าอีกฝ่ายกำลังใช้แปรงปัดถูพวกฟิกเกอร์ด้วยท่าทีทะนุถนอมอย่างที่สุด
อืม... ผมไปเขียนนิยายต่อดีกว่า
ผมนั่งทำงานต่อได้พักหนึ่งหนึ่งก็ได้ยินเสียงริกซ์ร้องขึ้น
"ไม่จริง!"
ผมผุดลุกจากโซฟาแล้วตรงไปหาต้นเสียง
"เกิดอะไรขึ้น?"
ผมถามอย่างกังวลพลางสำรวจรอบด้าน แต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรแปลกไป ทีนี้มองไปทางริกซ์ก็เห็นอีกฝ่ายก้มหน้ามองฟิกเกอร์สองตัวในมือ
"เกิดอะไรขึ้น?"ผมถามซ้ำ โดยโทนเสียงรอบนี้เบาลงเมื่อคาดเดาได้ว่าคงเกิดอุบัติเหตุบางอย่างทำให้ฟิกเกอร์เสียหาย และอีกฝ่ายก็กำลังเศร้าใจอยู่ แต่ทั้งที่คิดแบบนั้น ริกซ์ที่เงยหน้าขึ้นก็พูดด้วยน้ำเสียงเหมือนจะประท้วง
"ทอย! ดูนี่สิ"
"หืม?"
ผมมองฟิกเกอร์ในมือริกซ์ ซึ่งพบว่าทั้งสองตัวคือฟิกเกอร์ทาริน พอคิดจะถามว่ามีอะไรผิดปกติก็ทันเห็นว่าฟิกเกอร์ทารินตัวซ้ายมีสีตาต่างกับฟิกเกอร์ทารินตัวขวา โดยปกติทารินจะมีตาสีดำ แต่ดวงตาของฟิกเกอร์ทารินตัวซ้ายกลับมีสีฟ้า
อ่า
"ทอยดูสิ! ไหงเขาลงสีผิดงี้อ่ะ!"ริกซ์มีสีหน้าเจ็บช้ำใจอย่างรุนแรง พอผมเห็นแบบนั้นก็พูดปลอบ
"ใจเย็นก่อน"
"แต่ว่าทอย!"
"ไม่ได้ลงสีผิดหรอก"
"หือ...?"
"ไม่ได้ลงสีผิดหรอก เพราะภาคต่อไป...ดวงตาของทารินจะเปลี่ยนเป็นสีฟ้า"
"หะ!"
"เดี๋ยวนะ นี่...?"
ผมส่งยิ้มให้ริกซ์ที่มีสีหน้าสับสน จริงๆผมวางพล็อตไว้จนถึงตอนจบแล้ว และภาคสุดท้ายนี้ดวงตาของทารินจะเปลี่ยนเป็นสีฟ้าแน่นอน เพียงแต่นอกจากผมก็มีแต่อินที่รู้ สงสัยอินตั้งใจจะเซอไพรส์ผมล่ะมั้ง?
"อืม ก็อย่างที่ว่าแหละ แต่ที่เหลือยังเป็นความลับ รอให้ฉันเขียนจบแล้วจะเอาให้อ่านนะ"ผมยกมือลูบหัวอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนมองไปทางลอสที่ตอนนี้มีหน้าซับซ้อน เหมือนอีกฝ่ายจะดีใจแล้วก็หดหู่ไปพร้อมกัน
ผมส่งยิ้มให้ทั้งคู่ ก่อนจะกลับไปเขียนนิยายต่อ ซึ่งหลังผมหย่อนก้นลงบนโซฟาก็ได้ยินเสียงของริกซ์แว่วมา
"ตาสีฟ้า? ตาสีฟ้า??? ไม่จริงน่า ได้ไง? โอ๊ย อยากรู้เว้ย!"
ผมยิ้มขำๆ ก่อนจะปล่อยตัวเองให้เข้าสู่โลกของตัวอักษร
รู้สึกตัวอีกทีก็หกโมงกว่า คนอื่นๆยังไม่กลับ พวกริกซ์เลยเอาพิซซ่าที่สั่งไว้กอนหน้านี้มาอุ่น ระหว่างที่ลอสเอาพิซซ่าไปอุ่นผมกับริกซ์ก็นั่งเล่นเกมโอโทเล่กัน พวกเราต่างใช้ไอแพดที่จิ้มสะดวกมาเล่นกันผ่านเว็บ ซึ่งผลปรากฏว่าเล่นกันสิบตา ผมเป็นฝ่ายแพ้ทั้งสิบตา
"ฮ่าๆๆ ชนะอีกแล้ว"
ริกซ์หัวเราะลั่น ส่วนผมก็หน้าเคร่งขึ้น ตาที่สิบเอ็ดเริ่มขึ้น ผมพยายามใช้สมาธิให้มากขึ้น แต่ทั้งที่รูปการณ์เหมือนผมจะเป็นฝ่ายชนะ ทว่าริกซ์กลับพลิกกระดานกลับจนผมเหลือตัวหมากเพียงแปดตัวเท่านั้น
"ว้าว ชนะอีกแล้ว"
ปกติผมไม่ค่อยคิดอะไรกับเรื่องแพ้ชนะ แต่พอได้ยินริกซ์ขานว่าตัวเองชนะอีกแล้วซ้ำไปซ้ำมาก็ทำให้รู้สึกเหมือนคิ้วจะกระตุกหน่อยๆ ผมเริ่มตาที่สิบสอง โดยระหว่างเล่นลอสก็ยกพิซซ่าที่อุ่นแล้วมาวาง
ไม่นานผลก็แสดงออกมา และใช่ ผมแพ้อีกครั้ง
"ไงทอย ฉันชนะอีกแล้วนะ"ริกซ์หัวเราะร่าพลางยักคิ้วอย่างกวนๆ "อ้า ชนะอีกแล้ว ชนะทอยอีกแล้วสิเนี่ย เดี๋ยวตาหน้าก็ชนะอีกแน่เลย เฮ้อ แย่จัง"
ไอ้เรื่องแพ้ชนะสำหรับผมก็ไม่ได้สนใจหรอก แต่เห็นอีกฝ่ายทำพูดคุยข่มอย่างลอยหน้าลอยตาแล้วมันรู้สึก...หมั่นไส้ลึกๆ
ผมหันไปจ้องลอสที่นั่งดูอยู่ข้างๆ แล้วถามเสียงนิ่ง
"ลอส ริกซ์เคยเล่นโอโทเล่แพ้บ้างไหม?"ผมถามอย่างเช็คสถิติ เพราะผมไม่เชื่อหรอกว่าริกซ์จะไม่เคยแพ้ใครเลย ซึ่งริกซ์ที่ได้ยินผมถามก็ทำท่าจะห้ามลอส แต่สายไปเมื่อลอสพยักหน้าให้พร้อมตอบสั้นๆ
"เคย"ได้ยินอย่างนั้นผมจึงถามต่อว่าแพ้ใครบ้าง ซึ่งลอสก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีโดยการตอบคำถามผมอย่างละเอียดและครบถ้วน
"ริกซ์เคยแพ้ซิตซ์ แพ้ไนท์ แพ้เวย์ แพ้ไปป์ แพ้จิน..."พอพูดไล่ถึงชื่อจิน ริกซ์ก็แทรกขึ้นมาว่า 'อย่างจินฉันไม่นับว่าแพ้หรอก!' ซึ่งลอสทำเป็นไม่ได้ยินก่อนพูดต่อ "แล้วก็...แพ้ฉัน"
"ฉันแพ้เยอะกว่าไม่กี่ตาเองนะ!"ริกซ์เถียงขึ้นมาทันที แล้วก็ลอสก็สวนกลับไปหน้านิ่ง "ยังไงก็แพ้เยอะกว่าอยู่ดี"
แล้วทั้งสองคนก็เถียงกันอีกหลายประโยคโดยประเด็นเปลี่ยนไปว่าเล่นเกมไหนชนะเยอะกว่ากัน ผมซึ่งนั่งชมอยู่ข้างๆมองคู่แฝดที่มีเหมือนกันทุกสัดส่วนไม่เว้นแม้แต่ส่วนสูงหันหน้าเข้าหากันคล้ายส่องกระจกแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่า
"น่าอิจฉาจังนะ"
ผมสะดุ้งเมื่อทั้งคู่หยุดทะเลาะแล้วหันขวับมามองผมอย่างพร้อมเพรียงกัน ทั้งสองคนหันมามองผมแล้วหยุดค้างไปอึดใจ
"เมื่อกี้ทอยบอกว่าอิจฉา... ทอยอิจฉาอะไร?"
พอได้ยินคำถามของริกซ์ผมก็ยกมือขึ้นจับริมฝีปากตัวเองที่เผลอไผลหลุดความในใจออกมา คิดจะเลี่ยงคำโดยบอกว่าไม่มีอะไรแต่พอมองทั้งสองคนผมก็เปลี่ยนใจแล้วตอบตรงๆ
"ก็...แค่อิจฉาพวกนายน่ะ ที่มีกันและกันอยู่เสมอ"
ทั้งคู่หันมองหน้ากัน ก่อนจะหันมาหาด้วยสีหน้าเหมือนจะถามว่าน่าอิจฉาตรงไหน ซึ่งผมหัวเราะเบาๆ
"ไม่ว่าเมื่อไหร่... ไม่ว่าจะทุกข์ใจ หรือต้องเผชิญหน้ากับปัญหาที่หนักหนาแค่ไหน..."ผมใช้หลังมือสัมผัสแก้มของทั้งคู่เบาๆ "ก็จะมีกันและกันอยู่เสมอ..."
ผมมองทั้งคู่แล้วยิ้มอย่างนึกอิจฉา
ไม่มีวันโดดเดี่ยว ไม่มีวันอ้างว้าง ตราบใดที่ทั้งคู่มีกันและกันจะไม่มีวันต้องเผชิญกับความทุกข์เพียงลำพังเด็ดขาด...
ผมอดคิดไม่ได้จริงๆ ว่าน่าอิจฉา เมื่อตั้งแต่เกิดทั้งคู่ก็มีและกันอยู่ตั้งแต่แรก มีสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นและไม่มีวันตัดขาด
"...น่าอิจฉาจริงๆนะ"
สิ้นคำพูดผมก็ต้องหงายหลังเมื่อโดนริกซ์ผลักอย่างไม่ทันตั้งตัว ตอนแรกนึกว่าจะหัวฟาดแล้ว แต่ปรากฏว่าลอสใช้มือรองไว้ให้ ผมก็อยากพูดขอบใจนะถ้าอีกฝ่ายไม่ได้จัดให้ผมนอนบนตักตัวเองแทนช่วยดันผมให้ลุกขึ้นนั่งดีๆ
อะไรกันน่ะสองคนนี้?
ผมพยายามลุกแต่ก็โดนยึดไหล่เอาไว้ทำให้ต้องนอนหงายอยู่บนตักลอสอย่างนั้น ผมนอนกะพริบตามองคู่แฝดที่ไม่รู้ว่าต้องการอะไรจากการกระทำนี้ และไม่ทันที่ผมจะพูดอะไรก็เป็นริกซ์ที่ถามขึ้น
"ทอยอิจฉาพวกฉัน? ทอยว่าฉันกับลอสน่าอิจฉาเหรอ?"พอผมพยักหน้าให้อย่างที่สภาพพอจะอำนวยริกซ์ก็ยกยิ้มมุมปาก "ทอยรู้ไหมว่าตอนเด็กๆน่ะฉันชอบแกล้งลอสมาก แกล้งจนต้องร้องไห้ทุกวันเลยล่ะ"
เรื่องเล่าของริกซ์ทำให้ผมเลื่อนสายตาไปมองลอสที่มองสบกับผมแบบไม่หลบตา
เรื่องจริงงั้นเหรอ?
"ฉันน่ะ...เคยเกลียด เกลียดไอ้ฝาแฝดของตัวเองที่อยู่เหมือนเงา ตามติดน่ารำคาญ ฉันเคยคิดว่าน้องชายที่เกิดช้ากว่าฉันเป็นสิ่งที่เกะกะสายตาสุดๆ ฉันตอนเด็กๆมักชอบคิดว่าทำไมมันต้องเหมือนฉันด้วย ไม่ว่าอะไรที่ฉันมีมันก็ต้องได้ด้วยเสมอ ยิ่งตอนเด็กๆพ่อแม่ชอบแต่งตัวพวกฉันให้เหมือนกันเป็นแพ็คคู่ ยิ่งเหมือนกันเท่าไหร่ฉันก็ยิ่งเกลียด"
"แต่นอกจากหน้าตากับส่วนสูงแล้วลอสน่ะไม่มีอะไรเหมือนฉันเลยสักนิด อ่อนแอ ขี้แย ปวกเปียก"ตอนริกซ์พูดถึงตรงนี้ผมก็เหลือบมองหน้าลอสที่สีหน้ายังเป็นปกติแล้วฟังต่อ
"พอเข้าประถมฉันก็เลี่ยงที่จะเล่นกับลอส ฉันไม่เคยสนใจใยดีน้องชายฝาแฝดของตัวเองสักนิด ลอสเองพอฉันเมินใส่ก็เอาแต่เก็บตัวเงียบ พวกเราค่อยๆห่างกันจนดูไม่ค่อยต่างจากคนแปลกหน้าที่อาศัยบ้านเดียวกัน แน่นอนว่าฉันก็ชอบให้เรื่องเป็นแบบนั้น ความสัมพันธ์ของพวกฉันเป็นแบบนั้นจนขึ้นเกรด5 ฉันมันเป็นพวกซ่าเลยเผลอไปมีเรื่องกับพวกรุ่นพี่เกรด6 ฉันที่จัดการกับพวกนั้นได้ก็คิดว่าตัวเองเก่ง ได้เป็นหัวหน้าของกลุ่ม มันเจ๋ง มันเยี่ยม ฉันตอนนั้นคิดว่าตัวเองเท่ห์สุดๆ โดยไม่รู้ตัวเลยว่าสิ่งที่ฉันทำมันจะส่งผลแย่กับลอส"
กับลอส? ผมขมวดคิ้วก่อนจะเบิกตาเมื่อคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
"ไอ้พวกกระจอกนั่นมันสู้ฉันไม่ได้เลยไปลงที่ลอส... แรกๆฉันไม่สังเกตด้วยซ้ำว่าลอสเกิดเรื่อง ถึงจะได้ยินจากป้าเกรซว่าลอสได้แผลกลับบ้านทุกวันแต่ฉันก็ไม่ใส่ใจ จนวันหนึ่งลอสป่วยไม่ได้ไปเรียน พวกมันที่ไม่โผล่หัวมาตั้งนานก็โผล่หน้ามา ทอยรู้ไหมว่าไอ้หัวโจกนั่นพูดประโยคแรกว่าอะไร?"ริกซ์ถามกลั้วหัวเราะ แต่ผมไม่ได้หัวเราะตาม และหัวเราะไม่ออกเมื่อได้สิ่งที่อีกฝ่ายเล่าต่อ
" 'ไงไอ้ลูกหมา วันนี้คิดหนีกลับทางประตูหน้า อยากให้ฉันไปยำฝาแฝดแกแทนไหม?'
ฉันตอนนั้นไม่เข้าใจอะไรสักนิด ยังทำอวดเก่งพูดเสียงเยาะตอบกลับไปว่า
'แกจะทำอะไรกับมันก็ไม่ใช่เรื่องของฉัน'
พวกมันทำหน้าประหลาดใจ ก่อนจะเป็นไอ้หัวโจกที่ทำท่าเข้าใจ 'อ้อ งั้นแกคงเป็นริกซ์'
ฉันฟังแล้วสะดุดใจ เพราะมันพูดแบบนี้แปลว่าทีแรกคิดว่าฉันเป็นลอส และก่อนที่ฉันจะได้ถามอะไร พวกมันก็พูดปนหัวเราะแบบที่ทำให้ฉันหน้าชา
'แปลกดี ทั้งที่แกดูไม่สนใจแฝดตัวเองสักเท่าไหร่ แต่ไอ้อ่อนนั่นมันกลับยอมให้พวกฉันกระทืบเล่นทุกวันแลกกับการไม่ไปยุ่งกับแก' "
เล่าถึงตรงนี้ริกซ์ก็หัวเราะ ผมเห็นแววสั่นไหวในแววตาคู่นั้น
"ฉันไม่รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น ฉันรู้แค่ว่าตัวเองกระโจนเข้าไปอัดพวกมันจนหมด แล้วรู้ตัวอีกทีก็ถูกอาจารย์มาจับห้าม ฉันโดนเชิญผู้ปกครอง พ่อกับแม่พาฉันที่เพิ่งทำแผลเสร็จกลับบ้าน พอกลับไปถึงสิ่งแรกที่ฉันเห็นคือฝาแฝดของตัวเองที่กำลังเป็นไข้ยืนไอค่อกแค่กรออยู่ประตูบ้าน ฉันในตอนนั้นตรงเข้าไปกระชากเสื้อลอสแล้วตะคอกด้วยเสียงที่ดังเท่าที่จะดังได้
'มาสอดเรื่องฉันทำไม!'
วินาทีนั้นฉันอยากรู้เหตุผล ทั้งๆที่ฉันทำไม่เคยสนใจใยดี ทั้งๆที่ฉันเกลียดมันขนาดนั้น ทำไมถึงปกป้องฉัน ปกป้องไอ้พี่ชายไม่ได้เรื่องที่เอาแต่สร้างปัญหาอย่างฉันกัน? แต่ทอยรู้ไหมว่าคำตอบที่ฉันได้คืออะไร?"
ริกซ์ตั้งคำถามกับผมแต่กลับมองไปยังลอส ซึ่งลอสเองก็มองสบตากับริกซ์ก่อนทั้งคู่จะเอ่ยขึ้นพร้อมกัน
" 'เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?' "
หลังทั้งสองผสานเสียงเสร็จก็ริกซ์ที่เล่าต่อ
"ใช่ ประโยคแรกที่ลอสพูดหลังโดนฉันตะคอกคือการถามอาการฉันที่ตอนนั้นก็แค่ปากกับคิ้วแตกนิดหน่อย ฉันทั้งที่ตอนแรกไม่เจ็บสักนิด ไม่รู้สึกอะไรด้วยซ้ำ แต่พอโดนลอสถาม โดนมองด้วยสายตาเป็นห่วง แผลที่ไม่เจ็บเลยสักนิดน่นมันกลับเจ็บขึ้นมาทันที มันเจ็บมาก เจ็บจนฉันได้แต่ร้องไห้ ปล่อยให้น้ำตามันไหลออกมาต่อหน้าคนที่ฉันคิดตลอดมาว่าเกลียดที่สุด..."
"แล้วอย่างนี้ทอยยังคิดอิจฉาพวกฉันอยู่อีกไหม?"
ริกซ์ถามเหมือนอยากให้ผมตอบว่าไม่อิจฉาอีกแล้ว แต่เปล่าเลย ยิ่งได้ยินเรื่องราวนั้นมันยิ่งทำให้ผมอิจฉามากขึ้นไปอีก
ผมไม่ตอบคำริกซ์ ขยับตัวเล็กน้อยเพื่อให้มองเห็นลอสกับริกซ์ได้ชัดๆ ผมมองคู่พี่น้องที่ถึงจะทะเลาะกันเกลียดกันแค่ไหนแต่สุดท้ายก็ยังอยู่ด้วยกัน ยังไงทั้งคู่ก็มีสิ่งที่เชื่อมต่อกันไว้ สิ่งที่ไม่มีอะไรทดแทนได้ และเป็นสิ่งที่ไม่มีวันตัดขาด...
สิ่งที่เรียกว่า 'สายสัมพันธ์'
ผมส่งยิ้มให้ทั้งคู่แทนคำตอบ เพราะดูเหมือนริกซ์จะไม่อยากได้คำตอบว่า อิจฉา จากผมเท่าไหร่
"ทอย..."
ผมได้ยินเสียงริกซ์เรียก แต่เพราะเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ผมต้องรีบยันตัวแล้วลุกขึ้นไปรับ
เมื่อผมเห็นเบอร์ที่โทรมา ก็เผลอนิ่งค้างไปจนสายเกือบถูกตัด แต่ก็กดรับได้ทัน ผมกรอกเสียงไปหาปลายสายอย่างพยายามควบคุมเสียงไม่ให้สั่น
ก็แค่เหมือนทุกครั้ง ก็แค่พูดให้ปกติเหมือนเมื่อครั้งก่อนๆ
"ครับ ป้าอร"
ความคิดเห็น