ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yaoi] I'm your Toy. ผมเป็นของเล่นของคุณ (8P)

    ลำดับตอนที่ #41 : ตอนที่40 ผม...กับงานแต่ง (2)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.32K
      47
      1 ก.ย. 63

    ตอนที่40

    ผม...กับงานแต่ง (2)

     

       


       ...


       พอจัดการซื้อของเสร็จพวกผมก็ขึ้นรถ แล้วแล่นตรงไปยังที่หมายเลย ซึ่งครั้งนี้โรงแรมที่ผมเข้าพักเป็นคนละโรงแรมกับที่จัดงานแต่ง โดยคนที่จัดการจองโรงแรมให้คือไปป์ ผมเองก็ไม่รู้ว่าห้องพักที่ไปป์จัดการเป็นแบบไหนจนกระทั่งมาถึง


       "นี่...ไม่เกินไปหน่อยเหรอ?"


       ผมอดถามขึ้นไม่ได้เมื่อเห็นการจัดเตรียมที่เกินมาตรฐานโรงแรมห้าดาว ไม่ว่าจะเฟอร์นิเจอร์ หรือข้าวของภายในห้องล้วนแต่ดูเรียบหรูและใหม่เอี่ยมจนไม่คล้ายของที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว ที่พื้นยังปูพรมนุ่มรองรับอีก


       "ไม่นี่ ธรรมดาออก"ไปป์พูดพลางวางกระเป๋าเป้ใบเล็กลงบนเตียงเหมือนคุ้นชิน ผมเลยพยายามทำใจว่าชีวิตของคนเรามันต่างกัน คำว่า 'ธรรมดา' ของไปป์เองก็มีมาตรฐานแตกต่างจากของผม


       ส่วนผมเองก็วางกระเป๋าสะพายที่บรรจุเสื้อผ้าไว้สามชุด ผมหยิบเอาชุดนอนที่เป็นเสื้อเชิ้ตปกอ่อนสีขาวกับกางเกงขาสั้นสีดำ ที่จริงผมจะหยิบขายาวมาแล้ว แต่ปรากฏว่าลืมเอาไปซัก และเพราะต้องพักห้องเดียวกับไปป์ผมเลยไม่กล้าเอาเสื้อผ้าใส่แล้วมาใส่ซ้ำ ถึงไปป์จะบอกว่าไม่รังเกียจก็เถอะ


       ไปป์ที่ทิ้งตัวนั่งบนเตียงหันมามองผมแล้วถามขึ้น


       "ว่าแต่ชุดที่นายจะใส่ไปงานแต่งงานพรุ่งนี้นี่...ตัวไหนน่ะ?"


       "อ๋อ เรื่องนั้น..."ผมหันไปค้นแล้วหยิบตัวที่ว่าออกมาคลี่ให้ไปป์ดู "ตัวนี้น่ะ"


       "ตัวนั้น?"ไปป์ทำหน้าเหลือเชื่อ


       "ทำไมล่ะ? มีอะไรไม่ดีเหรอ?"ผมมองเสื้อเชิ้ตตัวเดิมที่ใส่ไปงานครั้งที่แล้วกับอิน เพียงแค่ครั้งนี้ผมไม่ได้เอาแว่นมาด้วยก็เท่านั้น


       "ตัวนั้นมัน..."ไปป์พูดแค่นั้นก็หยุดไป ก่อนส่ายหัว


       "ช่างเถอะ ไว้พรุ่งนี้ค่อยจัดการ"


       จัดการ?


       ผมมองไปป์อย่างสงสัย แต่อีกฝ่ายกลับบอกว่าจะอาบน้ำ ผมพยักหน้าแล้วหันมาจัดเสื้อผ้าเตรียมใส่สำหรับพรุ่งนี้ต่อ


       ไม่นานไปป์ก็ออกมาในสภาพคาดผ้าขนหนูผืนเดียว ผมมองหยดน้ำตามลำตัวที่ทำให้ผิวอีกฝ่ายส่องประกายแล้วถามอย่างสงสัยหน่อยๆ


       "นายเคยนวดสปาบ้างรึเปล่า?"


       "ฮะ? ทำไมถึงถามล่ะ?"ไปป์ถามกลับด้วยสีหน้างุนงง


       "ฉันแค่สงสัยน่ะ เพราะผิวนายดูเนียนสม่ำเสมอทั้งตัวเลย"ผมตอบตามจริง เพราะเทียบไปป์แล้ว ผิวของผมที่เวย์เคยชมว่านุ่มกลับดูหมอง ไม่เปล่งประกายเท่า


       ไปป์เลิกคิ้วก่อนว่า


       "อยากให้นวดให้บ้างไหมล่ะ?"


       "นายนวดเป็นเหรอ?"ผมถามอย่างแปลกใจ


       "มีคอร์สเสริมสอนอยู่ ฉันเคยลองอยู่ฝึกบ้าง อยากจะลองไหมล่ะ?"ครั้งนี้เสียงของไปป์เจือด้วยแววหยอกล้อ แต่ผมสั่นหัวให้


       "ไว้คราวหลังแล้วกัน วันนี้พวกเราเดินทางมาเหนื่อยๆ"ผมปฏิเสธอย่างไม่คิดอะไร แต่ไปป์ดูเสียดาย อีกฝ่ายคลี่ยิ้มแล้วพูดด้วยโทนเสียงที่ฟังดูคลุมเครือยังไงบอกไม่ถูก


       "ได้สิ ไว้นายอยากลองเมื่อไหล่ก็บอกได้เลย"


       "อ่ะ อืม งั้นฉันไปอาบน้ำก่อนนะ"ผมพูดพลางคว้าเสื้อผ้ากับผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำ


       ก็ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน รอยยิ้มของไปป์เมื่อกี้มันทำให้ผมรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องอยู่บ้าง


       พอออกมาก็เห็นว่าไปป์ดับไฟในห้องหมดแล้ว โดยเหลือเปิดแค่ที่หัวเตียงเอาไว้ และเพราะอีกฝ่ายกำลังเล่นโทรศัพท์อยู่เลยเหมือนจะไม่รู้ตัวว่าผมออกมาแล้ว


       "ไปป์"ผมส่งเสียงทัก


       "อ้าว ทอย เสร็จแล้วเหรอ? มาๆ มานอนกัน"ไปป์ตบเบาะข้างตัวอย่างเชิญชวน "อ้อ จริงสิ พรุ่งนี้ตื่นไวหน่อยล่ะ เดี๋ยวไปลองเสื้อกัน"


       "หา? อ้อ อืม"ผมงุนงงว่าลองเสื้ออะไร แต่ก็ตอบรับคำไปด้วยความรู้สึกแปลกๆ เพราะแค่ไปลองเสื้อ แล้วทำไมไปป์ต้องทำเสียงตื่นเต้นด้วย?   




       ก่อนหน้านี้ผมเคยคิดว่าการตามอินไปช้อปปิ้งเป็นอะไรที่เหนื่อยมากแล้ว แต่วันนี้ผมได้เรียนรู้แล้วว่าการเป็นหุ่นลองเสื้อ เป็นอะไรที่เหนื่อยยิ่งกว่า


       ตั้งแต่เก้าโมงกว่าๆ ผมถูกพามายังห้างเพื่อลองสูท ทั้งที่เป็นแบบนั้น...


       "ทอยๆ ลองตัวนี้สิ"


       "ทอยๆ สีนี้เป็นไง ดำตัดเขียว เท่ห์สุดๆเลยว่าม้า?"


       "ทอยๆ เอาชุดนี้สิ เข้าคู่กับพวกฉันเลย"


       "ลองเปลี่ยนเป็นสีส้มดีไหม?"


       "ทอยลองตัวนี้ไหมครับ?"


       "เอาตัวนี้ไปลอง"


       "ชุดนี้..."


       ทั้งที่พูดว่าจะให้ผมมาลองชุดสูท แต่พอจินเห็นเสื้อผ้าเท่ๆก็อยากลองให้ผมใส่ดู หลังจากนั้นไปป์ก็เอาบ้าง ซึ่งไปๆมาๆก็กลายเป็นว่าผมต้องมาผลัดเปลี่ยนลองเสื้อผ้าที่บรรดาแฟนหยิบมาให้อย่างช่วยไม่ได้ 


       ที่สำคัญ...


       แชะ 


       เสียงดังมาจากมือถือของไนท์ที่ตอนนี้เจ้าตัวกำลังถือกดถ่ายด้วยสีหน้านิ่งๆ ถึงอาการไม่แสดงสีหน้าจะทำให้รู้สึกอีกฝ่ายไม่เต็มใจแต่ผมบอกได้จากอาการกระตือรือร้นในการถ่ายภาพว่าตอนนี้ไนท์กำลังสนุกอยู่แน่ๆ ซึ่งคราวนี้ชุดที่ผมใส่เป็นตัวที่จินเลือก เป็นเสื้อกั๊กสีแดงแบบที่จินชอบใส่ประจำ แต่ผมขอใส่เสื้อซับสีขาวด้านใน ถึงจะโดนจินบ่นแต่ผมก็ไม่แคร์ เพราะผมเลือกจะฟังจินบ่นดีกว่ามาแต่งตัวเปิดเผยในที่สาธารณะงานนี้พื่อป้องกันการ กางเกงเว้าต่ำของจินก็ทำให้ผมเลือใส่กางเกงซับสีดำด้านใน


       ใส่ชุดนึงก็โดนถ่ายรอบนึง ทีแรกผมก็คัดค้านแต่เมื่อเวย์ออกหน้ารับปากว่าจะไม่เอาไปให้คนอื่นดูผมเลยยอมให้ถ่าย หวังไว้ว่าหลังจากนี้พวกเขาจะลบภาพทั้งหมดทิ้งไวๆ แรกๆก็มีอายบ้างแต่หลังถ่ายไปสิบกว่ารูปผมก็เริ่มจะชิน ปล่อยให้แต่ละคนทำตามใจ หน้าที่ผมตอนนี้มีแค่เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกมายืนให้พวกเขาถ่ายรูปเล่นเท่านั้น


       ดีที่ในร้านไม่มีคน


       ผมแปลกใจนิดหน่อยที่ร้านกว้างๆแบบนี้กลับไม่มีลูกค้า ตอนเข้ามาทีแรกก็ยังมีประปราย แต่พอผมเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับออกมาก็ไม่มีลูกค้าคนอื่นเหลืออยู่เลย จะมีก็แต่พวกผมกับพนักงานที่ยืนยิ้มเงียบๆอยู่ที่เคาท์เตอร์เท่านั้น 


       "นี่...พอรึยัง?"ผมถามขึ้นหลังลองไปหลายสิบชุด แถมชุดหลังๆมันเริ่มแปลกๆ พอเห็นชุดกาวน์ผมก็ว่าไม่ใช่แล้ว แต่พอผมจะค้าน
    พวกลอสกับริกซ์อ้างสัญญาเรื่องที่ผมตกลงไว้ว่าจะแต่งคอสเพลย์ 


       "ฉันก็ทำตามสัญญาได้แล้วนี่"ผมแย้ง แต่ลอสกลับส่ายหน้า


       "แต่ทอยเพิ่งจะบอกพวกเราหลังจากเวลาที่ตกลงกัน เพราะงั้นสัญญาต้องเป็นสัญญา"


       ผมเถียงไม่ออก และเพราะเป็นคนรักษาสัญญา สุดท้ายผมเลยต้องเปลี่ยนชุดกาวน์แล้วเดินออกมาโชว์ตัวให้ไนท์ถ่ายรูปเข้าอัลบั้ม


       "รู้งี้เตรียมพวกพร๊อบมาด้วยก็ดี..."เสียงงึมงำจากพวกจินที่ผมฟังไม่ชัดเท่าไหร่ แต่ในใจกลับรู้สึกสังหรณ์ว่าไม่ได้ยินน่าจะดีกว่า


       เพราะรู้สึกว่าใช้เวลามาพักใหญแล้ว 
    งานนี้ผมจึงรีบหยุดทุกฝ่าย ก่อนที่จะมีเสื้อผ้าแบทแมน ซุปเปอร์แมน อะไรเทือกนั้นโผล่มาให้หนาวเล่น


       "ง่า ฉันอยากลองต่ออีกหน่อย น่านะ ทอย"จินหันมาสบตาปิ๊งๆ แต่งานนี้ผมเลือกที่จะไม่ใจอ่อน


       "ไม่ต้องเลยจิน ฉันจะรีบลองชุดให้เสร็จจะได้ไปหาอะไรกิน เดี๋ยวจะไปกินชาบูที่ชั้นบนกันไม่ใช่เหรอ?"ผมพยายามโน้มน้าวจินแต่หักใจไม่ให้โอนอ่อนไปกับตาลูกหมาของอีกฝ่าย


       "ก็ได้..."จินรับคำเสียงหดหู่ อาการห่อเหี่ยวหางตกหูลู่ของอีกฝ่ายเกือบทำให้ผมปั้นใจแข็งไม่อยู่เลยต้องรีบหันไปหาเวย์แล้วขอลองชุดสูทสำหรับเย็นนี้ให้เสร็จๆ จนในที่สุดก็เลือกได้ ถึงพวกไปป์จะทุ่มเถียงว่าสูทแบบไหนสีไหนเข้ากับผมกว่าจนปาไปเกือบครึ่งชั่วโมงก็ตาม แต่ในที่สุดผมก็ได้สูทไว้สำหรับงานคืนนี้แล้ว


       ที่จริงตอนแรกผมว่าชุดที่เอามาก็โอเคแล้ว แต่พวกเวย์กลับไม่ยอม บอกชุดสูทของผมมันดูแก่เกินไปจนนั่นทำให้ผมเกิดประเด็นสงสัยว่าพวกเขาเคยเห็นสูทผมตอนไหน พอผมเอ่ยปากถามออกไปก็ได้รับคำตอบแบบข้างๆคูๆว่าเคยเจอเสื้อในตู้ ผมไม่ได้ซักไซ้ต่อถึงจะยังสงสัยว่าที่พูดนั้นจริงรึเปล่าก็เถอะ


       "ทอย งานเริ่มกี่โมงล่ะ?"


       "หืม?"พอได้ยินคำถามเวย์ผมก็นึกได้ว่าตัวเองไม่รู้เวลางาน "น่าจะค่ำๆ เดี๋ยวค่อยไปก็ได้"ผมตอบไปอย่างไม่สนใจเท่าไหร่ เพราะไม่จำเป็นต้องรีบร้อน


       "ทอย...แน่ใจแล้วเหรอ?"สีหน้าจินดูกังวล ผมยิ้มขำเมื่อคิดว่าจินคงกังวลว่าผมจะไปงานแต่งสาย


       "แน่สิ งานเลี้ยงปกติก็จัดตอนกลางคืนอยู่แล้ว อีกอย่าง..."ผมเงียบลงจนจินถามซ้ำ


       "อีกอย่าง?"


       "ไม่มีอะไร แล้วตกลงว่าจะเข้าร้านไหนล่ะ?"ผมเปลี่ยนเรื่องถามซึ่งจินตอบมาอย่างหลงลืมประเด็นก่อนหน้าไปโดยสิ้นเชิง ผมเองก็ทำเป็นลืมสิ่งที่จะพูดไป


      'อีกอย่าง ถึงฉันรีบไปก็ไม่มีใครสนใจหรอก'



       ตกเย็น ผมก็แต่งตัวใส่ชุดสูทด้วยความรู้สึกไม่ค่อยชินนัก โดยเฉพาะเนคไทร์ที่ผมไม่ถนัดใส่เอาซะจริงๆ ดีที่ได้เวย์ช่วยผูกให้


       "เรียบร้อยแล้วครับ"เวย์พูดพร้อมผละตัวออก กวาดตามองผมแล้วพยักหน้าอย่างพอใจ "ตอนนี้ทอยดูหล่อมากเลยครับ"


       คำชมที่ชวนให้ผมนึกเขินขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะแก้คำโดยการพูดหยอกกลับ


       "โดนคนหล่อกว่าชม...ฉันควรดีใจไหมเนี่ย?"ผมแกล้งขมวดคิ้ว ก่อนจะหลุดขำเมื่อเห็นเวย์หน้าแดงอย่างเห็นได้ชัด


       "นี่...รีบไปได้แล้ว"เสียงของซิตซ์ทำให้ผมเลิกหัวเราะ พยักหน้าให้ แล้วหันมาพูดกับเวย์ 


       "ฉันไปล่ะ"


       พูดบอกลาพร้อมโบกมือเล็กน้อย ก่อนผมจะเดินตามซิตซ์ที่จะยืนยันเข้าไปในงานพร้อมกับผม จริงๆผมก็ไม่เข้าใจความคิดซิตซ์เท่าไหร่ว่าจะไปงานที่ไม่มีอะไรมากแบบนั้นทำไม เพราะเข้าไปในนั้นซิตซ์ก็ไม่รู้จักใครสักคน


       "ฉันอยากไป"


       คำตอบที่ผมได้ฟังซ้ำๆและข้องใจซ้ำๆ จนเริ่มปล่อยวาง ดีที่นอกจากซิตซ์แล้วไม่มีใครตามมาอีก...ซะที่ไหน


       ทำไมถึงมายืนออกันหน้าห้องอย่างนี้? แถมยังใส่ชุดที่ดูก็รู้ว่าจะไปงานเลี้ยงที่ไหนสักแห่งอีก ซึ่งจากที่ผมเดา งานเลี้ยงที่ไหนสักแห่ง นั่นไม่หนีพ้นงานแต่งงานที่ผมกำลังจะไป ระหว่างที่ผมนิ่งอึ้งกับภาพตรงหน้าเสียงเปิดประตูจากด้านหลังก็เผยให้เห็นเงาร่างของเวย์ในชุดสูทสีฟ้าอ่อน ผมมองหน้าเวย์อย่างไม่อยากเชื่อ ขณะที่เวย์กระแอม


       "พวกผมแค่อยากไปร่วมแสดงความยินดีด้วยน่ะครับ"


       "ใช่ๆ พวกฉันอยากไปดูหน้าญาติทอยสักหน่อย"


       ผมขมวดคิ้วตั้งแต่ได้ยินคำพูดเวย์ แต่คำพูดของจินกลับทำให้คิ้วชนกันมากขึ้นกว่าเดิม


       ทำไมน้ำเสียงกับวิธีพูดของจินถึงดูประชดประชันแดกดันญาติผมนัก หรือผมแค่คิดไปเอง?


       "ฉันคิดว่ามันไม่ดีเท่าไหร่ที่คนที่ไม่มีกระทั่งบัตรเชิญอย่างฉันจะพาคนอื่นไปงาน แค่ซิตซ์ฉันยังพอแก้ตัวได้ แต่ถ้าพวกนายไปกันหมด..."ผมทำหน้าลำบากใจ ใจจริงก็ไม่ได้อยากพูดอย่างนี้ แต่ผมก็จำเป็นต้องพูด กับคนที่ไม่มีกระทั่งบัตรเชิญ แค่ไปเสนอหน้าให้เขาเห็นก็นับว่าแย่มากพอแล้ว อีกอย่าง ที่นั่น ในงานเลี้ยงนั่นยังมีคนที่ผมไม่อยากพบเจออยู่ 


       ผมพูดอธิบายเกลี้ยกล่อมจนทุกคนยอมรับ แต่จินก็ยังตื๊อจะไปหน้างานให้ได้ จนผมอ่อนใจยอมลงให้ในที่สุด


       พอไปถึงงานก็เห็นชายหนุ่มในชุดเจ้าบ่าวยืนคู่กับพี่ทาร์ตในชุดเจ้าสาว พี่ทาร์ตที่เห็นผมก็ทักทายด้วยอาการดีใจ


       "ทอยยอมมาจริงๆด้วย ขอบคุณที่มานะ!"


       "ไม่หรอกครับ ผมต่างหากที่ต้องแสดงความยินดีกับพี่ด้วย"ผมพูดตอบก่อนหันไปมองทางเจ้าบ่าวที่ยืนเงียบอยู่ พี่ทาร์ตคล้ายรู้สึกตัวจึงหันมาแนะนำ


       "นี่ เมศ เจ้าบ่าวสุดหล่อของพี่เอง ส่วนนี่ทอย น้องชายฉันเอง"ผมนิ่งไปเล็กน้อยกับคำแนะนำของพี่ทาร์ต ทางเจ้าบ่าวของพี่ทาร์ตก็หันมาทักทายด้วยสีหน้าราบเรียบ


       "สวัสดี"


       "สวัสดีครับ"ผมทักทายกลับ ประเมินจากการการทักทายสั้นๆที่ดูเป็นทางการ อีกฝ่ายคงเป็นนักธุรกิจ บวกกับฐานะเจ้าของโรงแรม ชีวิตพี่ทาร์ตหลังจากนี้คงสุขสบาย


       "ทอยจ๊ะ สองคนด้านหลังนั่น...เพื่อนเหรอ?"พี่ทาร์ตพูดทักผมเลยนึกได้ว่าซิตซ์กับจินตามมาด้วย แต่ยังไม่ทันแนะนำอะไร จินกับซิตซ์ก็ก้าวออกไปทักทายพี่ทาร์ตก่อน


       "สวัสดีครับ ผมจิน ยินดีด้วยนะครับสำหรับงานแต่ง!"


       "ซิตซ์ครับ ยินดีด้วยนะครับ ขอให้มีความสุขมากๆ"


       ผมเบิกตาเมื่อไม่เคยเห็นทั้งคู่ดู 'สุภาพ' ขนาดนี้มาก่อน จินที่ปกติจะมีท่าทีเอาแต่ใจ ขี้อ้อน และงอแงเป็นเด็กๆ กลับดูสุภาพเรียบร้อย ซิตซ์เองปกติถ้าไม่ยิ้มร้ายกาจก็ทำหน้าบึ้งจนไม่กล้าเข้าใกล้ ตอนนี้ถึงจะไม่ยิ้ม แต่ก็ให้ความรู้สึกเงียบขรึมมากกว่าหยิ่งหรือไร้มารยาท


       "อะ ขอบคุณจ๊ะ"พี่ทาร์ตพูดตอบรับด้วยรอยยิ้มหวาน ตอนนี้เองที่ญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายเดินออกมาตามบ่าวสาว


       "เมศ ทาร์ต แขกมาพร้อมแล้วจ๊ะ เข้าไปด้านใน... เอ๋?"หญิงวัยกลางคนสวมชุดออกงานสีชมพูอ่อนที่เดินนำมาส่งเสียงแปลกใจ ขณะเดียวกัน ผมที่เห็นป้าอรกับลุงกตก็ยกมือไหว้ ทั้งสองเป็นพ่อแม่พี่ทาร์ต และก็ถือเป็นญาติฝ่ายแม่ของผมด้วย


       "อ้าว สรุปมาด้วยเหรอ?"ป้าอรที่วันนี้สวมชุดออกงานสีเหลืองอ่อนเอ่ยทักคล้ายประหลาดใจ แต่ก็คล้ายไม่ใส่ใจ ซึ่งท่าทีที่ดูแห้งแล้งและห่างเหินนี้ทำให้ผมได้แค่ฝืนยิ้มรับ


       "ครับ"


       "พี่อรคะ เด็กคนนี้คือ?"ญาติฝ่ายเจ้าบ่าวคนหนึ่งส่งเสียงถามด้วยความสงสัย


       "อ๋อ หลานห่างๆน่ะค่ะ รุ่นเดียวกับตาแท็งค์ ทำงานอยู่ต่างจังหวัด ปกติไม่ค่อยได้กลับมา พี่นพจะไม่เคยเห็นก็ไม่แปลกค่ะ"


       "อ้อ ถึงว่าพี่ไม่คุ้นเลย แล้วนี่ทำงานอะไรจ๊ะ?"


       อีกฝ่ายออกปากถาม ซึ่งคำถามนี้เหมือนถามตามมารยาทมากกว่านึกสงสัยจริงจัง ผมยกมือไหว้รอบนึง ใจคิดจะตอบปัดๆไป แต่ป้าอรกลับแทรกขึ้นก่อน


       "ได้ยินว่าเป็นนักเขียนน่ะค่ะ เด็กคนนี้น่ะ ตอนแรกก็เรียนพวกกฎหมายและเป็นถึงว่าที่ทนายแท้ๆ แต่อยู่ดีๆก็ทิ้งความก้าวหน้าแล้วไปเป็นนักคงนักเขียนอะไรก็ไม่รู้! ยังดีที่พอทำเงินได้บ้าง"พูดถึงตรงนี้ก็หันมามองผมด้วยสีหน้าไม่พอใจ "ว่าแต่เธอนี่ก็จริงๆเลย ไม่บอกก่อนว่าจะมา ตอนนี้โต๊ะด้านในเต็มหมดแล้ว จะทำยังไงล่ะทีนี้"


       โต๊ะเต็มหมดแล้ว...หมายความว่าไม่มีที่สำหรับผมสินะ?


       "พี่อรคะ ให้น้องเขามานั่งกับพวกเราก็ได้นี่คะ?"ผู้หญิงชุดชมพูพยายามพูดไกล่เกลี่ยให้ แต่ผมอยากบอกอีกฝ่ายว่าไม่ต้องหรอก เพราะที่จริงผมก็คาดหวังเหตุการณ์แบบนี้เอาไว้แต่แรก และเพราะอย่างนั้นผมถึงไม่อยากพาพวกซิตซ์มาด้วย...


       "ขอโทษด้วยนะครับ แต่ไม่ต้องเตรียมโต๊ะอะไรให้หรอกครับ เพราะทอยคงอยู่ร่วมงานเลี้ยงไม่ได้ ความจริงพวกเรายังมีงานเลี้ยงที่ต้องไปอีก พอดีว่าทอยเขาบอกว่าญาติบังเอิญจัดงานแต่งที่โรงแรมพวกเราเลยแวะมาทักทาย ถ้ายังไงก็ขอตัวก่อนนะครับ"จินที่ก้าวมายืนคั่นระหว่างผมกับป้าอรพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มสดใส ระหว่างที่ผมแปลกใจกับสิ่งที่ได้ยิน ซิตซ์ที่ก้าวมาอยู่ด้านข้างก็ลอบกุมมือผมไว้ ซึ่งผมแอบเห็นว่ามืออีกข้างของอีกฝ่ายกำหมัดไว้แน่นคล้ายกำลังอดกลั้น


       "อ๊ะ จริงเหรอจ๊ะทอย?"พี่ทาร์ตถามด้วยท่าทางตกใจ ผมรู้ดีว่าตอนนี้ไม่ควรหักหน้าจินเลยพูดโกหกออกไปอย่างที่ทำไม่บ่อย


       "ครับ"


       ป้าอรที่ได้ยินจินพูดทำหน้าตกใจ ก่อนจะแค่นเสียงประชดประชันว่า


       "เฮอะ งานเลี้ยงอะไรจะสำคัญกว่างานแต่งญาติอีก?"


       ผมเม้มปากเพราะไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร และก็เป็นจินอีกที่แต่งเรื่องต่อ


       "ที่จริงพวกเราก็รู้สึกไม่ดีนะครับที่งานมันมาชนกันแบบนี้ แต่งานนี้เลื่อนไม่ได้จริงๆ แล้วทอยก็เป็นตัวหลักของงานด้วย วันนี้พวกเรามีนัดคุยเกี่ยวกับโปรเจ็คที่จะเอานิยายของเขามาสร้างเป็นอนิเมชั่นน่ะครับ ทีนี้เรื่องนี้ต้องมีการคุยรายละเอียดกันอีกยาว ทั้งยังต้องตกลงเรื่องค่าสัญญา ค่าลิขสิทธิ์อีก เพราะงั้นงานนี้ขาดทอยไม่ได้จริงๆครับ"


       "ว้าว! นิยายที่ทอยเขียนจะได้ทำเป็นอนิเมชั่นเหรอคะ? นั่นมันยอดไปเลย!"พี่ทาร์ตอุทานอย่างตื่นเต้น ก่อนจะส่งยิ้มให้ผม "ยินดีด้วยนะจ๊ะทอย!"


       "...ขอบคุณครับ"ผมเค้นคำขอบคุณออกมาอย่างยากลำบากเมื่อคำโกหกนี้ดูจะใหญ่โตไปสักหน่อย แต่ยังไม่จบเมื่อจินยังพูดต่อด้วยท่าทีเสียดาย


       "อันที่จริงถ้ารู้ก่อนหน้านี้สักอาทิตย์ก็ยังพอเลื่อนงานเลี้ยงได้ เฮ้อ ถ้ายังไงก็ขอโทษด้วยจริงๆนะครับที่ต้องพาตัวทอยไป"


       "ไม่เป็นไรจ๊ะ ยังไงก็ฝากทอยด้วยนะจ๊ะ"พี่ทาร์ตผู้เป็นเจ้าของงานว่าแบบนั้น ป้าอรที่ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรเลยเงียบเสียงลง


       "ครับ พวกผมจะดูแลทอยเอง"จินพูดตอบรับเสียงหนักแน่น ก่อนจะหันมาพูดกับผม "ไปกันเถอะทอย"


       ผมนิ่งอึ้ง เมื่อเหมือนทุกอย่างได้จบลงโดยที่ผมแทบไม่ได้ทำอะไรเลย และเพราะผมยังยืนนิ่งอยู่กับที่เลยถูกซิตซ์ดึงมือให้เดินตามไป ผมก้าวไปตามแรงดึงได้สองสามก้าวก็หยุดชะงัก ก่อนหันไปหาพี่ทาร์ตที่วันนี้สวมชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์ ซึ่งมันคงจริงที่เขาว่ากันว่าผู้หญิงจะสวยที่สุดก็วันแต่งงาน


       "พี่ทาร์ต ...ยินดีด้วยนะครับ"ผมเอ่ยแสดงความยินดีอีกครั้ง โดยครั้งนี้ผมหมายความตามคำพูดจริงๆ


       "ขอบคุณจ๊ะ"พี่ทาร์ตส่งรอยยิ้มอ่อนโยนมาให้ ซึ่งผมโค้งศีรษะให้เล็กน้อยก่อนหมุนตัวเดินจากมา


       พอลงมาถึงชั้นจอดรถ ทั้งจินทั้งซิตซ์ต่างระเบิดอารมณ์กันยกใหญ่


       "นั่นมันอะไรน่ะ? นั่นเป็นคำพูดที่คนเป็นญาติสมควรพูดงั้นเหรอ?!"จินส่งเสียงโวยวายด้วยสีหน้าหงุดหงิด สลัดคราบความสุภาพเรียบร้อยทิ้งจนไม่เหลือ ฝั่งซิตซ์ก็มีสีหน้าบึ้งตึง น้ำเสียงที่พูดกดต่ำอย่างน่าสยอง


       "ฉันบอกนายแล้วว่าอย่ามา ญาติพรรค์นั้นไม่ต้องเจอกันอีกได้เป็นดีที่สุด"


       "ที่ฉันมาเพราะพี่ทาร์ต... ไม่ต้องห่วง ฉันไม่กลับไปอีกแล้วล่ะ"ผมพูดออกปากอย่างเข้าใจความหวังดีของซิตซ์ และก็เข้าใจที่จินเป็นห่วง ซึ่งผมก็อยากขอบคุณทั้งคู่ เพราะถ้าเมื่อกี้ทั้งสองคนไม่อยู่...ผมเองก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน


       "จิน ซิตซ์ ฉัน..."


       "ทอย?"


       เสียงเรียกที่ไม่คุ้นเคยดังขัดคำพูด และพอผมหันไปเห็นต้นเสียงก็ต้องตัวแข็งทื่อ


       "...แท็งค์"


       

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×