ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พรางรัก ลวงใจ (ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์สมาร์ทบุ๊ค)

    ลำดับตอนที่ #14 : ห้วงรัก(รีไรท์)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.38K
      5
      16 ก.พ. 52

    ตอนที่ 14  ห้วงรัก
            งานเลี้ยงฉลองสมรสจัดขึ้นในตอนกลางวัน  แด่แขกผู้มีเกียรติ  และพระบรมวงสานุวงศ์ ตลอดจนข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ที่ได้รับเชิญมาร่วมในงาน  เลี้ยงฉลองวันอภิเษกสมรส  ภายในตึกทาร์มารา  ซึ่งจัดประดับตกแต่งห้องจัดเลี้ยง  อย่างงดงามอลังการ ด้วยดอกกุหลาบสีชมพูหวานทุกจุด  กลิ่นกุหลาบอ่อนๆหอมกรุ่นไปทั่วห้องโถงกว้างนั้น  วงดนตรีบรรเลงเพลงรัก  หวานซึ้งขับกล่อมอยู่ตลอดเวลา  แขกผู้ใหญ่จากเมืองไทยได้รับเชิญ  ให้นั่งร่วมโต๊ะเสวย  พระกระยาหารกับ สมเด็จเจ้านาดิฟ  โดยมีพลเอกการุณวงศ์ บิดาของเจ้าบ่าว  และผู้บัญชาการทหารบกจากประเทศไทย  อีกทั้งผู้บังคับบัญชา หน่วยสงครามพิเศษ  ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของผู้พันศรัณย์ 
           องค์หญิงทรงเปลี่ยน ฉลององค์มาเป็นชุดผ้าไหมสีงาช้าง พระเกศารวบขึ้นสูงเป็นมวยพับไว้  เผยให้เห็นวงพระพักตร์ที่ทรงพระสิริโฉม  พันเอกศรัณย์อยู่ในทักสิโดสีเข้ม  ทำให้เขาดูหล่อสมาร์ตคมสัน  สง่างาม  คู่บ่าวสาวถูกเชิญให้ตัดเค้ก ที่ถูกตั้งไว้บนโต๊ะตัวสูง  ที่ถูกประดับด้วยซุ้มกุหลาบสีชมพู  มีบันไดที่ถูกลาดด้วยพรมสีแดง  ให้คู่บ่าวสาวได้เดินขึ้นไปตัดเค้ก  ซึ่งสูงถึงแปดชั้น  เจ้าบ่าวประคองเจ้าสาวแสนสวย เดินขึ้นบันได ฝ่ายพิธีถวายกระบี่สำหรับตัดเค๊ก เพลงบรรเลง wedding march  ซึ่งทำให้บรรยากาศของงาน อบอวล ด้วยกลิ่นอายของความสุข  องค์หญิงรายาทรงหันพระพักตร์ มาสบพระเนตรกับพันเอกศรัณย์น้อย สายตาของเขาที่มองมาสบพระเนตรงาม หวานระยิบระยับ แทนคำพูดในหัวใจ ทรงจับพระหัตถ์ของพระสวามี ทรงสะเทิ้นน้อยๆ เมื่อเห็นแววตาที่จับจ้องพระพักตร์ของเขา พระปรางบ่มแดงเข้มขึ้น  เขากดกระบี่ลงไปบนเนื้อเค้ก  เสียงปรบมือดังขึ้น กราวใหญ่จากแขกผู้มีเกียรติ  และบรรดาพระบรมวงศ์สานุวงศ์ ที่มาร่วมงาน
          เมื่อทรงทรงตัดเค้ก และในจานเล็กพอเป็นพิธีแล้ว พระสวามีทรงก้มลงกระซิบ ที่ข้างพระกรรณ   " รายา.....วันนี้เป็นวันที่ผม มีความสุขมากที่สุดในชีวิตเลยนะ ขณะนี้ผมรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในความฝัน  ผมไม่ได้ฝันอยู่ใช่มั้ย  ? "
    องค์หญิงรายา ทรงมีพระปรางเข้มขึ้น  แล้วรับสั่งเบาๆ แย้มพระสรวลน้อยๆ  ดวงพระเนตรทรงเป็นประกายระยิบระยับฉาบหวาน  รับสั่งตอบเบาๆ
          " ค่ะ...เหมือนฝัน ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็ว จนเหมือนความฝัน  แต่ก็ไม่ใช่ความฝันค่ะ "  รับสั่งแล้วแย้มสรวลกับพระสวามี สายพระเนตรที่ทอดมองพระพักตร์ของ พระสวามีหวานซึ้ง จนเรียกเสียงปรบมือจากแขกผู้มาร่วมงาน  ซึ่งสายตาทุกคู่กำลัง จับจ้องมองมาที่คู่บ่าวสาว
         “ บอกผมได้มั้ยครับรายา ว่าตอนนี้คุณรู้สึกยังไง “
         “  หญิงก็รู้สึกเหมือนคุณค่ะ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเหมือนฝัน “ รับสั่งกระซิบพร้อมกับ รอยสรวลในสายพระเนตร ที่ทรงขวยเขินนัก       
    และที่โต๊ะเสวย ที่สมเด็จเจ้านาดิฟ  ทรงประทับใกล้กับพลเอกการุณวงศ์  บิดาของพันเอกศรัณย์พระชามาดา  ทรงมีพระกระแสรับสั่ง กับท่านนายพล
         " ท่านนายพล  ฉันดีใจนะที่ได้ลูกชายของคุณ มาเป็นลูกเขย  เขาเป็นคนที่พูดอะไร ตรงไปตรงมาดี ฉันชอบ "
         " เป็นพระมหากรุณาธิคุณ ล้นเกล้าล้นกระหม่อม กับครอบครัวของข้าพระพุทธเจ้าและลูก อย่างหาที่สุดมิได้พระเจ้าค่ะ  "  ท่านนายพลบิดาของพันเอก ศรัณย์กราบบังคมทูล
         " ฉันต่างหาก ที่ต้องขอบใจลูกของท่าน ที่ช่วยชีวิตลูกหญิงไว้ และยังยอมแต่งงาน กับลูกสาวของฉันด้วย  ถึงแม้จะแต่งกันตามกฎ  ซึ่งรู้กันเป็นการภายในเท่านั้น  แต่ผู้พันลูกชายของคุณ ก็ไม่ทำให้ฉันต้องผิดหวังเลย เขาสุภาพอ่อนน้อม แต่ก็เข้มแข็งอย่างชายชาติอาชาไนย  สักวันหนึ่ง...เขาทั้งคู่อาจจะเกิดความรัก ที่แท้จริงให้แก่กันก็ได้นะท่านนายพล ฉันหวังไว้อย่างนั้น "  สมเด็จเจ้านาดิฟ ตรัสถึงผู้พันศรัณย์  อย่างทรงชื่นชม
         " พระอาญาไม่พ้นเกล้า ข้าพระพุทธเจ้าขอกราบบังคมทูล ตามที่ลูกชายของข้าพระพุทธเจ้านั้น  ได้เปิดใจกับข้าพระพุทธเจ้าว่า เขารักองค์หญิงรายา เขาพูดเป็นทำนองว่า เป็นรักแรกพบของเขาพระเจ้าค่ะ  เขาเป็นคนที่ชอบผู้หญิงเก่ง  เกล้าหม่อมฉันรู้จักนิสัยของเขาดีพระเจ้าค่ะ  " ท่านนายพลกราบบังคมทูล แล้วยิ้มน้อยๆ  อย่างภาคภูมิใจ
         " ถ้าเป็นไปอย่างนั้นได้  ฉันก็สบายใจขึ้นนะท่านนายพล  อืม....ข่าวงานอภิเษกสมรสครั้งนี้  ดังไปทั่วโลกเชียวหรือท่านนายพล  ฉันเห็นมีช่างภาพจากซีเอ็นเอ็น จากรอยเตอร์ เข้ามาขอทำข่าว แล้วก็สำนักข่าว ที่ไหนต่อที่ไหนมากมาย ทั้งๆที่เราก็ไม่ได้เปิดเผย เรื่องการอภิเษกนี้กับสาธารณชนมากนัก  "  สมเด็จเจ้านาดิฟ มีพระราชดำรัสเหมือนจะทรงมีพระปรารภ  กับท่านนายพลการุณวงศ์ บิดาของพันเอก ศรัณย์ 
         " พระเจ้าค่ะ....ข่าวดังไปทั่วโลก  ด้วยการสื่อสารสมัยนี้ ที่ทันสมัยรวดเร็วมากพระเจ้าค่ะ  และเพราะพระองค์หญิงรายา ทรงเป็นองค์หญิงนักรบ นักพัฒนาที่ทั่วโลกกำลังสนใจ จับตามองพระองค์อยู่ด้วยพระเจ้าค่ะ  และเมื่อวานนี้ทางยูเอ็น ก็ยังประกาศยกย่องกับสื่อมวลชนทั่วโลก ให้ทรงเป็นเจ้าหญิงนักรบ จึงทำให้ทั่วโลกให้ความสนใจในพระองค์เป็นอย่างมาก และทำให้ข่าวการอภิเษกสมรส  ที่ดูเหมือนไม่เปิดเผยด้วยอย่างนี้ ก็ยิ่งเป็นที่สนใจให้ทั่วโลกใคร่รู้ มากขึ้นพระเจ้าค่ะ " 
         " ฉันเองนั้นต้องการจะจัดงาน ให้สมพระเกียรติ  เชิญผู้นำมิตรประเทศ มาร่วมงานด้วย แต่ลูกหญิงก็ไม่ทรงยอม บอกว่าบ้านเมืองไม่สงบ  ไม่อยากให้ทหารต้องเดือดร้อน  มารักษาความปลอดภัยยุ่งยาก  ก็เลยต้องตามพระทัย เพราะทุกวันนี้หญิงรายา ก็เป็นผู้สำเร็จราชการแทนฉันอยู่แล้ว  เขาเห็นสมควรอย่างไร  ฉันก็เลยต้องแล้วแต่วิจารณญาณของเขา "  สมเด็จเจ้านาดิฟ มีพระราชดำรัส ด้วยพระพักตร์ที่ทรงพระเกษมสำราญ พร้อมทั้งเริ่มมีพระอาการเหนื่อยอย่างเห็นได้ชัด  หม่อมอองสาพระชายา  ซึ่งนั่งร่วมโต๊ะเสวยด้วย  ทรงเห็นพระอาการ ก็รับสั่งขัดจังหวะขึ้น 
         " ขอประทานอภัยเพคะเสด็จ  หม่อมฉันขอขัดจังหวะสักครู่ ฝ่าบาทเพคะ....น้องว่าเสด็จเข้าข้างใน  ทรงพักพระอิริยาบถก่อนเถอะเพคะ  หม่อมฉันเห็นว่าฝ่าบาท ทรงเหนื่อยมากแล้วนะเพคะ " 
        " ก็ดีเหมือนกัน  รู้สึกเหนื่อยมากเหลือเกิน คงต้องขอโทษท่านนายพล และทุกๆคนด้วยนะ ที่ไม่มีเวลาต้อนรับได้เต็มที่ สุขภาพฉันยังไม่อำนวยนัก ถ้ามีโอกาสก็ขอเชิญท่านนายพล และครอบครัว มาเยี่ยมเยียนที่สวาติตินี่บ้างนะ ฉันจะยินดีมากเชียว  อย่าได้เกรงอก เกรงใจอะไรมาได้ทุกเมื่อ  เพราะเราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว “ รับสั่งจบแล้วทรงหันพระพักตร์ มาทางพระชายาอองสา  “ หม่อมไปทูลเชิญลูกหญิง และผู้พันมาหาฉันหน่อย  " 
          หม่อมอองสารทรงให้ข้าหลวง  ไปทูลเชิญองค์หญิงรายา และผู้พันศรัณย์มาเข้าเฝ้า ผู้พันเดินจูงพระหัตถ์เจ้าหญิงเข้ามาที่โต๊ะเสวย  องค์หญิงและผู้พันศรัณย์ทรงย่อองค์ลง  และทรงใช้พระชาณุ ประทับลงข้างพระเก้าอี้  สมเด็จเจ้านาดิฟ ทรงจับพระหัตถ์พระราชธิดา และพระชามาดามาไว้ในพระหัตถ์  ทรงมีพระบรมราโชวาทแก่พระราชธิดาและพระชามาดา
         " พ่ออยากจะกล่าวกับลูกทั้งสอง ก่อนที่จะกลับ พ่อจะบอกกับผู้พันนะ....ว่าพ่อดีใจ ที่ได้ผู้พันมาเป็นลูกด้วยอีกคนหนึ่ง  พ่อขอให้รักลูกสาวของพ่อให้มากๆ  ถ้าเขาดื้อก็ค่อยๆสอน ค่อยๆพูดกัน หญิงรายาเขาชอบคนพูดดีๆ ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันนะลูก และหญิงก็เหมือนกัน ต้องเชื่อฟังพระสวามี ตามจารีตประเพณีของเรา อย่าเอาแต่พระหทัยองค์เองนัก ต้องทรงรักและดูแลปรนนิบัติ พระสวามีให้ดีนะลูก ถึงจะทรงมีภารกิจอื่นสำคัญแค่ไหน  ก็ต้องใส่พระหทัย ดูแลพระสวามีให้ดีก่อนเพราะ เป็นหน้าที่ของภรรยาที่ดี และพ่อขอฝากสวาติติและราษฎรไว้แก่ลูกทั้งสองคนด้วยนะ พ่อขออวยพรให้ลูกทั้งสองมีความสุข  ในชีวิตสมรสมากๆ  มีพระนัดดาให้พ่อได้อุ้มเร็วๆนะลูก  พ่อแก่แล้วสุขภาพก็ไม่ดี  อยากเห็นหลานนะ  พ่อบอกแค่นี้แหล่ะลูก พ่อรู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน  คงต้องขอตัวกลับก่อน  " 
    สมเด็จเจ้านาดิฟ มีสีพระพักตร์ซีดเซียวลง และหอบน้อยๆอย่างเห็นได้ชัด  ทั้งสองก้มลงกราบองค์สมเด็จเจ้านาดิฟ  พระองค์หญิงทรงจุมพิต พระปรางทั้งสองข้างของสมเด็จท่าน สมเด็จเจ้าทรงโอบกอดพระราชธิดา  และทอดพระเนตรมองพระพักตร์  แย้มพระสรวลน้อยๆ พร้อมกับมีพระราชกระแส “ วันนี้ลูกสวยมากนะรายา  พ่อภูมิใจในตัวลูกมาก “ องค์หญิงทรงกราบลงที่พระอุระ ของพระชนกอีกครั้ง คู่บ่าวสาวลุกขึ้น
          พลเอกการุณวงศ์ลุกขึ้นยืน และทำท่าจะนั่งลงที่พื้น  แต่องค์หญิงทรงรับสั่ง ให้ท่านนั่งอยู่ที่เดิม และไม่ให้ท่านหมอบกราบพระองค์  ท่านการุณวงศ์ ได้ถือโอกาสนำของขวัญ ที่เตรียมมาถวายแก่องค์หญิง และกราบทูล 
          " องค์หญิงรายา ต่อไปนี้พ่อมีลูกหญิงที่เปรียบเสมือน  ลูกของพ่ออีกคนหนึ่ง คุณหญิงแม่ของ ศรัณย์  อยากมางานนี้มาก คุณหญิงตื่นเต้น อยากเห็นลูกสะใภ้เหลือเกิน  ดูรูปในหนังสือพิมพ์  ชมแต่ว่าทรงพระสิริโฉมมาก คุณหญิงเขาปลื้มปิติ  แต่ก็ทราบเรื่องงานอภิเษกนี้กะทันหันมาก คุณหญิงต้องไปรับรางวัลสตรีนักธุรกิจดีเด่นของเอเซีย ที่ญี่ปุ่นพอดี จะส่งใครไปแทนก็ไม่ได้เสียด้วย  แต่บอกพ่อว่าจะต้องมาหาลูกแน่ๆ  ส่วนน้องสาวของศรัณย์ ก็ต้องติดตามไปกับคุณหญิงด้วย เพราะคุณหญิงน่ะสุขภาพไม่ค่อยดีนัก รายนี้เขายิ่งดีใจมากเลย  คุยฟุ้งไปทั่ว  บอกให้พ่อถ่ายรูปมาให้ดูเยอะๆ  อยากเห็นองค์หญิงเหลือเกิน   เร็วๆนี้คงได้พบกันแน่ๆ  และแม่กับพ่อก็ขอถวายเครื่องเพชร  ที่เป็นของต้นตระกูลของเรา  ถึงจะไม่มีค่ามากมายอะไร  แต่ก็เป็นของเก่าแก่ที่ตกทอดกันมา ขอให้ลูกรับไว้ คิดว่าเป็นของขวัญจากพ่อและแม่ ก็แล้วกันนะลูก อย่าถือว่าเป็นสินสอดเลย  "  องค์หญิงทรงรับกล่องกำมะหยี่สีแดงกล่องใหญ่ จากท่านนายพล  และก้มลงกราบที่ตักของท่านนายพล  บิดาของพระสวามี
          " หญิงกราบขอบพระคุณ คุณพ่อ คุณแม่มากค่ะที่กรุณา "
          " พระองค์หญิง.....พ่อคงต้องฝากศรัณย์ไว้กับลูกที่นี่นะ ดูแลเขาด้วย รักกันให้มากๆนะลูก  และถ้ามีโอกาสก็ไปเมืองไทยบ้าง  พ่อกับแม่จะรอรับเสด็จนะ  แล้วก็มีพระนัดดาให้พ่ออุ้มเร็วๆนะ ถ้ามีข่าวดีรีบโทรไปบอกพ่อแม่เลยนะลูก พ่อกับแม่อยากอุ้มหลาน  " 
         คำกล่าวของท่านนายพลมีผลให้องค์หญิงรายา พระปรางเป็นสีชมพูเข้มขึ้นทันที  ผู้พันพระสวามีมองหน้าเธอแล้วยิ้ม สายตาวิบวับของเขาเหมือนจะล้อเลียน  จนองค์หญิงต้องก้มพระพักตร์ลงน้อยๆ  ผู้บัญชาการทหาร ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาการทหารสูงสุด  ถือโอกาสอวยพร ในโอกาสที่เป็นตัวแทนของรัฐบาลไทย  ถวายของขวัญในวันแต่งงานด้วย
    พระชายาทรงโดยเสด็จสมเด็จเจ้านาดิฟ   พระราชดำเนินขึ้นรถพระที่นั่ง  กลับพระบรมมหาราชวัง งานเลี้ยงยังคงดำเนินต่อไป เจ้าหญิงทรงมีพระสหายที่จากเมืองไทย  มาร่วมงานด้วยหลายคน เช่นเดียวกับเพื่อนนายทหารของพันเอกศรัณย์  ก็มาร่วมแสดงความยินดีด้วยหลายคน  เมื่อทุกคนเห็นว่า สมเด็จเจ้านาดิฟ เสด็จพระราชดำเนินกลับแล้ว ก็สนุกสนานครื้นเครง กันอย่างเต็มที พระสหายขององค์หญิง รีบดึงเจ้าสาวมาที่โต๊ะทันที 
          "  หญิง......ถามจริงๆเถอะ ทำไมพบรักกัน และแต่งงานกันอย่างกับสายฟ้าแลบแบบนี้  หนังสือพิมพ์ทั้งไทยทั้งเทศ  ลงข่าวกันครึกโครม เกรียวกราว ไปทั่วโลกเลยนะ  รูปหญิงกับผู้พันกระจายไปทั่วทั้งโลก โลกไซเบอร์ด้วยนะ  ใครๆก็อยากเห็นหญิงกับผู้พันมากๆเลย  หนังสือพิมพ์พาดหัวคล้ายๆกันว่า  " เจ้าหญิงนักรบแห่งสวาติติ  ที่ทรงถือเอ็มสิบหก ต่อสู้กับราชาเฮโรอีน ทรงพบรักแบบสายฟ้าแลบ กับผู้พันหนุ่มแห่งกองทัพไทย และจะมีพิธีอภิเษกกันโดยเร็วที่สุด  ในเว็บไซด์ก็ลงรูปหญิงถือปืนเอ็ม16 แล้วก็รูปผู้พันด้วยนะ ฉันดูเมื่อวานนี้ "  เพื่อนหญิงถามด้วยน้ำเสียงที่อยากรู้จริงๆ
         " ก็คงเป็นรักแรกพบน่ะจ๊ะ เห็นหน้าปุ๊บก็รักปั๊บเลย กามเทพเล่นตลกน่ะจ๊ะ " องค์หญิงรับสั่งอย่างทรงมีพระอารมณ์ขัน  พร้อมทั้งพระสรวลน้อยๆ
         " ไม่อยากเชื่อเลยหญิง มีเรื่องการเมืองมาเกี่ยวข้อง ด้วยหรือเปล่าถามจริงๆ ? "  เพื่อนสาวอีกคนทำเสียงกระซิบ 
         " ไม่มีหรอกจ๊ะ...หญิงเคยพบผู้พันมาก่อน ที่ท่านจะมาที่นี่เสียอีก ไม่ใช่สายฟ้าแลบสักหน่อย แล้วอีกอย่างหนึ่งนะหญิงแก่แล้วนี่จ๊ะ พอมีคนมาขอแต่งงาน ก็เลยรีบรับปากทันที กลัวขึ้นคานน่ะจ๊ะ " องค์หญิงรับสั่งแล้วทรงพระสรวล
         " หญิง.......อย่างหญิงน่ะหรือจ๊ะจะขึ้นคาน ว่าแต่งานนี้คงต้องมีเจ้าชายหนุ่ม อกหักเป็นแน่  แล้วดูสิ....เจ้าชายพระองค์นั้นน่ะ ประทับนั่งอยู่โน่นแน่ะ พระพักตร์เหมือนอย่างกับ แบกโลกไว้ทั้งโลกเลยดูสิ  "  เพื่อนสาวอีกบุ้ยใบ้ให้ดูเจ้าชายอิงภู  ซึ่งประทับนั่งใกล้กับองค์หญิงเตรานี  สีพระพักตร์เรียบเฉย สายพระเนตรเศร้าสร้อยเป็นทุกข์  ซึ่งมีองค์หญิงเตรานี ทรงถวายการดูแล และทรงมีปฏิสันถารอย่างใกล้ชิดด้วย ทรงรู้ว่าเจ้าชายนั้นกำลังทรงโทมนัสมากมายนัก
         องค์หญิงรายาทอดพระเนตร  มองไปที่องค์ชายอิงภู เห็นสีพระพักตร์ของพระองค์ ที่ทรงซึมเศร้า  อย่างทรงรู้สึกเห็นพระหทัย  ทรงรู้ว่าท่านคงโทมนัสนัก พระหทัยของพระองค์หญิงสลดวูบลงทันที  ทรงรู้ดีว่าถ้าพระองค์ทรงรับหมั้น กับองค์ชายอิงภู  และอภิเษกสมรสกับท่านเสียแต่แรก  เหตุการณ์ในวันนี้ ก็อาจจะไม่เกิดขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างก็คงลงตัว ไร้ข้อครหา แต่เพราะพระองค์เอง  ที่สงสารเจ้าหญิงเตรานี ซึ่งทรงหลงรักองค์ชายอิงภู  มาตั้งแต่ทรงแรกรุ่น และทรงสนิทเสน่หามากขึ้นตามวัย และความที่ทรงดื้อดึงถือดี ไม่ทรงต้องการให้ใครมาบังคับ จึงทรงตัดสินพระทัยปฏิเสธ  การขออภิเษกในครั้งนั้น ด้วยเหตุผลว่ายังไม่ทรงพร้อม  และก็บ่ายเบี่ยงกับพระองค์ตลอดมา  
         แต่ก็ทรงถามพระองค์เองเสมอว่า  ทรงรักองค์ชายอิงภูหรือไม่ ทรงพยายามหาคำตอบจากคำว่ารัก  และทรงต้องการรู้ว่ารักนั้น จะมีความรู้สึกเช่นไรกัน  แต่ก็ทรงพบคำตอบให้องค์เองได้แต่เพียงว่า ในพระหทัยของพระองค์มีความรู้สึกผูกพัน กับเจ้าพี่อิงภู  เหมือนพี่ชายที่แสนดีเสียมากกว่า  และก็ทรงแน่พระทัยว่าไม่ได้ทรงหลอกตัวเอง  แต่เมื่อทรงมาพบผู้พันศรัณย์  ครั้งแรกที่ได้พบกับเขา  ทรงรู้สึกประหม่า เขินอาย พระทัยเต้นแรงจนต้องทรงใช้ความพยายาม ระงับความตื่นเต้น  เมื่อทรงรู้ว่าเขาลอบมองพระองค์  และคืนนั้นคืนที่ได้พบกับเขาเป็นครั้งแรก  ก็ยังทรงเห็นหน้าเขาก่อนที่จะทรงบรรทมหลับ  เหมือนกับว่าทรงอยู่ในวัยแรกรุ่น  ที่ได้ทรงพบบุรุษเพศที่ทำให้รู้สึกประทับพระหทัย  ตั้งแต่แรกพบ  เขาทำให้ทรงมีความรู้สึก ที่ไม่เคยทรงเกิดขึ้นในพระทัย ตั้งแต่วันแรกที่พบกัน  นี่ใช่มั้ย.....ความรู้สึกที่เรียกว่ารัก ทรงถามพระองค์เองอยู่ในพระหทัย 
         " หญิง....เป็นอะไรไปจ๊ะ เหม่อเชียว สงสารองค์ชายอิงภูละสิ “
         “ อื้อ....เปล่าจ๊ะ  คิดอะไรเพลินไปหน่อย ก็พวกเธอเล่าเรื่อง ที่ฉันเป็นข่าวนี่จ๊ะ ก็เลยนึกเห็นภาพน่ะ  “ ทรงแก้ตัว กลบเกลื่อนกับพระสหาย
         “ หญิงรู้หรือเปล่าผู้พันศรัณย์น่ะ เขาเป็นนายทหารหนุ่มเนื้อหอม ของสังคมไฮโซเมืองไทยเชียวนะ พ่อก็เป็นถึงนายพล คุณแม่ก็เป็นคุณหญิงนักธุรกิจคนดังเชียวนะ รู้สึกว่าจะทำธุรกิจเกี่ยวกับ เครื่องคอมพิวเตอร์ที่กำลังรวยมหาศาล เป็นตระกูลที่ตอนนี้ติดระดับไฮโซเลยจ๊ะ มีผู้หญิงไล่จับเขา เยอะแยะไปหมด ทั้งระดับไฮโซ  ไฮซ้อ มีทั้งดารา นางแบบเลยนะ  แต่เขาก็ไม่ยอมตกร่อง ปล่องชิ้นกับใคร  รักษาความโสดมาตลอด  เหมือนจะรู้ล่วงหน้าว่าจะได้มาพบ เจ้าหญิงแสนสวยองค์นี้  "  วันเพ็ญพระสหายสาว กระซิบเล่าถวายองค์หญิง
          ลุ้ย...พระสหายอีกคนชิงเอ่ยขึ้นมาบ้าง  " เออ....ฉันเคยเห็นชื่อเขา ในหน้าหนังสือพิมพ์นะ ในคอลัมน์ซุบซิบคนดังสังคมไฮโซด้วยละ ก็รูปหล่อพ่อแม่มีตังค์  เขามีข่าวลงคอลัมน์ซุบซิบ กับลูกคุณหญิงคนโน้น  ลูกสาวคุณหญิงคนนี้อยู่บ่อยๆ และฉันยังเห็นรูปอดีตแฟนเขาด้วยนะ  ชื่อคุณศรีเจิดน่ะ รู้สึกว่าจะเป็นลูกคุณหญิงแสงแข  แล้วแม่คุณคนนี้น่ะนะ ทั้งสวยทั้งเปรี้ยวจี๊ดจ๊าดเลยละ  ชอบออกงานสังคม  รู้สึกว่าตอนหลังนี่ข่าวเขาว่า ผู้พันห่างออกไป  เพราะว่าผู้พันเบื่อสังคมไฮโซ  ไม่ชอบออกงานสังคมหรูหรา  ชอบชีวิตที่เรียบง่ายสมถะ  อีกอย่างหนึ่งนะเขาว่าท่านน่ะ  ต้องไปราชการบ่อยๆไม่ค่อยอยู่ติดที่ด้วย  สาวไหนๆก็คงไล่จับเขาไม่ทันหรอก แต่เขาน่ะโชคดีเป็นบ้าเลยนะ  ที่ได้มาพิชิตหัวใจเจ้าหญิงรายาเพื่อนรักของฉันเนี่ย " 
         " คงอย่างนั้นมั้งจ๊ะ "  เจ้าหญิงทรงรับคำเพื่อนสาว  มีรอยสรวลอยู่ในสีพระพักตร์น้อยๆ
          เพื่อนสาวอีกคนกล่าวเสริมขึ้น “ ฉันว่าเขาไม่ค่อยอยู่เป็นที่มากกว่า ผู้หญิงคนไหนจะมาคอยจับเขา ถ้าจะจับเขาก็คงต้องตามไป ทุกที่ที่ไปประจำการละมั้ง “
         ส่วนโต๊ะของบรรดานายทหาร  เพื่อนของพันเอกศรัณย์ที่มาจากเมืองไทย  ก็มีเรื่องเมาส์เหมือนกัน เพื่อนชายของเจ้าบ่าว กระซิบกระซาบถาม   “ เฮ้ย....ถามจริงๆวะเพื่อน นายไปปล้ำท่านหรือเปล่าวะ  ท่านเสียท่านายก็เลยต้องยอมแต่งงานด้วยน่ะ ข่าวเขาว่ามีเจ้าชาย ตั้งหลายแคว้นมาขออภิเษก ยังไม่ทรงสนพระทัยเลยนี่หว่าเพื่อน “
          พันเอกศรัณย์หัวเราะขำๆกระซิบตอบเพื่อน  “ เฮ้ย....คิดได้ไงนี่  ขืนฉันไปปล้ำท่าน ก็ถูกลูกปืนตายไปแล้วน่ะสิ  ทรงปืนแม่นอย่างกับจับวางนะวุ้ย “
         “ จะคุยว่าฝีมือก็บอกเถอะวะเพื่อน “ 
        “ ก็คงอย่างนั้นแหล่ะเพื่อน  ปั๊บปี้ เลฟ น่ะ “  พันเอกศรัณย์ตอบยิ้มๆ
        “ แหม...รุ่นนายนี่ยังมี ปั๊บปี้ เลฟ อีกหรือวะ “ เพื่อนนายทหารอีกคนกระเซ้า
         เขาก้มลงกระซิบกับ เพื่อนสนิทให้คอยกันนิตยาไว้  เมื่อเขาเห็นว่าเธอ เข้ามาในงานกับมิสเตอร์ วินสัน  ทำให้เพื่อนๆกล่าวเย้า  “ เฮ้ย.....แม่คนนี้ตามนายมาถึงที่นี่เลยหรือวะ “  
        “ก็ใช่นะสิมาทำงานกับบริษัทอีตันน่ะ เมื่อวานก็ทำให้ฉันกับองค์หญิง ทะเลาะกันไปรอบหนึ่งแล้ว  นี่ก็ยังหนักใจอยู่เลย ว่าจะมายุ่งอะไรกับฉันอีก นิตยากล้าได้กล้าเสีย และเป็นคนที่ไม่หยุดอะไรง่ายๆ เสียด้วยสิ หนักใจเป็นบ้าเลยว่ะ “  พันเอกศรัณย์กล่าวเบาๆกับเพื่อน 
        “ ก็นายไปฟันเขา แล้วทิ้งหรือเปล่าล่ะ เจ้าหล่อนถึงได้กล้าตามมาที่นี่น่ะ “  
        “ เฮ้ยเปล่านะ ฉันยังไม่ได้มีอะไรกับเธอเลย ไม่กล้าขนาดนั้นหรอก ถ้ามีคงแย่กว่านี้ว่ะ “ เขากล่าวบ่นสีหน้ากังวล
        “ ไม่ต้องห่วงเพื่อน วันนี้เดี๋ยวพวกฉันจะช่วยกันให้นายเอง แต่วันอื่นคงจะต้อง ตัวใครตัวมันแล้วละเพื่อน  “   
          บรรดาเพื่อนนายทหาร ส่งเหล้าให้เขาดื่มแกมบังคับหลายแก้ว วงดนตรีบรรเลงเพลงสากลขึ้น  ทหารราชพิธีเข้ามาทูลบอกพระสวามีว่า เป็นธรรมเนียมที่เจ้าบ่าว และเจ้าสาวจะต้องเปิดฟลอร์เต้นรำ ผู้พันศรัณย์จึงเดินมาหาองค์หญิงรายา ที่โต๊ะเพื่อนๆของพระองค์  
        " ผู้พันคะ.....นี่เพื่อนๆของหญิงค่ะ  นี่นุ้ย  นี่นัท  นี่กุ้ง  นี่วัน แล้วนี่ลุ้ยค่ะ "  องค์หญิงรายาทรงแนะนำ  บรรดาพระสหายสาวแก่พระสวามี
        " สวัสดีครับ.....ยินดี และเป็นเกียรติมากครับ ที่ได้รู้จักทุกๆท่าน "  เขากล่าวสวัสดีทุกคน ก้มศีรษะให้บรรดาสาวๆเหล่านั้นน้อยๆ
        " ถวายบังคมเพคะ พวกหม่อมฉันดีใจมากเพคะที่ได้รู้จัก รูปของพระองค์ที่ลงหนังสือพิมพ์  ฉบับเมื่อวานนี้ที่เมืองไทยน่ะเพคะ หล่อสู้ตัวจริงไม่ได้เลยเพคะ องค์จริงทรงหล่อมากกว่าตั้งเยอะ  ตอนนี้รูปของพระสวามีลงหนังสือพิมพ์ทุกฉบับเลยนะเพคะ เขาเขียนใต้รูปว่า   "  ผู้ที่พิชิตหัวใจ เจ้าหญิงนักรบแห่งราชอาณาจักรสวาติติ เพคะ "  ลุ้ยทูลเย้า 
        " หรือครับ ....ผมก็คงดังมากสินะครับ ตอนนี้  " เขากล่าวรับยิ้มๆ
        " ใช่เพคะ....หนังสือพิมพ์ต้องตามมาสัมภาษณ์ที่นี่แน่เพคะ  เตรียมพระองค์ให้ดีเถอะเพคะ  เพราะที่เมืองไทยข่าวนี้กำลังเป็นข่าวที่ดังมากนะเพคะ  ใครๆก็ยิ่งอยากได้ข่าว อยากได้รูปกันทั้งนั้น  "  นัทพระสหายสาวอีกคนคาดการณ์
        " พระสวามีเพคะ.....นั้นนุ้ยขอสัมภาษณ์ก่อนได้มั้ยเพคะว่า ทำไมถึงได้ทรงรักกัน แบบสายฟ้าแลบแบบนี้เพคะ อยากทราบจากโอษฐ์พระสวามีเพคะ และขอประทานอนุญาต ไม่ใช้คำราชาศัพท์นะคะ นุ้ยไม่ค่อยถนัด  " เพื่อนสาวที่ชื่อนุ้ยทำท่าทาง  แบบนักข่าวเวลาขอสัมภาษณ์
         " เอ่อ...คือไม่ได้รักกัน  แต่ต้องบอกว่าผมรักเพื่อนของคุณนุ้ยก่อน  รักทันทีที่เห็นพระพักตร์เลยละครับ  แล้วคุณนุ้ยสัมภาษณ์ เจ้าหญิงของคุณหรือยังครับ ว่าบอกรักผมหรือยัง ? "  เขากล่าวยิ้มๆให้สัมภาษณ์ทิ้งท้ายให้นุ้ยคิด และมองหน้าองค์หญิงน้อยๆ  ส่งสายตาหวานซึ้งวิบวับ มองพระพักตร์องค์หญิงรายา ซึ่งสายตาหวานซึ้งกรุ่มกริ่มของเขา มีผลให้ต้องเมินหลบ
         " เนี่ย......ตอบแบบนี้  ตอบแบบลูกผู้ชายชาติทหารเลยนะนี่ ....เรียกว่าตรงเป๊ะตรงประเด็นที่สุด ”  นุ้ยชมอย่างหยอกเย้า แล้วหันมาถามองค์หญิงรายา  “ อ้าว..แล้วหญิง........ว่าไง..แล้วหญิงบอกรักผู้พันหรือยังจ๊ะ พวกเราอยากรู้ ผู้พันพูดเหมือนกับว่า เธอยังไม่ได้บอกรักผู้พันเลยนะ  "  นุ้ยหันมาถามองค์หญิงรายา ด้วยสีหน้ายั่วเย้าและอยากรู้
         " บอกแล้วไงจ๊ะ...ตอนที่บาทหลวงถามฉันในโบสถ์  เธอไม่ได้ยินหรือไง  " เจ้าหญิงทรงรับสั่งตอบแย้มพระสรวลน้อยๆ  ทอดพระเนตรมองหน้าเขานิดหนึ่ง สายพระเนตรหวานระยับ
         " พวกคุณรู้มั้ย...ว่าเจ้าหญิงรายาเพื่อนของพวกคุณน่ะ  ท่านไม่เคยยอมเพลี่ยงพล้ำใคร  ในเรื่องคารมเลยละครับ ต้องเติมในหน้าหนังสือพิมพ์ด้วยว่า เจ้าหญิงนักการทูต แห่งราชอาณาจักรสวาติติ  และผมเองก็ต้องยอมจำนน ต่อคารมของเจ้าหญิง เพื่อนของคุณๆแล้วละครับ  เพราะตามไม่ทันไล่ไม่จนเลยสักครั้ง " 
         พระสหายขององค์หญิง มองพระพักตร์ที่แดงเข้มขึ้น  ต่างพากันอมยิ้ม  นุ้ยส่งแก้วน้ำส้มที่มีหลอดสองหลอดในแก้วเดียวกัน  แล้วขอร้องแกมบังคับองค์หญิงและผู้พันหนุ่ม 
         " ดื่มน้ำส้มแก้วนี้เพื่อพวกเรา  ที่อุตส่าห์เดินทางไกลมาหน่อยนะคะ  ต้องดื่มพร้อมกันด้วยค่ะ " เขาหันไปมองพระพักตร์ที่เริ่มแดงปลั่งขึ้นทันที  ทรงทอดพระเนตรมองหน้าพระสวามีน้อยๆ ทรงทำท่ากระอักกระอ่วน
          นุ้ยถือแก้วน้ำส้มนั้นไว้ ทำให้ทั้งสองบ่าวสาว  ต้องก้มลงดูดน้ำส้ม จากหลอดในแก้วเดียวกัน  จมูกของทั้งสองชนกัน  องค์หญิงทรงสบตากับผู้พันหนุ่ม  ทั้งสองสื่อความหมายในใจ ให้แก่กันทางสายตา องค์หญิงรายาทรงออกพระอาการขวยเขินมากขึ้น  แขกที่อยู่ในงาน  ต่างก็หันมามองและปรบมือขึ้นพร้อมกัน  แล้วเชียร์ให้เจ้าบ่าวจูบเจ้าสาวให้ดูอีกครั้ง  องค์หญิงทรงส่ายพระพักตร์น้อยๆอย่างทรงเขินอาย   ผู้พันพระสวามีแตะพระกฤษฎีรั้งพระองค์เข้ามาในวงแขนเบาๆ  แล้วก้มลงจูบเบาๆที่พระปราง  และมองพระพักตร์ที่แดงกล่ำนั้น สายตาของเขาวิบวับหวานซึ้ง  ฝ่ายราชพิธีมากราบทูลบอกแก่ผู้พันอีกครั้ง  ทรงทอดพระเนตรมองไปทางวงดนตรี
          " รายา.......ได้เวลาเปิดฟลอร์แล้วละครับ "  เขาทูลและโค้งให้องค์หญิงน้อยๆ  จับพระหัตถ์ยกขึ้นและพาดำเนินมาที่กลางฟลอร์ แล้วตระกองกอดพระองค์ไว้ในวงแขน   ทรงเปิดฟลอร์ในจังหวะสโลว์ เสียงเพลงรักบรรเลงอย่างไพเราะแผ่วหวาน  ทำให้อารมณ์ของคู่บ่าวสาวเคลิบเคลิ้ม หวานไหวเหมือนทรงอยู่ในความฝัน

    And I love you so
    The people ask me now
    How I’ve lived till now
    I guess they understand
    How lonely life began again
    The day you took my hand
    And yes I know how lonely life can be
    Shadows follow me
    The night won’t set me free
    But I don’t let the evening get me down
    Now that you’re around me
    And you love me too
    You thoughts are just for me
    You set my spirit free
    I’ m happy that you do
    The look at life is brief
    Once the page is read
    All but love is dead
    This is my belive

          องค์หญิงทรงอยู่ในอ้อมแขนของผู้พันศรัณย์สองมือเกาะกุมกัน เขาโอบพระกฤษฎีขององค์หญิงไว้ ส่วนองค์หญิงทรงใช้พระหัตถ์ซ้ายแตะ ที่พระอังสาของพระสวามี กลิ่นกายของเขาทำให้พระองค์รู้สึกอบอุ่น  จังหวะสโลว์ ทำให้พระสวามีแนบพระปราง กับพระปรางขององค์หญิงอย่างจงใจ  เสียงกระซิบแผ่วอยู่ริมพระกรรณ   " รายา....ฟังเพลงนี้สิครับ ผมมีความรู้สึกเหมือนในเนื้อเพลง นี้เลยนะครับ “
         “  หรือคะ โรแมนติคจังค่ะ “
         “  วันนี้คุณสวยมากเหลือเกิน...บอกรักผมได้มั้ย ที่รัก  " 
         "  หญิงบอกไปแล้วไงคะ " ทรงรับสั่งกระซิบตอบ
         "  อยากได้ยินคุณบอกกับผมอีกครั้ง "
         "  คำว่ารักนั้น ออกจากใน หัวใจหญิง "  ทรงรับสั่งตอบเป็นกลอน
         "  พี่รักจริง จริงจากใจ ไม่ห่างหาย " เขากระซิบเป็นกลอนตอบเช่นกัน
         "  ถ้าจืดจาง ร้างไกล หทัยคงมลาย "  สุรเสียงอ่อนรับสั่งแผ่วกระซิบ
         "  ไม่เว้นวาย เสน่หาทุกคราไป "  ผู้พันตอบเป็นกลอน  แล้วมองพระพักตร์ที่แดงกล่ำนั้นด้วย  สายตาที่บอกความในใจ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×