คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : ตอนที่ 12 : นางฟ้าของเซโร่
เมื่อหกเดือนก่อน
“รู้จักนักเรียนใหม่ที่เพิ่งย้ายมาเมื่อเดือนก่อนรึเปล่าวะ”
การกระจายข่าวภายในโรงเรียนลุกลามไปไวยิ่งกว่าไฟไหม้ฟางข้าวและ Topic ที่โด่งดังนี้ก็เล่าลือกันจนถึงขั้นที่ว่า คนที่ไม่เคยสนใจข่าวสารอย่าง ‘จอมมารแห่งเซนต์โซนาต้า’ ยังได้รับรู้ข่าวสารนี้ไปกับเขาด้วยเลย
“ข่าวลือนั่นหมายถึงใคร”
น้ำเสียงที่เหมือนจะไม่สนใจเอ่ยถามเด็กหนุ่มสองคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ก็ในเมื่อมันผ่านเข้าหูมาแล้ว ทำความรู้จักสักหน่อยก็ไม่แปลกอะไรนี่นา
“เฮ้!จอมมาร อยู่โรงเรียนนี้ได้ยังไง เวลาที่ฉันอยู่ในโรงเรียนแทบนับชั่วโมงได้ยังรู้เรื่องในโรงเรียนมากกว่าเธออีก”
เด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาพูดแล้วยิ้มกว้างเผยเขี้ยวเสน่ห์ที่ทำเอาผู้หญิงที่เดินผ่านไปมาแอบกรีดร้องอยู่ในใจ และก็ต้องรีบเดินไปให้เร็วที่สุด แน่ล่ะ ไม่มีใครอยากรนหาเรื่องด้วยการกล้าต่อกรกับ‘เธอ ‘ที่นั่งเป็นประธานกลุ่มอยู่ตรงนั้น
“นั่นเพราะฉันไม่ชอบสอดเรื่องชาวบ้าน”
“เธอไม่ได้หลอกด่าฉันใช่มะ = =”
“ฉันไม่ทำเรื่องงี่เง่าแบบนายหรอก สบายใจได้J”
ฝ่ายชายนิ่งคิดถึงประโยคแสนเย็นชาก่อนจะโวยวายออกมาตามนิสัยเป็นผลให้ได้รับการลงโทษจนต้องแอบไปนั่งกุมศีรษะปอยๆแล้วบ่นพึมพำอยู่คนเดียว
“คำตอบ?”
“มองมาแบบนี้ หมายถึง อยากได้คำตอบจากฉันงั้นเหรอ”
เด็กหนุ่มอีกคนเอ่ยถามพลางชี้นิ้วเข้าที่หน้าตัวเอง ดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่โตกว่าเด็กผู้ชายทั่วไปฉายแววแปลกใจนิดหน่อยก่อนจะกระพริบตาจนขนตายาวแทบจะสร้างพายุเทอร์นาโด เมื่อเห็นเพื่อนสาวจ้องมาอย่างนึกหงุดหงิดจมูกโด่งสวยก็ย่นลงอย่างน่ารัก ปากบางๆพึมพำกับตัวเองเบาๆก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มหวาน
“มองไปที่นาย คงถามไอ้ด่างที่กินข้าวอยู่ข้างนายมั้ง”
“โหย ไม่เห็นต้องว่ากันเลยนี่นา ใจร้ายชะมัดL”
“ขอคำตอบแล้วเรื่องอื่นก็เงียบไปเลย”
เสียงนั้นเป็นเหมือนสัญญาณบ่งบอกให้รู้ว่า เธอเริ่มรำคาญแล้ว เด็กหนุ่มถอดหายใจแล้วอมยิ้ม ไม่ว่ายังไงเธอก็ยังคงเป็นเพื่อนคนสำคัญที่ไม่ว่าใครก็ต้องทำตามที่เธอพูดจริงๆ
“เธอชื่อเทียนหอมJ”
“ผู้หญิงงั้นเหรอ”
“อืม เพิ่งจะย้ายมาเข้าเมื่อเดือนก่อน”
“แล้วไงต่อ”
“ฉันเองก็ยังไม่เคยเจอหรอกนะ แต่ที่ได้ยินข่าวมา หัวดีมาก นิสัยดีติดจะเงียบๆเรียบร้อย และที่สำคัญ สวยยังกับนางฟ้า”
เซโร่ลากเสียงยาวทำหน้าเคลิ้มๆล้อเลียน ก่อนจะหยุดทำเมื่อเห็นสายตาดุๆที่ถูกส่งมาให้ซึ่งนั่นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้สองหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงนั้นสั่นสะท้านไปด้วยความหนาวเหน็บ ผู้หญิงเพียงคนเดียวที่นั่งอ่านหนังสืออยู่เหลือบมองเพื่อนแล้วส่ายหน้าอย่างนึกเหนื่อยใจ ถ้าไม่ใช่ว่าเพราะเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กแล้วล่ะก็ ให้ตายก็ไม่มีวันเลือกคบพวกมันหรอก
“ระวังเหอะจะไม่มีแฟน!!><”
ร่างสูงโปร่งแบบบางที่สังเกตเห็นได้แม้ว่าเจ้าตัวจะนั่งอยู่ก็ตามยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจกับคำต่อว่านั่น ใบหน้าขาวใส ไร้การตกแต่งใดๆให้ความรู้สึกแปลกตา คิ้วสวยพาดอยู่เหนือดวงตาคู่คมกลมโตสีน้ำตาลเข้มจนแทบดำสนิทจับจ้องตัวหนังสือบนหน้ากระดาษ ขนตาหนายาวเป็นแพปลายงอนได้รูปรับกับจมูกโด่งรั้นเชิดนิดๆ ริมฝีปากบางราวกลีบกุหลาบแดงระเรื่อประดับรอยยิ้มแสยะที่ทำให้ใบหน้าสวยๆดูเหมือนนางร้ายในนิยาย
“นั่นสิน้า สวยออกขนาดนี้ ดุมากๆระวังจะหาแฟนไม่ได้นะ”
“หุบปากไปเลยโซล ฉันขอความเห็นจากนายรึยังไง”
เสียงใสที่เย็นเฉียบออกคำสั่งเด็ดขาดเมื่อคนถูกสั่งทำท่าจะเถียงสายตาคมกริบก็ตวัดกลับมาเป็นเครื่องเตือนสติอีกครั้ง โซลย่นจมูกอย่างขัดใจแต่ก็รู้จักนิสัยของเพื่อนดีเกินกว่าอยากจะลองของ
“แล้วไงต่อ เซโร่ ข้อมูลมีแค่นี้เหรอ”
“ก็เท่าที่ลือๆกัน ส่วนใหญ่ก็ประมาณนี้ ถ้าเธออยากรู้ต่อล่ะก็...”
“ไม่ต้อง”
“โอ...เค ^^”
เซโร่หัวเราะแหะๆให้กับการตัดบทดังฉับของเพื่อน ในขณะที่ความสนใจของคนที่ได้ชื่อว่าจอมมารก็กลับไปอยู่ที่หนังสือเล่มบางในมือ แต่เพียงครู่เดียวเสียงเรียกจากเพื่อนทั้งสองก็เรียกความสนใจของเธอให้ละจากหนังสืออีกครั้ง
“เอ่อ...ริช...”
“เฮ้...จอมมาร...”
“อะไร”
ริชแบรนน์หันหน้าไปมองเพื่อนอย่างนึกรำคาญก่อนจะต้องหันมาสนใจกับคนตรงหน้าที่เป็นสาเหตุที่ทำให้ทุกคนในละแวกนั้นต่างพากันนิ่งค้างอย่างไม่ได้นัดหมาย
“เอ่อ...ขอโทษนะคะ คือว่า ฉันอยากรู้ว่าห้องผู้อำนวยการไปทางไหน”
“กลับหลังหันแล้วตรงไป ตึกแรกห้องที่ใหญ่ที่สุด”
“ขอบคุณค่ะ”
รอยยิ้มของผู้หญิงตรงหน้าไม่ต่างจากรอยยิ้มของนางฟ้าเลยสักนิด รอยยิ้มสวยใสดูบริสุทธิ์เสริมใบหน้าอ่อนหวานให้ยิ่งหวานละมุน เธอจ้องมองมาที่อีกฝ่ายด้วยดวงตากลมโตใสแจ๋ว แม้จะเริ่มหวั่นที่อีกฝ่ายเอาแต่นั่งจ้องเธอนิ่ง แต่เธอก็ยังยืนยิ้มสู้อยู่อย่างนั้น
“คุณชื่ออะไรคะ” น้ำเสียงอ่อนหวาน เป็นมิตร ถูกส่งมายังจอมมารผู้ที่ใบหน้ายังคงนิ่งเฉย
“จะรู้ไปทำไม”
“ฉันพึ่งจะย้ายมา ก็...ถึงจะเดือนหนึ่งแล้วแต่ยังไม่มีเพื่อน...ก็เลย...”
“ขอโทษนะ แต่ฉันไม่อยากเป็นเพื่อนกับเธอ”
ประโยคนั้นทำให้รอยยิ้มกว้างหุบลง ใบหน้าสวยๆสลดลงอย่างไม่ตั้งใจด้วยไม่เคยเจอใครพูดตรงๆแบบนี้มาก่อน ภายนอกผู้คนต่างพากันจ้องมองมายังเด็กผู้หญิงสองคนที่ยืนอยู่ด้วยกันและถึงแม้จะอยากช่วยยังไงก็คงไม่มีใครกล้าไปขวางเหตุการณ์ครั้งนี้
“ถ้าอย่างนั้น ก็...ขอโทษด้วยนะคะ”
ร่างเล็กๆกึ่งเดินกึ่งวิ่งหันหลังกลับไปไม่กล้าแม้แต่จะสบสายตาจอมมารเลยสักนิด แม้แต่สองหนุ่มที่นั่งแอบดูเหตุการณ์ข้างสนามชนิดแนบชิดติดจอก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหนาวยะเยือกกับสายตาคู่นั้น...ดีนะ ที่แอบหลบฉากอยู่ข้างโต๊ะไม่เสนอหน้าโชว์ตัวอยู่ข้างๆตั้งแต่แรก
“ฉันอยากอยู่คนเดียว”
“งั้นฉันกลับร้านไปทำงานดีกว่า บายนะจอมมาร เจอกันว่ะเซโร่” โซลพูดต่อทันทีที่เพื่อนสาวพูดจบอย่างฉับไว ก่อนจะยักคิ้วให้กับเพื่อนสนิทอีกคนที่ทำหน้าเลิกลักหลังจากได้ยินประโยคนั้น
“งั้น...ฉันควรไปไหนดีล่ะ”
“อยู่นี่แหละ ฉันไปเอง”
เซโร่นิ่วหน้าก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ มองตามหลังร่างเล็กๆที่เดินจากไปอีกทางอย่างนึกขำ แต่เพียงครู่เดียวสายตาคู่นั้นก็กลับหม่นแสงลงอย่างอ่อนโยน ไม่ว่าเมื่อไหร่เธอคนนั้นก็อยู่อย่างเดียวดาย ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ สร้างปราการใหญ่ไว้ปกป้องตัวเอง ถึงแม้ว่าเขาและโซลจะเหมือนเข้าใกล้ได้มากสักแค่ไหนก็ยังรู้สึกว่ามีเส้นบางๆกั้นไว้อยู่ดี.....
“จอมมารน่ากลัวเนอะ”
“ถ้างั้นจะได้ชื่อจอมมารรึไงเล่า”
เสียงซุบซิบดังก้องต่างจากเมื่อครู่อย่างเห็นได้ชัด เสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงบุคคลที่เพิ่งจากไปทำให้เซโร่ค่อนข้างหงุดหงิด ทีอย่างนี้ล่ะกล้า เวลาเขาอยู่เห็นมีใครปากดีอย่างนี้สักคนก็เปล่า
“สงสารนักเรียนใหม่”
“ก็ใครให้กล้าดีเข้าไปทักเองเล่า”
“ก็จริงนะ ปกติจอมมารแผ่ออร่าน่ากลัวลอยคลุ้ง คนธรรมดาน่าจะมองออก”
เพื่อนของเขากลายเป็นตัวอะไรไปแล้วล่ะนั่น...คนเรานี่สักแต่ว่ามีปาก อยากจะพูดอะไรก็พูดสินะ นึกแล้วก็ให้รู้สึกขำ แต่พอนึกถึงสาวน้อยอีกคนที่พึ่งจะวิ่งจากไปเมื่อครู่นี้ นักเรียนใหม่คนนั้น จะเป็นยังไงบ้างนะ
“คุณเซโร่คะ”
สาวน้อยน่ารักเดินเข้ามาทักเมื่อแน่ใจแล้วว่าคนที่หมายตานั่งอยู่คนเดียว รอยยิ้มอ่อนโยนส่งมาให้ตามมารยาทก่อนที่เสียงนุ่มๆจะตอบกลับอย่างสุภาพ
“ว่าไงครับ”
“ทำไมมาอยู่คนเดียวแบบนี้ละคะ”
“ก็เขายังไม่อยากให้ยุ่ง ผมไม่อยากไปกวน” เขาส่งยิ้มน้อยๆอย่างที่ชอบทำประจำโดยไม่รู้ตัวเลยว่านั่นทำให้หัวใจของอีกฝ่ายละลายไปกับความน่ารักที่เขาแสดงออกมา
“ถ้าอย่างนั้น มานั่งกับพวกเราไหมล่ะคะ”
“ก็อยากนะครับแต่ว่า...ถ้าเขามาตามหาแล้วไม่เจอคงจะโมโหน่าดู”
เพียงแค่ประโยคนั้นก็ทำให้เธอถอยห่างได้แล้ว เซโร่อมยิ้มอย่างพอใจ เขาเองก็ไม่ค่อยชอบพวกผู้หญิงที่วิ่งตามผู้ชายนักหรอก
“ถ้าอย่างนั้น ไว้วันหลังก็ได้ค่ะ”
“ผมขอตัวก่อนนะครับ”
“ค่ะ แล้วเจอกันค่ะ”
เซโร่ส่งยิ้มให้อีกครั้งก่อนจะปลีกตัวออกมา คนตัวเล็กแต่เดินไวคนนั้นหายไปไหนแล้วนะ ถึงแม้เหตุผลที่ตามไปก็เพื่ออยากจะดูว่าเธอไม่ได้ตกใจกับสิ่งที่เพื่อนเขาทำก็เถอะ แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ารอยยิ้มของเธอที่เขาเห็นเมื่อครู่ สามารถสั่นคลอนหัวใจของเขาให้สั่นไหวได้ นอกเหนือไปจากเพื่อนสนิทที่สุดของเขาก็ยังไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนที่สวยเลยนอกจากเธอคนนี้..ถึงจะสวยกันคนละอย่างก็เถอะ
“เอ่อ...คุณ...คะ”
เซโร่ที่กำลังเหลียวหน้าแลหลังเพราะหาคนตัวเล็กไม่เจอ พอได้ยินเสียงใสที่ก็ดังขึ้นจากข้างหลังก็หันหลังในทันที เจ้าของเสียงทำเอาเซโร่ต้องยิ้มแก้เก้อเพราะคาดไม่ถึงว่าคนที่เขากำลังหากลับหาเขาเจอซะเอง
“มองหาอะไรเหรอคะ ทำอะไรตกหรือเปล่าคะ”
“อ่า...เปล่าหรอกครับ”
“งั้นเหรอคะ ดีจังนะคะ^^”
รอยยิ้มแสนหวานถูกแต้มที่ริมฝีปากอ่อนบางนั้นอีกครั้ง และรอยยิ้มนั้นสะกดให้เขาต้องยิ้มตามอย่างไม่รู้ตัว
“ขอตัวก่อนนะคะ”
“เอ่อ...จริงแล้ว...”
“คะ?”
“ผมเป็นห่วงเลยตามมาดูน่ะครับ”เซโร่ส่งยิ้มหวานกลับไปให้ นั่นทำให้เธอส่งยิ้มกลับมา
“ทำไมต้องเป็นห่วงด้วยล่ะคะ”
“ก็เมื่อกี้...คุณดูตกใจที่เพื่อนผม..พูด..”
“อ่อ...คุณอยู่ด้วยเหรอคะ”
“ครับอย่าคิดมากนะครับ ริชเขาไม่ค่อยชอบให้ใครมายุ่งสักเท่าไหร่ แต่ที่จริงล่ะก็เป็นคนดีมากเลย”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันเข้าใจ”
“ดีจัง แต่ว่า...ถึงยังไงผมก็ต้องขอโทษแทนเพื่อนด้วยจริงๆนะครับ ยัยนั่นเข้าสังคมไม่ค่อยเก่ง”
“ พวกคุณดูสนิทกันจังเลยนะคะ”
“ก็พวกเราโตมาด้วยกันนี่ครับ มีผม ไอ้โซล แล้วก็ริช^^”
เธอชะงักเหมือนครุ่นคิดอะไรสักอย่างก่อนจะส่งยิ้มให้อย่างอ่อนโยนจนเซโร่เผลอใจเต้นไปชั่วครู่ รอยยิ้มของนางฟ้า ถึงไม่ต้องเปรียบมันก็คือความจริงอยู่แล้ว หรือเพราะเธอคนนี้คือนางฟ้า จอมมารอย่างริชแบรนน์ถึงได้หัวเสียนัก?
“ผมชื่อเซโร่ ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
“ฉันชื่อเทียนหอมค่ะ ยินดีเช่นกัน”
“ชื่อของคุณไม่มีใครไม่รู้จักหรอกครับ”
“ทำไมล่ะคะ”
“ก็คุณเป็นนักเรียนใหม่ ที่ไหนมีนักเรียนใหม่แปบเดียวคนก็รู้จักไปทั้งโรงเรียน”
เซโร่ส่งยิ้มให้โดยไม่รู้ตัว คงเพราะปกติเป็นคนที่ยิ้มง่ายอยู่แล้วถึงได้เผลอยิ้มออกมาอย่างนั้น แต่เพียงแค่นั้นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้อีกฝ่ายหน้าแดง เทียนหอมหลบสายตาเป็นประกายและรอยยิ้มน่ามองนั้นอย่างยากเย็น ก็พอรู้มาบ้างหรอกว่าเจ้าชายของโรงเรียนเป็นพวกยิ้มสวย แต่ไม่นึกว่าจะสวยจนถึงขั้นที่ทำให้ใจของหล่อนไหวหวั่นได้ถึงขนาดนี้ แต่ถึงมันจะน่ามองสักแค่ไหน ก็คงสู้รอยยิ้มร้ายกาจของผู้ชายอีกคนไม่ได้ รอยยิ้มที่เธอคงไม่มีวันลืม....
“คุณต้องเป็นนางฟ้าอย่างที่ทุกคนบอกแน่ๆเลย”
“ขอบคุณนะคะ”
“แค่รอยยิ้มก็ละลายแล้ว>w<”
“ขอบคุณมากค่ะ ตอนนี้ฉันคงต้องไปหาผู้อำนวยการแล้ว ถ้าคุณไม่ว่า ขอตัวก่อนนะคะ”
“เชิญครับ หวังว่าคงได้พบกันเร็วๆนี้นะ”
“เช่นกันค่ะ”
เทียนหอมเดินจากมาด้วยใจที่เต้นระทึก แน่นอนว่าเร็วๆนี้เราต้องได้เจอกัน ถึงแม้ว่าเป้าหมายที่แท้จริงจะไม่ใช่เพราะว่าเธอต้องการเจอเจ้าชายคนนี้หรอก
เซโร่มองตามแผ่นหลังบางๆนั้นด้วยความรู้สึกขบขัน ผู้หญิงที่ขี้อายแบบนี้ก็เพิ่งเคยเจอเป็นครั้งแรก ถึงอย่างนั้นก็ยังอดนึกไม่ได้ว่า ถ้า จอมมาร ที่น่ากลัวของนักเรียนโรงเรียนนี้เป็นอย่างนั้นบ้าง คงจะน่ารักจนพูดไม่ถูกเลยเชียวล่ะ
ถ้าหากว่าเขาไม่มีโอกาสได้คาดหวังว่าเธอคนนั้นจะหันมาแลเขา...เขาจะสามารถปล่อยใจให้กับใครคนใหม่ที่อยู่ในความสนใจ...
และเพื่อให้เธอคนนั้นวางใจ...บางที เขาอาจจะต้องทำอะไรสักอย่างให้เธอเห็นว่าเขาไม่เป็นไร
...ดาดฟ้า...
ใจดวงน้อยสั่นไหวอย่างห้ามไม่อยู่ ทั้งๆที่ก็สู้ข่มใจแล้วข่มใจอีก แต่ทำไมใจมันถึงได้ไม่ยอมเชื่อฟังกันเลยนะ
“นางฟ้า...”
ที่หงุดหงิดไม่ใช่เพราะเธอคนนั้นคือนางฟ้า แต่เป็นเพราะสายตาของเซโร่ที่มองเธอต่างหาก เพียงแค่เหลือบไปเห็น ก็รู้แล้วล่ะว่าเขากำลังสนใจ เธอที่เดินหนีมาขึ้นมาบนนี้เพราะคิดว่าอยากจะอยู่อย่างสงบ แต่เพราะเดินหนีมาแบบนี้ ถึงได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นหน้าห้องผู้อำนวยการอย่างไม่ตั้งใจ
“ก็สมกันดีนี่นะ”
น้ำเสียงเย้ยหยันเพื่อตอกย้ำตัวเองที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ไม่ยอมทำอะไรให้มันจริงจังสักที เพราะรู้มาตลอดว่าผู้หญิงเพียงคนเดียวที่มีสิทธิ์ยืนอยู่ข้างๆเซโร่คือเธอคนนี้ เพราะเข้าใจไปเองอย่างนั้นถึงได้เลือกปิดปากเงียบเพราะมันยังไม่ถึงเวลา แม้ในใจจะเอนเอียงไปแล้วว่าตัวเองชอบอีกฝ่ายแน่ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังรอจนกว่ามันจะเต็มร้อย แต่เพราะรออยู่อย่างนั้นใช่ไหม เขาถึงได้ไปสนใจคนอื่น
“เชื่อเลยเซโร่ อีกไม่นานนายจะต้องมาขอให้ฉันช่วยชิงนางฟ้าคนนั้นมาไว้ข้างนาย และถ้าวันนั้นมาถึง ฉันคงต้องเลือกสักที”
เสียงนั้นแผ่วเบา ไม่รู้ว่าเพราะกำลังปลอบใจตัวเองหรือเพราะเตรียมพร้อมรับความจริงกันแน่ แต่ทันทีที่เปลือกตาปิดลง หยาดน้ำใสๆก็ไหลริน ดังจะปลดปล่อยความทุกข์ใจในความอ่อนแอที่เก็บซ่อนเอาไว้มาแสนนาน
....สองอาทิตย์ต่อมา....
“นะ ริชนะ ได้โปรดเถอะนะ”
เสียงอ้อนวอนร้องขอก้องห้องเรียนโดยที่ฝ่ายขอถึงกับลงไปนั่งคุกเข่าอ้อนวอนในขณะที่คนถูกขอยังคงปฎิเสธหน้าเรียบเฉย เสียงเย็นๆเชือดเฉือนเข้าใส่โดยไม่คำนึงถึงอะไรทั้งนั้น
“ไปไกลๆเถอะเซโร่ เรื่องไร้สาระแบบนี้อย่าเอามาพูดกับฉัน”
“โธ่ ริชนะ นอกจากเธอไม่มีใครช่วยฉันได้แล้วนะ><”
“นายก็ใช้ปัญญาที่มีช่วยคิดสิ”
“ระดับปัญญาของฉันมันไม่เท่าเธอนี่นา”
“นั่นเพราะนายเอาแต่พึ่งพาฉัน”
“เพราะเธอพึ่งได้ไงล่ะ นะๆ เพื่อนกันช่วยหน่อยนะ”
สายตาของจอมมารปรายตามองใบหน้าเว้าวอนเหมือนลูกหมาตาโตของคนตรงหน้าก่อนจะสะบัดแขนออกอย่างไม่ไยดี สร้างเสียงร้องขอให้ดังขึ้นอีกหลายเท่า
“เลิกบ้าแล้วเตรียมตัวเรียนเถอะ เซโร่”
“ไม่ จนกว่าเธอจะช่วยฉัน”
“งั้นก็ตายอยู่ตรงนั้นแหละ”
“ทำไมใจร้ายแบบนั้นล่ะ ไม่รักกันแล้วเหรอT^T”
คำถามที่เหมือนไม่ได้สนใจอะไรเพราะคนพูดกำลังสนใจอย่างอื่นอยู่ แต่เท่านั้นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้มาดนิ่งๆต้องไหววูบไปชั่วครู่ ถามมาได้ว่าไม่รักกันแล้วเหรอ เพราะกำลังใจเอนเอียงไปกับคำว่ารักนี่ไง ถึงได้ไม่อยากช่วยเพราะมันจะทำให้ตัวเองเจ็บปวด
“เงียบทำไมอะ”
“เบื่อจะฟัง ถ้านายไม่เรียน ก็ไปให้พ้นๆ”
“เธอก็รับปากช่วยฉันก่อนเด้”
“ถ้าฉันช่วยแล้วจะได้อะไร”
น้ำเสียงที่พยายามอย่างถึงที่สุดที่จะข่มให้นิ่ง บังคับสุดชีวิตที่จะไม่ให้เสียงสั่น แต่ก็ทำได้ไม่นานต้องเบือนหน้าหนีราวกับว่าเบื่อหน่าย ทั้งที่จริงแล้วทำไปเพื่อซ่อนความอ่อนแอที่ไม่ต้องการให้ใครมารับรู้ก็เท่านั้น สิ่งที่เธอคิดไว้กำลังเป็นจริง เขากำลังพยายามเพื่อเธอคนนั้น และถึงจะอดทนข่มใจแค่ไหน เธอก็ไม่มีทางปฏิเสธคำร้องขอของเพื่อนได้อยู่ดี
“อยากได้อะไรล่ะ”
“นายต้องเป็นฝ่ายยื่นข้อเสนอ เพราะถ้าให้ฉันกำหนด ชาตินี้ให้ตายนายก็ไม่มีวันทำให้ฉันพอใจได้หรอก”
“เขี้ยวจริงๆL”
น้ำเสียงที่พยายามกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ ถึงแม้จะเย็นชาสักแค่ไหน อวดดีเท่าไหร่ น่าแปลกที่ของพวกนั้นกลับกลายเป็นเสน่ห์ สำหรับเพื่อนอย่างเขาแล้ว ไม่มีใครจะน่ารักเท่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า เว้นแต่ว่าตอนนี้...ความรู้สึกของเขามันไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว...เพราะเขาเลือกแล้วจริงๆ
“ฉันกำลังรอฟังข้อเสนอ ถ้านายทำให้พอใจได้ ฉันก็รับจะช่วย”
“จริงนะ”
“ฉันไม่จำเป็นต้องโกหก”
“แน่ล่ะ เธอมันสวยเลือกได้”
เสียงหัวเราะของเซโร่ส่งผลให้ตัวเขาลื่นล้มทั้งๆที่ยังนั่งอยู่ เป็นผลมาจากการที่สาวน้อยที่นั่งนิ่งๆยันไปสุดแรงจนส่งผลสมใจ แน่นอนว่าคนอื่นๆที่อยู่ในห้องต่างพากันลอบกลืนน้ำลายไม่กล้าสบตากันเป็นแถวๆ
“เจ็บนะ ริช -^-”
“แล้วไง”
“เอาเถอะ ยอมความ ข้อเสนองั้นเหรอ...”
เซโร่หยุดคิด ในขณะที่จอมมารเบือนหน้าไปอีกทางอย่างใช้ความคิดเช่นกัน เธอไม่อยากจะยุ่งกับเรื่องนี้มากมายนักหรอก แต่ถ้าวันนี้คือวันที่ต้องเลือก ก็ขอเลือกที่จะเปลี่ยนตำแหน่ง ลดความสำคัญแต่ผูกพันกันยาวนาน...นั่นคือสิ่งที่ดีที่สุด...
“ฉันคิดไม่ออกอ่ะริช= =”
“- -”
“เธอร้องขอฉันดีกว่า นะๆ ฉันสัญญาว่าจะพยายามทำตามคำขอนั้นอย่างเคร่งครัดเลย”
ริชแบรนน์นิ่งเงียบ ก่อนจะจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่ายอย่างใช้ความคิด...ทางเลือกที่ตัดสินใจแล้ว ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้
“ฉันจะขอแค่ข้อเดียว”
“ว่าไงๆๆ><”
“เพราะนายเป็นเพื่อนของฉัน และฉันขอขอแค่ให้นายเป็นเพื่อนของฉันตลอดไป...ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม”
“แค่นี้เอง ได้สิเพื่อนJ”
หนึ่งคำที่ต่างฝ่ายต่างก็แฝงความหมายเอาไว้ ทั้งๆที่ไม่ยอมหันหน้ากลับมามองแต่ทันทีที่เซโร่ส่งยิ้มอย่างอ่อนโยนไปให้ เสียงนิ่งเฉยชาก็เปล่งออกมาอย่างแผ่วเบา...
“รักษาคำพูดด้วยนะ ว่าเราจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป...”
....ปัจจุบัน....
“วันนี้มาโรงเรียนอีกแล้วเหรอวะ”
“แน่นอนสิ นี่ฉันต้องโหมงานเท่าไหร่แกรู้มั้ย กว่าพี่กวางจะยอมปล่อยตัวออกมาหาแก มามะ มากอดกันหน่อย ที่รัก”
โซลว่าแล้วกระโดดเข้าหาเซโร่ที่ส่งเสียงโวยวายและพยายามปัดป้องไม่ให้ตัวเองโดนลวนลามไปยังส่วนอื่น ฉันยืนมองแล้วส่งเสียงหัวเราะออกมา ฉันนึกไม่ออกเลยว่าผู้ชายที่มีบุคลิกแตกต่างกันขนาดนี้มาเป็นเพื่อนสนิทกันได้ยังไง
“สวัสดีครับนางฟ้า”
โซลส่งยิ้มทักทายให้กับฉันพร้อมยักคิ้วกวนๆตามแบบฉบับของเขาทั้งๆที่มือทั้งสองข้างยังโอบอยู่รอบคอของเซโร่...จะพูดให้ถูก เขากำลังห้อยโหนอยู่ต่างหากล่ะนะ
“นึกยังไงวันนี้ถึงได้เรียกเทียนหอมว่านางฟ้า”
เซโร่ถามเสียงกลั้วหัวเราะ ก่อนจะดันเพื่อนของตัวเองให้ลงไปนอนเล่นข้างๆแทน คงจะหนักน่าดูเชียวล่ะ
“ก็ยัยนี่เป็น นางฟ้าของเซโร่ไม่ใช่เหรอ เรียกนางฟ้าจะผิดตรงไหน”
“เออ มีเหตุผลตลอดจริงๆ ไอ้บ้านี่”
“นี่ขาดใครไปปะ จอมมารอยู่ไหน”
“จะว่าไปยังไม่เห็นเลย”
เซโร่พูดขึ้นเหมือนจะพูดกับตัวเองซะมากกว่าพลางมองดูนาฬิกาแล้วทำหน้ากังวล โซลที่ลุกขึ้นปัดกางเกงหลังจากลงไปกองกับพื้น ทำหน้านิ่วแล้วถามอย่างสงสัย
“จอมมารยังมาไม่ถึงโรงเรียนอีกเหรอ”
“ก็ยังไม่เห็นเลยตั้งแต่เช้า”
“แกไม่ได้ไปรับเหรอ”
“ฉันไม่ว่าง วันนี้ไปรับเทียนหอม ก็นึกว่าแกไปรับซะอีก”
“ฉันติดงาน นึกว่าแกไปรับแล้วถึงได้วางใจ ถ้าไม่ว่างทำไมไม่โทรบอกสักคำวะ”
“ฉันก็ยุ่งนี่หว่า อย่าเพิ่งเถียงกันเลยเหอะ ตอนนี้ริชอยู่ไหน”
โซลกดโทรศัพท์อย่างรวดเร็วจนหน้าจอแทบจะพัง แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ได้สนใจว่าไอ้ที่ถืออยู่มันมีค่าตัวแพงแค่ไหน เซโร่เองก็พยายามที่จะกดโทรศัพท์ให้มันพังไปข้างหนึ่งเหมือนกัน...
“สายไม่ว่าง บ้าเอ๊ย!”
“ฉันก็เหมือนกัน ใช้โทรศัพท์คุยกับใครอยู่นะ”
ท่าทางหัวเสียของทั้งคู่ทำให้ฉันอดนึกในใจไม่ได้ว่า...เพียงแค่เธอ ‘คนนั้น’ ยังมาไม่ถึงโรงเรียน กลับทำให้ผู้ชายสองคนเป็นห่วงได้มากมายถึงขนาดนี้ แล้วจะไม่ให้ฉันอิจฉาได้ยังไงล่ะ
“เป็นห่วงจะตายอยู่แล้ว ไปอยู่ที่ไหนวะ!”โซลตะโกนพร้อมกันนั้นก็ทำท่าจะหักโทรศัพท์ในมือทิ้ง
“ใช้โทรศัพท์อะไรนักหนา สายไม่ว่างตลอดเลยเนี่ย!”
แม้แต่เซโร่ ฉันเองก็เพิ่งเคยเห็นเขาเป็นเดือดเป็นร้อนมากขนาดนี้ ตั้งแต่คบกันมานี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นตัวตนของเขา...นอกจากผู้ชายที่อ่อนโยน สุภาพ และใจดี เขามีตัวตนที่เลือดร้อนแบบนี้ด้วยเหรอ
“คุณสองคน โทรเข้าเบอร์เดียวกันรึเปล่าคะ”
“ใช่!!/ใช่!!”
“ถ้าเป็นแบบนั้นคงจะติดหรอกค่ะ เล่นโทรซ้อนกันนี่J”
ฉันว่าแล้วเดินไปหาเซโร่เพื่อยึดโทรศัพท์ของเขามาถือไว้แล้วส่งยิ้มให้โซล
“โซล...โทรสิคะ”
“ทำไมล่ะ เทียนหอม”
เซโร่ประท้วงขึ้นเบาๆ ในน้ำเสียงที่ร้อนรนนั้น ฉันรู้ว่ามันมีอะไรแฝงอยู่ เขาเป็นห่วง แต่ก็แคร์ฉันไม่อยากให้ฉันต้องเสียใจ เพราะความใจดีแบบนี้ ฉันเอง ก็ไม่กล้าแสดงออกเหมือนกัน
“ก็ถ้าเซโร่เป็นคนโทร ฉันอาจจะหึงขึ้นมาก็ได้นะJ”
“บ้าน่า ไอ้เพื่อนเวรนี่หลงเธอจนโง่แล้ว แต่ก็ดี ยึดตัวมันไว้นะ เดี๋ยวฉันโทรเอง”
โซลว่าแล้วกดโทรศัพท์อีกครั้ง สีหน้าร้อนรนของคนทั้งคู่ทำให้ฉันแอบน้อยใจอยู่นิดหน่อย...อันที่จริง ความรู้สึกนี้มันทับถมจนก้าวข้ามคำว่านิดหน่อยไปมากแล้วล่ะ
“ฮัลโล จอมมาร!ทำไมยังมาไม่ถึงโรงเรียน ตอนนี้อยู่ที่ไหน เดี๋ยวฉันไปรับ!!!”
ปลายสายเงียบไปสักพักก่อนที่จะมีเสียงตอบรับกลับมา
[สวัสดีครับ ผมไม่ทราบว่าคุณเป็นใคร แต่ว่าวันนี้ริชไม่ไปโรงเรียน]
“แล้วคุณเป็นใคร ทำไมถึงได้....”
[เธอต้องการให้ผมวาง เอาไว้ค่อยคุยกันใหม่แล้วกันนะครับ]
ดูจากท่าทางแล้ว คนรับโทรศัพท์คงไม่ใช่คนที่เขาต้องการคุยด้วย เพราะทันที่วางสาย โซลก็ตั้งท่าจะออกไปนอกโรงเรียนในทันที
“เฮ้ย!จะไปไหน”
“แกคิดว่าฉันจะไปไหนล่ะ”
“ฉันไปด้วย”
“ไม่ต้องหรอกแกอยู่นี่แหละ”
“ถ้าอาจารย์ถามละเว้ย”
“ก็บอกไปสิวะ ว่าฉันมีงาน”
“ถ้าพี่กวางโทรมาล่ะ”
“ก็บอกไปว่าฉันติดสอบ”
คำตอบแต่อย่างดูเหมือนเขาจะตอบส่งๆเพื่อให้ตัดจบปัญหาเท่านั้นเอง ไม่สนใจแคร์สื่อมวลชนสักหน่อยเหรอ เพื่อนของคุณที่ยืนอยู่ข้างๆฉันนี่แทบจะวิ่งอยู่กับที่แล้วนะ
“ได้เรื่องยังไงจะโทรบอก แล้วแกต้องจดงานไว้ให้ครบนะเว้ย เดี๋ยวยัยนั่นมาเรียนแล้วไม่มีงานระวังชีวาจะวายวอดนะแก”
“สวดส่งวิญญาณตัวแกเองก่อนเหอะไอ้บ้า!”
แล้วร่างสูงๆของเขาก็วิ่งไปไกลจนลับตา ฉันมองใบหน้าของคนที่อยู่ข้างๆ มันมีทั้งความกังวลและความเป็นห่วงอย่างท่วมท้น ถ้าหากว่าเขาไม่รู้ตัวซะก่อนว่าฉันกำลังจ้องหน้าเขาอยู่ล่ะก็ ความรู้สึกอื่นๆอาจจะตามมาก็ได้
“ถ้าห่วงนัก จะไปก็ได้นะ ฉันอยู่ได้”
ฉันพูดยิ้มๆ ในใจไม่นึกอยากจะยิ้มแบบนี้ แต่ก็ไม่อยากจะรั้งเขาไว้ เซโร่ทำท่าคิดนิ่งๆอยู่สักครู่ ก่อนจะถอนหายใจแล้วส่ายหน้าช้าๆ คำพูดอ่อนโยนมาพร้อมรอยยิ้มอย่างเคย
“ไม่ล่ะ ฉันอยากอยู่กับเธอมากกว่าJ”
“แน่ใจนะ ฉันไม่อยากให้นายฝืนL”
“ไม่ฝืนหรอก ก็อย่างที่ไอ้โซลมันว่า ฉันรักเธอจนโง่แล้ว”
ฉันหลบสายตาอ่อนโยนคู่นั้น เนื้อตัวร้อนผ่าวอย่างห้ามไม่อยู่ ถึงแม้จะรู้ว่าเขาเพียงพูดให้สบายใจ แต่ฉันก็พร้อมที่จะรับ รับความรู้สึกนี้มาทั้งๆที่ก็รู้อยู่แก่ใจดีว่าแม้แต่ตัวฉันเอง....ก็ไม่ได้มีความรู้สึกแบบนี้กับเขาคนเดียว!
วันนี้เซโร่ดูกระวนกระวายอย่างที่ฉันไม่เคยเห็น แม้กระทั่งตอนที่เรานั่งทานข้าวด้วยกันเขายังแทบไม่แตะอาหารสักคำเอาแต่จ้องโทรศัพท์ และแสดงอาการดีใจทุกครั้งที่มีคนโทรเข้าแต่มันคงไม่ใช่สายที่เขารอเพราะหลังจากบอกว่าโซลติดสอบสีหน้าของเขาก็กลับไปอย่างเดิม(สายนั้นคงเป็นพี่กวาง ผู้ช่วยของโซลแน่เลย)แม้กระทั่งหลังเลิกเรียนที่ปกติเขาจะต้องมารับที่ห้องด้วยรอยยิ้มสดใส แต่วันนี้ฉันกลับต้องเป็นฝ่ายไปหาเขาที่ห้อง และภาพที่ฉันเห็นคือ เซโร่กำลังกดโทรศัพท์โทรหาใครสักคน....และเขาคนนั้นคงไม่รับ สีหน้ากังวลใจถึงได้เพิ่มขึ้นอย่างนั้น เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าฉันเข้ามาใกล้ จนกระทั่งฉันเอื้อมมือไปแตะเขาถึงได้สะดุ้งน้อยๆก่อนะส่งยิ้มมาให้อย่างใจดี
“ขอโทษนะ ฉันลืมไปรับเหรอเนี่ย”
“ไม่เป็นไรหรอก วันนี้ฉันเลิกเร็วน่ะ”
ฉันโกหก ความจริงแล้วฉันนั่งรอเขาเกือบสองชั่วโมงจนต้องเดินมาหา แต่ฉันไม่ต้องการให้เขารู้สึกแย่ไปกว่านี้ เรื่องนั้นจึงไม่จำเป็นต้องบอก
“เราจะกลับกันรึยัง”
“อืม”
“งั้นกลับกันเลยเนอะ”
เซโร่ถือกระเป๋าให้ฉันพร้อมกับเอื้อมมือมาจับมือของฉันเอาไว้ แม้ว่าทุกๆวันของพวกเราจะเป็นอย่างนี้ แต่ทำไมกันนะที่ฉันกลับรู้สึกว่าวันนี้มันต่างออกไป
“เซโร่...เป็นห่วงมากขนาดนั้นเลยเหรอ”
“หา?”
“ก็เพราะวันนี้ เซโร่ดูแปลกๆไป ฉันถึงได้สงสัย...”
“ไม่มีอะไรหรอก อย่าคิดมากเลยนะ”
เซโร่ส่งยิ้มมาปลอบประโลมฉันอีกแล้ว เขาหันมากอดฉันเอาไว้ถ่ายทอดความอบอุ่นให้อย่างที่ทำให้ฉันนึกไม่ออกเลยว่าถ้าฉันขาดเขาไปฉันจะทำยังไง และฉันจะทำร้ายความรู้สึกของคนนี้ได้ยังไง ในเมื่อเขาดีมากขนาดนี้
“ฉันกับริชเป็นแค่เพื่อน แค่นั้นจริงๆ”
“อืม...”
“ที่ห่วงก็เพราะยัยนั่นไม่เคยขาดเรียน กลัวจะเกิดเรื่องร้ายแรง เธอก็รู้ว่าริชเขาเป็นจอมมารนะ”
“นั่นสินะ”
“เพราะอย่างนั้น อย่าคิดอะไรให้กังวลใจเลยนะ”
“จ้ะ ฉันเชื่อเซโร่J”
“ดีมากเด็กดีJ ถ้างั้นเรายังไม่ต้องกลับบ้านดีกว่า ไปกินไอติมกันนะ”
เซโร่คลายอ้อมกอด ส่งยิ้มให้อย่างเคยและเตรียมจะพาฉันเดินกลับไปที่รถ เพียงแต่ว่าฉันฉุดเขาเอาไว้ซะก่อน
“มีอะไรเหรอ”
“ไปส่งกลับบ้านก็พอ”
“ทำไมงั้นล่ะ T^T”
“ วันนี้นึกได้ว่าไม่ทานของหวานจ้ะ”
“ว้า~!เสียดายจัง!ไม่ไปกินด้วยกันจริงๆเหรอ”
“ไว้วันหลังก็ได้นะจ้ะ นะ อย่างอแงสิ”
“โอเคครับ ก็ได้ๆ ไว้วันหลังไปด้วยกันนะ สัญญา”
“จ้ะ แล้ววันหลังเราไปทานกันนะ”
“โอเคครับ เชิญขึ้นรถเลย นางฟ้าของผม”
เซโร่จูงมือฉันไปที่รถด้วยสีหน้าร่างเริงเหมือนเดิม ฉันเองก็ดีใจที่ทำให้เขากลับมาร่างเริงได้ นี่คือหน้าที่ที่ฉันควรจะทำใช่ไหม หน้าที่ของ ‘นางฟ้า’ ของเขา นางฟ้าที่รู้ใจตัวเองดีว่ามีใครอีกคนอยู่ข้างใน และเพราะฉันทำร้ายความรู้สึกของเขาไม่ได้ จึงต้องคอยดูแลในฐานะ ‘นางฟ้าของเซโร่ ‘ตลอดไป
ความคิดเห็น