ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศึกมนตรา..โรงเรียนมหาเวท

    ลำดับตอนที่ #12 : ภาระ(RW)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.56K
      2
      9 มี.ค. 55

    “เลือกตั้งสภานักเรียน?”

     

                      แดริลเดินจากไปแล้วพร้อมสมุดเล็กเชอร์ ทิ้งไว้เพียงหัวคิ้วที่ขมวดเป็นปมมุ่นอย่างสงสัยของเฟนริลผู้ซึ่งในที่สุดก็ดูจะพ้นจากสภาพมังกรหมดอาลัยตายอยากเสียที

     

                      “ก็แค่เลือกคนโชคร้ายที่ต้องคอยวิ่งวุ่นตามงานเท่านั้นแหละน่า” เคชตอบเสียงกลั้วหัวเราะ ส่งสายตาแฝงความนัยไปให้เจ้าชายผมเงินข้างกาย และก็ได้รับนัยน์เนตรสีน้ำเงินดุจัดปรายกลับคืนมาให้รู้สึกร้อนๆหนาวๆเล่น

     

                      “มันเหมือนกับการเลือกหัวหน้าฝูงของมังกร” ดีอัสเฉลยให้เฟนริลฟังโดยไม่สนใจลูกครึ่งมังกร “เฟนริล นายคงไม่คิดว่ามังกรหัวหน้าฝูงนี่โชคร้ายหรอกใช่ไหม”

     

                      มังกรเพลิงสั่นหน้า ในขณะที่ เคชกระพริบตาปริบๆ รู้สึกสังหรณ์ประหลาดขึ้นมาว่าตลอดระยะเวลาสองสัปดาห์ก่อนเปิดเรียน หมอนี่คงได้ไปค้นตำราทุกเล่มเกี่ยวกับมังกรมาอ่านอย่างเอาเป็นเอาตายแน่

     

    ก็สมควรอยู่หรอก เพราะจู่ๆก็ได้มังกรเพลิงมาเป็นกรรมสิทธิชนิดที่เกือบจะเรียกได้ว่าถูกยัดเยียดมาให้ แถมเพื่อนร่วมกลุ่มอีกคนก็ดันเป็นลูกครึ่งมังกรผ่าเหล่าอย่างเขาอีกตะหาก

     

                      “เออนี่ เฟนริล” จู่ๆพรานป่าก็เรียกเพื่อนเหมือนเพิ่งนึกอะไรขึ้นได้ “แล้วมังกรเลือกหัวหน้าฝูงกันยังไงล่ะ อย่าบอกนะว่าใช้วิธีเลือกตั้ง”

     

                      “เจ้าไม่รู้หรือ?” เฟนริลย้อนเสียงสูงด้วยความประหลาดใจ ในขณะที่ดีอัสถอนหายใจเฮือก มองเพื่อนร่วมกลุ่มผู้มีศักดิ์เป็นถึงเจ้าชายแห่งเมืองมังกรด้วยสายตาปลงอนิจจัง

     

                      “จะไปรู้ได้ยังไง ฉันไม่ได้โตมาในฝูงมังกรนะเว้ย” เจ้าตัวดียิ้มแยกเขี้ยว ลอบเติมประโยคต่อท้ายในใจ

     

    แล้วก็ไม่ได้อ่านคู่มือการเลี้ยงมังกรหนาเท่าสารานุกรมห้าเล่มแบบใครบางคนด้วย

     

    มังกรแต่ละสายพันธ์ก็มีวิธีเลือกหัวหน้าฝูงต่างกันไป อย่างมังกรน้ำใช้วิธีสืบทอดตำแหน่ง ส่วนมังกรไฟก็….

                      มังกรเพลิงอธิบาย แต่ครั้งแล้วก็นิ่งทำท่าครุ่นคิดชั่วอึดใจ ก่อนจะส่ายหน้า

     

    “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ข้าโตมาในฝูงมังกรน้ำ”

     

                      ดีอัสแทบจะยกมือขึ้นกุมขมับ….ให้ตายเถอะ โลกเดี๋ยวนี้มันเป็นอะไรกัน เจ้าชายเมืองมังกรที่ไม่รู้จักเรื่องมังกร กับมังกรเพลิงที่รู้จักแต่เรื่องมังกรน้ำ….

     

                      “มังกรไฟเลือกหัวหน้าฝูงโดยการต่อสู้วัดฝีมือกัน”

     

    เจ้าชายผมเงินผู้ไม่มีสายเลือดมังกรเลยแม้แต่น้อยต้องเป็นฝ่ายเฉลยให้แทนด้วยความรู้สึกปลงอนิจจังเป็นอย่างยิ่ง เขาชักเริ่มนึกเป็นห่วงชะตากรรมของเมืองเอริเธียร์ขึ้นมารำไรที่จะต้องมีเจ้าชายลูกครึ่งอย่างเคช เซเบเรีย โชคดีที่เขาไม่ต้องนึกห่วงอนาคตของเผ่ามังกรเพลิงด้วย เพราะถึงอย่างไรเฟนริลเมื่อทำสัญญารับใช้มนุษย์ก็ไม่มีพันธะใดต่อเผ่าอีกแล้ว                

                     

    “แล้วมนุษย์ล่ะ?” เฟนริลถาม เอียงคอมองเจ้านายตนเล็กน้อย อยู่ในร่างมังกรทำท่านี้ก็ดูน่าเอ็นดูดีอยู่หรอก แต่พอมาอยู่ในร่างเด็กหนุ่มแล้ว มันชวนน่าถีบเสียมากกว่า “มนุษย์เลือกหัวหน้าฝูงแบบไหน ที่เรียกว่าราชาเนี่ย”

     

    “สืบทอดทางสายเลือด” รัชทายาทแห่งไรอัสตอบสั้นๆ ส่วนเคชนั้นกำลังก้มหน้าก้มตากินข้าวจานที่สองโดยไม่พูดไม่จา จ้วงเอาจ้วงเอาราวกับไปตายอดตายอยากมาจากที่ไหน ต้องโทษระบบแต้มของโรงเรียนนี้ มันทำให้คนที่ไม่ค่อยเข้าใจพวกงานวิชาการมากนักจนกรอบแกรบยิ่งกว่าตอนเป็นพรานป่าเสียอีก ถ้าไม่ได้เจ้าชายข้างตัวทำตนเป็นไม้ใหญ่ให้เขาเกาะเป็นกาฝาก ป่านนี้แต้มที่เขามีอยู่คงพอซื้อได้แค่น้ำหวานสองแก้วก็หมด ไม่ต้องพูดถึงขนมปังมื้อดึกหรือเมล็ดกาแฟสำหรับคั่วดื่มตอนเช้าเลย

     

    ....ดังนั้นสำหรับอาหารสองมื้อบริการฟรี มีโอกาสได้กินจึงต้องขอกินตุนรองท้องไว้ก่อน

     

    “ถ้าอย่างนั้น ทำไมการเลือกสภานักเรียนถึงไม่ใช้ระบบนี้บ้างล่ะ” มังกรเพลิงซักต่อ ประกายในสายตาคู่สีแดงเข้มฉายแววครุ่นคิด  มันกำลังนึกเปรียบเทียบระบบสังคมมนุษย์กับฝูงมังกรที่มันโตมา และก็กำลังพยายามทำความเข้าใจกับระบบแปลกๆของมนุษย์ที่เรียกว่าการเลือกตั้ง

     

    “ก็เพราะว่า ที่นี่คือโรงเรียน แถมคนรับตำแหน่งมันก็เป็นนักเรียนอย่างเราๆ ดังนั้นมันจึงไม่มีทายาทไว้สืบน่ะสิ” เคชเงยหน้าจากจานข้าวขึ้นมาตอบ แล้วก็โดนเด็กหนุ่มผมเงินถลึงตาใส่

     

    “ทะลึ่ง”

     

    คำบริภาษมีผลทำให้พรานป่าเพียงยักไหล่ ก่อนจะก้มกลับลงไปกินข้าวในจานตนเงียบๆอย่างคร้านที่จะเถียงต่อ สำหรับไพรเถื่อนฟลอเรนส์ เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องสามัญปรกติแท้ๆ เป็นเรื่องแกล้มเหล้าเฮฮาข้างกองไฟในคืนล่าสัตว์ หรือว่าเจ้าชายนี่มันยังไม่เคยก็ไม่รู้

     

    เฟนริลพยักหน้าหงึกๆอย่างเข้าใจอย่างน้อยคำตอบดังกล่าวก็ใช้ได้ผล

     

    “ตกลงมื้อเที่ยงนี้นายจะไม่กินอะไรหน่อยหรอ เฟนริล” เจ้านายมังกรเพลิงตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องก่อนที่จะบทสนทนาจะวกเข้าสู่เรื่องอโคจรไปมากกว่านี้ ก่อนแดริลมาเฟนริลมันก็เอาแต่นั่งทำหน้าซังกะตายเป็นมังกรรันทดไม่พูดไม่จา ตอนนี้หายจากโหมดชีวิตลำเค็ญแล้ว ถ้าไม่หาอะไรกินตอนนี้ มีหวังได้มาบ่นหิวข้าวในชั่วโมงคาบบ่ายแน่ บ่ายนี้ยิ่งมีเรียนวิชาประวัติศาสตร์ซึ่งขึ้นชื่อว่าแสนจะน่าเบื่ออยู่ด้วย

     

    และเขาก็ไม่สนับสนุนการแอบเอาขนมเข้าไปกินในห้องเรียนแต่อย่างใด….

     

    “ไม่” เด็กหนุ่มผมแดงส่ายหน้าปฏิเสธ แค่เห็นเคชกินเขาก็อิ่มแทนแล้ว “ว่าแต่ แล้วทำไมเจ้าถึงอยากเป็นสภานักเรียนอะไรนี่นักล่ะ ดีอัส”

      

     

     คราวนี้กระทั่งพรานป่าแห่งฟลอเรนส์ก็ยังต้องเงยหน้าขึ้นมารอฟังคำตอบด้วย

     

     ดีอัสนิ่งเงียบ ท่าทางครุ่นคิด ทว่ารออยู่นานสองนาน ก็ไม่มีคำตอบใดหลุดออกมาจากปากเจ้าชายน้ำแข็ง คล้ายกับว่าคำถามนั้นยากเกินไปที่จะตอบ

     

    “ไม่รู้หรอก” สุดท้ายโดนจ้องหนักๆเข้า คนเป็นรัชทายาทก็ชักจะทนไม่ไหว ตอบเอาชนิดกำปั้นทุบดินเสียอย่างนั้น ไม่รู้ไปติดนิสัยแบบนี้จากใครมา “ฉันก็แค่อยากเป็นก็เท่านั้นเอง แค่ไม่อยากต้องมารับคำสั่งจากเพื่อนรุ่นเดียวกัน”

     

     

    ที่แท้ก็บ้าอำนาจนี่หว่า

     

    เคชกับเฟนริลยิ้มเจื่อน คิดพร้อมกันในใจ

     

    ทว่าไม่ใช่หรอก แม้จะเป็นเพื่อนกันได้เพียงแค่เดือนเศษ แต่ทั้งสองคนก็รู้ดี เจ้าชายดีอัส เรเฟรัส ไม่ได้เป็นคนบ้าอำนาจ หากแต่เป็นคนที่หยิ่งทระนงอย่างรุนแรง รักศักดิ์ศรีมากเสียยิ่งกว่าสิ่งใด เขาจะไม่มีวันยอมทำตามคำสั่งของคนที่เขาถือตัวว่าต่ำกว่าหรืออยู่ในระดับเดียวกันเป็นอันขาด

     

    “ข้าเข้าใจ” เฟนริลพยักหน้าหงึกๆ ดูเป็นมังกรที่เข้าใจอะไรง่ายดี “ข้าเองก็ไม่อยากรับคำสั่งจากคนที่ข้าไม่ได้ยอมรับ”

     

    “ฉันก็เข้าใจ” เคบถอนหายใจเฮ้อ รวบช้อนส้อมเป็นสัญญาณว่าอิ่มแล้ว ก็แน่ล่ะ ข้าวพูนจานนั่นเกลี้ยงฉาดไม่เหลือสักเม็ดแล้วนี่

     

    พลันนัยน์เนตรสีอำพันก็วาววาบขึ้น มันไร้แววล้อเล่นยามเงยขึ้นสบกันสายตาคู่สีน้ำเงินเข้ม 

     

    “แต่ว่า ฉันเองก็เหมือนกัน ฉันก็ไม่อยากรับคำสั่งจากใครทั้งนั้น” พรานป่ายิ้มเย็น เป็นรอยยิ้มที่ดูไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นของเจ้าคนมากเล่ห์กวนประสาท

     

    “ปัญหาก็คือ ตำแหน่งหัวหน้ารุ่น มีได้เพียงคนเดียวเสียด้วย”

     

     

    มันคือคำท้าท้าทายแบบไม่ไว้หน้า เป็นสารท้ารบที่บอกชัดว่าต้องการจะลองดี

     

    “นั่นสินะ” คนทำตัวเป็นเจ้าชายน้ำแข็งรับด้วยน้ำเสียงราบเรียบไร้อารมณ์ หากนัยน์เนตรสีน้ำเงินเข้มกลับเริ่มคุกรุ่นขึ้นมาเป็นประกายถือดีที่จะไม่ยอมให้ใครมาหมิ่นศักดิ์ศรีโดยง่าย

     

    เงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนคำบัญชาจากเจ้าชายจะประกาศกร้าว

     

    “ถ้าอย่างนั้น ฉันขอท้านาย เคช เซเบเรีย”

     

    “เปลี่ยนเป็นพนันดีกว่า” คนเป็นพรานยิ้มท้า สีหน้าแสดงชัดว่าทันเกม “ใครแพ้ คนนั้นต้องทำรายงานให้อีกฝ่ายทุกวิชาตลอดเทอมเลยเป็นไง”

     

    “เพิ่มเดิมพันลงไปด้วยอีกหนึ่งพันแต้ม คนแพ้ต้องจ่ายหนึ่งพันแต้มให้คนชนะ” ดีอัสเองก็ไม่ยอมง่ายๆเช่นกัน

     

    “ล้างจานสามสัปดาห์” มังกรเพลิงแกล้งเสริม นึกไม่ถึงว่าไอ้คนที่ทะเลาะกันอยู่จะบ้าจี้พยักหน้าหงึกรับด้วย

     

    “ตกลง” เจ้าชายหนุ่มผมเงินตอบเสียงหนักแน่น “ฉันตกลงแล้ว นายล่ะ ว่ายังไง?”

     

    “ได้!” พรานป่ารับคำท้า โดยมีมังกรเพลิงมองหันหน้าซ้ายทีขวาทีอย่างไม่รู้จะทำยังไงกับสถานการณ์ตรงหน้าดี ไอ้จากที่แหย่กันไปแหย่กันมา มันกลายเป็นการประกาศสงครามระหว่างเพื่อนไปได้ยังไงล่ะเนี่ย

     

    “ข้าว่า..” เฟนริลกระแฮ่ม พยายามเลิกให้เพื่อนรักสองคนจ้องตากันให้ได้

     

    “พวกเจ้าดูมั่นใจกันจังนะว่าจะได้เป็นหัวหน้ารุ่น แดริลมันก็เพิ่งบอกไปไม่ใช่หรือไงว่ามันก็จะลงแข่งด้วย แล้วไหนจะคนอื่นอีก”

     

    “อ้อ เรื่องนั้นไม่เป็นปัญหาหรอก!” ทั้งคู่ตอบโดยพร้อมเพรียง ก่อนจะหันไปทำตาลุกเป็นเพลิงโชติช่วงชัชวาลใส่กันต่อ ชนิดที่มังกรไฟชักอยากจะเปลี่ยนร่างเป็นมังกรน้ำเสียเดี๋ยวนั้น หรือไม่ก็เดินไปเอาน้ำซักถังมาราดโครมใส่หัวทั้งคู่เลยทีเดียว

     

                      ทว่าก่อนที่เด็กหนุ่มผมแดงจะทันได้ลุกเดินไปหยิบถังน้ำมาราดหัวนายท่านและองค์ชายมังกรจริง เสียงเอะอะก็ดังขึ้น ปรกติโรงอาหารกลางประจำโซนจะแน่นขนัดและเต็มไปด้วยเสียงเอะอะเป็นประจำอยู่แล้ว แต่นี่มันเลยเวลาเที่ยงมานานโขจนเกือบบ่ายสอง  คนก็น้อยลงเป็นเงาตามตัวจนเหลือที่นั่งว่างอยู่เต็มไปหมด แล้วไอ้เสียงนรกแสบแก้วหูนี่มันมาจากไหนกัน

     

    เคชมุ่นหัวคิ้ว เสียงนั้นช่างเป็นเสียงที่คุ้นหู….เหมือนหมากับแมว?

     

     

     

    ....โฮ่งๆๆๆ!..แฮ่!!..แง๊ว!!!!!...

     

    ราวกับจะยืนยันความคิดของเขา ทันใดนั้นเงาสีส้มของร่างเปรียวก็พุ่งสีขาผ่านหน้าพวกเขาไปอย่างไม่คิดชีวิต ตามติดมาด้วยสุนัขป่าสีดำขนาดใหญ่ซึ่งกำลังแยกเขี้ยวยิงฟันท่าทางดุร้ายไล่กวดชนิดปลายเส้นขน  แทบจะเห็นภาพฝุ่นตลบติดตามหลังไปด้วยเลยทีเดียว

     

    ทั้งสามคนหันมามองหน้ากันพลางกระพริบตาปริบๆ ลืมเรื่องที่ทะเลาะกันอยู่ชั่วคราว ต่างคนต่างมีความคิดตรงกันว่านี่มันเรื่องอะไรกัน(วะ?)

     

    “นั่นข้าจำได้ว่า หมานั่นคือเคลนะ” มังกรเพลิงเอ่ยเสียงแหบออกมาเป็นคนแรกหลังจากที่หายจากอาการอึ้งแล้ว ตามมาด้วยพรานป่าจากฟลอเรนส์

     

    “ส่วนแมวนั่นก็เรเชีย”

     

                      ดีอัสไม่พูดอะไร แต่ก็พยักหน้าเห็นด้วยทุกประการอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง ก็จะมีหมามีแมวที่ไหนอีกล่ะในโซนหอคอยแดงแห่งนี้ นอกเสียจากเด็กหนุ่มเผ่าหมาป่านามเคลและยัยแมวเปอร์เซียสีส้มฟูนามเรเซียที่เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนของเขาเอง โบราณว่าหมากับแมวไม่ถูกกันก็เห็นจะจริงดังว่า เพราะตลอดมาก็เห็นสองคนนี้คอยพองขนขู่แง่งใส่กันตลอด เดี๋ยวก็ดีกัน เดี๋ยวก็ทะเลาะกัน ไม่รู้ด้วยความหมั่นไส้ส่วนตัวหรืออคติทางเผ่าพันธุ์กันแน่ แต่ที่แน่ๆก็คือ ยังไม่เคยมีใครเห็นสองคนนี้กลับร่างเป็นสัตว์สี่ขาวิ่งไล่กันขนาดนี้มาก่อนเลย สงสัยครั้งนี้คงทะเลาะกันรุนแรงจริงๆ

     

                      “ไปห้ามดีไหม?” เฟนริลเสนอต่อ ท่าทางคงเป็นกรรมการห้ามมวยระหว่างเพื่อนร่วมห้องทั้งสองจนชำนาญ ไปๆมาๆก็เลยติดนิสัยเผื่อแผ่มาถึงเพื่อนร่วมรุ่นด้วย

     

                      “นั่นสิ” เคชเห็นด้วย “ขืนปล่อยไว้แบบนี้เดี๋ยวเรเชียก็ได้โดนไอ้เคลเขมือบพอดี”

     

                      ทั้งสามคนหันมามองหน้ากัน ยังไม่ทันได้ลงมือทำอะไร ก็พอดีกับที่เด็กหนุ่มคนหนึ่งวิ่งทั่กๆผ่านหน้าพวกเขาไปอีกคน เส้นผมสีทองยาวถึงกลางหลังของเขาปลิวตามแรงเคลื่อนไหวของร่างกาย ท่าทางเหนื่อยหอบอยู่ไม่น้อย แสดงว่าคงวิ่งตามมานานทีเดียว

     

                      ดวงตาหลังเลนส์แว่นหนาเตอะนั้นแปลกมันเป็นสีดำเหลือบม่วง ชวนให้นึกถึงงูพิษร้ายอย่างบอกไม่ถูก.. 

     

                      “เคล!!เรเชีย!!!หยุดเดี๋ยวนี้นะครับ!!” ผู้มาใหม่ตะโกนด้วยเสียงล้า ซ้ำยังทั้งแหบทั้งแห้งคล้ายตะโกนมานาน ดูๆไปก็คล้ายเจ้าของที่วิ่งไล่ตามสัตว์เลี้ยงจอมดื้อไม่เชื่อฟัง

     

                      “เนลล์ เวลัน” เจ้าชายคนพูดน้อยเรียกอีกฝ่ายไว้ พอได้ยินคนเรียกชื่อตน เด็กหนุ่มผมทองผู้สวมแว่นหนาท่าทางเป็นเด็กเรียนก็ชะงักพรืด หันขวับมาทางต้นเสียงทันที พลันเขาก็ทำหน้าตื่นปนขายหน้านิดๆเมื่อเห็นเพื่อนร่วมรุ่นสามคนกำลังจ้องเขาอยู่ด้วยสายตาแปลกๆ

     

                      “เอ่อ สวัสดีครับ ดีอัส” เขาหัวเราะแหะๆ ทำท่าละล้าละลัง เลือกไม่ถูกระหว่างจะไปตามเพื่อนที่เตรียมจะทำศึกสายพันธ์กันอยู่รอมร่อดี หรือว่าจะอยู่คุยกับเพื่อนร่วมรุ่นตรงนี้เพื่อไม่ให้เสียมารยาทดี

     

                      “แล้วก็..เคช..กับเฟนริล” เนลล์สามารถเรียกชื่อทั้งหมดได้อย่างถูกต้อง ตามปรกติแล้วในห้องเรียนเนลล์ก็ไม่ใช่คนโดดเด่นอะไร เขาสามารถนั่งหลับได้ทั้งคาบในวิชาหนึ่ง ในขณะที่อีกวิชาหนึ่งก็อาจจะนั่งจดเล็กเชอร์มือเป็นระวิง ถ้าจะให้มีความโดดเด่นอยู่บ้าง ความโดดเด่นนั้นก็อยู่ที่การคอยเป็นกรรมการห้ามทัพระหว่างหมาแมวเสียมากกว่า

     

                      ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ ที่เนลล์ เรเซีย และเคล ได้มาจับผลัดจับพลูอยู่กลุ่มเดียวกัน แต่ทั้งๆที่เนลล์ดูเป็นคนเรียบๆท่าทางใจดีออกอย่างนี้ ทว่าก็เห็นสามารถปรามเพื่อนร่วมห้องทั้งสองเวลาทะเลาะกันได้ทุกครั้งเคชว่าจะถามเคลเรื่องนี้หลายทีแล้ว ทว่าก็ลืมทุกที

     

                      “ลำบากหน่อยนะ ต้องมาคอยห้ามทัพสองคนนั้นอยู่เรื่อย”  เฟนริลเปรยขึ้นด้วยน้ำเสียงเข้าอกเข้าใจ ส่วนหมากับแมวตอนนี้ไม่รู้วิ่งหายไปไหนแล้ว เหลือทิ้งไว้แต่เพียงเด็กหนุ่มผมทองเจ้าของนัยน์ตาสีเหลือบม่วงที่กำลังถอนหายใจเฮ้ออย่างปลงอนิจจัง

     

                      “ครับ ลำบาก” เขายกมือขึ้นขยับแว่น ท่าทางเป็นความเคยชินมากกว่าอย่างอื่น “แต่ก็ชินแล้วแหละครับ สองคนนั่นทะเลาะกันประจำทุกวัน”

     

                      เนลล์หัวเราะแหะๆ เมื่อเขาหัวเราะ ดวงตาที่เหมือนงูพิษของเขาก็หัวเราะตามไปด้วย และพรานป่าก็รู้สึกว่ามันคล้ายกับมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ เป็นความระแวงในใจลึกๆที่เขาก็หาสาเหตุให้ตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่าทำไม 

     

                      “จริงสิ เนลล์ นายจะลงสมัครประธานรุ่นไหม”

     

                      เคชถามเหมือนหาเรื่องชวนคุยมากกว่าจะอยากรู้จริงจัง ลืมไปเลยว่าข่าวนี้คงยังไม่มีใครรู้ ส่วนดีอัสนั้นเมื่อได้ยินก็มุ่นหัวคิ้วเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเพราะรอฟังคำตอบหรือเพราะว่าไม่พอใจที่เพื่อนร่วมกลุ่มเอาข่าวนี้ไปแพร่งพรายกันแน่

     

                      แต่จากนิสัยของเจ้าชายผมเงินแล้ว เหตุผลหลักของหัวคิ้วที่ขมวดมุ่นก็น่าจะเป็นอันแรกเสียมากกว่า

     

                      “ประธานรุ่นหรือครับ?” น้ำเสียงย้อนถามนั้นงุนงงอย่างที่ทุกคนคาดการณ์ไว้ เฟนริลพยักหน้าหงึกๆ อวดความรู้ที่เพิ่งถูกสอนมาสดๆร้อนๆ

     

                      “ใช่ ก็เหมือนกับการเลือกมังกรหัวหน้าฝูงนั่นแหละ”

     

                      “มังกรหัวหน้าฝูง?” เนลล์ดูงงหนักกว่าเดิม และก็ดูลืมไปเรียบร้อยแล้วว่าตนกำลังอยู่ระหว่างการวิ่งไล่ตามเพื่อนร่วมกลุ่มทั้งสองที่ป่านนี้ไม่รู้ไปทะเลาะกันต่อที่ไหนแล้ว

                      “ประธานรุ่นของชั้นปีเรา จะมีการเลือกในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า” ดีอัสผู้ซึ่งทนมองต่อไปไม่ไหวช่วยอธิบายให้แทน หรือกล่าวคือเจ้าชายผมเงินนั้นหยิ่งพอที่จะเล่นทุกอย่างตามเกมอย่างยุติธรรม พรุ่งนี้เขาคงนำข่าวดังกล่าวไปแจ้งให้เพื่อนร่วมรุ่นทุกคนทราบเป็นแน่ 

     

                      “อ้อ ถ้าอย่างนั้นไม่หรอกครับ” เด็กหนุ่มผมสีทองตอบพลางส่ายหน้า “แค่นี้ผมก็ปวดหัวกับสองคนนั่นมากพอแล้ว”

     

                      มังกรเพลิงพยักหน้าหงึกๆอย่างเห็นด้วยเต็มที่ งานนี้ต่อให้เอาน่องไก่ชิ้นโตหรือสเต็กมีเดียมแรร์มาล่อเขาก็ไม่เอาด้วยหรอก ไอ้ตำแหน่งประธานรุ่นเนี่ย ยิ่งเห็นเพื่อนร่วมกลุ่มทั้งสองตั้งท่าท้าทายวางเดิมพันกันซะขนาดนั้นแล้ว เขาก็คร้านที่จะเข้าไปร่วมวงหาเรื่องปวดหัวด้วย  

     

                      “ว่าแต่” เนลล์เว้นจังหวะไปเล็กน้อย เขาขยับแว่น ดูเหมือนจะเป็นความเคยชินมากกว่าอย่างอื่น “ทั้งสามคนจะลงสมัครกันหรือครับ?”

     

                      “ข้าไม่” เฟนริลรีบตอบทันทีพลางสั่นหัวดิก “แต่สองคนนั้นน่ะใช่”

     

                      หัวหน้ากลุ่มแมวกับหมาหันไปมองเพื่อนสองคนที่เหลือด้วยสายตาประหลาดใจ

     

                      “อย่างนั้นหรือครับ”

     

                      “อืม ก็อย่างนั้นแหละ” เคชเป็นฝ่ายพยักหน้ารับรอง ส่วนดีอัสนั้นยังคงยืนนิ่งทำหน้าไร้อารมณ์ แต่สำหรับเจ้าชายหนุ่มผมเงินแล้ว การนิ่งเท่ากับการยอมรับ

                     

    ….ล่ะมั้ง ไม่มีใครเดาความคิดเจ้าชายดีอัส เรเฟรัสถูกหรอก….

     

                      “ที่นี่ก็คงกลายเป็นสนามรบย่อมๆเลยแหละครับ” เนลล์หัวเราะแหะๆ เขาไม่ใช่คนที่ดูเป็นคนกล้าหาญนัก ทว่าก็ไม่ได้ถึงกับเรียกได้ว่าขลาดกลัว ดูเป็นคนเรื่อยๆสบายๆและรักความสงบเสียมากกว่า

     

                      ซึ่งมันก็ช่างขัดกับดวงตาสีม่วงสดราวกับงูพิษของเขาเสียเหลือเกิน

     

                      “แล้วเคลล่ะ นายว่าเขาจะสมัครหรือเปล่า” พรานป่าถามถึงเด็กหนุ่มหมาป่าเพื่อนร่วมกลุ่มของเนลล์ คนถูกถามนิ่งคิดอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนจะพยักหน้า

     

                      “ขานั้นคงไม่พลาดหรอกครับ เผ่าพันธุ์เซเบรุสชอบเรื่องท้าทายห้ำหั่นแบบนี้อยู่แล้ว”  

     

                      “อ๊ะ!จริงสิ!!” จู่ๆเด็กหนุ่มผมทองก็อุทานขึ้น ทำหน้าตื่น

     

                      “ป่านนี้เคลกับเรเซียจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ ผมขอตัวไปตามก่อนนะครับ”

                      และแล้วโดยไม่รอคำตอบ เนลล์ก็หันมาโค้งปลกๆให้พวกเขาก่อนจะรีบวิ่งทั่กๆจากไปพรวดพราดเช่นเดียวกับขามา ทิ้งไว้เพียงสายตาสามคู่ซึ่งกระพริบปริบๆมองตามหลังเขาไปอย่างงุนงง

     

                      “นายว่าเนลล์มันแปลกๆไหม” เคชเป็นคนแรกที่หาเสียงตัวเองเจอในที่สุด เขาพึมพำพลางโคลงศีรษะด้วยความระอาในชะตาชีวิตตัวเองที่อยู่ฟลอเรนส์ดีๆไม่ชอบ ดันหลวมตัวจับผลัดจับพลูมาอยู่โรงเรียนประหลาดที่มีแต่นักเรียนประหลาดกว่านี่

     

                      “ฉันว่าเฟนริลแปลกกว่า” คนเป็นเจ้าของมังกรเพลิงค้านด้วยน้ำเสียงมีเหตุผล ในขณะที่เด็กหนุ่มผมแดงผู้ถูกพาดพิงสะดุ้ง รีบหาทางโบ้ยตำแหน่งจ้าวแห่งความแปลกให้เพื่อนร่วมกลุ่มอีกคนอย่างรวดเร็ว

     

                      “ข้าไม่แปลก” เฟนริลยืนยันความปรกติของตัวเอง ดวงตาสีโกเมนหันไปมองพรานป่าแห่งฟลอเรนส์ พลางชี้นิ้วเป็นเชิงกล่าวหา

     

                      “อย่างน้อยข้าก็เป็นมังกรพันธุ์แท้ ไม่ได้เป็นมนุษยืไม่ใช่ มังกรไม่เชิง ครึ่งๆกลางๆอย่างใครบางคน”

     

                      เคชยิ้มแยกเขี้ยว มือกำหมัดแน่นหักข้อนิ้วกร๊อบๆอย่างพร้อมมีเรื่องเต็มแก่ ในขณะที่เฟนริลเองก็ทำสีหน้าไม่รู้ไม่ชร้ลอยหน้าลอยตาท้าทายไม่แพ้กัน ส่วนดีอัสนั้นทำสีหน้าปลงอนิจจัง พอจะเห็นเค้าลางแห่งความหายนะโรยรำไรอยู่รอบตัวอย่างไม่มีทางปฏิเสธ

     

                      ...ควรจะรู้ได้ว่า ด้วยระยะเวลากว่าสองเดือนที่ผ่านมานี้ ทำให้มังกรเพลิงหมดสิ้นซึ่งความเคารพในตัวเจ้าชายครึ่งๆกลางๆของตนไปเรียบร้อยแล้ว

     
    ..........................................................................

    อืม...รีดเดอร์ที่รักทุกท่าน เคยได้ยินสำนวนที่ว่าเหล้ายิ่งดองนานยิ่งดีกันบ้างไหม ไรท์เตอร์เองก็ เอ้อ...แหะๆ ไม่มีข้อแก้ตัว นอกจากกำลังเมามันกับการแต่งนิยายเรื่องใหม่ซึ่งมิสามารถนำมาลงเด็กดีได้ (มันเป็นแนวdark fantasy) 

    ตอบโพสๆ อุ คนโพสไว้จะจำได้ไหมนะว่าเคยมาเม้นท์ 

    คุณMad Mint  : ขอบคุณที่ช่วยแก้ให้ค่า ไรท์เตอร์เองจบมอหกมาสามปีแล้ว รีดเค้นเอาความรู้เคมีในหัวออกมาสุดๆ แถมยังจำผิดอีกแน่ะ แหะๆๆๆ >///< (ปล. คำว่า บัดซบชีวิตอย่างรุนแรง เจอในงานเขียนเรื่องดราก้อน ดิลิเวอร์รี่ ของพี่ลวิตร์บ่อยค่ะ เลยติดมาใช้บ้าง)

    คุณเอกเองครับ : แดริลเขาซึนน่ะค่ะ :)

    คุณนินิ : แหม..เขิน ขอบคุณที่ชมค่า ขอบคุณอีกครั้งที่ช่วยแก้ให้ อายจริงๆ >///< 

    คุณjiji : ฮ่าๆๆๆๆ มีอุบไว้ แต่หลายๆท่านคงเดาได้แล้วแหละค่ะว่าใครเป็นนางเอก

    คุณannaaa : ขอบคุณค่า แหม ไรท์เตอร์เป็นปลื้ม จะพยายามรีบมาต่อให้เร็วที่สุดเท่าที่สังขารและความขยันจะอำนวยค่า (//โครม)

    คุณWhiteWingzxx : ว้าววววว ขอบคุณค่า เป็นปลื้มกับคำชม ได้กำลังใจดีแบบนี้ จะรีบปั่นเลยค่า

    คุณPrince Player : เคชฝากบอกว่าขอบคุณที่ชมผมคร๊าบบบ (//หมั่นไส้ โดนเฟนริลแอบเอาตัวบุ้งไปวางไว้บนเตียง)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×