คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : แมวจับหนู(RW100%)
“คุณเป็นใครกันแน่?!”
เคชขยับปืน จ้องอีกฝ่ายเขม็งด้วยสายตาเครียดจัด นัยน์เนตรคู่สีน้ำเงินเข้มจ้องตอบเขามา สายตาคู่สีน้ำเงินของดีอัส…แต่ก็ไม่ใช่ของดีอัส ดีอัสไม่เคยทำสายตาแบบนี้ สายตาของดีอัสต้องเย็นเยียบ ไร้อารมณ์ ทำตัวประหนึ่งตนเองเป็นงานประติมากรรมน้ำแข็ง บางครั้งเวลาโกรธก็อาจจะแผดร้อนกลายเป็นพระเพลิงเผา ทว่าไม่เคย…ไม่เคยที่จะยิ้มลึกลับ ไม่เคยจะมองคนอื่นด้วยสายตาเหมือนพยัคฆ์ร้ายกำลังล้อเล่นกับเหยื่อ เหมือนดอกกุหลาบราตรีที่ใช้กลีบดอกสีแดงสดบดบังหนามพิษร้ายเอาไว้
“นั่นสิ…ฉันเป็นใครกันนะ” ดวงหน้างามเล่นลิ้น สายตาที่จ้องมายังปากกระบอกปืนซึ่งเล็งกลางแสกหน้าตนเองนั้นไร้ซึ่งความหวาดเกรง เธอเอียงคอเล็กน้อย ริมฝีปากสีชาดขยับยิ้มล้อเลียน
“แต่นั่นก็ยังไม่สำคัญเท่ากับว่า ฉันคนนี้โดนหันอาวุธเข้าใส่ มันน่านัก…น่าฆ่าจริงๆ”
สิ้นคำ ด้วยความเร็วเหลือเชื่อ ร่างบางก็พุ่งวูบเข้าใส่พรานป่า เพียงพริบตาก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้าราวกับมีเวทมนต์ตัดระยะ อากาศส่งเสียงกรีดร้องแสบแก้วหูยามคมดาบตัดสะบั้นลงมาเฉียดต้นคอไปเพียงเส้นยาแดง เคชผงะเฮือก เอี้ยวตัวหลบทันเพียงฉิวเฉียด เขากระโดดถอยหลังตามสัญชาติญาณ นิ้วกระดิกอีกเพียงนิดเดียวก็จะลั่นไกตามความคุ้นเคยของพรานไพร ทว่าห้วงสำนึกก็หยุดเขาไว้ เขายิงไม่ได้…ร่างนั้นเป็นร่างของดีอัส..เป็นร่างของเพื่อนเขา
…เขาจะยิงไม่ได้…
ปัง!!
เด็กหนุ่มกระชากลูกเลื่อน ลั่นไกหมายตำแหน่งเป็นดาบในมือเจ้าหล่อน ด้วยฝีมือระดับเจ้าของรางวัลงานแข่งมานับไม่ถ้วน กระสุนแล่นตรงพุ่งเข้ากลางเป้าหมายอย่างไม่ควรพลาดเป้า ทว่าอีกเพียงแค่ไม่ถึงคืบก่อนคมกระสุนจะกระชากด้ามโลหะให้กระจุย เด็กสาวก็ขยับแย้มยิ้มเหมือนกำลังเล่นสนุก เธอพลิกข้อมือนิดเดียว คมดาบก็กลับเป็นฝ่ายเฉือนกระสุนปืนทิ้งเป็นสองท่อนอย่างง่ายดาย
“ถ้าเป็นเจ้าชายก็ควรจะรู้ตัวไว้ หันอาวุธเข้าใส่ใครย่อมหมายถึงการประกาศสงคราม” เสียงหวานกระเซ้า เคลื่อนกายเข้าไปใกล้พลางยกดาบขึ้นช้าๆ กิริยาเนิบนาบนั้นเต็มไปด้วยความไหลลื่นทรงพลัง ดวงเนตรคู่สีน้ำเงินเข้มจ้องประสานกับสายตาเบิกกว้างของพรานป่า เคชเหงื่อซึมชื้น ปืนได้แต่ยกค้างไว้อย่างนั้น มองคมดาบที่กำลังจะฟาดลงมาสะบั้นชีวิตเขาราวกับหนูน้อยที่ถูกมนต์สะกดของงูทำให้หลงใหล
เขากำลังจะตาย…จะตาย…ไม่!
ไม่!!!
ปัง!ปัง!ปังๆๆ!!
ลูกโม่กระบอกจิ๋วในมือรัวออกไปด้วยสัญชาติญาณการเอาตัวรอด แรงขับดันที่กริ่นเกรงต่อความตายมีอำนาจเหนือยิ่งกว่าห้วงความคิด พรานป่าลั่นไก ความหวาดกลัวราวกับน้ำแข็งเย็นยะเยือกไล่ลามเกาะกุมหัวใจของเขาไว้ เขาก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว ท่าทีหยิ่งผยองมั่นใจในตัวเองกลับกลายเป็นสีหน้าพรั่นพรึงต่อความเก่งกาจที่รู้ดีว่าตนมิอาจเอาชนะ
“นี่หรอเจ้าชายลูกครึ่งแห่งเอร์ริเธียร์ เจ้าชายแห่งชะตากรรม” เด็กสาวเยาะ ดวงหน้างามยิ้มเย้ยหยันดูถูก ความสวยจัดนั้นช่างราวกับกุหลาบสีแดงเลือดนกที่อุดมไปด้วยเข็มพิษร้าย มือเรียวข้างที่ไม่ได้ถือดาบยกขึ้นเสมอดวงหน้า กางออกเป็นเขตอาคมขวางกั้นระหว่างฝูงกระสุนและกายเนื้อของตนไว้ เมื่อกระทบเข้ากับปราการโปร่งใส ลูกปืนทั้งหมดก็พลันกระดอนและร่วงหล่นลงสู่พื้นแนบเท้าหล่อนราวกับยอมศิโรราบ
“ฝีมือมีแค่นี้ แล้วจะไปสู้กับปักษาเพลิงทมิฬได้อย่างไรกัน”
คมดาบตวัดวูบ เคชยกลูกโม่กระบอกจิ๋วขึ้นกันได้ทันเวลา ปืนที่แม้จะเล็กราวกับปืนพกของผู้หญิง หากก็ถูกสร้างขึ้นอย่างสุดฝีมือจากลูกชายคนเล็กของเจ้าของร้านกันสมิธ ปืนที่จอห์น…เพื่อนรักที่สุดของเขาสร้างมันขึ้นมาให้เขาโดยเฉพาะ
เคร้ง!!
เกิดเสียงแหลมบาดแสบแก้วหูเมื่อดาบเฉือนเนื้อโลหะของกระบอกปืนและฝังลึกลงไปในนั้น เคชกัดฟันกรอด พยายามออกแรงต้าน แรงนั้นมากมายมหาศาลจนไม่น่าเชื่อว่าจะกำเนิดขึ้นจากร่างบอบบางของเด็กสาว พริบตาที่สายตาประสานกัน เธอก็ยิ้มให้เขา ยิ้มอันตรายที่ทำให้พรานป่าหัวใจกระตุกวูบ ทว่าไม่ทันเสียแล้ว ฉับพลันเธอก็ใส่แรงเข้ามาในดาบ เพิ่มแรงกดเข้ามามหาศาลภายในชั่วพริบตาจนคนเป็นพรานรั้งไว้ไม่อยู่ เคชถูกแรงนั้นกระแทกจนหงายหลังล้มไปข้างหลัง กระเด็นครูดไปกับพื้นชนกำแพงเสียงดังสนั่น
“เคช!”
เฟนริลอุทาน มังกรเพลิงกัดฟันกรอด รีบขยับปราดเข้ามาหมายจะขวางระหว่างเพื่อนและเด็กสาวลึกลับไว้ มือทั้งสองข้างยกขึ้นป้องเหนือใบหน้าด้วยตั้งใจจะเอาท่อนแขนของตนรับคมดาบหากอีกฝ่ายฟาดอาวุธลงมา ทว่าเด็กสาวนั้นเร็วเกินไป เฟนริลสัมผัสได้เพียงปลายเส้มผมสีน้ำเงินเข้มที่นุ่มลื่นดั่งเส้นไหมยามสะบัดผ่านหน้าเขาไป
เด็กหนุ่มรีบหันหลังขวับทันที หากช้าไปแล้ว ร่างบางกลับไปเผชิญหน้ากับพรานป่าที่ยังคงยกปืนสั้นขึ้นเล็งแม้อยู่ในท่านั่ง เด็กสาวเงื้อดาบขึ้น สะบัดเพียงวูบเดียว ชั้นวางของที่อยู่ด้านหลังเจ้าชายมังกรก็กระจุยป็นเสี่ยงๆ
เคชกลิ้งตัวหลบพลางหอบหายใจหนัก รู้สึกได้ถึงความร้อนของอากาศที่วิ่งกรีดผิวแก้มเขาไปเพียงฉิวเฉียด แรงกระแทกทำเอาร่างกายเขาร้องอุทธรณ์ด้วยความเจ็บปวด อวัยวะภายในคงบอบช้ำ เลือดไหลเป็นสายออกจากรอยบาดแผลกรีดริ้วเล็กๆตามแขนขา เด็กหนุ่มดึงเอาเศษไม้ชิ้นเขื่องซึ่งกระเด็นจากแรงระเบิดมาปักอยู่ที่โคนคาตัวเองออก หนังสือเรียนหล่นลงมากระจัดกระจายเต็มพื้น หากตอนนี้เขายังมีอะไรให้น่าห่วงยิ่งกว่าหนังสือเรียน นั่นคือประกายโลหะสีเงินซึ่งกำลังจะพุ่งเข้ามาสะบั้นคอเขา…
“เคช !! “ เฟนริลตะโกนเรียกเพื่อนอีกครั้งด้วยน้ำเสียงร้อนใจจนแทบบ้า มังกรเพลิงคำรามลึก ในร่างมนุษย์นี้มันไม่มีอาวุธ มันยังไม่ชินกับร่างกายสองขาแปลกประหลาดนี้จนสามารถใช้อาวุธแบบพวกมนุษย์ได้ ซ้ำคมเขี้ยวแหลมและกรงเล็บคม รวมไปถึงพละกำลังแบบมังกรก็ถูกจำกัดไว้ เหลือแต่เพียงพลังไฟที่กลายมาเป็นเวทมนต์เพลิงประจำตัว
ตูม!!!
เด็กหนุ่มเจ้าของดวงตาสีทับทิมดิบเถื่อนเขวี้ยงลูกไฟใส่แผ่นหลังบางในชุดผู้ชายหลวมโคร่งนั่น มันไม่ได้ลืมว่านั่นคือดีอัส แต่ตอนนี้มันไม่มีเวลาคิดอะไรทั้งนั้น มันเป็นเสี้ยววินาทีชนิดที่ชีวิตของเคชแขวนอยู่บนเส้นด้าย
ลูกไฟสีแดงก่ำเปล่งรัสมีส้มแสดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆยามลุกไหม้เสียดสีกับอากาศ ใหญ่เสียจนแม้ยืนอยู่ห่างออกมาก็ยังสามารถสัมผัสได้ถึงไอร้อนรุนแรง
เด็กสาวไม่ได้หันกลับมามองด้วยซ้ำ ยามมือเรียวยกขึ้นเสมอหูพลางดีดนิ้วเป๊าะ เพียงแค่นั้นลูกไฟบรรลัยก็พลันสลายกลับกลายเป็นห้วงอากาศว่างเปล่า หากนั่นก็ซื้อเวลาให้เคชมากพอที่จะฝืนร่างที่อ่อนล้าให้ลุกขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
“คุณ…แฮ่ก..คุณเป็นใครกัน….แล้วดีอัส…ดีอัสอยู่ที่ไหน?!” เด็กหนุ่มถามพลางหอบหายใจฮั่ก ถึงกับต้องใช้มือข้างหนึ่งพยุงร่างจนพิงกำแพงไว้ ปลายปากกระบอกปืนจากแขนที่แสนล้าเล็งไปยังร่างสวยจัดของเด็กสาว ดวงตาสีน้ำตาลเข้มจ้องเขม็งอย่างไม่ยอมแพ้
“ดีอัสน่ะหรอ…” ดวงหน้างามหัวเราะเบาๆ สลายดาบให้กลับไปสู่ความว่างเปล่า นิ้วเรียวชี้อกตัวเอง
“ดีอัสน่ะ…หลับอยู่ในนี้ไงล่ะ”
…!!?!!....
เคชเบิกตากว้าง วินาทีแรกเขาไม่เข้าใจสิ่งที่เด็กสาวพูด ปฏิเสธที่จะเชื่อ ทว่าวินาทีต่อมาก็ตระหนักได้ สิ่งที่เธอพูดนั้นเป็นความจริง เป็นความจริงที่มิมีวันเป็นสิ่งอื่นไปได้
เพราะว่า…ดวงตาคู่นั้น ไม่ว่าสีผมจะเปลี่ยนไปหรือร่างกายจะเปลี่ยนเป็นผู้หญิง ทว่าดวงตาสีน้ำเงินเข้มคู่งามนั้น…มันเป็นของดีอัส!
“เจ้าอย่ามาพูดบ้าๆ”
เสียงห้าวของมังกรเพลิงตวาดขึ้น แต่ในโทสะนั้นก็เต็มไปด้วยความตระหนกและไม่แน่ใจจนเกือบเป็นหวาดกลัว ถ้าหากดีอัสเป็นผู้หญิง ถ้าหากดีอัสไม่กลับมา หรือถ้าหากร้ายแรงยิ่งไปกว่านั้นคือดีอัสไม่เคยมีตัวตนอยู่จริงตั้งแต่ต้น พวกเขาจะทำยังไง จะทำยังไงถึงจะได้ตัวเจ้าชายผมเงินจอมยโสผู้เป็นเพื่อนคืนมา…
“ดีอัสจะหลับอยู่ในตัวเจ้าได้อย่างไรกัน เจ้าเป็นผู้หญิง ส่วนหมอนั่นเป็นผู้ชาย อีกอย่าง เส้นผมของดีอัสเป็นสีเงิน ไม่ใช่สีน้ำเงิน” เฟนริลกล่าวหาต่อไป ดวงตาสีทับทิมดิบเถื่อนตามเผ่าพันธุ์ฉายประกายเคร่งเครียดจนแทบเข็งเป็นเกลียว
“นั่นสินะ…” ร่างบางหัวเราะคิกๆ มือเรียวแบประคองลูกพลังเวทสีทองเรืองรอง ลูกพลังนั้นค่อยๆขยายออกช้าๆ เปล่งแสงเจิดจ้าขึ้นเรื่อยๆจนเด็กหนุ่มทั้งสองต้องหรี่ตา
“แต่ในเมื่อมีเจ้าชายลูกครึ่งสองเผ่าพันธุ์ได้ แล้วทำไมจะมีรัชทายาทสองวิญญาณไม่ได้”
จู่ๆลูกพลังนั้นก็ระเบิดออก สาดแสงส่องออกไปทุกทิศทุกทาง เคชยกมือขึ้นป้องใบหน้าโดยอัตโนมัติ เขาได้ยินเสียงมังกรเพลิงคำรามลั่น รู้สึกถึงสายลมที่พัดเข้ามายามร่างเปรียวของหญิงสาวอาศัยแสงกำบังตัวเคลื่อนเข้ามาใกล้ จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงทึบหนักๆเมื่อกำปั้นเล็กชกเข้าเต็มแรงที่ท้องน้อยเขา พรานป่างอตัว ปืนในมือลั่นไกสวนไปเร็วกว่าความคิดจะทันห้าม
ปัง!
ลูกโม่กระบอกเล็กถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นปืนพกป้องกันตัว มันบรรจุกระสุนได้เพียงหกนัด และนี่ก็เป็นนัดสุดท้าย กระสุนพุ่งควงสว่านตามเกลียวออกนอกลำกล้องอย่างลิงโลด แรงขับจากดินระเบิดเคลื่อนมันให้พุ่งทะยานเข้าหาจุดตายของเป้าหมายในระยะเผาขน
เกิดเสียงกรีดร้องของอากาศเมื่อหัวกระสุนตัดผ่านความว่างเปล่า เด็กสาวไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว เธอเบี่ยงตัวหลบ เพียงพริบตาก็อ้อมไปอยู่ทางด้านหลังพรานป่าอย่างง่ายดาย ถ้อยคำหวานกระซิบข้างหู หากกลับทำให้คนเป็นพรานรู้สึกหนาวยะเยือกขึ้นมาตามไขสันหลัง
“แสดงให้ดูหน่อยเถอะ เจ้าชาย ถึงพลังที่จะใช้สังหารปักษาเพลิงทมิฬ!”
เคชชะงักอยู่กับที่ รู้สึกเหมือนเวลาในห้องถูกหยุดไว้ยามเขาค่อยๆยกมือขึ้นแตะต้นคอตนเอง เป็นอย่างที่นึกกลัว มันไม่อยู่แล้ว…จี้โลหะรูปมังกรหมอบซึ่งเป็นเหมือนผนึกปิดพลังของเขาไว้…มันหายไปแล้ว
เด็กหนุ่มหันขวับกลับไปหาร่างบางทันที ดวงตาลุกวาวจ้าดุร้าย โดยเฉพาะเมื่อเห็นมือเรียวกำลังเหวี่ยงสายสร้อยขาดซึ่งมีจี้โลหะแขวนอยู่เล่น
“เอาคืนมา…” พรานป่าคำรามเสียงต่ำ ไอสังหารแผ่ออกจากร่างช้าๆโดยไม่รู้ตัว มันไม่ได้กดดันเหมือนจิตรุนแรงของเด็กสาว ทว่าก็หนักแน่น เปี่ยมไปด้วยอำนาจ
“เอาคืนมา!!!” เคชตวาด ความโกรธกำลังมีอำนาจครอบงำจิตใจเหนือยิ่งไปกว่าความกลัว ภาพเมื่อครั้งก่อนยังคงติดตา เขาไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้นอีกแล้ว ที่ลืมตาขึ้นมาแล้วเห็นเพื่อนบาดเจ็บสาหัสเต็มตัว แบบนั้นไม่เอาอีกแล้ว
“มาเอาเองสิ เจ้าหนู” ริมฝีปากอิ่มแย้มรอยยิ้มท้าทาย เหวี่ยงสร้อยในมือไปมาราวกับจะยั่ว “ถ้าแค่นี้ยังทำไม่ได้ ก็อย่าหวังเลยว่าจะเอาชนะปักษาเพลิง”
ยังไม่ทันที่เคชจะขยับ ร่างสันทัดของมังกรเพลิงก็ขู่คำรามลั่น เฟนริลพุ่งตัวออกไป ทว่าก็ต้องถูกพลังเวทกระแทกกลับมารุนแรงจนตัวลอยไปปะทะชั้นวางของดังโครม
“ไม่ไหวๆ” ดวงหน้างามโคลงศีรษะ ไม่แม้แต่จะหันไปมอง “ฝีมือมีดีแค่นี้เองหรือไง”
เคชร้องลั่น ความรู้สึกทั้งมวลถูกฉีกกระชากออกให้เหลือเพียงความโกรธเกลียดไหลเข้าท้วมท้นจิตใจ เด็กหนุ่มเหวี่ยงปืนเปล่าที่ไร้ประโยชน์ทิ้ง เงื้อกำปั้นลุ่นๆพุ่งเข้าใส่หมายจะทำร้าย เด็กสาวเอี้ยวตัวหลบวูบ ท่าทางสนุกสนานที่เห็นพรานป่าเลือดขึ้นหน้า เธอยั่วเขาเหมือนแมวเล่นกับหนู เหมือนมาทาดอร์เล่นกับกระทิงคลั่งดุร้าย เอาแต่หลบไปหลบมาโดยไม่ยอมตอบโต้
“เคยได้ยินลำนำโบราณไหม….” เด็กสาวหัวเราะหึหึ หงายทิ้งตัวไปข้างหลังปล่อยให้หมัดหนักซัดโดนเพียงอากาศ จี้ในมือเธอเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงช้าๆ ปีกมังกรหลับกำลังค่อยๆสยายออกเป็นดั่งนาฬิกาทรายนับถอยหลังถึงเวลาวินาศที่สายเลือดเทพมังกรจะลืมตาตื่นขึ้น
“บทกลอนที่ขับขานถึงสงครามแห่งชะตากรรมซึ่งจะเป็นวันดับสูญของมวลมนุษย์ จะว่าเป็นคำทำนายจากเทพพยากรณ์ก็ได้ หรือจะมองว่าเป็นเพียงคำพร่ำเพ้อของหญิงพิการเสียสติคนนึงก็ได้”
เคชไม่ตอบ เขาเคลื่อนกายรุกเข้าไปอีกหมายจะทำร้ายและแย่งของคืนจากร่างตรงหน้าให้ได้ แต่ไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่ เด็กสาวตรงหน้าเขาก็ราวกับเงาภูติผี…แม้มองเห็นก็มิอาจแตะต้อง มิอาจสัมผัส
พรานป่าคำราม โทสะในใจแผดเผามากขึ้นเรื่อยๆ ใกล้แล้ว…จิตใต้สำนึกของเขากำลังร้องเตือน..เร่งให้เขาร้อนรน…เขาต้องรีบเอาจี้ผนึกคืนมาก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
“เคช!” มังกรเพลิงตะโกนเรียก เด็กหนุ่มพันธุ์มังกรเลือดไหลโทรม มีเศษไม้ชิ้นเขื่องปักคาอยู่ที่ไหล่ข้างซ้าย หากดวงเนตรสีทับทิมดิบเถื่อนกลับฉายประกายกล้า ในมือของเขาถือไรเฟิลแสนงามสีดำสนิทไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียว
“รับไป!!”
เคชชูแขนขึ้นสูง มือคว้าตะครุบปืนสังหารได้อย่างถนัดถนี่ ดวงหน้าโชกเหงื่อของคนเป็นพรานเริ่มปรากฎรอยยิ้มวาววาบเมื่อได้อาวุธคู่กายมาอยู่ในกำมือ เขารู้สึกได้ถึงน้ำหนักอันคุ้นเคยของปืนที่บรรจุกระสุนเต็มอัตราและความเย็นเยียบของเนื้อโลหะซึ่งจะเปลี่ยนกลายเป็นท่อนเหล็กร้อนฉ่าในไม่ช้า
“ขอบใจ เฟนริล” เด็กหนุ่มกระซิบ สติเริ่มกลับคืนมาอีกครั้งข่มความโกรธที่บังตาให้ซ่อนลึกลงไป มือใหญ่กระชากลูกเลื่อนเจ้าไรเฟิลแฝดดังแกร่ก เมื่อมีมิเกลอยู่ในมือ…ก็ไม่มีสัตว์อะไรที่เขาล่าไม่ได้
“เอาล่ะ พี่สาว…” เขาเรียก หอบหายใจหนักหากแย้มยิ้มกว้าง “ได้เวลาเลิกเล่นเกมแมวจับหนูแล้ว”
…ปัง!!!...
........................................................................................................................
สวัสดีจ้า คงเป็นที่แน่นอนแล้วว่าไรท์เตอร์จะโผล่มาครั้งละ50% =w= แม้ชีวิตฝึกงานจะยุ่งวุ่นวายปวดหัวแค่ไหน ตราบใดที่ยังมีรีดเดอร์คอยตามอ่านคอยให้กำลงใจ ไรท์เตอร์ก็จะยังคงสู้ต่อไป...โอ๊ทส์ (วันนี้มาแนวเพื่อชีวิตมาก...ฮ่า)
คุณวิลเลต : ดีอัสหลับค่ะ มันปิดบังเพื่อนๆมานานว่ามันเป็นคนสองวิญญาณ ที่แท้ก็เป็นพวกพิลึกเหมือนกัน ^ ^
คุณจันทราเงา : ขอบคุณค่าที่ติดตามอ่านตั้งแต่ก่อนรีไรท์จนมาถึงภาครี แหะๆ เนื้อเรื่องเปลี่ยนไปจริงๆค่ะเพราะว่าวางโครงใหม่ให้กระชับขึ้น ขอบคุณสำหรับคำชมนะคะ :))
คุณRarara~ : ฮ่า เปลี่ยนชื่อแล้วหรอคะ > < (อ่านตอนแรกอ่านผิดเป็นRatata...เสียงปืนกลดังรัวๆ รีดเดอร์แต่งฉากต่อสู้มากเกินไปแล้ว= =") คือจะให้ดีอัสเป็นคนปกติคนเดียวในกลุ่มก็น่าน้อยใจแทนยิ่งนัก อย่ากระนั้นเลย ดีอัส นายจงผิดปกติซะเถอะ (เฮ้ย!) >[]<
คุณBlue Star : ขอบคุณมากค่าที่ชม ขอบคุณมากๆเหมือนกันค่า :))
ความคิดเห็น