ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศึกมนตรา..โรงเรียนมหาเวท

    ลำดับตอนที่ #16 : แมวจับหนู(RW100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 646
      2
      30 มิ.ย. 55







                     “คุณเป็นใครกันแน่?!

     

                      เคชขยับปืน จ้องอีกฝ่ายเขม็งด้วยสายตาเครียดจัด นัยน์เนตรคู่สีน้ำเงินเข้มจ้องตอบเขามา สายตาคู่สีน้ำเงินของดีอัสแต่ก็ไม่ใช่ของดีอัส ดีอัสไม่เคยทำสายตาแบบนี้ สายตาของดีอัสต้องเย็นเยียบ ไร้อารมณ์ ทำตัวประหนึ่งตนเองเป็นงานประติมากรรมน้ำแข็ง บางครั้งเวลาโกรธก็อาจจะแผดร้อนกลายเป็นพระเพลิงเผา ทว่าไม่เคยไม่เคยที่จะยิ้มลึกลับ ไม่เคยจะมองคนอื่นด้วยสายตาเหมือนพยัคฆ์ร้ายกำลังล้อเล่นกับเหยื่อ เหมือนดอกกุหลาบราตรีที่ใช้กลีบดอกสีแดงสดบดบังหนามพิษร้ายเอาไว้

     

                      “นั่นสิฉันเป็นใครกันนะ”  ดวงหน้างามเล่นลิ้น สายตาที่จ้องมายังปากกระบอกปืนซึ่งเล็งกลางแสกหน้าตนเองนั้นไร้ซึ่งความหวาดเกรง เธอเอียงคอเล็กน้อย ริมฝีปากสีชาดขยับยิ้มล้อเลียน

     

                      “แต่นั่นก็ยังไม่สำคัญเท่ากับว่า ฉันคนนี้โดนหันอาวุธเข้าใส่ มันน่านักน่าฆ่าจริงๆ”

     

                      สิ้นคำ ด้วยความเร็วเหลือเชื่อ ร่างบางก็พุ่งวูบเข้าใส่พรานป่า เพียงพริบตาก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้าราวกับมีเวทมนต์ตัดระยะ อากาศส่งเสียงกรีดร้องแสบแก้วหูยามคมดาบตัดสะบั้นลงมาเฉียดต้นคอไปเพียงเส้นยาแดง เคชผงะเฮือก เอี้ยวตัวหลบทันเพียงฉิวเฉียด เขากระโดดถอยหลังตามสัญชาติญาณ นิ้วกระดิกอีกเพียงนิดเดียวก็จะลั่นไกตามความคุ้นเคยของพรานไพร ทว่าห้วงสำนึกก็หยุดเขาไว้ เขายิงไม่ได้ร่างนั้นเป็นร่างของดีอัส..เป็นร่างของเพื่อนเขา

     

                      เขาจะยิงไม่ได้

     

     

                      ปัง!!

     

                      เด็กหนุ่มกระชากลูกเลื่อน ลั่นไกหมายตำแหน่งเป็นดาบในมือเจ้าหล่อน ด้วยฝีมือระดับเจ้าของรางวัลงานแข่งมานับไม่ถ้วน กระสุนแล่นตรงพุ่งเข้ากลางเป้าหมายอย่างไม่ควรพลาดเป้า ทว่าอีกเพียงแค่ไม่ถึงคืบก่อนคมกระสุนจะกระชากด้ามโลหะให้กระจุย เด็กสาวก็ขยับแย้มยิ้มเหมือนกำลังเล่นสนุก เธอพลิกข้อมือนิดเดียว คมดาบก็กลับเป็นฝ่ายเฉือนกระสุนปืนทิ้งเป็นสองท่อนอย่างง่ายดาย

     

                      “ถ้าเป็นเจ้าชายก็ควรจะรู้ตัวไว้ หันอาวุธเข้าใส่ใครย่อมหมายถึงการประกาศสงคราม”  เสียงหวานกระเซ้า เคลื่อนกายเข้าไปใกล้พลางยกดาบขึ้นช้าๆ กิริยาเนิบนาบนั้นเต็มไปด้วยความไหลลื่นทรงพลัง ดวงเนตรคู่สีน้ำเงินเข้มจ้องประสานกับสายตาเบิกกว้างของพรานป่า เคชเหงื่อซึมชื้น ปืนได้แต่ยกค้างไว้อย่างนั้น มองคมดาบที่กำลังจะฟาดลงมาสะบั้นชีวิตเขาราวกับหนูน้อยที่ถูกมนต์สะกดของงูทำให้หลงใหล
     

                      เขากำลังจะตาย…จะตาย…ไม่!

     

                      ไม่!!!

     

     

                      ปัง!ปัง!ปังๆๆ!!

     

                      ลูกโม่กระบอกจิ๋วในมือรัวออกไปด้วยสัญชาติญาณการเอาตัวรอด แรงขับดันที่กริ่นเกรงต่อความตายมีอำนาจเหนือยิ่งกว่าห้วงความคิด พรานป่าลั่นไก ความหวาดกลัวราวกับน้ำแข็งเย็นยะเยือกไล่ลามเกาะกุมหัวใจของเขาไว้   เขาก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว ท่าทีหยิ่งผยองมั่นใจในตัวเองกลับกลายเป็นสีหน้าพรั่นพรึงต่อความเก่งกาจที่รู้ดีว่าตนมิอาจเอาชนะ

     

                      “นี่หรอเจ้าชายลูกครึ่งแห่งเอร์ริเธียร์ เจ้าชายแห่งชะตากรรม”   เด็กสาวเยาะ ดวงหน้างามยิ้มเย้ยหยันดูถูก ความสวยจัดนั้นช่างราวกับกุหลาบสีแดงเลือดนกที่อุดมไปด้วยเข็มพิษร้าย มือเรียวข้างที่ไม่ได้ถือดาบยกขึ้นเสมอดวงหน้า กางออกเป็นเขตอาคมขวางกั้นระหว่างฝูงกระสุนและกายเนื้อของตนไว้ เมื่อกระทบเข้ากับปราการโปร่งใส ลูกปืนทั้งหมดก็พลันกระดอนและร่วงหล่นลงสู่พื้นแนบเท้าหล่อนราวกับยอมศิโรราบ

     

                      “ฝีมือมีแค่นี้ แล้วจะไปสู้กับปักษาเพลิงทมิฬได้อย่างไรกัน”

     

                      คมดาบตวัดวูบ เคชยกลูกโม่กระบอกจิ๋วขึ้นกันได้ทันเวลา ปืนที่แม้จะเล็กราวกับปืนพกของผู้หญิง หากก็ถูกสร้างขึ้นอย่างสุดฝีมือจากลูกชายคนเล็กของเจ้าของร้านกันสมิธ ปืนที่จอห์นเพื่อนรักที่สุดของเขาสร้างมันขึ้นมาให้เขาโดยเฉพาะ

     

                      เคร้ง!!

     

                      เกิดเสียงแหลมบาดแสบแก้วหูเมื่อดาบเฉือนเนื้อโลหะของกระบอกปืนและฝังลึกลงไปในนั้น เคชกัดฟันกรอด พยายามออกแรงต้าน แรงนั้นมากมายมหาศาลจนไม่น่าเชื่อว่าจะกำเนิดขึ้นจากร่างบอบบางของเด็กสาว พริบตาที่สายตาประสานกัน เธอก็ยิ้มให้เขา ยิ้มอันตรายที่ทำให้พรานป่าหัวใจกระตุกวูบ ทว่าไม่ทันเสียแล้ว ฉับพลันเธอก็ใส่แรงเข้ามาในดาบ เพิ่มแรงกดเข้ามามหาศาลภายในชั่วพริบตาจนคนเป็นพรานรั้งไว้ไม่อยู่ เคชถูกแรงนั้นกระแทกจนหงายหลังล้มไปข้างหลัง กระเด็นครูดไปกับพื้นชนกำแพงเสียงดังสนั่น  

     

     

                      “เคช!

     

                      เฟนริลอุทาน มังกรเพลิงกัดฟันกรอด รีบขยับปราดเข้ามาหมายจะขวางระหว่างเพื่อนและเด็กสาวลึกลับไว้ มือทั้งสองข้างยกขึ้นป้องเหนือใบหน้าด้วยตั้งใจจะเอาท่อนแขนของตนรับคมดาบหากอีกฝ่ายฟาดอาวุธลงมา ทว่าเด็กสาวนั้นเร็วเกินไป เฟนริลสัมผัสได้เพียงปลายเส้มผมสีน้ำเงินเข้มที่นุ่มลื่นดั่งเส้นไหมยามสะบัดผ่านหน้าเขาไป      
     

                      เด็กหนุ่มรีบหันหลังขวับทันที หากช้าไปแล้ว ร่างบางกลับไปเผชิญหน้ากับพรานป่าที่ยังคงยกปืนสั้นขึ้นเล็งแม้อยู่ในท่านั่ง เด็กสาวเงื้อดาบขึ้น สะบัดเพียงวูบเดียว ชั้นวางของที่อยู่ด้านหลังเจ้าชายมังกรก็กระจุยป็นเสี่ยงๆ
     

                      เคชกลิ้งตัวหลบพลางหอบหายใจหนัก รู้สึกได้ถึงความร้อนของอากาศที่วิ่งกรีดผิวแก้มเขาไปเพียงฉิวเฉียด แรงกระแทกทำเอาร่างกายเขาร้องอุทธรณ์ด้วยความเจ็บปวด อวัยวะภายในคงบอบช้ำ เลือดไหลเป็นสายออกจากรอยบาดแผลกรีดริ้วเล็กๆตามแขนขา เด็กหนุ่มดึงเอาเศษไม้ชิ้นเขื่องซึ่งกระเด็นจากแรงระเบิดมาปักอยู่ที่โคนคาตัวเองออก หนังสือเรียนหล่นลงมากระจัดกระจายเต็มพื้น หากตอนนี้เขายังมีอะไรให้น่าห่วงยิ่งกว่าหนังสือเรียน นั่นคือประกายโลหะสีเงินซึ่งกำลังจะพุ่งเข้ามาสะบั้นคอเขา

     

                      “เคช !!   เฟนริลตะโกนเรียกเพื่อนอีกครั้งด้วยน้ำเสียงร้อนใจจนแทบบ้า มังกรเพลิงคำรามลึก ในร่างมนุษย์นี้มันไม่มีอาวุธ มันยังไม่ชินกับร่างกายสองขาแปลกประหลาดนี้จนสามารถใช้อาวุธแบบพวกมนุษย์ได้ ซ้ำคมเขี้ยวแหลมและกรงเล็บคม รวมไปถึงพละกำลังแบบมังกรก็ถูกจำกัดไว้  เหลือแต่เพียงพลังไฟที่กลายมาเป็นเวทมนต์เพลิงประจำตัว

     

     

                      ตูม!!!

     

                      เด็กหนุ่มเจ้าของดวงตาสีทับทิมดิบเถื่อนเขวี้ยงลูกไฟใส่แผ่นหลังบางในชุดผู้ชายหลวมโคร่งนั่น มันไม่ได้ลืมว่านั่นคือดีอัส แต่ตอนนี้มันไม่มีเวลาคิดอะไรทั้งนั้น มันเป็นเสี้ยววินาทีชนิดที่ชีวิตของเคชแขวนอยู่บนเส้นด้าย

                      ลูกไฟสีแดงก่ำเปล่งรัสมีส้มแสดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆยามลุกไหม้เสียดสีกับอากาศ ใหญ่เสียจนแม้ยืนอยู่ห่างออกมาก็ยังสามารถสัมผัสได้ถึงไอร้อนรุนแรง

     

                      เด็กสาวไม่ได้หันกลับมามองด้วยซ้ำ ยามมือเรียวยกขึ้นเสมอหูพลางดีดนิ้วเป๊าะ เพียงแค่นั้นลูกไฟบรรลัยก็พลันสลายกลับกลายเป็นห้วงอากาศว่างเปล่า หากนั่นก็ซื้อเวลาให้เคชมากพอที่จะฝืนร่างที่อ่อนล้าให้ลุกขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

     

                      “คุณแฮ่ก..คุณเป็นใครกัน….แล้วดีอัสดีอัสอยู่ที่ไหน?!  เด็กหนุ่มถามพลางหอบหายใจฮั่ก ถึงกับต้องใช้มือข้างหนึ่งพยุงร่างจนพิงกำแพงไว้ ปลายปากกระบอกปืนจากแขนที่แสนล้าเล็งไปยังร่างสวยจัดของเด็กสาว ดวงตาสีน้ำตาลเข้มจ้องเขม็งอย่างไม่ยอมแพ้

     

                      “ดีอัสน่ะหรอ  ดวงหน้างามหัวเราะเบาๆ สลายดาบให้กลับไปสู่ความว่างเปล่า นิ้วเรียวชี้อกตัวเอง

     

                      “ดีอัสน่ะหลับอยู่ในนี้ไงล่ะ” 

     

                      …!!?!!.... 

     

     

                      เคชเบิกตากว้าง วินาทีแรกเขาไม่เข้าใจสิ่งที่เด็กสาวพูด ปฏิเสธที่จะเชื่อ ทว่าวินาทีต่อมาก็ตระหนักได้ สิ่งที่เธอพูดนั้นเป็นความจริง เป็นความจริงที่มิมีวันเป็นสิ่งอื่นไปได้

     

                      เพราะว่าดวงตาคู่นั้น ไม่ว่าสีผมจะเปลี่ยนไปหรือร่างกายจะเปลี่ยนเป็นผู้หญิง ทว่าดวงตาสีน้ำเงินเข้มคู่งามนั้นมันเป็นของดีอัส!

     

     

                      “เจ้าอย่ามาพูดบ้าๆ”

     

      เสียงห้าวของมังกรเพลิงตวาดขึ้น แต่ในโทสะนั้นก็เต็มไปด้วยความตระหนกและไม่แน่ใจจนเกือบเป็นหวาดกลัว ถ้าหากดีอัสเป็นผู้หญิง ถ้าหากดีอัสไม่กลับมา หรือถ้าหากร้ายแรงยิ่งไปกว่านั้นคือดีอัสไม่เคยมีตัวตนอยู่จริงตั้งแต่ต้น พวกเขาจะทำยังไง จะทำยังไงถึงจะได้ตัวเจ้าชายผมเงินจอมยโสผู้เป็นเพื่อนคืนมา…

     

    “ดีอัสจะหลับอยู่ในตัวเจ้าได้อย่างไรกัน เจ้าเป็นผู้หญิง ส่วนหมอนั่นเป็นผู้ชาย อีกอย่าง เส้นผมของดีอัสเป็นสีเงิน ไม่ใช่สีน้ำเงิน”  เฟนริลกล่าวหาต่อไป ดวงตาสีทับทิมดิบเถื่อนตามเผ่าพันธุ์ฉายประกายเคร่งเครียดจนแทบเข็งเป็นเกลียว

     

    “นั่นสินะ  ร่างบางหัวเราะคิกๆ มือเรียวแบประคองลูกพลังเวทสีทองเรืองรอง ลูกพลังนั้นค่อยๆขยายออกช้าๆ เปล่งแสงเจิดจ้าขึ้นเรื่อยๆจนเด็กหนุ่มทั้งสองต้องหรี่ตา

     

    “แต่ในเมื่อมีเจ้าชายลูกครึ่งสองเผ่าพันธุ์ได้ แล้วทำไมจะมีรัชทายาทสองวิญญาณไม่ได้”

     

    จู่ๆลูกพลังนั้นก็ระเบิดออก สาดแสงส่องออกไปทุกทิศทุกทาง เคชยกมือขึ้นป้องใบหน้าโดยอัตโนมัติ เขาได้ยินเสียงมังกรเพลิงคำรามลั่น รู้สึกถึงสายลมที่พัดเข้ามายามร่างเปรียวของหญิงสาวอาศัยแสงกำบังตัวเคลื่อนเข้ามาใกล้ จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงทึบหนักๆเมื่อกำปั้นเล็กชกเข้าเต็มแรงที่ท้องน้อยเขา พรานป่างอตัว ปืนในมือลั่นไกสวนไปเร็วกว่าความคิดจะทันห้าม

     

    ปัง!

     

    ลูกโม่กระบอกเล็กถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นปืนพกป้องกันตัว มันบรรจุกระสุนได้เพียงหกนัด และนี่ก็เป็นนัดสุดท้าย กระสุนพุ่งควงสว่านตามเกลียวออกนอกลำกล้องอย่างลิงโลด แรงขับจากดินระเบิดเคลื่อนมันให้พุ่งทะยานเข้าหาจุดตายของเป้าหมายในระยะเผาขน

     

                      เกิดเสียงกรีดร้องของอากาศเมื่อหัวกระสุนตัดผ่านความว่างเปล่า เด็กสาวไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว เธอเบี่ยงตัวหลบ เพียงพริบตาก็อ้อมไปอยู่ทางด้านหลังพรานป่าอย่างง่ายดาย ถ้อยคำหวานกระซิบข้างหู หากกลับทำให้คนเป็นพรานรู้สึกหนาวยะเยือกขึ้นมาตามไขสันหลัง

     

                      “แสดงให้ดูหน่อยเถอะ เจ้าชาย ถึงพลังที่จะใช้สังหารปักษาเพลิงทมิฬ!

     

                     

                      เคชชะงักอยู่กับที่ รู้สึกเหมือนเวลาในห้องถูกหยุดไว้ยามเขาค่อยๆยกมือขึ้นแตะต้นคอตนเอง เป็นอย่างที่นึกกลัว มันไม่อยู่แล้วจี้โลหะรูปมังกรหมอบซึ่งเป็นเหมือนผนึกปิดพลังของเขาไว้มันหายไปแล้ว

     

                      เด็กหนุ่มหันขวับกลับไปหาร่างบางทันที ดวงตาลุกวาวจ้าดุร้าย โดยเฉพาะเมื่อเห็นมือเรียวกำลังเหวี่ยงสายสร้อยขาดซึ่งมีจี้โลหะแขวนอยู่เล่น

     

                      “เอาคืนมา  พรานป่าคำรามเสียงต่ำ ไอสังหารแผ่ออกจากร่างช้าๆโดยไม่รู้ตัว มันไม่ได้กดดันเหมือนจิตรุนแรงของเด็กสาว ทว่าก็หนักแน่น เปี่ยมไปด้วยอำนาจ

     

                      “เอาคืนมา!!!  เคชตวาด ความโกรธกำลังมีอำนาจครอบงำจิตใจเหนือยิ่งไปกว่าความกลัว  ภาพเมื่อครั้งก่อนยังคงติดตา เขาไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้นอีกแล้ว ที่ลืมตาขึ้นมาแล้วเห็นเพื่อนบาดเจ็บสาหัสเต็มตัว แบบนั้นไม่เอาอีกแล้ว

     

                      “มาเอาเองสิ เจ้าหนู”  ริมฝีปากอิ่มแย้มรอยยิ้มท้าทาย เหวี่ยงสร้อยในมือไปมาราวกับจะยั่ว  “ถ้าแค่นี้ยังทำไม่ได้ ก็อย่าหวังเลยว่าจะเอาชนะปักษาเพลิง”

     

                      ยังไม่ทันที่เคชจะขยับ ร่างสันทัดของมังกรเพลิงก็ขู่คำรามลั่น เฟนริลพุ่งตัวออกไป ทว่าก็ต้องถูกพลังเวทกระแทกกลับมารุนแรงจนตัวลอยไปปะทะชั้นวางของดังโครม

     

                      “ไม่ไหวๆ”  ดวงหน้างามโคลงศีรษะ ไม่แม้แต่จะหันไปมอง “ฝีมือมีดีแค่นี้เองหรือไง”

     

                      เคชร้องลั่น ความรู้สึกทั้งมวลถูกฉีกกระชากออกให้เหลือเพียงความโกรธเกลียดไหลเข้าท้วมท้นจิตใจ เด็กหนุ่มเหวี่ยงปืนเปล่าที่ไร้ประโยชน์ทิ้ง เงื้อกำปั้นลุ่นๆพุ่งเข้าใส่หมายจะทำร้าย เด็กสาวเอี้ยวตัวหลบวูบ ท่าทางสนุกสนานที่เห็นพรานป่าเลือดขึ้นหน้า เธอยั่วเขาเหมือนแมวเล่นกับหนู เหมือนมาทาดอร์เล่นกับกระทิงคลั่งดุร้าย เอาแต่หลบไปหลบมาโดยไม่ยอมตอบโต้

     

                      “เคยได้ยินลำนำโบราณไหม….  เด็กสาวหัวเราะหึหึ  หงายทิ้งตัวไปข้างหลังปล่อยให้หมัดหนักซัดโดนเพียงอากาศ  จี้ในมือเธอเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงช้าๆ ปีกมังกรหลับกำลังค่อยๆสยายออกเป็นดั่งนาฬิกาทรายนับถอยหลังถึงเวลาวินาศที่สายเลือดเทพมังกรจะลืมตาตื่นขึ้น  

     

                      “บทกลอนที่ขับขานถึงสงครามแห่งชะตากรรมซึ่งจะเป็นวันดับสูญของมวลมนุษย์ จะว่าเป็นคำทำนายจากเทพพยากรณ์ก็ได้ หรือจะมองว่าเป็นเพียงคำพร่ำเพ้อของหญิงพิการเสียสติคนนึงก็ได้”

     

                      เคชไม่ตอบ เขาเคลื่อนกายรุกเข้าไปอีกหมายจะทำร้ายและแย่งของคืนจากร่างตรงหน้าให้ได้ แต่ไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่ เด็กสาวตรงหน้าเขาก็ราวกับเงาภูติผีแม้มองเห็นก็มิอาจแตะต้อง มิอาจสัมผัส

     

     พรานป่าคำราม โทสะในใจแผดเผามากขึ้นเรื่อยๆ ใกล้แล้วจิตใต้สำนึกของเขากำลังร้องเตือน..เร่งให้เขาร้อนรนเขาต้องรีบเอาจี้ผนึกคืนมาก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

     

    “เคช!  มังกรเพลิงตะโกนเรียก เด็กหนุ่มพันธุ์มังกรเลือดไหลโทรม มีเศษไม้ชิ้นเขื่องปักคาอยู่ที่ไหล่ข้างซ้าย หากดวงเนตรสีทับทิมดิบเถื่อนกลับฉายประกายกล้า ในมือของเขาถือไรเฟิลแสนงามสีดำสนิทไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียว

     

    “รับไป!!

     

    เคชชูแขนขึ้นสูง มือคว้าตะครุบปืนสังหารได้อย่างถนัดถนี่ ดวงหน้าโชกเหงื่อของคนเป็นพรานเริ่มปรากฎรอยยิ้มวาววาบเมื่อได้อาวุธคู่กายมาอยู่ในกำมือ เขารู้สึกได้ถึงน้ำหนักอันคุ้นเคยของปืนที่บรรจุกระสุนเต็มอัตราและความเย็นเยียบของเนื้อโลหะซึ่งจะเปลี่ยนกลายเป็นท่อนเหล็กร้อนฉ่าในไม่ช้า

     

    “ขอบใจ เฟนริล”  เด็กหนุ่มกระซิบ  สติเริ่มกลับคืนมาอีกครั้งข่มความโกรธที่บังตาให้ซ่อนลึกลงไป มือใหญ่กระชากลูกเลื่อนเจ้าไรเฟิลแฝดดังแกร่ก เมื่อมีมิเกลอยู่ในมือก็ไม่มีสัตว์อะไรที่เขาล่าไม่ได้

     

    “เอาล่ะ พี่สาว  เขาเรียก หอบหายใจหนักหากแย้มยิ้มกว้าง  “ได้เวลาเลิกเล่นเกมแมวจับหนูแล้ว”

     

                      ปัง!!!...

                     

    (RW 50%  June 10 2012)
     
     
     
                    …ปัง!!!...
     
                     
    ลมร้อนพุ่งวูบ กระสุนเฉียดผ่านหน้าเด็กสาว ตัดเอาปอยเส้นผมสีน้ำเงินเข้มร่วงหล่นลงพื้น ผนังด้านหลังเธอถูกเจาะเป็นรูลึกแสดงถึงแรงขับทะลวงที่ดุดันของปืนไรเฟิลนามมิเกล
     
     
    นัยน์เนตรคู่สีน้ำเงินเข้มเบิกกว้าง มองพรานป่าอย่างตกตะลึง
     
     
    “เจ้า
     
      ริมฝีปากอิ่มกระซิบ มือเล็กยกขึ้นปาดหยดเลือดบนแก้มเนียนซึ่งถูกคมอากาศกรีดเป็นแผลจาง สร้อยจี้มังกรในกำมือแกว่งไปมาตามแรงเขยื้อน ปีกมังกรที่เคยหลุบข้างกายยามนี้กางออกเต็มที่ ส่วนคอของมันชูขึ้น ขาทั้งสี่ลุกขึ้นเหยียดตรง ส่วนหัวอ้าปากคำรามเหมือนมังกรที่พร้อมกรำศึก
     
     
    “เลิกเล่นได้แล้ว พี่สาวคนสวย”  เคชแลบลิ้นเลียริมฝีปาก เด็กหนุ่มยกไหล่สูง ประทับปืนในท่าเตรียมพร้อม แม้น้ำเสียงจะฟังดูเย้าแหย่ หากภาษากายของเขากลับส่อชัดว่าเครียดจัด ซ้ำแววตาก็ฉายประกายดิบเถื่อนอันตราย
     
     
    “เอาของๆผมคืนมา”
     
     
    ของๆผมสร้อยมังกรนั่น..
     
     
     
    แล้วก็…..ดีอัส
     
     
     
     
     
    “หึหึหึฮ่าๆๆๆๆ”
     
     
    เด็กสาวเงียบไปชั่วอึดใจ พลันก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น หากดวงหน้าหวานนั้นไม่ได้งดงามขนาดนี้แล้ว การกระทำเช่นนี้คงเป็นกิริยาที่น่าเกลียดเกินบรรยาย แต่เพราะเป็นเช่นนั้นจึงชวนให้นึกถึงจอมราชินีผู้หยิ่งผยอง สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความขบขันอย่างแท้จริง ทว่าสายตาคู่นั้นกลับคมกริบราวกับดาบ เปี่ยมไปด้วยความกระหายเหมือนนักล่าผู้บ้าคลั่ง
     
     
    “ของๆเจ้างั้นหรือ เจ้าหนู?” 
     
    เธอเย้ย ริมฝีปากอิ่มแย้มยิ้มเยาะ ไม่มีความเกรงกลัวปรากฏอยู่ในน้ำเสียงแม้จะถูกจี้ไปด้วยไรเฟิลสังหาร
     
     
    “เจ้าเพิ่งพูดเองนะว่าเจ้าไม่ต้องการ ใครอยากได้ก็เอาไป เจ้าจะยกให้”
     
     
    “ถ้าอย่างนั้น ชะตากรรมของเจ้า เจ้าชายผู้ปฏิเสธตัวเองเอ๋ย ข้าเอรัล เรเฟรัส จะขอรับมันไว้เอง”
     
     
     
     
    ปัง!!!
     
     
    ควันขาวลอยกรุ่นเหนือปากกระบอกปืนไรเฟิลสีดำไร้เงา เด็กสาวกระตุกยิ้ม เบี่ยงตัวหลบอย่างง่ายดาย เฟนริลคำรามกรอด มันฉวยจังหวะนี้พุ่งเข้าใส่ร่างบางหมายจะจับตรึงไว้ มือใหญ่คว้าเอาแขนเรียวไว้ได้ แต่จับได้เพียงชั่วเสี้ยววินาทีก็ต้องปล่อยออกเมื่อเด็กสาวถองศอกเข้าใส่ที่ท้อง เหวี่ยงขาเข้าเตะใส่ข้อพับอย่างคนที่เชี่ยวชาญการต่อสู้ ซ้ำตัวของเธอก็เรืองแสงเวทมนต์สีเงินที่เพียงแค่โดนก็รู้สึกแสบผิวหนัง
     
    มังกรเพลิงร้องลั่น สะบัดมือเร่า ความกราดเกรี้ยวในใจและสัญชาติการเอาตัวรอดขยายตัวกว้างขึ้นจนพันธสัญญาที่ผนึกร่างจริงของมันไว้เริ่มปริแตก แม้ไม่มากนัก ทว่าก็ทำให้นิ้วมือทั้งสิบงอกกลับไปเป็นกรงเล็บแหลมจากการคืนร่างที่ไม่สมบูรณ์ ดวงตาสีแดงดิบเถื่อนเหมือนสัตว์ร้ายจ้องเขม็งไปยังเด็กสาวตรงหน้า อ้าปากแสยะเขี้ยวขู่ตามสันดานเดิมของตน
     
     
    “หึ ห่วงนายขนาดนั้นเชียว เจ้ามังกรหลงฝูง”
     
     
    ดวงหน้าสวยแย้มยิ้มเหี้ยม เธอยกมือขึ้นก่อนสะบัดลงมา สายฟ้าฟาดเปรี้ยงส่งเสียงคำรณขึ้นราวกับจะตอบรับต่อคำบัญชา อัสนีบาตพุ่งลงมาจากผืนฟ้าสีดำหมายจะเผาศัตรูให้เป็นเถ้าถ่าน เกิดแสงเจิดจ้าขึ้นในห้อง ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส มันเป็นวินาทีแห่งความสับสนวุ่นวายที่แสงสว่างรุนแรงจะดับทุกสายตาไปชั่วขณะ
     
     
    พริบตานั้นมังกรเพลิงก็กระโจนพรวดเดียวถึงตัวเด็กสาว เอรัลก้มตัวลงหมายจะหลบ ทว่าทันใดนั้นความตกใจก็แล่นพล่านเมื่อพบว่าร่างของตนถูกพันธนาไว้ด้วยเวทมนต์จนมิอาจขยับได้ พลันกรงเล็บแหลมคมทั้งห้าปักแทงลึกทะลุไหล่เนียนตรึงไว้ เลือดสีแดงสดไหลกระเซ็นเปื้อนดวงหน้าดูดีของเด็กหนุ่มผู้ทำร้ายเธอจนกลายเป็นสีแดงฉาน ความเจ็บปวดที่จู่ๆก็พุ่งขึ้นมานั้นทำให้เธอเผลอคลายมือออกโดยไม่รู้ตัว
     
     
     
    เกร๊ง!!
     
     
    เกิดเสียงดังเบาๆเมื่อโลหะหล่นกระทบพื้น แสงสว่างจางหายไปแล้ว ครั้งเมื่อได้สติ เอรัลก็รีบกระชากแขนตัวเองออกจากการเกาะกุม สลายเวทที่ตรึงตนอยู่ ใช้พลังมนตรากระแทกร่างมังกรเพลิงออกไปทันที ร่างของมังกรเพลิงที่ลอยละลิ่วไปกระแทกผนังซ้ำอีกครั้งยังไม่ทำให้หัวใจเธอเต้นแรงได้เท่ากับอีกร่างหนึ่งที่ค่อยๆเดินลากขาเอื่อยๆไปเก็บจี้มังกรโลหะขึ้นมาจากพื้น ร่างนั้นโทรมจัด ร่างกายซีกหนึ่งเต็มไปด้วยแผลพุพองไหม้เกรียมจากการเอาตัวเองเข้ารับสายฟ้าแทนเพื่อน ปืนไรเฟิลสีดำในมือแทบจะถูกใช้ยันพื้นต่างไม้เท้า
     
     
    ทว่าถึงอย่างนั้น ดวงตาคู่สีน้ำตาลเข้มกลับฉายประกายของผู้ชนะ
     
     
     
     
    “เกือบไปแล้ว
     
     
    เคชพึมพำ กำจี้นั้นไว้กับตัว ร่างกายเขาตอนนี้แทบจะเรียกไม่ได้ว่าเป็นมนุษย์ ไม่ใช่เป็นเพราะบาดแผลที่ได้รับ แต่เป็นเพราะปีกสีขาวซึ่งงอกขึ้นจากกลางหลังและท่อนหางขนาดใหญ่แบบมังกร หางนั้นก็ปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีขาวเช่นเดียวกัน เกล็ดสีขาวที่เปล่งประกายราวกับเกล็ดหิมะบริสุทธิ์ ซ้ำในตอนนี้ บาดแผลพุพองที่ได้รับจากสายฟ้ามนตราก็กำลังเร่งสมานรักษาตัวเองด้วยอัตราเร็วจนน่าทึ่ง
     
     
    “นึกว่าจะไม่ทันเวลาซะอีก ฉิวเฉียดจริงๆ”
     
     
    พรานป่าเอนหลังพิงผนัง เด็กหนุ่มหลับตาลงพลางสูดลมหายใจเข้าลึกและผ่อนมันออกมาช้าๆ ชั่วเวลาไม่กี่วินาที บาดแผลทั้งหมดบนร่างกายของเขาก็ได้รับการสมานเรียบร้อย หลงเหลือไว้เพียงเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นมอมแมมที่เป็นหลักฐานว่าเขาเพิ่งผ่านการทำศึกใหญ่มา
     
     
    จี้มังกรถูกสวมกลับเข้าแขวนคออีกครั้ง เพียงแค่นั้น เหมือนสัตว์ร้ายที่ถูกล่ามโซ่ ความเจ็บปวดพุ่งขึ้นมาราวกับโดนเหล็กแหลมนับพันนับหมื่นเล่มทิ่มแทงเข้ามาในร่างพร้อมกัน เขารู้สึกได้ อะไรบางอย่างในตัวเขากำลังกรีดร้องอาละวาด พยายามดิ้นหนีออกจากผนึกที่เขาปิดทับมันไว้ ทุกอย่างกินเวลาเพียงแค่เพียงไม่กี่วินาที ก่อนทั้งท่อนหางและปีกของเขาจะจางหายไป ทิ้งไว้เพียงลมหายใจปั่นป่วนและเสียงหอบหนักหน่วงของคนเป็นพราน
     
     
    “ทีหลังนะ พี่สาว อย่ามัวแต่พูดพล่ามน่ารำคาญ ไม่อย่างนั้นแค่สิ่งที่อยู่ในมือก็จะรักษาไว้ไม่ได้”
     
     
    เคชเอ่ยเสียงเรื่อยพลางสืบเท้าผ่านหน้าเด็กสาวไป พรานป่าเดินตรงเข้าไปหาเพื่อน เค้าความกังวลเริ่มปรากฏขึ้นมาแทนแววยินดีในชัยชนะเมื่อเห็นร่างหนาของมังกรเพลิงไม่มีท่าทีว่าจะรู้สึกตัวแม้ว่าเขาจะกำลังยืนค้ำหัวมันไว้อย่างนี้ก็ตาม เด็กหนุ่มทรุดตัวลงนั่ง มือใหญ่เอื้อมไปแตะชีพจรตรงต้นคอเพื่อน รู้สึกโล่งใจไม่น้อยที่สัมผัสได้ถึงอาการเต้นตุบใต้ปลายนิ้วเขา เฟนริลคงแค่ถูกแรงกระแทกรุนแรงจนสลบไป และพอสิ้นสติลง พันธสัญญาก็กลับมาเป็นนายเหนือกายอีกครั้ง มังกรเพลิงจึงได้กลับมาอยู่ในร่างมนุษย์ตามเดิมหรือพูดให้ถูกก็คือร่างมนุษย์ที่เต็มไปด้วยบาดแผลแทบทั้งร่าง
     
     
     
    “หึ มั่นใจแค่ไหนกัน เจ้าหนู ถึงได้กล้าหันหลังให้ศัตรู”
     
     
    เสียงหวานหยัน หากเด็กหนุ่มกลับไม่แม้จะหันหลังกลับมามอง
     
     
    “ชื่อเอรัลสินะ พี่สาวก่อนจะพูดอย่างนั้น พี่ควรขอบคุณผมสักคำเถอะ”
     
     
    “สำหรับเรื่องอะไรล่ะ?” 
     
    เด็กสาวเลิกคิ้ว เธอสาวเท้าเดินเข้ามาใกล้ ทว่าได้เพียงแค่เพียงสามเก้าก็ต้องชะงัก เมื่อจู่ๆก็ปรากฏวงแหวนเวทมนต์เรืองแสงสีเขียวรองขึ้นบนพื้น เป็นเขตอาคมสำหรับตรึงกำหนดอาณาเขต ดูจากลายเส้นสัญลักษณ์ที่ถูกเขียนขึ้นลวกๆแล้ว มันไม่ใช่เขตอาคมชั้นสูงอะไรเลย แต่เมื่อเธอยกมือขึ้นหมายจะสลายมันไป มันกลับไม่ยอมหายไปตามที่เธอคิด ตรงกันข้าม มันกลับแข็งแกร่งเป็นมนตราที่ทรงฤทธิ์จนแม้แต่จอมเวทอย่างเธอก็มิอาจแก้มันได้โดยไม่เปลืองแรง
     
     
    เข้าใจแล้ว…เจ้าหนูนี่ใช้เลือดตัวเองสร้างเขตมนตรา
     
     
     เลือดสองสายเลือดที่เธอเป็นคนคลายผนึกด้วยตนเอง
     
     
     
     
    มีเสียงหัวเราะดังขึ้นเบาๆ คราวนี้ถึงทีพรานแห่งฟลอเรนส์บ้างแล้วที่จะเย้ยคืน
     
     
    “เขตอาคมนั่นฝีมือพี่เองนะ”
     
     
    เคชลุกขึ้นยืน เดินกลับมาเผชิญหน้ากับเด็กสาวที่ถูกตรึงให้อยู่กลางเขตแดนที่เขาสร้างขึ้น ถึงอย่างไรนี่ก็คือดีอัส หากไม่ใช่เพื่อป้องกันตัวแล้ว เขาก็ไม่ได้อยากทำร้าย
     
     
    เพราะอย่างนี้ถึงได้พยายามเอาจี้ผนึกคืนมาเอาคืนมาก่อนที่เขาจะทำร้ายเธอ
     
     
     
    “พี่ควรจะขอบคุณผมที่ผมยอมโดนไอ้สายฟ้าบ้านั่นแทนพี่” 
     
     
    เด็กหนุ่มเอ่ยพลางจ้องลึกลงไปในดวงเนตรสีน้ำเงินเข้ม เขาชูปืนไรเฟิลสีดำไร้เงาในมือสูงขึ้น เห็นเพียงแค่นี้ เอรัลก็เข้าใจ ไม่ต้องสงสัยอะไรอีกแล้ว เจ้าหนูนี่ใช้ปืนซึ่งทำจากโลหะเป็นเป้าล่อสายฟ้าเพื่อช่วยเพื่อน แต่ทั้งที่จริงทั้งๆที่สามารถโยนปืนนี่ใส่เธอเพื่อให้เธอเป็นฝ่ายต้องบาดเจ็บได้แท้ๆ มันกลับยอมรับบาดแผลทั้งหมดไว้เอง
     
     
    เพื่อที่ว่าเลือดมันจะได้ออกสาหัส เพื่อที่เลือดมันจะได้สาดกระเซ็นเต็มพื้น เปิดโอกาสให้มันได้วาดเขตอาคมอย่างง่ายดาย
     
     
    มันรู้อยู่แล้ว มันต้องรู้แน่ว่าเลือดจากร่างที่ผ่านการปลดผนึกต้องทรงพลังมากพอที่จะกักจอมเวทระดับเธอไว้ แต่ว่ามันรู้เรื่องการฟื้นฟูตัวเองหรือเปล่า ถ้ามันคำนวนถึงเรื่องนี้ไว้ด้วย เมื่อรวมกับแผนการทั้งหมดแล้ว…ก็น่าสนุก…น่าสนุกจริงๆ
     
     
    ถ้าเป็นแบบนี้ล่ะก็อาจจะสังหารปักษาเพลิงทมิฬได้ ก็เป็นได้...
     
     
     
     
    “เฮ้อ
     
     
    เด็กสาวถอนหายใจ เธอมองพรานป่า มองดวงตาจริงจังที่จ้องเธอกลับอย่างไม่คิดหลบ พลันเอรัลก็ยิ้มออก เป็นรอยยิ้มสดใส เป็นรอยยิ้มยินดีจากใจจริงที่ทำให้คนมองรู้สึกหัวใจกระตุกอย่างน่าประหลาด รอยยิ้มที่ทำให้ดวงหน้างามนั้นดูสว่างไสวขึ้นทันตา
     
     
    “ขอบคุณนะ เจ้าหนู ไม่สิเคช”
     
     
    “เอ่อ” 
     
     
    เมื่อจู่ๆอีกฝ่ายก็ขอบคุณเอาง่ายๆแถมยังเปลี่ยนท่าทีจากจะฆ่ากันมาเป็นมิตรโดยปุ๊บปั๊บเช่นนี้ พรานป่าเลยชักทำตัวไม่ถูก หัวใจเจ้ากรรมก็เหลือเกิน ทำไมจู่ๆก็เต้นเร็วขึ้นมาซะได้
     
     
    “เอ่อ”  เคชอึกอัก เขามองเด็กสาวในเขตอาคมก็เห็นเพียงท่าทีปล่อยตัวตามสบาย ไม่มีท่าทีว่าจะคิดทำลายมนตราออกมาหรือความเป็นศัตรูแต่อย่างใด ทว่าถึงอย่างนั้นพรานป่าก็ยังถือไรเฟิลในท่าเตรียมพร้อมอย่างไม่ประมาท ท่าทางที่ส่อชัดว่าไม่ไว้ใจของเขานั้นทำให้เอรัลอดหัวเราะเบาๆไม่ได้
     
     
    “นั่นแหละดีแล้ว ไม่ต้องไว้ใจใครนอกจากตัวเองกับคนตายน่ะดีแล้ว”
     
     
    เด็กหนุ่มกระพริบตาปริบๆ ไม่รู้ว่าตนกำลังถูกหลอกด่าอยู่หรือเปล่า แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็มีเรื่องสำคัญกว่าที่จะต้องถาม ดังนั้น เคชจึงปรับสีหน้า ทำน้ำเสียงให้ดูจริงจัง
     
     
    “ตกลงว่า นี่มันเกิดอะไรขึ้น พี่สาว แล้วเมื่อไหร่ดีอัสมันจะกลับมา”
     
     
    “เป็นห่วงจริง นั่นผู้ชายด้วยกันนะ”  เด็กสาวแกล้งแหย่ และก็ได้สีหน้าบรรยายไม่ถูกปนอิหลักอิเหลื่อรับไม่ได้ของพรานป่ากลับมาแทนคำตอบ
     
     
    “ก็มันเพื่อน พี่สาวอย่าหาเรื่องให้ผมโดนฟ้าผ่าตายนักเลย” เจ้าตัวดีบ่นอุบ แต่แล้วก็ต้องหุบปากแทบไม่ทันเมื่อถูกร่างบางสวน
     
     
    “ก็เห็นโดนไปแล้วนี่”
     
     
    …..” 
     
     
    “ก็บอกแล้วไง ว่าดีอัสน่ะ หลับอยู่ในนี้”   เอรัลหัวเราะ ดูชอบอกชอบใจที่เห็นพรานป่าจนคำตอบ นิ้วเรียวยกขึ้นชี้ไปที่เนินอกตัวเอง
     
     
    “จะคืนให้ก็ได้ แต่ต้องตอบคำถามมาก่อน”
     
     
    “ว่ามาสิ” เคชพยักหน้ารับ นั่นทำให้ดวงหน้าสวยเริ่มแย้มรอยยิ้มกว้างมากขึ้น เธอเดินมาชิดเขตอาคม ตาต่อตาประสานกัน พลันน้ำเสียงหวานก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดจริงจังจริงจังยิ่งกว่าครั้งไหนๆ
     
     
    “ถ้าได้คืนไปแล้วจะดูแลไปตลอดไหม”
     
     
    “พูดเป็นเล่น!!!”  เจ้าตัวแสบอุทานทันที เบิกตากว้างด้วยสีหน้ารับไม่ได้สุดขีด เขามองเด็กสาวเหมือนเห็นเธอเป็นโรคจิตเภทชนิดหนึ่ง หรือถ้าไม่ได้เป็นอย่างนั้นก็เป็นอะไรบางอย่างที่คล้ายๆครือๆกัน
     
    “ทำไมผมต้องมาดูแลผู้ชายด้วยกันด้วย ไม่มีทางหรอก! ถ้ามันเป็นผู้หญิงสิค่อยว่าไปอย่าง”
     
     
    “แล้วถ้าเกิดเป็นล่ะ” เอรัลถามต่อด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง มันไร้อาการล้อเล่นแฝงอยู่ในนั้น
     
     
     
    “ถ้าเกิดว่า นี่คือร่างจริงของเจ้าชายดีอัส เรเฟรัส เจ้าจะว่ายังไงล่ะ เจ้าหนู!?”
     
     
     
     
     
     


    ........................................................................................................................
     
    สวัสดีจ้า รีดเดอร์ทุกท่าน ก่อนอื่นเลยต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่งที่ไรท์เตอร์หายหน้าหายตาไปสองสัปดาห์โดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า สัปดาห์แรกไรท์เตอร์ติดธุระด่วน ส่วนสัปดาห์ที่สอง...ไรท์เตอร์ป่วย อาหารเป็นพิษนอนซมไข้ขึ้น //แก้ตัวสุดๆ -///- แต่ถึงยังไงก็ขอบคุณสำหรับเม้นท์และกำลังใจจากรีดเดอร์ทุกๆท่านด้วยเน้อ
     
    และแล้ว...ในที่สุดหลังจากผ่านมาสิบหกตอน นางเอกของเรื่องก็เปิดตัวจนได้...ฮ่า~
     
    คุณThe White Rose of Death : ฮ่าๆๆ ได้เวลานางเอกโผล่พอดีเลยค่ะ >///< ไรท์เตอร์ก็ชอบเจ้าสกายเหมือนกัน พยายามหาทางยัดให้มันมีบทอยู่ค่ะ คือ...ไรท์เตอร์รักหมา //วิ้ง >[]<
     
    คุณวิลเลต : ขอบคุณสำหรับคำชมค่า ขอโทษด้วยนะคะที่มาช้า ไรท์เตอร์ผิดไปแล้ววว TTwTT
     
    คุณBlue Star : อุ ขอบคุณมากๆค่าสำหรับคำชม แหะๆๆ ไรท์เตอร์แอบหนีหน้าไปสองสัปดาห์ เค้าขอโต๊ดดดดด TTwTT
     
    คุณจันทราเงา : ขอบคุณมากๆเลยค่าสำหรับกำลังใจ ไรท์เตอร์เป็นปลื้ม >///< ส่วนอีตาเคช เดี๋ยวคงโดนรุมยำอีกเยอะค่ะ ใกล้ได้เวลาเริ่มกิลด์วอร์แล้ว :) 
     
     
    ................................................................................................................................

    สวัสดีจ้า  คงเป็นที่แน่นอนแล้วว่าไรท์เตอร์จะโผล่มาครั้งละ50% =w=  แม้ชีวิตฝึกงานจะยุ่งวุ่นวายปวดหัวแค่ไหน ตราบใดที่ยังมีรีดเดอร์คอยตามอ่านคอยให้กำลงใจ ไรท์เตอร์ก็จะยังคงสู้ต่อไป...โอ๊ทส์ (วันนี้มาแนวเพื่อชีวิตมาก...ฮ่า)  

    คุณวิลเลต  :  ดีอัสหลับค่ะ มันปิดบังเพื่อนๆมานานว่ามันเป็นคนสองวิญญาณ ที่แท้ก็เป็นพวกพิลึกเหมือนกัน ^ ^

    คุณจันทราเงา  :  ขอบคุณค่าที่ติดตามอ่านตั้งแต่ก่อนรีไรท์จนมาถึงภาครี แหะๆ เนื้อเรื่องเปลี่ยนไปจริงๆค่ะเพราะว่าวางโครงใหม่ให้กระชับขึ้น ขอบคุณสำหรับคำชมนะคะ :))

    คุณRarara~  : ฮ่า เปลี่ยนชื่อแล้วหรอคะ > < (อ่านตอนแรกอ่านผิดเป็นRatata...เสียงปืนกลดังรัวๆ รีดเดอร์แต่งฉากต่อสู้มากเกินไปแล้ว= =") คือจะให้ดีอัสเป็นคนปกติคนเดียวในกลุ่มก็น่าน้อยใจแทนยิ่งนัก อย่ากระนั้นเลย ดีอัส นายจงผิดปกติซะเถอะ (เฮ้ย!) >[]<

    คุณBlue Star  :  ขอบคุณมากค่าที่ชม ขอบคุณมากๆเหมือนกันค่า :))       
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×