ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศึกมนตรา..โรงเรียนมหาเวท

    ลำดับตอนที่ #19 : ก็แค่เอาง่ายเข้าไว้ (RW100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 499
      2
      22 ก.ย. 56




     

    “ไม่เอาน่า  แดริลเอ่ยเสียงเอื่อยเฉื่อย เด็กหนุ่มนอนคว่ำหน้าอยู่บนพื้น สองมือยกขึ้นเท้าคางอย่างสบายอารมณ์พลางเอาขาเกยหมอนอิงเล่น   “สู้กันอีกแล้ว น่าเบื่อจะตาย”

     

    “ถ้ามีอะไรที่เข้าท่ากว่านี้ก็เสนอมาสิ”  โนเอล ลีแวร์-เด็กสาวเจ้าของบ้านเหน็บ ดวงตาสีเพลิงเหลือบมองห้องนั่งเล่นของตนที่กลายมาเป็นห้องประชุมด้วยสายตาเหนื่อยใจ ก็จะไม่ให้เหนื่อยใจได้อย่างไร ในเมื่อบรรยากาศการประชุมมันช่างดู….สบายเกินไป….คงไม่มีการประชุมที่ไหนในโลกอีกแล้วละมั้งที่ผู้เข้าประชุมกว่าครึ่งจะนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้นพรมอย่างแสนสุขแบบนี้ มองๆไปก็เหมือนแหล่งรวมแมวเกียจคร้านมากกว่าการร่วมรุ่นพวกปีหนึ่งโซนหอคอยแดง

     

    “สู้กันก็ดีออก สนุกดี”  เฟนริลส่งเสียงมาโดยไม่ยอมเงยหน้าขึ้นจากกระดานหมากล้อม คิ้วของมังกรเพลิงขมวดชิดกันมุ่นเมื่อเห็นพื้นที่ของตนกำลังโดนรุกเข้ามาเรื่อยๆ ในขณะที่แมวน้อยสีส้มขนฟูคู่ต่อสู้ของเขากลับกำลังยิ้มร่า แกล้งทำเป็นก้มหน้าก้มตาลงเลียขนเพื่อปิดบังประกายของผู้ชนะในนัยน์ตา

     

    “เมี๊ยววเร็วๆสิเฟนริล”  เรเซียแกล้งเร่ง เอาอุ้งเท้าปุยตบๆพื้น ในขณะที่บรรดากองเชียร์ต่างมองทางหมากและวิจารณ์กันอย่างสนุกสนาน

     

    ไม่มีใครสนใจหัวข้อการประชุมเลยสักนิด

     

    “นี่ ตกลงถ้าไม่มีใครเสนอ ฉันจะจับคู่การแข่งขันแล้วนะ!!  โนเอลตะเบ่งเสียงขึ้นอย่างหมดความอดทน  ทว่านั่นกลับไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ทวีความกระตือรือร้นขึ้น พวกที่นอนกลิ้งก็ยังคงกลิ้งกลุกๆ ส่วนพวกที่เล่นหมากล้อมก็ยังคงเล่นต่อไป

     

    “แข่งทำอาหารเป็นไง”  เจ้าตัวแสบประจำรุ่น เคช เซเบเรีย เสนอเสียงกระเซ้ามาจากที่นั่งข้างหน้าต่าง เด็กหนุ่มไม่ได้ร่วมวงเชียร์หมากล้อมด้วย แต่ก็เห็นได้ชัดว่ากำลังสนุกสนานกับบรรยากาศเอื่อยเฉื่อยของห้องประชุม ดูท่าทางไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลย ว่าไปแล้วก็ไม่มีใครในห้องนี้สักคนที่จะแสดงออกอย่างกระตือรือร้นว่าอยากจะเป็นหัวหน้ารุ่น หรือเห็นการแข่งขันชิงตำแหน่งเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย

     

    นั่นก็เพราะ…ไม่มีนักล่าที่ไหนหรอกที่จะเผยความต้องการของตนออกมาง่ายๆ…

     

    “ก็ดีนะ”  ใครสักคนในห้องออกเสียงเห็นด้วย “ของคาวหรือของหวานดีล่ะ”

     

    “จะบ้าหรอ” คราวนี้เป็นเสียงค้านจากเด็กหนุ่มหมาป่า ผู้มีหูรูปสามเหลี่มตั้งอยู่บนหัวและมีหางฟูสีดำกระดิกไปมา “แบบนี้พวกผู้หญิงก็ได้เปรียบสิ อ่อ ไม่สิ

     

    เขาเว้นไปนิดหนึ่ง ทำท่าครุ่นคิดก่อนเอ่ยต่อ

    “ยกเว้นเรเชียยัยแมวบ้านี่ขนาดทำพายทูน่ายังออกมาเป็นพายสยองขวัญ”  

     

    “เมี๊ยววววว!! นายว่าอะไรนะ!! ไอ้หมาปากเสีย  แมวน้อยขนส้มที่กำลังนั่งเล่นหมากล้อมอยู่กับมังกรเพลิงขู่แฟร่ใส่ทันที เรเซียคืนร่างเป็นแมวในพริบตา เปอร์เซียน้อยโก่งหลัง ทำขนพอง หางตั้งอย่างกับแปรงขดลวด ขู่เสียงฝ่อแฝ่ที่ดูน่ารักมากกว่าน่ากลัว

     

    “ถ้าอย่างนั้นแข่งตกปลาล่ะ”  ใครบางคนเสนอขึ้นบ้าง ไม่สนใจรายการทะเลาะกันระหว่างหมาและแมว อันที่จริงก็ไม่ค่อยมีใครสนใจ เพราะมันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจนชินตากลายเป็นเรื่องปกติประจำวันไปเสียแล้ว

     

    “ไม่เอา” ทุกคนโห่ทันที สาเหตุหนึ่งก็เพราะไม่มีใครทำคันเบ็ดเป็น และถ้าจะเอาแต้มไปแลกซื้อตามตลาดนัดก็ราคาแพงเหลือหลาย

     

    “แข่งทำรายงานดีไหม ใครทำรายงานวิชาผสานธาตุได้คะแนนมากสุดคนนั้นได้เป็นหัวหน้ารุ่น”  เซนาเรน วาริเชียลองถามหยั่งความเห็น

     

    “ เธอจะเอาตำแหน่งขึ้นทูลเกล้าถวายให้เจ้าชายดีอัส เรเฟรัสหรือไง” เคชประชด ได้รับเสียงเห็นด้วยล้นหลามจากเพื่อนๆ มีคนเสริมขึ้นมาด้วยว่าถ้าจะแข่งวิธีนี้ก็คงมีผู้เข้าชิงตำแหน่งสองคน ไม่ดีอัสก็โนเอล

     

    “แข่งล่ากระต่าย”  มังกรเพลิงนึกสนุก เสนอขึ้นบ้างทั้งๆที่ตัวเองไม่ได้คิดจะเข้าแข่ง คราวนี้เสียงเปลี่ยนไปเป็นประมาณว่าแบบนี้ก็เท่ากับยกตำแหน่งให้เคช แสดงให้เห็นว่าเสนอหัวข้อแข่งขันตามหลักความถนัดทางวิชาชีพไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ 

     

    “แล้วถ้าอย่างนั้นจะเอายังไง!?!”  เด็กสาวผมแดงเจ้าบ้านตวาดขึ้นอย่างหมดความอดทน สีหน้าดูคลั่งแทบฆ่าคนได้

     

    “ทำอะไรก็ทำไปเถอะ”  ดีอัสถอนหายใจเฮือกอย่างเหนื่อยหน่าย เขายืนเยื้องอยู่ทางด้านหลังเพื่อนสาว ในที่นี้คงมีแต่พวกเขาสองคนล่ะมั้งที่ยังดูเอาการเอางานอยู่ ไหนตอนแรกๆก็เห็นกระตือรือร้นกันดี มีแต่คนอยากเป็นหัวหน้ารุ่น แต่ทำไมถึงตอนคิดหาวิธีการตัดสินเข้าจริงๆ กระดานประลองชิงตำแหน่งถึงน่าสนใจน้อยกว่ากระดานหมากล้อมไปได้ล่ะนี่

     

    โนเอลหันหลังกลับมามองเพื่อน คิ้วเรียวเลิกขึ้นมองดวงหน้าหวานของเจ้าชายแห่งไรอัสอย่างประหลาดใจ

     

    “ไม่นึกว่านายก็เป็นไปกับเขาด้วย”  เธอว่า แต่ก็ด้วยน้ำเสียงกระเซ้ามากกว่าจริงจัง ว่าไปแล้ว ดูท่าเด็กสาวผมแดงก็เหมือนจะเอือมระอากับบรรดาเพื่อนร่วมรุ่นมากกว่าจะโมโห เป็นแบบนี้ ถ้าเธอจะลองยึดอำนาจสถาปนาตัวเองเป็นหัวหน้ารุ่นเลยก็คงได้ แต่ทำอย่างนั้นจะไปสนุกอะไรกัน

     

    “ พวกนั้นไม่สนอยู่แล้วนี่ว่าจะใช้วิธีไหนเลือก”  รอยยิ้มขบขันจางๆปรากฏขึ้นบนดวงหน้าเรียบเฉยของเด็กหนุ่ม เขาปรายตามองเหล่าเพื่อนๆที่กระจายตัวกันพักผ่อนอยู่รอบห้องโดยไร้สามัญสำนึกว่านี่คือเวลาประชุม “พวกนี้มั่นใจอยู่แล้วว่าไม่ว่าจะต้องแข่งด้วยวิธีไหน ยังไงตนก็ต้องชนะ”

     

    นิสัยพิลึกของพวกโซนหอคอยแดง

     

    “ก็คงอย่างนั้นแหละ  โนเอลถอนหายใจเฮ้อ นึกอยากจะจับสลากเลือกหัวหน้ารุ่นให้มันรู้แล้วรู้รอด ก็เห็นนอนเล่นเอ้อระเหยไม่ใส่ใจกันนักนี่ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องสู้มันหรอก จับฉลากเอาเนี่ยแหละ ง่ายดี รู้ผลภายในวันนี้ด้วย

     

    พลันเด็กสาวก็เบิกตากว้างความคิดดีๆแล่นวาบเข้ามาในหัว

     

    ก็ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้นี่แค่ไม่มีใครเคยทำเท่านั้นเอง

     

    ....น่าสนุกน่าสนุกจริงๆ

     

     

    “นี่ดีอัส”  โนเอลกระซิบเรียกเพื่อนเบาๆ ดวงหน้างามชักจะแย้มรอยยิ้มกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่รอยยิ้มน่ารักแบบที่เด็กสาวควรจะมี ทว่าเป็นรอยยิ้มแปลกประหลาดที่กระตุกสังหรณ์ของเจ้าชายแห่งไรอัสให้ร้องเตือนถี่ๆ เขาไม่ค่อยได้เห็นโนเอลยิ้มแบบนี้บ่อยนัก แต่เมื่อแม่สาวผมแดงยิ้มแบบนี้ทีไรล่ะก็เป็นเรื่องทุกที

     

    …เพราะลงท้ายแล้ว เด็กสาวเองก็เป็นหนึ่งในพวก ชอบเดินทางยากในเวลาที่ง่าย และเดินทางลัดในเวลาที่ยาก’ เหมือนกัน

     

     

    “อย่าบอกนะว่าเธอคิดอะไรแผลงๆ” คนเป็นเจ้าชายรีบดักคออย่างไม่ไว้ใจ จากประสบการณ์ที่ผ่านมา เวลาที่มีใครสักคนยิ้มกว้างพร้อมด้วยประกายประหลาดในดวงตาทีไร เมื่อนั้นมันมักจะตามด้วยเรื่องยุ่งๆทุกที ตัวอย่างที่ง่ายที่สุดคือทุกครั้งที่พรานป่าแห่งฟลอเรนส์แย้มยิ้มเจ้าเล่ห์ ก็ไม่มีซะละว่าเรื่องที่ตามมาจะไม่ใช่เรื่องน่าปวดหัว

     

    “ก็ไม่แผลงอะไรสักหน่อย”  เด็กสาวหัวเราะเบาๆในลำคอ ไม่ยอมตอบ ช่างเป็นการกระทำที่ขัดแย้งกับคำพูดของตัวเองโดยสิ้นเชิง เธอกวาดสายตามองดูบรรดาเพื่อนๆที่ยังคงนอนเอ้อระเหยเล่นหมากกระดานอยู่ ก่อนจะกระแฮ่มเรียกความสนใจ

     

                      “พวกนาย…ตกลงจะเอายังไงกัน”  เด็กสาวถาม แต่น้ำเสียงนั้นก็ดูไม่ใช่คำถาม เหมือนเป็นบทนำที่จะเกริ่นไปสู่อะไรบางอย่างเสียมากกว่า สีหน้าคลั่งแทบฆ่าคนตายบนดวงหน้างามหายไปแล้ว จะเหลือไว้แต่ก็รอยยิ้มกว้างชนิดที่ดูไม่เข้ากับสถานการณ์เลยสักนิด

     

                      “ก็แล้วเธอล่ะจะเอายังไง”  หมาป่าหนุ่มย้อน เคลกลับไปอยู่ในร่างขนปุยสีเท้าตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่มีใครรู้ ทว่าถ้าถามถึงคนแพ้ชนะจากสงคราหมาแมว ภาพที่เห็นก็บอกได้ดีอยู่เมื่อบนแผ่นหลังนุ่มๆของหมาป่ายักษ์ตัวยาวกว่าสามเมตรนั้นมีก้อนขนปุยสีส้มนอนขดตัวกลมเป็นลูกบอลทับอยู่

     

                      “ฉันมีข้อเสนอ  โนเอลเอ่ยด้วยน้ำเสียงมั่นใจเต็มเปี่ยม ดังนั้นแม้ถ้อยประโยคจะฟังดูเหมือนเป็นคำถาม หากความจริงแล้วกลับเป็นเหมือนคำสั่งบังคับกลายๆ ชวนให้รู้สึกเหมือนหากใครกล้าขัดใจแม่คุณเข้า มีหวังต้องโดนเล่นงานแหวะอกฉีกเนื้อแหงๆ

     

                      “ฉันขอเสนอให้วิธีการเลือกหัวหน้ารุ่นของรุ่นเรา ใช้วิธีการจับสลาก

     

                      สิ้นคำ เสียงฮือฮาก็กระหึ่มขึ้นทันที ทำนองว่าบ้าไปแล้ว โนเอล ลีแวร์ คงเรียนหนักจนเพี้ยนไปเสียแล้วมั้ง ถ้อยวิจารณ์ตามติดมายิ่งทวีความดุเด็ดเผ็ดมันจนชักจะเริ่มกลายเป็นการนินทาต่อหน้าเจ้าตัวมากขึ้นเรื่อยๆ เล่นเอาคิ้วเรียวเริ่มขมวดมุ่น นึกอยากจะหาอะไรมาเขวี้ยงใส่เจ้าพวกเพื่อนปากเสียเป็นรายบุคคล

     

                      แม้กระทั่งเจ้าชายแห่งไรอัสก็ยังนึกไม่ถึงเขามองเพื่อนสาวราวกับเห็นเธอเพิ่งไปเต้นฮูลาฮูล่ารอบโรงเรียนมา

     

                      “โนเอล เธอ  ดีอัสโคลงศีรษะ ไม่อยากจะเชื่อว่าเรื่องแบบนี้จะออกมาจากความคิดของโนเอล ลีแวร์ ถ้าบอกว่าต้นกำเนิดมาจากเคชหรือไอ้พวกบ้าทั้งหลายแหล่นี่สิยังน่าเชื่อมากกว่า “จับฉลากเนี่ยนะ?”

     

                      “ใช่”  สาวเจ้าพยักหน้ารับอย่างมั่นอกมั่นใจ  “ง่ายดี ยุติธรรมด้วย”

     

                      คนเป็นเจ้าชายฟังแล้วก็ชักอยากจะยกมือขึ้นกุมขมับ ก็ไม่ใช่ว่าหัวหน้ารุ่นเขาต้องคัดคนจากความสามารถไม่ใช่หรือไง    

     

                      “แล้วถ้าฉันบอกไม่เห็นด้วยล่ะ  เคชเอ่ยเสียงยานคาน เขาลุกขึ้นจากที่นั่งริมขอบหน้าต่าง เมื่อเขาเคลื่อนไหว ทั่วทั้งห้องก็ต่างหันมาจับเป็นสายตาเดียว

     

                      “ถ้าอย่างนั้นนายก็ต้องพยายามเปลี่ยนใจฉันหน่อย”  เด็กสาวยังคงยิ้มละไม น้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่นในตนเองอย่างล้นเหลือ

     

                      “แล้วทำไมฉันต้องเปลี่ยนใจเธอด้วย”  พรานป่าถามยิ้มๆ หากนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มกับพราวระริกอย่างชักเริ่มสนุกกับการต่อปากต่อคำ เขาไม่ได้คิดจะเอาสาระอะไรกับมันนักหรอก ไม่ได้คิดว่าการจับฉลากเป็นวิธีที่แย่ด้วยซ้ำ แต่เขาชอบการโต้ฝีปากเฉือนคมกับการที่เท่าทันกัน

     

                      “อย่าลืมว่าเธอยังไม่ได้เป็นหัวหน้ารุ่นนะเอล พวกเราไม่มีความจำเป็นต้องทำตามความเห็นของเธอ”

     

                      เด็กสาวไม่ตอบ หากแต่กลับปรายสายตาไปยังกระดานหมากล้อมและเงยขึ้นสบกับคู่สนทนาเป็นเชิงเชิญชวนและท้าทาย

     

                      “งั้นมาแข่งกัน”  เสียงหวานว่า กวาดสายตามองไปยังเพื่อนๆทุกคนในห้อง “ในเมื่อพวกนายอยากเล่นหมากล้อมนัก เราก็มาแข่งกัน”

     

                      “ใครชนะจะได้สิทธิกำหนดวิธีการแข่งขัน” 

                      “ขะแข่งหมากล้อมเนี่ยนะ”  เคชอ้าปากค้าง นึกไม่ถึงว่าเพื่อนสาวจะมาไม้นี้ วันนี้โนเอลเป็นอะไรไปเนี่ย ตอนแรกก็จับฉลาก แล้วตอนนี้ก็ยังจะแข่งหมากล้อม??

     

                      “หรือไม่กล้า?”  ดวงหน้าหวานลอยหน้าลอยตาท้าทาย ทว่าก่อนที่พรานป่าซึ่งทั้งชีวิตไม่เคยเล่นหมากกระดานอะไรมาก่อนนอกจากหมากรุกจะรับคำท้าไปอย่างโง่ๆ เสียงเย็นๆของดีอัสก็ดังขึ้นราวกับจะเป็นระฆังช่วยชีวิต

     

                      “ใครจะทำสลาก?” 

     

                      ทุกคนในห้องตะลึง 

     

                      “ฉันเห็นด้วยกับโนเอล  ดีอัสเอ่ยเรียบๆ ทำราวกับว่าสายตาทุกคู่ที่จ้องมาทางเขาอย่างตกตะลึงเป็นเพียงสิ่งไร้ความหมาย “เรายังมีเรื่องต้องเรียน มีสอบ มีรายงานต้องทำ แล้วยังมีกิจกรรมโรงเรียนอีก ฉันไม่คิดว่าเราจะควรเสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่อง”

     

                      “เดี๋ยวนะ  เคชหาเสียงตัวเองเจอในที่สุด “ไม่ใช่ว่านายอยากเป็นหัวหน้ารุ่นหรือไง แล้วทำไม

     

                      “เป็นหัวหน้ารุ่นไม่จำเป็นต้องได้ตำแหน่งหัวหน้ารุ่น” 

     

                      ดวงหน้าเย็นชาเป็นนิจของเจ้าชายผมเงินเริ่มปรากฏรอยยิ้มมากเล่ห์จางๆชนิดที่ทำให้หลายคนเริ่มรู้สึกร้อนๆหนาวๆ สุดท้ายแล้ว กระทั่งเจ้าชายแห่งไรอัสก็ยังเป็นคนประเภทเดียวกันเป็นคนประเภทที่ถูกเรียกว่าไอ้พวกโซนหอคอยแดง

     

    “ถ้าฉันอยากเป็นหัวหน้ารุ่นยังไงฉันก็ต้องได้เป็น”  คำประกาศนั้นแสดงชัดถึงความมั่นใจในตัวผู้พูดอย่างยิ่งยวด ต่อให้ได้ตำแหน่งหัวหน้ารุ่นหรือไม่ก็ช่าง สุดท้ายแล้ว การกระทำจะเป็นผู้ตัดสิน อำนาจจะอยู่ในมือใคร เวลาจะเป็นผู้ตัดสิน หัวหน้ารุ่นจะเป็นใครก็ช่าง แต่ว่าหัวหน้ารุ่นเงา หรือคนที่กุมอำนาจไว้ในมือจริงๆจะต้องเป็นเขา

     

    “ก็น่าสนุกดีนะครับ”  แดริลส่งเสียงสนับสนุนขึ้นเป็นคนแรก เด็กหนุ่มยิ้มละไม ดวงตาสีเขียวมรกตที่ไม่เคยมีใครอ่านออกชักฉายประกายสนุกสนาน

     

    “สงครามชิงตำแหน่งหัวหน้ารุ่นที่ไม่มีวันจบอำนาจจะตกอยู่ในมือของผู้ที่มีความสามารถเท่านั้น”

     

    “ว่าไงก็ว่าตาม”  เฟนริลเอ่ยบ้าง ก็แน่ล่ะ ในเมื่อเจ้าตัวไม่คิดจะลงไปชิงชัยหาเรื่องปวดหัวอยู่แล้วนี่

     

    “ก็ไม่เลวนะ เมี๊ยว” เปอร์เซียน้อยทำสีหน้าครุ่นคิด “จับฉลากก็สนุกดี”

     

    เสียงพึมพำเห็นด้วยเริ่มแพร่กระจายไปทั่วห้อง ถ้าเป็นวิธีนี้ล่ะก็เฉพาะคนที่เก่งที่สุดเท่านั้นถึงจะรวบอำนาจไว้ในมือได้ และถ้าหากพลั้งพลาดเพียงนิดเดียว คนอื่นก็ย่อมโค่นและดำรงตำแหน่งได้แทนทันทีหัวหน้ารุ่นเงาตำแหน่งหัวหน้ารุ่นที่มีเพียงอำนาจ ไม่ต้องรับผิดชอบหน้าที่

    น่าสนุกน่าสนุกจะตาย….  


    (..........50%, 25 August 2012, to be continued....)


    ...................................................................................................................



    "ถ้า อย่างนั้นเดี๋ยวฉันจะไปทำสลากนะ"  เซราเรนเสนอตัว เธอเดินออกจากห้องไปไม่นานก็กลับมาพร้อมกับขวดโหลแก้วใบเล็กข้างในบรรจุ กระดาษม้วนไว้อย่างเรียบร้อย เด็กสาวเอามันมาส่งต่อให้เจ้าชายดีอัส เรเฟรัส ผู้ซึ่งรับมาและดูจะแต่งตั้งตัวเองเป็นคนดำเนินรายการจับสลากชิงตำแหน่ง หัวหน้ารุ่นด้วยเสียเลย

     

    "ใคร จะจับก่อน?" เขาถามขึ้น ทั้งห้องเงียบกริบ ต่างคนต่างหันมองหน้ากันไปมา ไม่มีใครขันอาสา ก็แน่ล่ะ การเลือกจับสลากเป็นคนแรกโอกาสถูกรางวัลมันมีน้อยกว่าคนหลังๆนี่นา ถึงจะบอกว่าหัวหน้ารุ่นตัวจริงจะเป็นหัวหน้ารุ่นเงาก็เถอะ แต่การจับสลากได้เป็นหัวหน้ารุ่นหุ่นเชิดนี่ก็ออกจะน่าภูมิใจและรู้สึกชนะ นิดๆ จะได้วางท่าอวดน่าหมั่นไส้ใส่คนอื่นๆได้ด้วย โก้ดีจะตาย

     

    "นายไง ดีอัส" เคชส่งเสียงเอื่อยเฉื่อยมาจากริมหน้าต่างมุมโปรด "จะใครจับก่อนก็เหมือนกันแหละน่า"

     

    "ฉัน เป็นคนถือขวดโหล ถ้าฉันจับก่อนจะไม่ยุติธรรม" เจ้าชายคนเก่งค้านเสียงเรียบ คำพูดนั้นก็ฟังดูหนักแน่นน่าเชื่อถือดีอยู่ แต่ไม่เห็นจะมีใครเข้าใจว่าการเป็นคนถือขวดโหลกับความยุติธรรมนั้นมัน สัมพันธ์กันตรงไหน ทว่าในเมื่อไม่มีคนค้าน ตามธรรมเนียมของชาวหอคอยแดงแล้วจึงถือเอาว่าปล่อยมันผ่านไปแล้วกัน

     

    "วุ่นวาย นัก งั้นฉันเองก็ได้" โนเอลโคลงศีรษะ ก่อนจะเดินไปหยิบสลากจากขวดแก้วในมือดีอัสทันทีอย่างคนตัดสินใจรวดเร็ว ม้วนกระดาษถูกคลี่ออกท่ามกลางสายตาทุกคู่ของคนในห้อง บรรยากาศเต็มไปด้วยความลุ้นระทึกจนแทบไม่ได้ยินเสียงหายใจ

     

    "ไม่ ได้" นั่นคือคำพูดสั้นๆของเด็กสาว ก่อนเธอจะชูชิ้นกระดาษว่างเปล่าในมือขึ้นให้ทุกคนเห็นกันถนัดตา ท่าทางของเธอไม่ได้ดูยินดีหรือผิดหวัง  แต่บางทีนี่ก็อาจจะเป็นสิ่งที่โนเอลหวังไว้แล้วก็ได้ 

     

    "งั้น ต่อไปตาข้า" มังกรเพลิงที่นั่งเงียบมานานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงกระตือรือล้น อารมณ์คล้ายกับว่าพอเห็นคนอื่นจับ ตนเองก็ชักเริ่มอยากจับบ้าง มือใหญ่ล้วงควานเข้าไปในโลหแก้ว รื้อๆค้นๆอยู่อย่างนั้นไม่ยอมเลือกสักที จนดีอัสซึ่งถือโหลเสียจนเมื่อยแขนแล้วชักรำคาญ

     

    "ชิ้นๆไหนก็หยิบไปเถอะ"  คนเป็นเจ้าชายเอ่ยเสียงปนดุ ทว่ามังกรของตนก็หาได้มีความเกรงกลัวไม่ สวนย้อนกลับมาทันควัน

     

    "ไม่ใช่ชิ้นไหนก็ได้ ต้องหยิบชิ้นที่ได้เป็นหัวหน้ารุ่นสิ"

     

    ก็จริงของมัน....ทุกคนในห้องนึกในใจ....แต่จะรู้ได้อย่างไรว่าชิ้นไหนคือชิ้นที่จะได้เป็นหัวหน้ารุ่นนี่สิปัญหา... 

     

    "ถ้า รู้ว่าชิ้นไหนจะได้เป็นก็ไม่ต้องจับสลากแล้วสิ" ดีอัสให้เหตุผล นั่นแหละเฟนริลถึงได้ตัดใจเลือกหยิบขึ้นมาชิ้นหนึ่งได้ และเมื่อคลี่ออกมาแล้ว มังกรเพลิงก็ได้พบความว่างเปล่าขาวโพลนของเนื้อกระดาษ เจ้าตัวหลุดหัวเราะหึออกมา ก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่อย่างสบายอารมณ์ท่ามกลางเสียงแซวของบรรดาเพื่อนๆ จากนั้นทั้งเคล เรเชีย และเนรัสจึงได้ออกมาเข้าคิวกันจับสลากบ้าง และไม่นานโหลกระดาษก็ถูกเปลี่ยนจากการถือมาเป็นการส่งวนไปรอบห้อง สลากแล้วสลากเล่าถูกจับขึ้นไป แต่ก็ยังไม่มีใครได้สลากหัวหน้ารุ่นเสียที

     

    เมื่อมันมาถึงในมือเคช กระดาษในขวดโหลแก้วที่ว่าก็มีสลากเหลือเพียงสามชิ้นเสียแล้ว...

     

    "มี ใครยังไม่ได้จับอีก?" พรานหนุ่มชูขวดโหลขึ้นให้ทุกคนดู เพื่อนร่วมชั้นของเขาโดยมากส่ายหน้า ต่างคนต่างมีชิ้นกระดาษว่างเปล่าในมืออยู่แล้วคนละหนึ่งใบ ถึงตอนนี้บรรยากาศยิ่งทวีความลุ้นระทึกยิ่งขึ้น เพราะนั่นหมายความว่าสลากหัวหน้ารุ่นนั้นจะต้องเป็นใบใดใบหนึ่งในที่เหลือ อยู่สามใบนี้แน่นอน

     

    "มีฉันแล้วก็ดีอัส..."

     

    เสียงหนึ่งตอบ เป็นเด็กหนุ่มที่กำลังนอนคว่ำหน้า สองมือยกขึ้นเท้าคางอยู่บนพื้นพรมสบายอารมณ์นี่เอง

     

    "งั้น นายก่อนไหม แดริล?" เคชถามเป็นเชิงกระเซ้าพลางทำท่าจะโยนขวดโหลไปให้คนบนพื้นอย่างไม่กลัวพลาดทำ มันแตก นี่ออกจะเป็นการกระทำที่ท้าทายกันไม่น้อย เพราะเมื่อสลากเหลืออยู่เพียงสามใบ นั่นแสดงว่าความน่าจะเป็นที่คนจับก่อนจะจับได้สลากหัวหน้ารุ่นจะมีสูงมากที เดียว

     

    "ไม่ ล่ะ เชิญนายเลย" เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลแดงนามแดริลตอบกลับมากึ่งเย้าอย่างเท่าทันกัน นั่นทำให้คนเป็นพรานหัวเราะหึๆ ยอมล้วงมือลงไปในโหลเลือกหยิบสลากขึ้นมาหนึ่งใบ ทว่าแทนที่จะเปิดออกดู เขากลับกำมันไว้อย่างนั้นพลางส่งโหลต่อให้เนรัสซึ่งยืนอยู่ข้างๆเพื่อให้มัน ส่งต่อไปให้แดริล

     

    "ไว้ เปิดพร้อมกัน น่าสนุกกว่า" เคชยิ้มเจ้าเล่ห์ ในขณะที่แดริลรับขวดโหลไปและก้มลงมองสลากที่เหลืออยู่สองใบในนั้น บนใบหน้าของเด็กหนุ่มปรากฏรอยยิ้มจางๆ

     

    "หนึ่ง ในสามหรือครับ..." เขาพึมพำเบาๆ ก่อนจะเลือกหยิบขึ้นมาหนึ่งใบและเดินไปส่งขวดโหลให้ดีอัส เรเฟรัส เป็นคนสุดท้าย ผู้ซึ่งรับขวดแก้วไปและหยิบสลากที่เหลืออยู่ในนั้นออกมา

     

    "เปิดเลยๆ" เรเชีย แมวเปอร์เชียขนฟูสีส้มส่งเสียงเชียร์มาอย่างตื่นเต้น เพื่อนๆคนอื่นๆก็ส่งเสียงเชียร์ไม่ต่างกันด้วยความลุ้นระทึก

     

    "มา นี่มา ฉันนับหนึ่งสองสามให้ แล้วพวกนายเปิดพร้อมกันนะ" เคลอาสา เด็กหนุ่มในร่างหมาป่าสีดำสนิทตัวใหญ่เกือบสามเมตรลุกขึ้นยืนเต็มขาทั้งสี่ ข้างพลางกวัดแกว่งหางไปมาอย่างอารมณ์ดีและเริ่มนับดังๆ

     

    "หนึ่ง...สอง...สาม..."

     

    สลากในมือคนทั้งสามถูกคลี่ออกพร้อมกัน และแผ่นกระดาษสีขาวที่มีรูปดาวดวงเล็กๆวาดไว้ ก็อยู่ในมือของ...

     

    "ฉัน..."  เจ้าชายดีอัส เรเฟรัส เอ่ยเรียบๆพลางชูสลากในมือตนให้ทุกคนในห้องเห็น ไม่มีข้อถกเถียงใดอีกแล้วเมื่อทุกคนต่างเป็นพยานว่าสลากในมือของเด็กหนุ่ม นั้นมีรูปดาวห้าแฉกวาดไว้อย่างสวยงาม ในขณะที่สลากในมือสองคนที่เหลือนั้นเป็นเพียงกระดาษขาวว่างเปล่า

     

    "ฮ่าๆ ๆๆ ยอดไปเลย ดีอัส ถึงนายจะไม่มีดวงเรื่องไพ่ แต่ดูเหมือนนายจะมีดวงเรื่องจับสลากนะเนี่ย!" เคชหัวเราะลั่นพลางเดินมาตบไหล่เพื่อนป้าบๆ ตามมาด้วยเฟนริลที่เกิดนึกคึกกระโดดเข้ากอดคอคนเป็นนายจากทางด้านหลัง จนแม้จะเป็นนักเวทย์จากไรอัสก็แทบทรุด

     

    "ดวง เรื่องไพ่นี่มันหมายความว่ายังไงกัน?" โนเอลมุ่นหัวคิ้ว หันไปทางเจ้าชายผมเงินราวกับจะถาม ทว่าคนถูกถามกลับไม่มีเวลาพอจะหันมาสนใจด้วยซ้ำ เมื่อตอนนี้เขากำลังถูกพวกเพื่อนๆกรูรุมเข้ามาแสดงความยินดีด้วยอยู่

     

    "สุดยอดเลยว่ะ ดีอัส นี่ขนาดจับสลาก นายก็ยังเอาตำแหน่งประธานรุ่นไปได้ คนอย่างนายนี่จะทั้งเก่งทั้งเฮงไปไหน"

     

    "แบ่งดวงนายมาให้ฉันบ้างซีโว้ยยย แบ่งดวงไม่ได้ แบ่งการบ้านมาให้ลอกก็ยังดี" เนรัสป้องปากแซว เรียกเสียงฮาได้ครืน

     

    บรรยากาศ เต็มไปด้วยความสนุกสนาน และดูเหมือนพวกโซนหอคอยแดงจะสามารถพลิกทุกสถาการณ์ให้เป็นเรื่องสมควรฉลอง ได้ง่ายดายยิ่งนัก เพียงไม่นานอาหารคาวหวานก็ถูกพวกสาวๆเจ้าของบ้านลำเลียงมาเสิร์ฟอย่างใจถึง ดูเหมือนพวกเธอจะวางแผนกันไว้ล่วงหน้าแล้วว่าถึงอย่างไรพวกเพื่อนๆก็ต้อง หิวโหยมื้อดึกกันแน่ ทั้งชารอน โนเอล และเซราเฟียจึงใช้เวลาตลอดช่วงเช้าและบ่ายในการทำอาหารง่ายๆจำพวกพายเนื้อ ซุปข้าวโพด เค้กอบ และน้ำผลไม้ไว้เลี้ยงเพื่อนๆ ส่วนพวกผู้ชายก็ไม่น้อยหน้า เคชทำสัญญาณมือส่งให้เคลซึ่งเหมือนจะรอจังหวะอยู่แล้วแอบหลบออกไปข้างนอก ทั้งคู่หายไปไม่นานก็กลับมาพร้อมกับเหล้าป่าหมักเองหกขวด กลิ่นแอลกอฮอล์ซาบซ่านเสียจนโนเอลย่นจมูก

     

    "นาย ต้มเหล้าเถื่อนเอง?" นั่นไม่ใช่คำทัก แต่ดูเป็นคำกล่าวหาเสียมากกว่าเมื่อเด็กสาวมองขวดเหล้าที่ถูกยกเข้ามาก่อนจะ ตวัดสายตามองคนต้นเรื่องอยากคาดคั้น

     

    "เหล้า ป่าตะหาก" เคชแก้ให้ เป็นคำเถียงข้างๆคูๆที่ดูจะไม่มีใครถือสา เพราะตอนนี้ต่างคนต่างมองขวดแก้วบรรจุของเหลวสีอำพันใสแจ๋วด้วยสายตาเป็น ประกายเหมือนแมวมองปลาย่าง ก็ในเมื่อที่นี่เป็นโรงเรียน ถึงจะมหาเวทดูไม่เหมือนโรงเรียนแค่ไหน มันก็ยังคงเป็นโรงเรียน ดังนั้นอยู่ดีๆจะให้มีใครเอาเหล้าเข้ามาขายก็คงเป็นไปไม่ได้ ถ้าอยากดื่มนัก ทางเดียวก็คือต้องต้มเองกลั่นเอง แล้วจะมีใครสักกี่คนล่ะที่ทำเป็น?

     

    "เฮ้อ ฉันล่ะไม่เห็นเข้าใจว่ามันจะอร่อยตรงไหน" เซนาเรนถอนหายใจพลางเดินกลับเข้าไปในครัวเพื่อไปชงโกโก้ร้อนใส่นมสดให้กับ ใครก็ตามที่ไม่ร่วมวงน้ำข้าว ซึ่งก็เหลือแค่เธอกับชารอนเท่านั้น

     

    "ก็มาลองชิมดูสิเรน" เสียงพวกผู้ชายสักคนกระเซ้ามา เรียกสายตาค้อนขวักจากเด็กสาวไปหนึ่งวงเต็มๆให้ได้หัวเราะกันครืน

     

    "ดื่ม เข้าไปแล้วได้ประโยชน์อะไร ซดอั่กๆลงไปอย่างนั้น จะรู้รสชาติหรือเปล่ายังไม่รู้เลย" เซนาเรนบ่นกระปอดกระแปดพลางเดินเลี่ยงมาทรุดตัวลงนั่งข้างๆชารอน ซึ่งอีกฝ่ายก็เพียงส่งยิ้มอ่อนให้แล้วรีบขยับที่แบ่งให้เพื่อนนั่งด้วย ที่ตรงนี้เป็นโซฟาขนาดกระทัดรัดตั้งอยู่บริเวณมุมห้อง ห่างจากความอึกทึกของพวกก๊วนเหล้าออกมาพอสมควร แก้วโกโก้ร้อนในมือส่งควันขาวกรุ่น และเมื่อยกขึ้นจิบก็ให้รสหวานออกติดขมเล็กๆที่ปลายลิ้น

     

    "ก็ คงดื่มเพื่อความสนุกสนานล่ะมั้งจ๊ะ" เด็กสาวผมสีทองอ่อนผู้สวมแว่นเลนส์ไร้กรอบอยู่เสมอพยายามปลอบเพื่อน ชารอนเป็นเด็กสาวที่มีบุคลิกเป็นคุณหนูบอบบางดูน่าทะนุถนอม ซ้ำยังค่อนข้างขี้อายและแสนจะเรียบร้อย ทำให้พวกทโมนค่อนข้างเกรงใจ ไม่ค่อยได้มายุ่งกับเธอมากนัก ไม่เหมือนโนเอลที่เป็นสาวห้าวแห่งรุ่น เลยมักโดนแหย่โดนเย้าเป็นประจำ

     

    "ก็ แค่ดื่มแล้วมันจะไปสนุกได้ยังไง แล้วเดี๋ยวสักพักก็เมาเละ ตื่นเช้าขึ้นมาก็ปวดหัวอีก ไม่เห็นมีอะไรดี" คนบ่นทำหน้ามุ่ย มองเหล่าเพื่อนชายหญิงที่กำลังตั้งวงพลางส่งค้อนให้อีกขวัก เธอปฏิเสธไม่ได้ว่าการดื่มเหล้าก็มีข้อดีของการดื่มเหล้า แต่อย่างไรเสียการไม่ดื่มก็ดูจะมีข้อดีมากกว่า

     

    "ของ แบบนี้ดื่มให้พอเป็นไม่โดนมอม เอาไว้ดื่มสนุกๆกับเพื่อนก็พอแล้ว อย่าคิดมากเลยน่าเรน" เคชเดินถือขวดเหล้าเดินตรงเข้ามาหาเพื่อนสาว เมื่อเห็นเคชเดินเข้ามา ชารอนก็ก้มหน้าหลบสายตาทันที ท่าทางของเธอบอกชัดว่าเป็นคุณหนูไม่สู้คน ซ้ำยังไม่รู้ว่าจะวางตัวอย่างไรดีกับเพื่อนชายที่เป็นเพศตรงกันข้าม

     

    "เห ล้าน่ะดื่มได้ แต่ดื่มแล้วต้องรู้จักหยุด พวกดื่มเหล้าแล้วเมาคือพวกดื่มไม่เป็น สักแต่ว่าดื่ม" พรานป่าเอ่ยเรื่อยๆพลางยื่นขวดแก้วในมือที่มีของเหลวเหลือเพียงก้นให้เซนา เรน ครั้งเมื่อเด็กสาวไม่รับ เขาจึงยื่นขวดดังกล่าวไปตรงหน้าชารอนแทน

     

    "เธอ นี่เกิดมาท่าจะไม่เคยดื่มเหล้า" เขาทายพลางยิ้มกว้าง พอได้รับความสนใจแบบนี้ เด็กสาวที่รู้สึกประหม่าอยู่แล้วก็ยิ่งประหม่าหนักขึ้นไปอีกจนแก้มเริ่มขึ้น สีแดงเรื่อ ตอบกระซิบแผ่วตะกุกตะกัก

     

    "คะ..เคยค่ะ เคยทานเหล้ารัมที่ใช้ผสมขนม"

     

    "ไฮ้ แบบนั้นมันไม่เรียกว่าดื่ม ลองชิมนี่ดูสิ" เคชคะยั้นคะยอ แต่ยังไม่ทันที่ชารอนจะตอบ เซนาเรนก็ก้าวเข้ามาปกป้องเพื่อนสาวทันที

     

    "อย่า มาชวนให้ชารอนเสียคนนะเคช" เสียงหวานแหวใส่ แทบจะยกมือจิ้มอกคนเป็นพราน ทว่าเคชยังคงทำหน้ายิ้มระรื่นอยู่ได้ ซ้ำยังยกขวดในมือขึ้นกรอกของเหลวลงคออั่กๆโชว์เสียด้วย

     

    "ไม่ ได้ชวนให้เสียคน..." พรานป่าแก้ต่าง ยกหลังมือขึ้นป้ายริมฝีปาก "แต่จะสอนให้ว่าเวลาดื่มเหล้าให้ดื่มยังไง นี่ ฉันไม่ได้บอกว่าการดื่มเหล้ามันดี แต่การดื่มให้เป็นก็ดีกว่าดื่มไม่เป็น อย่างน้อยต่อไปจะได้ไม่ต้องโดนใครหลอกจนโดนมอมเอาง่ายๆ"

     

    "ข้อ อ้าง" เซนาเรนโต้กลับ "ถ้าจะโดนมอมเหล้าจริง แค่จิบไปก็รู้แล้วว่าเป็นเหล้า" อันที่จริง ตัวเธอเองก็ดื่มได้ แต่เธอเป็นคนคออ่อน พอดื่มไปได้สักสองแก้วก็จะเริ่มง่วง และพอขึ้นแก้วที่สามก็จะเริ่มพูดงึมงำไม่เป็นภาษา และถ้าปล่อยทิ้งไว้ก็จะผล็อยหลับไปภายในสิบห้านาที

     

    "งั้นหรือ..." เคชหัวเราะเบาๆ ท่าทางดูท้าทายกวนประสาทจนน่าตบสักเปรี้ยงยิ่งนัก "แต่ฉันไม่คิดแบบนั้นนะเรน"

     

    "คนไม่เคยดื่มเหล้า จะไม่รู้หรอกว่าอาการกรึ่มๆเป็นยังไง กว่าจะรู้ตัวก็โน่นเลย โดนมอมจนเมาไปเรียบร้อยแล้ว"

     

    "ตกลง นี่นายต้องการจะให้ฉันดื่มให้ได้ใช่ไหม?" เซนาเรนทำตาวาวจ้า สองมือโอบกอดเพื่อนสาวไว้หลวมๆราวกับจะปกป้อง ในขณะที่ชารอนมองเพื่อนทั้งสองคนเถียงกันด้วยสายตาลำบากใจ เธอทำท่าจะพูดอะไรออกมาหลายครั้ง แต่ก็เงียบลงไปก่อนเสียทุกครั้ง สุดท้ายเลยได้แต่อึ่กๆอั่กๆ อยากจะพูดแต่ก็ไม่กล้า ทำได้เพียงตกอยู่กึ่งกลางในการโต้เถียงระหว่างเพื่อนสองคนต่อไป

     

    "สำหรับ เธอน่ะไม่ แต่สำหรับชารอนน่ะใช่!" เคชตอบรับเสียงหนักแน่น นั่นทำให้เซนาเรนอึ้งไปนิดหนึ่ง และทำให้ชารอนเบิกตากว้าง รู้สึกทำตัวไม่ถูกหนักกว่าเดิม

     

    "คือ...ฉัน ...ฉัน..." เด็กสาวผู้สวมแว่นเลนส์ไร้กรอบเอ่ยตะกุกตะกัก เธอเงยหน้าขึ้นสบตากับพรานป่า และอย่างช้าๆ มือเล้กนั่นก็ค่อยๆยื่นออกมารับเอาขวดเหล้าไปถืออย่างกล้าๆกลัวๆ

     

    "ไม่ เป็นไรหรอก ชารอน ไม่ต้องฝืนใจดื่มก็ได้" เซนาเรนปลอบเพื่อน ทว่าอีกฝ่ายกลับสั่นหน้า ถึงแม้สีหน้าของเธอจะดูไม่มั่นใจนัก หากน้ำเสียงกลับแสดงถึงความแน่วแน่

     

    "ไม่เป็นไรหรอกเรน ฉันเองก็อยากจะลองดูสักครั้งเหมือนกัน"

     

    สิ้น คำ เด็กสาวก็ยกขวดเหล้าขึ้นและกรอกลงคอทันทีด้วยท่าทางที่เลียนแบบพรานป่ามา อนิจจา คุณหนูชารอนผู้ไม่เคยดื่มเหล้าป่ามาก่อนเลยในชีวิต เมื่อมาเจอกับเหล้าเถื่อนดีกรีแรงที่ทั้งบาดและร้อนวูบยิ่งกว่าเหล้ารัมนุ่ม นวลนับสิบนับร้อยเท่า ทันทีที่อึกแรกล่วงผ่านลำคอไป ร่างบางจึงแทบสำลักพรวด ยกขวดออกห่างจากปากแทบไม่ทัน ชารอนรู้สึกร้อนวาบไปตามลำคอไปจนถึงลำไส้คล้ายกับกลืนถ่านแดงร้อนเข้าไป เธอแทบจะบอกได้เลยว่าตอนนี้ของเหลวสีอำพันนั่นกำลังเดินทางไปถึงไหนแล้วใน ร่างกายของเธอ ทั้งหูทั้งตาของเธอแดงก่ำไปหมด โชคดีที่ไม่สำลัก แต่ถึงอย่างนั้นสภาพของเด็กสาวก็ทำให้เซนาเรนถึงกับสบถอุบ หันมาส่งสายตาเขียวปัดใส่เคชโทษฐานแนะนำอะไรไม่เข้าท่าให้เพื่อนของเธอดื่ม 

     

    "เพราะนาย!" เด็กสาวแยกเขี้ยวแฟร่ใส่เขา ท่าทางเอาเรื่องเต็มที่

     

    "เอ่อ...ขอโทษ ที ฉันลืมบอกไปว่าครั้งแรกไม่ควรยกซดอย่างนั้น ควรจะค่อยๆจิบๆชิมๆทีละนิด" เคชยกสองมือขึ้นเป็นสัญลักษณ์สากลว่าขอยอมแพ้ นัยน์ตาคู่สีน้ำตาลเข้มมองเด็กสาวที่กำลังเช็ดหูเช้ดตาอยู่ด้วยสายตาเป็น ห่วง ว่าไปแล้ว เหล้าป่าก็ไม่ใช่การเริ่มต้นที่ดีนักสำหรับคนเพิ่งหัดดื่มเหล้า โดยเฉพาะมือใหม่หัดดื่มที่หวังเพียงแค่จะดื่มให้เป็นโดยไม่ถูกโดนมอม

     

    "เฮ้ย ไอ้เคช แกไปมอมเหล้าสาวหรือไงวะ ระวังนา เดี๋ยวจะโดนสาวรุมยำไม่รู้ตัว" เนรัสตะโกนแซว พร้อมด้วยแก๊งเหล้าที่ส่งเสียโห่ฮาสมทบมา

     

    "สอน สาวให้หัดดื่ม จะได้ป้องกันตัวเองจากพวกแกนั่นแหละ" พรานป่าหันไปป้องปากด่ากลับ เรียกเสียงฮาครืนหนักกว่าเดิม ก่อนเด็กหนุ่มจะเลิกสนใจไอ้พวกเพื่อนปากสุนัขและหันกลับมาสนใจเด็กสาวสวม แว่นเลนส์ไร้กรอบตรงหน้าต่อ

     

    "ไม่ เป็นไรนะชารอน ของแบบนี้ต้องค่อยๆหัด" เขาส่งยิ้มปลอบใจให้เด็กสาว เอื้อมมือออกไปหมายจะรับขวดเหล้าคืน ทว่าเด็กสาวกลับไม่ยอมส่งให้เขา เธอยึดมันไว้กับตัวแน่นพลางมองเขาด้วยสายตาแน่วแน่ มันบอกชัดว่าเธอจะไม่ล้มเลิกเด็ดขาดจนกว่าจะดื่มเหล้าเป็น หรือไม่ก็จนกว่าเขาจะเอ่ยปากขอคืน

     

    "เหลือ แค่ก้นขวดนิดเดียวเองค่ะ เดี๋ยวฉันลองดื่มอีกสองสามอึกก็หมดแล้ว" ชารอนเอ่ยเสียงกล้าๆกลัวๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังส่งยิ้มจางขี้อายให้เขา เคชเห็นดังนั้นจึงหัวเราะ เป็นครั้งแรกจริงๆที่เขาไม่รู้จะตอบว่าอะไรดีเลย

     

    "ชา รอน ไม่ต้องไปตามลูกยุของเคชมันนักก็ได้ หมอนี่มันเพี้ยน" เซนาเรนงึมงำ ตั้งใจจะชำระหนี้แค้นในภายหลัง หน็อย อยู่ดีไม่ว่าดีมาล่อลวงให้เพื่อนของเธอหัดดื่มเหล้า ถึงจะบอกว่าให้หัดดื่มไว้เพื่อป้องกันตัวก็เถอะ แต่ถึงยังไงเธอก็ไม่อยากให้เพื่อนของเธอดื่มอยู่ดี ชารอนยิ่งร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงอยู่ด้วย

     

    "ขอบคุณนะเรน แต่ฉันจะลองพยายามดู มาคิดๆดูแล้วก็น่าจะดื่มให้เป็นเหมือนกัน"

     

    "ถ้า อย่างนั้นไว้เดี๋ยวฉันจะสอนให้ แต่ฉันเองก็ดื่มไม่เก่ง คงต้องให้เอลสอนล่ะมั้ง ขานั้นเค้าคอแข็ง" เอ่ยพลางบุ้ยหน้าไปทางเด็กสาวอีกคนผู้กำลังร่วมกลุ่มดวดเหล้ากับกลุ่มผู้ชาย ได้หน้าตาเฉย เพียงแต่แยกออกมายืนจิบเงียบๆคู่กับเจ้าชายดีอัส เรเฟรัสเท่านั้น ไม่ได้เข้าไปตั้งวงเฮฮาประสาบ้านป่ากับคนอื่นๆด้วย

     

    "นี่ อย่าบอกนะว่าพวกเธอมีเหล้าซ่อนไว้" พรานป่าเริ่มทำสายตาวิ้งเป็นประกาย แต่คำพูดของเพื่อนสาวก็ดับฝันเขาอย่างรวดเร็ว

     

    "มีของเอลอยู่ในตู้ กล้ากินก็เชิญตามสบาย"

     

    เคช ทำคอย่น เหลือบสายตามองเพื่อนสาวผมแดงผู้กำลังยืนจิบเหล้าข้างๆเจ้าชายดีอัส เรเฟรัสด้วยสายตาพรั่นพรึง รับรองได้ว่าเหล้าใดก็ตามที่แม่สาวนามโนเอล ลีแวร์ดื่ม จะต้องเป็นเหล้าหรูหราอย่างดีชนิดที่พรานป่าของเขาไม่มีปัญญาแม้แต่จะเคย เห็น ขืนไปขโมยของแม่คุณกินเข้า มีหวังชาตินี้ล่าสัตว์ขายอีกกี่ร้อยตัวก็ไม่มีวันพอใช้หนี้แม่คุณ

     

    "เคช จะทานนมไหมคะ เดี๋ยวฉันไปทานมาให้" ชารอนเสนออย่างมีน้ำใจเมื่อเห็นสีหน้าผิดหวังของเด็กหนุ่ม และนั่นก็ทำให้เคชไม่รู้ว่าเขาควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

     

    "เอ่อ ไม่เป็นไรหรอก แต่ก็ขอบใจนะ" เขาทำหน้าแหยๆ ก็พอดีกับพวกเนรัสส่งเสียงเรียกให้กลับไปกินเหล้าเฮฮากันต่อ ดังนั้นเขาจึงขอตัวจากสองสาวและไปร่วมก๊วนชายเถื่อนซึ่งแต่ละคนยังไม่บรรลุ นิติภาวะเสียด้วยซ้ำ คืนนั้นกว่าจะเลิกก็ดึกดื่น บางคนก็ถ่อสังขารกลับบ้าน แต่บางคนก็หลับยาวนอนค้างที่บ้านสามสาวเสียเลย

     

    อัน ที่จริงเคชเอง ถ้าไม่ติดว่าโดนดีอัสลากตัวกลับบ้าน เขาก็คิดจะค้างที่ห้องโถงอันอบอุ่นสบายนั่นอยู่เหมือนกัน แต่เพราะทนสายตาเย็นๆของเจ้าชายไม่ได้ เจ้าตัวดีและมังกรเพลิงจึงต้องลากสังขารฝ่าความหนาวของภูเขาหิมะซึ่งยามนี้ เริ่มมีเกล็ดหิมะโปรยปรายลงมาบ้างแล้ว และถึงเขาจะบ่นกระปอดกระแปดเป็นรอบที่ร้อยว่าเขาเป็นพรานเมืองร้อน ไม่ได้พิสมัยหิมะเหมือนใครบางคน แต่ใครคนนั้นที่โดนเขาประชดก็ยังคงทำหูทวนลมประหนึ่งไม่ได้ยิน จนท้ายที่สุด พวกเขาก็สามารถลากสังขารกลับมายังบ้านจนได้หลังจากที่นาฬิกาชี้บอกเวลาเกือบ ตีสามแล้ว

     

    "ดี นะที่พรุ่งนี้เป็นวันหยุด" เฟนริลงึมงำพลางรีบวิ่งไปจุดเตาผิงให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ ด้วยพลังของมังกรเพลิงทำให้ฟืนในเตาลุกสว่างขึ้นมาอย่างรวดเร็วโดยไม่จำเป็น ต้องใช้เวทมนต์หรืออุปกรณ์ใดๆช่วย จุดไหแล้ว มังกรเพลิงยังไม่ลืมเอาหม้อน้ำกระดำกระด่างไปรองน้ำจนเกือบเต็มและยกขึ้น ตั้งเตา ตั้งใจจะต้มให้เดือดทำเป็นชาร้อนๆก่อนเข้านอน 

     

    "ดี จริงๆที่หยุด" เคชพยักหน้าเห็นด้วยพลางถอดเสื้อคลุมตัวโคร่งวางพาดไว้กับเก้าอี้แล้วรีบไป เบียดชิงเอาไออุ่นหน้าเตาผิงกับมังกรเพลิง ในขณะที่คนเป็นหัวหน้ารุ่นหมาดๆพอเข้าห้องมาได้ก็ไม่พูดไม่จา เดินดุ่มๆเข้าไปในห้องนอนและกลับออกมาพร้อมกับอุปกรณ์อาบน้ำ เล่นเอาอีกสองหนุ่มตาค้าง มองเจ้าชายดีอัสราวกับอีกฝ่ายได้เสียสติไปเสียแล้ว 

     

    "เจ้า...คงไม่ได้คิดจะอาบน้ำจริงๆใช่ไหม นี่มันตีสามแล้วนะ" มังกรเพลิงประท้วง

     

    "คิดสิ" ดีอัสตอบหน้าเฉย ทว่ายังไม่ทันที่เขาจะก้าวเข้าห้องน้ำ เสียงเรียกของพรานป่าก็หยุดเขาไว้

     

    "ดีอัส...ใครเป็นหัวหน้ารุ่น?"

     

    เจ้า ชายแห่งไรอัสชะงักกึก มันเป็นเวลาเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้นที่เขานิ่งไป ก่อนน้ำเสียงไร้อารมณ์จะดังราบเรียบ เอ่ยราวกับพูดข้อเท็จจริงที่ใครๆก็รู้กันอยู่แล้ว

     

    "ในเมื่อฉันจับสลากได้...มันก็ควรเป็นฉัน"

     

    "ถ้าอย่างนั้น....เปลี่ยนคำถามใหม่เป็นใครกันที่จับสลากได้"

     

    นัยน์ตา สีน้ำเงินเข้มหันมาสบกับดวงตาคู่สีน้ำตาลเข้มของพรานป่า ถึงตอนนี้มังกรเพลิงได้แต่มองเพื่อนของตนซ้ายทีขวาที ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

     

    "พวก เจ้าคุยอะไรกัน ข้าตามไม่ทัน" เฟนริลร้อง ชักเริ่มรู้สึกปวดหัวกับความคิดของมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเพื่อนสองคนนี้ที่ดูจะชิงไหวชิงพริบกันเสียเหลือเกิน

     

    "คุย อะไรงั้นหรือ ก็ถามดีอัสมันสิ" เคชกระตุกยิ้มที่มุมปากพลางละจากหน้าเตาผิงมาลากเก้าอี้ไปนั่งและยกเท้าขึ้น พาดโต๊ะอย่างกิริยาถ่อย ทว่าคราวนี้กลับไม่มีสายตาพิฆาตจากดีอัสอย่างเคย ร่างสูงของเจ้าชายผมเงินกลับเพียงเดินช้าๆมาหยุดอยู่ตรงหน้าพรานป่า ก่อนจะโน้มตัวลงเหนือร่างบนเก้าอี้ทั้งๆที่ยังคงประสานสายตากัน มันเป็นการแสดงออกทางภาษากายที่แสดงอำนาจเหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด

     

    "แล้วฉันทำอะไรเล่า นายพราน ถ้าจะกล่าวหากันลอยๆแบบนี้ก็พิสูจน์สิ"

     

    "ตอนแรกนายถือขวดโหลไว้แต่กลับไม่ยอมจับ จนกระทั่งเหลือสลากใบสุดท้าย คิดอย่างไรมันก็น่าสงสัยจนเกินไป"

     

    สีหน้าของเจ้าชายแห่งไรอัสไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย มันแสนจะนิ่งเฉยไร้อารมณ์เช่นเคย ไม่แสดงสิ่งใด ไม่เปิดเผยสิ่งใด....

     

    "ฉันบอกนายแล้วว่าในเมื่อฉันเป็นคนถือขวดโหล ฉันก็ควรจะต้องจับเป็นคนสุดท้าย ไม่อย่างนั้นมันก็จะไม่ยุติธรรม"

     

    "ไม่ ยุติธรรมยังไง?" เฟนริลขัดขึ้น น้ำเสียงแสดงความสงสัยจากใจจริง เคชเองก็มองดีอัสอย่างรอฟังคำตอบ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เจ้าชายผมเงินจะหลีกเลี่ยงไม่ตอบคำถามนี้ เด็กหนุ่มจึงผ่อนลมหายใจออกเบาๆ ยอมตอบคำถามที่เขาเห็นว่าไร้สาระที่สุด

     

    "แล้วนายคิดว่ามันยุติธรรมไหมถ้าหากฉันที่ถือสลากจะเป็นคนจับก่อน"

     

    "แต่ต่อไปเจ้าก็ไม่ได้ถือนี่ เจ้าถือแค่ตอนแรกๆ จากนั้นก็ส่งขวดโหลเวียนให้คืนอื่นจับต่อ" มังกรเพลิงท้วง

     

    "ก็ มันเมื่อย" คนเป็นเจ้าชายตอบหน้าตายด้วยสีหน้าไร้อารมณ์เหมือนเดิม และนั่นก็ทำให้เพื่อนทั้งสองคนกะพริบตาปริบๆ เถียงไม่ออกเลยสักคำเดียว

     

    "นาย ทำแบบนั้นก็เพราะนายอยากจะให้คนอื่นเห็นว่านายยุติธรรมตะหาก" พรานป่าเม้มริมฝีปากอย่างใช้ความคิด เขานึกสงสัยตั้งแต่ตอนเห็นดีอัสไม่ยอมหยิบสลากแล้ว และความสงสัยนั่นก็ยิ่งทวีมากขึ้นเมื่อมันได้ตำแหน่งผู้นำรุ่น อย่าว่าแต่เขาที่สงสัยเลย เคชเองก็เชื่อว่าเพื่อนคนอื่นๆก็สงสัยเหมือนกัน แต่ที่ไม่มีใครพูดอะไรก็เพราะเห็นว่าเจ้าชายดีอัส เรเฟรัสก็สมเป็นหัวหน้ารุ่นดีอยู่แล้ว อีกอย่าง ขืนท้วงออกไปแล้วโดนโกรธ ต่อไปจะขอลอกรายงานไม่ได้เสียเปล่าๆ

     

    "ตอน แรกนายรับสลากมาถือไว้เพราะนายต้องการทำอะไรสักอย่างกับสลากนั่น อย่างเช่นลงเวทมนต์ไว้ให้สลากทุกใบกลายเป็นสีขาว จากนั้นนายก็ให้คนอื่นจับก่อน แล้วนายเลือกจับเป็นคนสุดท้ายเพื่อที่จะตบตาไม่ให้ใครคิดว่านายเล่นโกง แล้วพอเปิดสลาก นายก็ใช้เวทมนต์ทำให้มีรูปดาวห้าแฉกปรากฎขึ้นมา เพียงเท่านี้ตำแหน่งหัวหน้ารุ่นก็เป็นของนายแล้ว"

     

    "ฉลาด ดีนี่ นายพราน" ดีอัสชม แต่ในสายตาของเขาก็ไม่มีแววประทับใจเลยแม้แต่น้อย "คิดเป็นตุเป็นตะได้สนุกดี ถ้าฉันทำอย่างนั้นจริง ป่านนี้พวกใช้เวทย์คนอื่นๆอย่างเนลล์หรือโนเอลก็ต้องโวยวายแล้ว"

     

    "ที่ เขาไม่โวยวายก็เพราะไม่มีเพื่อนคนไหนอยากหักหน้านายตะหาก!" เคชโต้ ชักเริ่มรู้สึกเดือดขึ้นมาบ้าง จริงๆแล้วเขาก็ไม่อะไรกับการที่ดีอัสได้เป็นหัวหน้ารุ่นหรอก เพียงแต่เขาไม่ชอบวิธีการอย่างนี้เลย การโกงเป็นเรื่ิองผิดไหมก็แล้วแต่สถานการณ์และเจตนา แต่ที่แน่ๆ ดีอัสโกงเพื่อน ซึ่งข้อนี้มันทำให้เขาหงุดหงิดเป็นที่สุด แต่ที่ไม่พูดออกไปตอนนั้นก็เพราะไม่อยากหักหน้ามัน ตั้งใจว่ารอกลับบ้านเมื่อไหร่ เขาจะต้องคุยกับมันให้รู้เรื่อง

     

    "เคช เจ้าใจเย็น บางทีดีอัสมันอาจไม่ได้ทำก็ได้" เฟนริลพยายามปลอบ นัยน์ตาคู่สีแดงเพลิงเหลือบมองนาฬิกาแล้วอดลอบถอนหายใจไม่ได้เมื่อยามนี้ก็ ตีสามครึ่งเข้าไปแล้ว หลังจากเสร็จงานประชุมหนักหนามาทั้งวัน พอถึงกลางคืนยังมีเรื่องอีกหรือเนี่ย

     

    "ถ้าฉันทำอย่างที่นายว่าจริง ตอนที่ฉันทำปลอมสัญลักษณ์หัวหน้ารุ่นขึ้นมา ฉันจะรู้ได้อย่างไรว่ามันเป็นรูปดาวห้าแฉก ในเมื่อคนทำสลากคือเซนาเรน วาริเชีย"

     

    "นาย คงไม่คิดว่าฉันจะประเมินเวทมนต์ของนายต่ำไปหรอกใช่ไหม ดีอัส" เคชกัดฟันกรอด รู้สึกว่าตนกำลังถูกต้อนแทนที่จะเป็นฝ่ายต้อน จริงอยู่ที่เขาผู้เป็นฝ่ายกล่าวหามีหน้าที่ต้องหาพยานหลักฐานมาพิสูจน์ข้อ กล่าวอ้างของตน แต่ระดับเจ้าชายดีอัส เรเฟรัสผู้แสนรอบคอบ เขาจะมีอะไรไปพิสูจน์เล่า นอกจากความคิดที่ว่าการที่ดีอัสจับสลากเป็นคนสุดท้ายแล้วได้ตำแหน่งหัวหน้า รุ่นนั้น มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยในทางทฤษฎีความน่าจะเป็น

     

    "ฉัน ไม่...." ดีอัสโต้เสียงเย็น แต่แล้วจู่ๆคำพูดดังกล่าวก็ถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอพร้อมๆกับที่ร่างสูงทรุด วูบจนต้องเอามือยันโต๊ะไว้เพื่อพยุงตัวเอง เคชสะดุ้ง รีบกระเด้งขึ้นมาจากเก้าอี้ปราดมาดูอาการเพื่อนอย่างรวดเร็ว แต่เพียงแค่เขาเข้าไปใกล้ เจ้าชายอวดดีไม่เจียมตัวก็กวาดแขนสั่นระริกมาเป็นเชิงห้ามปราม สำทับเสียงอ่อนแรง

     

    "ไม่ต้องเข้ามา"

     

    "ดี อัส..." เฟนริลปราดเข้ามาบ้าง ไม่สนใจเสียงห้ามของเพื่อนเลยสักนิด มือใหญ่เอื้อมขึ้นแตะต้นแขนคนเป็นนายอย่างเป็นห่วง ทว่ากลับถูกคนเอาแต่ใจสะบัดตัวหนี ดีอัสเม้มปาก เขาล้วงมือลงไปในกระเป๋าเสื้อคลุมเพื่อหยิบเอาขวดน้ำยามนตราสีส้มออกมาและ กรอกมันเข้าปากอั่กๆโดยไม่สนใจสายตาของเพื่อนทั้งสอง

     

    ไม่สนใจ...แม้ในยามที่สายตาคู่สีน้ำตาลเข้มของพรานป่าจะเริ่มแปรจากความเป็นห่วงมาเป็นวาวจ้าขึ้นเรื่อยๆ....

     

    "นาย....ใช้เวทมนต์?" เคชเอ่ยเสียงเย็น พยายามกดน้ำเสียงตัวเองให้เป็นปกติ ก็นี่ไง...หลักฐานที่อีกฝ่ายพูดถึง

     

    "มันไม่เกี่ยวกับนาย" นัยน์ตาคู่สีน้ำเงินเข้มหันมามอง ไม่มีแววล้เล่นแฝงอยู่ในนั้น

     

    "เกี่ยว สิ เกี่ยวแน่ ดีอัส เรเฟรัส หลักฐานมันเห็นชัดอยู่แล้วว่านายเพิ่งใช้เวทมนต์มา มนต์ใหญ่เสียด้วย ไม่อย่างนั้นร่างกายนายไม่เป็นแบบนี้แน่"

     

    ดี อัสนิ่งไป เขาอยากจะเถียง ยังมีเหตุผลอีกหลายสิบประการที่เขาสามารถยกขึ้นมาต่อกรด้วยได้ ทว่าเมื่อเห็นอีกฝ่ายแข็งกร้าวขนาดนี้แล้ว เขาก็พูดไม่ออก ความละอายใจที่ตนพยายามไม่คิดถึงมันเริ่มคืบคลานเข้ามามีอำนาจในการตัดสิน ผิดชอบชั่วดีของจิตใจ

     

    เด็กหนุ่มนิ่งไปนาน...เป็นความเงียบที่แสนน่าอึดอัดนัก ก่อนเขาจะก้มหน้านิ่งลง เป็นสัญลักษณ์ของการยอมจำนน...

     

    "ตอนที่ถือโหลอยู่ ฉันใช้เวทมนต์แอบดูข้างในว่าสลากใบไหนที่มีสัญลักษณ์เขียนไว้ และที่เหลือก็อย่างที่นายพูด เคช"

     

    สีหน้า ของคนพูดเผือดลงจากฤทธิ์ไข้ที่เริ่มเล่นงาน ผลจากการใช้เวทมนต์อย่างการส่องดูภายในกระดาษทีละใบนั้นละเอียดซับซ้อนกว่า ที่เห็น เพราะการมองทะลุสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปได้หมายความเขาจะต้องจัดเรียงสิ่งที่ ประกอบขึ้นเป็นสิ่งนั้นขึ้นมาใหม่ เป็นการทำให้สิ่งนั้นโปร่งใสไปชั่วขณะและทำให้มันกลับมาเป็นอย่างเดิม ยิ่งเขาต้องทำเช่นนั้นกับกระดาษสิบหกใบในเวลาอันแสนจำกัด ก็ยิ่งไม่น่าแปลกที่ร่างกายเขาจะทรุดลงได้

     

    อีก อย่าง ดีอัสประเมินกำลังของตนเองผิดไป ถ้าเป็นก่อนหน้าที่เอรัลจะปรากฎตัว พลังของเขาคงมีมากพอจะรองรับผลของการใช้เวทมนต์ดังกล่าว ทว่าเมื่อไม่กี่คืนก่อน ร่างของเขาเพิ่งถูกยึดครองและใช้พลังไปมากมาย  การเสียพลังไปจึงส่งผลมาถึงความอ่อนแอของร่างกาย ทำให้อาการไข้แสดงผลของมันขึ้นมาทั้งๆที่ไม่ควรเกิดขึ้น

     

    พราน ป่ามองสภาพไข้ขึ้นของเพื่อนพลางโคลงศีรษะ ทำไมกัน...เขาไม่เข้าใจเลย ดีอัสที่เขารู้จัก ถึงจะทำตัวเย็นชาวางมาดน่าหมั่นไส้แค่ไหนก็เป็นคนรักศักดิ์ศรี ไม่น่าจะทำเรื่องขี้โกงแบบนี้ได้ อย่าว่าแต่โกงใครเลย นี่เขา...โกงเพื่อนตัวเองด้วยซ้ำ เพียงเพื่อตำแหน่งหัวหน้ารุ่นที่จริงๆแล้วแทบไม่มีค่าอะไรเลย

     

    "ทำไม..." นั่นคือคำถามอย่างโง่ๆที่เคชโผล่งออกไปในขณะที่มังกรเพลิงช่วยหิ้วปีกเจ้า ชายแห่งไรอัสไปที่ห้องนอน เมื่อได้ยินคำถามของเขา เฟนริลก็ชะงักฝีเท้า เช่นเดียวกับดีอัสที่ยืนนิ่งอยู่เช่นนั้น

     

    "นายทำแบบนี้ทำไม ดีอัส ถ้าตอนนั้นนายบอกว่านายอยากเป็นหัวหน้ารุ่น ฉันก็เชื่อว่าต้องมีคนสนับสนุนนาย ทำไมนายถึงได้อยากเป็นมันนัก"

     

    เงียบไป....เงียบเสียจนเคชคิดว่าอีกฝ่ายจะไม่ตอบแล้ว แต่สุดท้ายเสียงเย็นๆซมไข้ก็ดังขึ้น

     

    "นายอาจจะเอาเรื่องนี้ไปบอกคนอื่นก็ได้ แต่เหตุผลของฉัน...พูดไปนายก็ไม่เข้าใจ"

     

    พรานป่าโคลงศีรษะ มองตามเพื่อนที่ถูกลากไปนอนด้วยสายตาสับสน นั่นสิ...เขาควรจะทำยังไงดี

     

    จะให้เข้าใจดีอัสหรือ...แต่เหตุผลของมันคืออะไรกัน มันบอกเขาว่าเขาจะไม่เข้าใจเหตุผลนั้นหรอก

     

    ก็จริง...เหตุผลของคนที่มีชีวิตอยู่แทบจะเรียกได้ว่าบนโลกคนละใบ บางทีถึงรู้ไป...เขาก็คงจะไม่เข้าใจอย่างที่มันว่าอยู่นั่นเอง...

     

     

    ร่าง สูงของเจ้าชายแห่งไรอัสถูกมังกรเพลิงประคองกึ่งโยนลงบนเตียง คนป่วยนิ่วหน้าเล็กน้อย แต่ในเมื่อมันอุตส่าห์มีน้ำใจหอบเขามาส่งถึงเตียง ดังนั้นถึงมันจะมือหนักแค่ไหนเขาก็คงไม่มีสิทธิบ่น  พอซุกตัวลงกับที่นอนอุ่นๆได้ คนเป็นเจ้าชายก็พึมพำขอบใจเบาๆพลางปิดเปลือกตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน เพลียหนักทั้งทางกายและทางใจ แต่พอหลับตาไปได้สักพัก ดีอัสกลับรู้สึกว่ามังกรเพลิงยังไม่ขยับไปไหน ยังคงยืนเฝ้าเขาอยู่เช่นนั้น

     

    นัยน์ตา คู่สีน้ำเงินปรือขึ้นนิดหนึ่ง และเขาก็แทบอยากจะหลับตาลงไปอีกรอบเมื่อเห็นแววผิดหวังสะท้อนชัดอยู่ในดวงตา คู่สีแดงเข้มของมังกรเพลิง

     

    "มันไม่มีทางเลือก...." เขาพึมพำเสียงแหบ เขาไม่ได้อยากจะแก้ตัว และที่ทำลงไปนั้นก็ไม่ได้รู้สึกดีเลย

     

    "ถ้าใช้วิธีอื่น ฉันคงจะเล่นตามกติกา แต่จับสลาก...ถ้าไม่ทำวิธีนี้..ก็แทบไม่มีโอกาสเลย"

     

    "ข้า ไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้าถึงต้องยึดติดกับตำแหน่งหัวหน้ารุ่นขนาดนั้น" เฟนริลมุ่นหัวคิ้วพลางทรุดตัวลงนั่งข้างๆเตียง เมื่อเห็นสภาพของดีอัสตอนนี้ รวมไปถึงเห็นเคชอาละวาดใส่มันไปรอบนึงแล้ว เขาก็ไม่มีกะจิตกะใจจะไปซ้ำเติมอีกฝ่าย

     

    "พูดไปนายก็ไม่เข้าใจ..." ดีอัสตอบด้วยเหตุผลเดิมพลางระบายลมหายใจเฮือก ผิวแก้มของเขาขึ้นสีแดงเรื่อและลมหายใจของเขาก็อุ่นจัดด้วยพิษไข้

     

    "ถ้านายไม่พูดตะหากล่ะถึงไม่มีใครเข้าใจ"

     

    "ช่างฉันเถอะ" เจ้าชายผมเงินตัดบท พลิกตัวหันหน้าหนีไปเสียอีกทางราวกับถูกจี้ใจดำเข้า

     

    "แผนนายมองออกง่ายเกินไป เรื่องนี้นายก็จงใจด้วยใช่ไหม? จริงๆแล้ว นายก็หวังให้มีใครสักคนหยุดนายสินะ"

     

    เงียบ..ไม่มีคำตอบใดจากเจ้าชายดีอัส เรเฟรัส...

     

    ...และก็คงไม่มีวันมีตลอดไป.....


     


    .......................................................................................................................................................

    ไรท์เตอร์กลับมาแล้ว //สะโหลสะเหล

    ในที่สุดก็เขียนตอนนี้ได้จบตอนเสียที ตอนใหม่จะพยายามปั่นในเร็วๆนี้ ต่อไปจะพยายามไม่หายหน้าไปนานขนาดนี้อีกนะคะ





    .......................................................................................................................................................

    สวัสดีจ้า ชีวิตรีดเดอร์เป็นยังไงกันมั่ง? ส่วนไรท์เตอร์ช่วงนี้ก็ยังยุ่งวุ่นวายกับชีวิตโฮกๆ อีกเดี๋ยวก็จะสอบแล้ว ทำไมเวลาสอบนี่มันมาถึงเร็วจัง = ="

    ชักเริ่มรู้สึกเหมือนอัพสัปดาห์เว้นสัปดาห์ยังไงไม่รู้ ไว้ชีวิตเข้าที่เข้าทางเมื่อไหร่จะพยายามมาอัพให้ได้ทุกสัปดาห์นะคะ //โค้ง

    ขอบคุณสำหรับทุกเม้นท์และกำลังใจเน้อ ไรท์เตอร์ดีใจทุกครั้งที่ได้อ่าน :))

    คุณในนามแห่งนักฆ่า : ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่า มีกำลังใจปั่นแล้ว ฮ่าๆๆๆ > <

    คุณ
    air : ฮ่าๆๆ ไปยิงที่ไหนคะ ช่วงน้ำท่วมไรท์เตอร์ชอบไปยิงแถวดิโอลด์ที่กรมรักษาดินแดน แต่พอเปิดเทอมก็ไม่ได้ไปอีกเลย เศร้า TTwTT

    คุณ
    บังเอิญอ่าน : กรี๊ดดดด ขอบคุณ..ขอบคุณมากๆนะคะ เปิดออกมาเห็นจำนวนเม้นท์แล้วตกใจ เม้นท์ให้ทุกตอนเลย ขอบคุณมากๆค่ะ ไรท์เตอร์ซึ้งโฮก //โค้ง > < 

    คุณ
    จันทราเงา : ขอบคุณค่ะ อ่านเม้นท์ของคุณจันทราเงาแล้วได้กำลังใจขึ้นอีกโข รักษาสุขภาพเช่นกันนะคะ :))
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×