ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศึกมนตรา..โรงเรียนมหาเวท

    ลำดับตอนที่ #20 : ผู้ล่าและผู้ถูกล่า (RW 100%)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 424
      1
      11 ต.ค. 57



     
     



    เช้า วันรุ่งขึ้นเริ่มต้นด้วยท้องฟ้าสีขุ่นมัว เมฆสีเทาทะมึนโรยตัวลงต่ำปิดกั้นแสงแดดยามรุ่งอรุณชวนให้รู้สึกชวนหดหู่ ไม่ต่างอะไรไปจากความรู้สึกของพวกเขายามนี้เท่าใดนัก...
     

    วัน นี้เป็นเวรเคชตื่นก่อน ดังนั้นพรานป่าจึงลุกขึ้นมาจัดการทำอะไรก๊องแก๊งอยู่ในครัวตั้งแต่ตอนหกโมง เศษ มื้อเช้าวันนี้เป็นเพียงแผ่นขนมปังปิ้งทานกับแยมผลไม้ทำเอง ส่วนที่เป็นเนื้อมีเพียงเศษแฮมรมควันสไลด์แห้งๆ ด้านซุปก็เป็นเพียงซุปใสใส่ถั่วหมัก บ่งบอกชัดว่าเสบียงของบ้านหลังนี้กำลังอัตคัตเข้าขั้นวิกฤติ และนั่นก็ทำให้คนทำมื้อเช้าทำไปขมวดหัวคิ้วมุ่นไป นึกหมายอยู่ในใจว่าเพราะช่วงนี้มีแต่เรื่องวุ่นๆทำให้ไม่มีใครสังเกตว่า เสบียงที่ตุนไว้กำลังจะหมด ดูท่าว่าวันหยุดวันนี้ของเขาคงต้องถูกใช้ไปกับการเข้าป่าล่าเสบียงเสีย แล้ว...
     
    เพียง ไม่นาน อาหารก็พร้อมขึ้นโต๊ะเสิร์ฟ กาน้ำเดือดปุดๆส่งเสียงฟืดฟาดราวกับจะเร่งให้นำมันลงจากเตา กลิ่นหอมของชาชั้นดีลอยตลบอบอวลไปทั่วบ้าน เฟนริลเดินออกมาจากห้องก่อนโดยไม่พูดอะไร เด็กหนุ่มเพียงแต่เดินไปล้างหน้าแปรงฟันโดยไม่อาบน้ำและมานั่งรอที่โต๊ะ อาหาร ส่วนเจ้าชายแห่งไรอัสตื่นสายกว่า เขาไม่ได้ตื่นมาร่วมวงทานมื้อเช้าด้วย และทั้งเคชและเฟนริลก็รู้เหตุผลดีอยู่แล้วว่าทำไม...
     
    หนึ่งคนหนึ่งมังกรเพลิงนั่งกัดขนมปังเคี้ยวกร้วมๆพลางมองหน้ากันไปมาโดยไม่มีใครพูดอะไร จนในที่สุด เฟนริลก็เป็นฝ่ายเอ่ยปากขึ้นก่อน
     
    "เจ้าว่า..." มังกรเพลิงพูดคำแรกขึ้นพลางรีบกลืนขนมปังที่เคี้ยวตุ้ยๆอยู่ลงคอ ก่อนจะเอ่ยต่อ "เจ้าว่า ดีอัสมันจะเป็นอะไรไหม?"
     
    "มัน จะเป็นอะไร ก็แค่ไข้ขึ้นธรรมดา" เคชตอบหน้าตายพลางยกถ้วยชาของตนขึ้นจิบ ในขณะที่ชาร้อนของเฟนริลใส่น้ำตาลเสียหวานเจี๊ยบ ชาของเคชกลับเป็นชาเปล่าที่ไม่แต่งเติมอะไรเลย
     
    "ข้าไม่ได้หมายถึงเรื่องไข้..." เฟนริลเม้มริมฝีปาก ท่าทางกังวล "ข้าหมายถึงเรื่องที่มันทำแบบนั้น เจ้าคิดว่ามันจะทำอะไรต่อ"
     
    "ถาม ฉันดีกว่ามั้งว่าฉันจะทำอะไรต่อ" พรานป่าตอบไม่มีหางเสียง แสดงออกชัดว่ายังคงโกรธอยู่ นัยน์ตาคู่สีน้ำตาลเข้มเริ่มวาววาบเช่นเดียวกับมือที่เผลอออกแรงกำถ้วยน้ำชา แน่นขึ้น "หมอนั่นทำอะไรไม่คิด มันเห็นว่าเพื่อนคนอื่นโง่นักหรือไง นี่ เฟนริล ฉันน่ะ...ตีค่าความเชื่อใจไว้สูงนะ"
     
    ท้ายประโยค...น้ำเสียงนั้นแทบจะเค้นรอดไรฟันออกมาด้วยความเจ็บปวด
     
    เคช เป็นพรานป่า...คนเป็นพรานที่เมื่ออยู่ป่าแล้วต้องระแวดระวังตัวทุกฝีก้าว ดังนั้นเพื่อนจึงเป็นสิ่งสุดท้ายที่เหลืออยู่ที่สามารถไว้ใจได้นอกจากตัว เอง....
     
    "นาย...เข้าใจไหมเฟนริล มันไม่บอกใครแม้กระทั่งพวกเราด้วยซ้ำ มันโกงเอาสิ่งที่ควรเป็นของฉันหรือของนายไป"
     
    ดี อัสโกง....จนถึงตอนนี้เคชเองก็ยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อ...เจ้าชายแห่งไรอัส เนี่ยนะโกง....หึ เจ้าชายที่ทั้งเก่งกาจและดูเหมือนจะทำอะไรก็สมบูรณ์ไปเสียหมดคนนั้น...
     
    แต่ก็...เพราะมันเป็นมนุษย์ล่ะมั้ง....และไม่มีมนุษย์คนใดสมบูรณ์แบบ.... 
     
    "ของ ที่ทั้งนายและฉันไม่ได้ต้องการ" เฟนริลแย้งราวกับจะแก้ต่างให้คนที่ไม่ได้นั่งอยู่ตรงนี้ ทว่าน้ำเสียงนั้นก็ไม่ได้มีความหนักแน่นอะไรเลย
     
    "แต่ ก็ไม่ได้เป็นของๆมันเช่นกัน" เคชย้อน ก่อนเจ้าตัวจะระบายลมหายใจเฮือกใหญ่และลงมือจัดการกินขนมปังปิ้งในมือตนจน หมดโดยไม่พูดอะไร ท่าทางการกินของเขาคือการยัดใส่ปากและเคี้ยวกร้วมๆแบบหาความเป็นผู้ดีไม่ได้ เลยสักนิด ปกติจะหามารยาทในตัวพรานป่าก็หายากอยู่แล้ว มาตอนนี้กำลังโกรธท่ากินก็เลยดูถ่อยเถื่อนหนักขึ้นไปอีก
     
    "ไม่ รู้สิเคช...บางที ถ้าหากเป็นพวกเราไปอยู่แทนที่มัน พวกเราก็อาจจะทำแบบนั้นบ้างก็ได้" มังกรเพลิงเอนหลังพิงพนัก สายตาคู่สีแดงเพลิงเหม่อมองออกไปยังหน้าต่างด้านหลังเคช เขาไม่เห็นอะไรนอกจากทุ่งหิมะเวิ้งว้างสุดลูกหูลูกตาที่มีบรรยากาศของเมฆ ครึ้มดำทะมึน
     
    "เจ้าบอกว่ามันโกง แต่จริงๆแล้ว พวกเราเองก็โกงอยู่ทุกวันไม่ใช่หรือ..." 
     
    คำถามจากมังกรเพลิงดังขึ้นลอยๆ และคำถามนั้นก็ทำให้เคชที่กำลังจะลุกจากโต๊ะต้องพลันชะงัก
     
    "ทั้งข้าและเจ้าต่างก็เคยลอกรายงานคนอื่น ปั่นการบ้านไม่ทันก็ลอกเอา เวลาสอบก็แอบส่งโพยกัน แบบนั้นถ้าไม่เรียกว่าโกงแล้วจะเรียกว่าอะไร?"
     
    เค ชไม่รู้ว่านั่นคือคำถามประชดหรือเป็นเพียงความสงสัยของมังกรเพลิงที่เพิ่ง ได้มาใช้ชีวิตเป็นมนุษย์กันแน่ แต่ที่แน่ๆคือมันทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกน้ำเย็นจัดทั้งถังสาดเข้าใส่หน้า
     
    ก็จริง....มันคือการโกงเหมือนกัน แต่ความรู้สึกของเขากลับพยายามโต้เถียงว่ามันไม่เหมือนกัน 
     
    "นั่น มันแค่ลอกงาน ใครๆก็ทำกันทั้งนั้น แต่นี่มันเรื่องใหญ่กว่า มันคือเรื่องหัวหน้ารุ่น ไม่ใช่แค่เรื่องงานหรือการบ้านหรือข้อสอบอย่างที่นายพูด"
     
    "แล้ว ต่างกันหรือ? เคช ข้าไม่เห็นเข้าใจ ถ้าโกงเล็กๆไม่เป็นไร แต่โกงเรื่องใหญ่นี่ผิดงั้นหรือ แล้วอะไรคือสิ่งที่มาตัดสินว่าเรื่องไหนโกงได้ เรื่องไหนโกงไม่ได้ล่ะ"
     
    สายตา คู่สีแดงเพลิงเบือนมาสบกับสายตาของพรานป่าตรงๆ มันไม่ใช่สายตาของคนที่กำลังหาเรื่องขึ้นมาปกป้องนายหรือโต้เถียงเพียงแค่ ได้แย้งความคิดกับเขา แต่มันคือสายตาที่แสดงความสงสัยออกมาอย่างบริสุทธิ์ใจ เป็นสายตาที่ทื่อนัก เหมือนสายตาของลูกกวางมองนักล่าเสียยิ่งกว่าจะเป็นสายตาของมังกรเพลิงมอง มนุษย์
     
    และเพราะแบบนี้ คำพูดรุนแรงของพรานป่าถึงได้ชะงักอยู่แค่ที่ริมฝีปาก ไม่อาจเอ่ยคำโต้เถียงใดๆออกมาได้เลย
     
    "แต่ การโกงคะแนนโกงข้อสอบที่นายว่า...อย่างน้อยก็ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน อย่างมากมันก็ทำให้ฉันได้คะแนนเพิ่ม แต่ไม่มีใครเสียอะไรไป" เด็กหนุ่มถอนหายใจอีกเฮือก หงายหลังพิงพนักและเงยหน้ามองดูเพดาน เพดานนี่ก็มีฝุ่นเกาะจนชักจะเริ่มหนาแล้ว ท่าทางวันหยุดสุดสัปดาห์นี้คงได้เวลาทำความสะอาดแล้วล่ะมั้ง
     
    "แต่ นั่นแหละ...มันก็แค่ข้อแก้ตัวของฉันเอง ไม่รู้แฮะ เฟนริล พอนายพูดแบบนี้แล้ว ฉันก็เริ่มจะไม่เข้าใจ" เคชพึมพำ ความรู้สึกโกรธในใจลดลงจนแทบไม่เหลือ แทนที่ด้วยความรู้สึกสมเพชตัวเองเสียมากกว่า ที่เขาด่าและโมโหดีอัสไปขนาดนั้น แต่ตัวเขาเอง...จริงๆแล้วเขาต่างจากมันนักหรือ?
     
    "ถ้า เป็นกฎของฝูง ฉันจะบอกว่านายกับดีอัสทำผิดอย่างเดียวกัน แต่นายรับโทษเบากว่าเพราะความผิดที่ทำไม่สาหัสเท่าที่ดีอัสทำ" เฟนริลผู้พยายามเอากฎของฝูงมังกรมาปรับใช้กับมนุษย์อธิบายภาพเหตุผลในความ คิดตน และนั่นก็ทำให้เคชเผลอหลุดยิ้มจางออกมาได้
     
    "แล้วโทษของมังกร ความผิดฐานลอกการบ้านนี่จะโดนลงโทษยังไงดี?"
     
    "ไม่รู้สิ แต่ก็คงโดนประมาณถูกผู้อาวุโสเอาหางฟาดสักเปรี้ยงสองเปรี้ยงล่ะมั้ง" 
     
    พราน ป่าหัวเราะ เขาลุกจากโต๊ะพลางเริ่มเก็บกวาดจานชามที่ทานเสร็จแล้วไปที่อ่างล้าง มีเฟนริลเดินตามมาล้างให้อย่างรู้หน้าที่ เพราะวันนี้เป็นเวรเขาทำอาหาร จริงๆเวรล้างจานวันนี้ควรเป็นของดีอัส แต่ในเมื่ออีกฝ่ายป่วยอยู่ มังกรเพลิงเลยมารับหน้าที่ให้แทน
     
    "เจ้า ไปดูดีอัสหน่อยเถอะ ป่านนี้คงตื่นแล้วล่ะ" เฟนริลเอ่ยพลางเดินไปหยิบกาน้ำเดือดบนเตามาราดลงบนจานชามในอ่างเพื่อกำจัด คราบมัน ในขณะที่เคชพยักหน้า ทำเสียงตอบรับอืมเบาๆและเดินผ่านอีกฝ่ายเข้าไปในห้องนอนโดยไม่เคาะประตู
     
     
    ดีอัสยังไม่ตื่น...
     
    เขา คิดเมื่อก้าวเข้าไปในห้องแล้วเห็นอีกฝ่ายยังคงนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง เส้นผมสีเงินตกลงมาปรกโหนกแก้มซึ่งซมเรื่อด้วยพิษไข้ มีผ้านวมสีขาวสะอาดห่มคลุมขึ้นมาถึงคอ ร่างที่อยู่ใต้ผ้าคลุมนั้นนอนขดตัวด้วยความหนาว เป็นภาพที่เห็นแล้วทำเอาพรานป่าอดโคลงศีรษะไม่ได้
     
    ทำไมนะ...ดีอัส...ทั้งๆที่รู้อยู่แล้วแท้ๆว่าถ้าใช้เวทมนต์เกินตัวนายต้องไข้ขึ้น...ทำไมถึงทำแบบนั้น...
     
    เขา เดินไปทรุดนั่งลงบนเตียงข้างๆ เฝ้าดูสีหน้ายามนอนหลับของเพื่อนพลางเอื้อมหลังมือออกไปแตะอังหน้าผากอีก ฝ่ายเบาๆ มันอุ่นจัดทีเดียว แต่ก็เป็นเพียงไข้ธรรมดาๆ ไม่ได้ตัวร้อนจัดเข้าขั้นวิกฤติถึงขนาดต้องไปตามอาจารย์ห้องพยาบาลมาดูอาการ แต่อย่างใด 
     
    ราวกับ สัมผัสได้ว่ามีคนมาอยู่ข้างๆ นัยน์ตาคู่สีน้ำเงินเข้มจึงปรือลืมขึ้นนิดหนึ่ง ดีอัสขยับตัวเล็กน้อย พยายามฝืนยกศีรษะขึ้นเขม้นมองว่าเป็นใครกันที่มานั่งอยู่ข้างๆเขานี่ ทว่าก็ถูกปรามเสียงต่ำเบาๆ
     
    "นอนไป...ฉันแค่แวะมาดูอาการนาย"
     
    พอได้ ยินเสียงที่คุ้นเคย เจ้าชายแห่งไรอัสก็ยอมหลับตาลงนอนต่ออย่างว่าง่าย ซ้ำยังพลิกหันหน้าหนีไปเสียอีกทางราวกับว่ายังไม่อยากเจอหน้าพรานป่าในตอน นี้ ซึ่งเคชก็เข้าใจดี เพราะตอนก่อนที่จะนอนนั้น เขาโกรธมัน มันเองก็โกรธเขา เพียงแต่ตอนนี้เขาไม่ได้โกรธมันแล้ว ถึงเฟนริลไม่พูดอย่างนั้น มาเห็นสภาพคนไข้ขึ้นตอนนี้ เขาก็ทำใจแข็งโกรธเพื่อนตัวเองไม่ลงอยู่ดี ดังนั้นถึงแม้จะถูกหันหลังให้ เสียงเรื่อยรื่นของพรานป่าจึงยังคงเอ่ยต่อไป
     
    "นี่ ดีอัส เรื่องเมื่อคืน...ฉันยอมรับการตัดสินใจของนาย และฉันก็ยอมรับให้นายเป็นหัวหน้ารุ่นด้วย"
     
    เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะหนึ่ง...ก่อนเสียงงึมงำอู้อี้ของคนป่วยจะดังลอดผ่านผ้าห่มออกมา
     
    "มาพูดแบบนี้ ต้องการอะไรกันแน่ นายพราน"
     
    เสียง นั้นติดจะงอนนิดๆ...และดูออกจะดีใจหน่อยๆที่มีคนมาง้อ...ให้ตาย นี่เขาชักจะเชื่อที่เอริลบอกแล้วสิว่าแท้จริงแล้วหมอนี่เป็นผู้หญิง...
     
    "ต้องการ ให้นายรู้ไว้ว่านายมีความสามารถมากพอที่จะเป็นหัวหน้ารุ่นโดยไม่ต้องโกง ฉันอาจจะเคยพูดไว้ว่าฉันจะชิงตำแหน่งหัวหน้ารุ่นกับนาย แต่ถ้าถามเรื่องความเหมาะสมแล้ว ฉันก็เห็นว่านายเหมาะที่สุด และคนอื่นๆก็คงคิดแบบเดียวกัน"
     
    ไม่มี คำตอบจากคนที่กำลังนอนไข้ขึ้น...และเคชเองก็ไม่คิดจะซักเอาคำตอบ ดังนั้นเด็กหนุ่มเชื้อสายพรานจึงมองเพื่อนร่วมห้องอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนจะเปลี่ยนบทสนทนาเสียไหม
     
    "เดี๋ยว ฉันจะไปเอายามาให้ นายควรลุกขึ้นมากินยาและทานข้าวนิดหน่อย วันนี้มีซุปใสใส่ถั่วหมัก เดี๋ยวฉันจะไปเอามาให้แล้วกัน ทานซุปร้อนๆนายน่าจะดีขึ้น"
     
    "เคช..." อีกฝ่ายเรียกเขาเบาๆก่อนที่เขาจะก้าวออกไปจากห้อง พรานป่าชะงักฝีเท้านิดหนึ่ง
     
    "หืม?"
     
    "ฉันเองก็เสียใจ"
     
    เคชหัวเราะ เป็นเสียงหัวเราะเบาๆที่ทำให้บรรยากาศในห้องดูคลายความอึมครึมขึ้นทันตา
     
    "ก็รู้อยู่แล้วล่ะว่าต้องไม่ใช่คำว่าขอโทษ"
     
    เอ่ย เป็นเชิงกระเซ้าพลางเดินออกจากห้องและปิดประตูตามหลัง ตอนที่เขาเดินออกไปนั้น มังกรเพลิงล้างจานและเช็ดโต๊ะเสร็จเรียบร้อยแล้ว และในยามนี้ก็กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โซฟาริมห้อง ท่าทางเหมือนคนอยากหลบไปอยู่ในโลกส่วนตัวเงียบๆคนเดียวเพื่อหนีจากปัญหา วุ่นๆนี้
     
    "เดี๋ยว ฉันจะออกไปข้างนอก" เคชเอ่ยโดยไม่หันไปมอง เขาเดินไปจุดไฟบนเตาอุุ่นซุปใสในหม้อ จากนั้นจึงไปค้นเอายาแก้ไข้จากตู้ยาสามัญประจำบ้านที่เขาต่อมันขึ้นมาเองกับ มือ โชคดีที่ตอนปะทะกับเอริลตู้ยาไม่ได้รับความเสียหายหนักนึก จึงแทบไม่มียาตัวไหนเสียหายเลย ไม่เช่นนั้นถึงแม้ว่ายาสามัญพวกนี้จะสามารถขอได้ฟรีที่ห้องพยาบาล แต่ก็คงต้องเสียเวลาไปกลับไปเอามาน่าดู
     
    "จะไปไหนล่ะ" เฟนริลปิดหนังสือ เงยหน้าขึ้นมามองพรานป่าด้วยแววตาสงสัย
     
    "เข้า ป่าตุนเสบียงน่ะ เนื้อหมดแล้ว แถมพวกผักก็เริ่มหมด คงต้องล่าเนื้อมามากหน่อย ไปลานตลาดนัดครั้งหน้าจะได้ไปแลกเอาพวกผักมาตุนไว้ จะใช้แต้มแลกก็แทบไม่เหลือ" ท้ายประโยค คนโดนถามชักเริ่มบ่นกระปอดกระแปด รู้สึกบัดซบกับคะแนนตัวเองขึ้นมาอย่างพูดไม่ถูก เนื่องจากคะแนนของมหาเวทไม่ได้เป็นเพียงตัวเชนในกระดาษ ทว่ายังถูกแปลงเป็นแต้มสำหรับใช้ซื้อขายสินค้ากันอีกด้วย ใครยิ่งเรียนเก่งมากก็ยิ่งรวยมาก ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงพวกคะแนนอยู่กลางๆแทบจะค่อนไปทางท้ายๆอย่างเขาเลย
     
    "ให้ ข้าไปให้ไหม แล้วเจ้าอยู่ดูดีอัส?" มังกรเพลิงเสนอตัว ชักเรื่มรู้สึกว่าการถูกทิ้งอยู่กับเจ้าชายแห่งไรอัสที่กำลังไข้ขึ้นและ อารมณ์เสียนั้นเป็นเรื่องที่น่าหวาดหวั่นยิ่ง
     
    "ฉัน ไปล่าให้ดีกว่า นายล่าทีก็ต้องแปลงกลับเป็นมังกร ดีอัสมันจะรับพลังไม่ไหวเอา" เคชท้วง เพราะการที่เฟนริลจะกลายร่างจากมนุษย์กลับเป็นมังกรนั้นต้องให้ดีอัสปลดผนึก ให้เสียก่อน สภาพของเจ้าชายแห่งไรอัสตอนนี้อย่าว่าแต่จะไปปลดผนึกให้ใครเขา เอาตัวเองยังไม่ค่อยจะรอดเลย
     
    "อือ" เฟนริลพยักหน้ารับ เห็นด้วยกับเหตุผลที่อีกฝ่ายยกมาทุกประการ ถึงตอนนี้ซุปในหม้อก็เริ่มเดือดพอดี เคชจึงไปตักใส่ถ้วยเล็กๆและเดินถือใส่ถาดไปให้คนป่วยซึ่งนอนรออยู่ในห้องโดย มีมังกรเพลิงเดินตามมาด้วยติดๆ
     
    "ดี อัส.." เคชเรียกเบาๆ เปิดประตูเข้าไปในห้อง ส่วนเจ้าชายแห่งไรอัสเมื่อถูกเรียกก็ฝืนลุกขึ้นมานั่งงัวเงีย โหนกแก้มของเขายังคงขึ้นสีแดงเรื่อด้วยพิษไข้ นัยน์ตาคู่สีน้พเงินเข้มปรือมองเพื่อนสองคนที่เดินเข้ามาด้วยสายตาแฝงแวว ขอบคุณ
     
    "เจ้า ทานยาก่อน แล้วค่อยทานซุป" เฟนริลรินน้ำจากเหยือกใส่แก้วและส่งให้เด็กหนุ่มผมเงินที่รับไปอย่างไม่คิด เถียง และเมื่อเคชส่งยามาให้ เขาก็รับไปทานแต่โดยดี
     
    "แล้ว นี่...ช่วงบ่ายพวกนายจะไปไหนกัน อย่าบอกนะว่าจะมานั่งพยาบาลฉัน" คนเป็นไข้ถามเสียงซมๆ แต่ทั้งๆที่ซมขนาดนี้ก็ยังไม่ทิ้งแววถือดี ถ้าหากเป็นเวลาปกติเคชคงสบถอุบว่าไอ้คนหลงตัวเอง แต่นี่เห็นแก่ที่ว่ามันป่วย ดังนั้นพรานป่าจึงทำเป็นไม่ได้ยินประโยคท้าย
     
    "ฉันจะเข้าป่าหอคอยแดงไปตุนเสบียง เนื้อหมดแล้วน่ะ ส่วนเฟนริลจะอยู่ดูนายที่นี่"
     
    "อยู่ ดูทำไม ฉันไข้ขึ้นเดี๋ยวก็หาย" เจ้าชายแห่งไรอัสขมวดหัวคิ้วมุ่น ท่าทางไม่ชอบใจที่คนอื่นต้องมาคอยดูแลตน เขาเกลียดความอ่อนแอ และยิ่งชังเมื่อความอ่อนแอของตนถูกแสดงให้เห็นได้ง่ายดายเช่นนี้
     
    "อย่า คิดอะไรมากเลย นายมีหน้าที่นอนพักก็พักไปแล้วกัน" พรานป่าตัดบท รู้ดีว่าเถียงกับคนป่วยไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร และตอนนี้ก็เกือบแปดโมงแล้ว เขาอยากให้ดีอัสได้พักให้เยอะที่สุดเท่าที่จะพักได้ "แล้วเดี๋ยวฉันจะรีบกลับมาให้ทันมื้อเย็น"
     
    พูด ออกไปแล้ว อะไรบางอย่างก็แว่บเข้ามาในห้วงความคิดจนทำให้เคชอดยิ้มกว้างไม่ได้ ไม่ใช่แค่ยิ้ม แต่ถึงกับต้องกลั้นหัวเราะจนไหล่สั่นกึกๆเลยล่ะ
     
    "นี่ พวกเราน่ะ เหมือนครอบครััวเลยนะว่าไหม ฉันออกไปล่าสัตว์หาอาหาร เฟนริลกลายเป็นแม่บ้านอยู่บ้าน ส่วนนาย ดีอัส นายเหมือนเด็กซนๆที่เล่นสนุกจนไข้ขึ้น ไม่คิดว่ามันเหมือนครอบครัวอบอุ่นบ้างหรือไง?" 
     
    "พูดไร้สาระ..." คนป่วยดุ พลางหันมาทำสายตาเย็นเยียบใส่ "ครอบครัวที่มีแต่ผู้ชายล้วนสามคนอยู่ด้วยกันงั้นหรือ สยองขวัญ"
     
    เคช หัวเราะลั่น ก่อนจะลุกขึ้นจากข้างเตียงและเดินไปหยิบไรเฟิลสีดำด้านคู่กายตนมาสะพายไหล่ มิเกลกระบอกนี้ถึงแม้จะไม่ค่อยได้ใช้ แต่เขาก็ดูแลหยอดน้ำมันอย่างดี ดังนั้นกลไกต่างๆของมันจึงเงียบกริบ กระทั่งกระชากลูกเลื่อนก็ไม่มีเสียงเลยสักนิด
     
    ...มันเป็นปืนของพรานในมือพรานโดยแท้...
     
    "อวยพรขอให้ฉันโชคดีิหน่อยสิ" เขาแกล้งแหย่ แวะหยิบกล่องกระสุนโยนใส่กระเป๋าเสื้อและหยุดอยู่หน้าประตูก่อนจะเดินออกไปจากห้อง
     
    "โชคดี" มังกรเพลิงตอบรับโดยซื่อ ในขณะที่เจ้าชายแห่งไรอัสเพียงแค่กระตุกยิ้มหึ
     
    "คำอวยพรแค่คำเดียว เปลี่ยนอะไรไม่ได้หรอก"


    .........................................................................

         จากภูเขาหิมะมาสู่ผืนป่าดิบทึบแห่งโซนหอคอยแดง เคชรู้สึกเหมือนตัวเองได้กลับบ้าน หัวใจลิงโลดขึ้นอยู่ในอกในขณะที่กระชับปืนในมือมั่น เปิดเร้าสัญชาตญาณระแวงไพรของตนให้เร่งขึ้นถึงขีดสุด แต่ละย่างก้าวเป็นไปอย่างรวดเร็วและเงียบกริบ ผืนป่าในโรงเรียนมหาเวทแห่งนี้แม้จะมีขนาดย่อมกว่าเขตป่าแห่งฟลอเรนซ์บ้าน เกิดเขาอย่างเทียบไม่ติด ทว่าเด็กหนุ่มไม่เคยประมาท ไม่ว่าป่าจะเล็กหรือใหญ่ย่อมฆ่าและถูกฆ่าได้ไม่ต่างกัน ถึงแม้เขาจะสงสัยว่าผู้อำนวยการใหญ่จะยอมให้มีนักเรียนตายอยู่ในโรงเรียน แห่งนี้หรือไม่ก็ตามที

         เวลาล่วงเลยมาจนตะวันแผดอยู่เหนือศีรษะแล้ว แต่เขากลับไม่รู้สึกถึงความร้อนระอุของแสงแดดจ้าเลยสักนิดเมื่อต้นไม้ใหญ่ รอบตัวแผ่กิ่งก้านสาขาจนคลุมเขียวครึ้มไปทั่วบริเวณ เห็นเป็นเพียงลำแสงสีเหลืองทองสาดส่องผ่านแมกไม้ลงมาเป็นเส้นเท่านั้น มือใหญ่ข้างที่ว่างยกขึ้นปาดเหงื่อที่เริ่มชื้นหน้าผากจนไรผมสีน้ำตาลเข้ม เปียกลู่ นัยน์ตาคู่สีเดียวกันมองตรงไปข้างหน้า นานๆทีจึงหยุดเดินและหันไปมองรอบด้านเสียทีหนึ่ง

         เกือบสี่ชั่วโมงแล้วนับตั้งแต่เขาเข้ามาในป่า และในที่สุดเขาก็เพิ่งเจอโชคแรกของวัน

         "เพิ่งไม่นานมานี้เอง..." 

         เด็กหนุ่มคุกเข่าลงข้างๆรอยมูลใหม่ๆของสัตว์มีกีบที่คงเพิ่งผ่านเส้นทางนี้ ไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อน จากสายตาพราน เขาสามารถบอกได้ทันทีว่าเจ้าสัตว์โชคร้ายตัวนั้นอยู่ไม่ห่างจากที่นี่เท่า ไหร่นัก หากรีบตามรอยไปตอนนี้ก็มีโอกาสสูงที่จะเจอตัว

         ...กวางเขาสุ่ม...วัยกำลังฉกรรจ์เสียด้วย คงหนักสักเก้าสิบถึงร้อยโลได้....

       เคชคิด โดยไม่รอช้าก็รีบลุกขึ้นยืนและออกแกะรอยในทันที การแกะรอยโดยไม่มีเจ้ากาย...หมาป่ายักษ์คู่หูคอยช่วยอย่างเคยทำให้เขาอด คิดถึงมันขึ้นมาไม่ได้ หากเจ้าสกายอยู่ที่นี่ด้วย ป่านนี้มันคงวิ่งแผล็วไปตามเส้นทาง จมูกดมต่ำเรี่ยพื้น หางพวงสีเทาชูเป็นสะบัดไหวไปมา และพาเขาไปหาเหยื่อโดยไม่ต้องใช้ความพยายามเลยสักนิด

         แต่ถึงแม้ไม่มีเจ้ากายคอยช่วย เด็กหนุ่มเองก็เจนศึกในป่ามากพอที่จะแกะรอยมันด้วยตัวเอง เขาดูทิศทางลม เร่งฝีเท้าของตนให้เร็วขึ้น ยิ่งตามยิ่งกระชั้น กำไรเฟิลในมือแน่นจนชื้นเหงื่อ ต้นไม้แถบนี้รกทึบ และกวางเขาสุ่มก็ได้ชื่อนี้เพราะเขาขนาดใหญ่ที่สวยงามของมัน ดังนั้นหากมันวิ่งเตลิดไปเขาคงได้ยินเสียงเขามันขวิดกระแทกต้นไม้ไปแล้ว ที่ยังเงียบอยู่แสดงว่ามันยังไม่รู้ตัว

         มันเป็นช่วงเวลาของผู้ล่า ที่เคชลืมเรื่องอื่นเสียจนสิ้น ไม่มีดีอัส เรเฟรัส ไม่มีเอรัล ไม่มีลูกครึ่งเทพมังกรหรือเอร์ริเธียร์ หัวสมองของเขาว่างเปล่า มีเพียงความคิดเดียวมุ่งมั่นถึงเจ้ากวางตัวนั้น ชีวิตเขาและชีวิตมัน นอกเหนือจากนี้แล้วล้วนไม่สำคัญ 

         และเพียงไม่นาน กวางตัวงามก็ปรากฏขึ้นแก่สายตา มันเดินเรื่อยรื่น ยังไม่รู้สึกถึงอันตรายที่กำลังเข้ามาใกล้...

         ...อยู่นั่นเอง...

         เคชแลบลิ้นเลียริมฝีปาก สุดสายตาคือจุดเล็กๆที่มีเค้าโครงเป็นสัตว์สี่เท้าสีหม้อดินเผา เขาขนาดใหญ่สวยงามของมันชวนให้นึกถึงมงกุฏของพระราชาประดับอยู่บนศีรษะ  พรานป่าค่อยๆประทับปืนขึ้น นิ้วเลื่อนปลดนกขึ้นไกโดยไม่มีเสียง เมื่อไม่มีอะไรต้องรีบ เด็กหนุ่มจึงเลือกวางตำแหน่งกระสุนอย่างปรานีต เขาต้องการให้มันเป็นการฆ่าที่สะอาด...เพียงนัดเดียวและเสี้ยววินาทีเดียว

         ...นี่คือความเมตตา...



         ปัง!!


         เสียงปืนดังชำแรกขึ้นท่ามกลางความเงียบงัน ควันขาวลอยอ้อยอิ่งอยู่เหนือปากกระบอกในขณะที่กวางตัวงามสะดุ้งสุดตัว ขาทั้งสี่ไม่ทันตะกุยพื้นก็ล้มโครมลงนอนแน่นิ่ง ตายสนิททันที เลือดสีแดงคล้ำไหลรินออกมาจากรูเล็กๆบนกะโหลกของมันที่ตีคว้านเนื้อสมองและ ทะลุออกไปยังขมับอีกด้าน กล้ามเนื้อของมันยังสั่นระริกเบาๆอยู่ใต้ฝ่ามือยามเคชเดินเข้าไปใกล้และแตะ ลงบนขนหยาบกร้านสีน้ำตาลนั้น ดวงตาของมันเบิกโพลงมองเขาอย่างไร้แวว มันคงตายก่อนที่จะทันรู้ตัวด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น

           "เฮ้อ ต่อจากนี้สิงานหนัก..."

         เคชบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆพลางกระชากพร้าเดินป่าที่เหน็บข้างเอวออกมา นี่ถ้าหากยังอยู่ฟลอเรนส์ หัวของมันคงขายได้ราคาดี ยิ่งเป็นกวางเขาสุ่มด้วยแล้ว เขาของมันยิ่งทวีราคาสูงขึ้นจนแทบจะพอเลี้ยงพวกเขาสองพ่อลูกเซเบเรียไปได้ ทั้งเดือนเลยทีเดียว น่าเสียดายที่กวางชนิดนี้หากยากนัก และพอเขาได้โชคมาเจอตัวมันทั้งทีก็ดันเป็นตอนอยู่ในโรงเรียนเสียด้วย จะเอาหัวกลับไปก็คงไม่มีนักเรียนคนไหนซื้อ นอกจากจะเอาไว้แขวนประดับบ้านพักบนภูเขาหิมะเสียเอง

         พูดถึงเรื่องนี้ เขาก็เตือนตัวเองว่ากลับไปคงต้องไปถามดีอัสว่าทำไมพวกคนรวยถึงชอบเอาของแบบ นี้ไปประดับบ้านนัก สัตว์ป่าจะคงความน่าเกรงขามก็ต่อเมื่อมันยังไม่ตาย พอตายแล้วก็เป็นได้แค่ซาก...เอาของแบบนี้ไปแขวนในบ้านก็เหมือนเอาศพไปแขวน ประจาน ไม่เห็นเข้าใจ...

         ปลายมีดคมกริบจรดเปิดหนังท้องสีขาวของเจ้าสัตว์โชคร้าย ก่อนคมมีดจะกรีดผ่านเนื้อลึกเข้าไปเรื่อยๆและลากไปตามความยาวของหน้าท้อง แหวะให้เปิดออกจากกัน เลือดสีแดงสดไหลทะลักพรวดออกมาพร้อมๆกับเครื่องในทั้งยวงย้อมพื้นดินบริเวณ นั้นให้เป็นสีแดงฉาน เด็กหนุ่มยังคงทำสีหน้าเป็นปกติเหมือนมันเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวันยาม ใช้มือกวาดล้วงเอาเครื่องในออกมากองไว้ข้างๆซากกวาง กลิ่นเลือดคาวคลุ้งจนน่าเวียนหัว พอกวาดเอาเครื่องในออกมาหมดแล้ว พรานป่าก็เริ่มชำแหละขาออกมาทีละข้าง และเลาะเนื้อซี่โครงออกมาเป็นก้อนโตๆ

         เป็นเวลาเกือบชั่วโมงกว่าเขาจะชำแหละกวางทั้งตัวเสร็จ กวางตัวนี้ใหญ่ไม่เลว ออกจะใหญ่กว่าที่เขาประเมินไว้ทีแรกเล็กน้อยเสียด้วยซ้ำ คงสักประมาณหนึ่งร้อยโลกว่าๆได้ล่ะมั้ง ถึงขนาดแล่เอาแต่เนื้อแล้ว ยังไงก็ไม่ต่ำกว่าหกสิบกิโลกรัมอยู่ดี เกินแรงที่เขาจะแบกกลับไปคนเดียวได้แน่

        เป็นอีกครั้งที่เคชอดคิดไม่ได้ว่าหากที่นี่คือฟลอเรนส์ เขากับพ่อคงทำคานหามแล้วช่วยกันหอบเนื้อพวกนี้กลับบ้าน หอบกลับไปเท่าที่หอบไหว ส่วนพวกเครื่องในและเศษกระดูกก็ปล่อยทิ้งไว้ให้พวกสัตว์อื่นๆมากินกันต่อไป

         สายตาคู่สีน้ำตาลเข้มก้มลงมองเศษซากแทบเท้าอย่างครุ่นคิด ตามปกติแล้วมันไม่เคยมีปัญหาเพราะเขาไม่ได้เข้ามาในป่าลึกขนาดนี้ ถ้าจะล่าแค่กวางหรือหมูป่าพื้นที่แถบชายป่าก็เพียงพอแล้ว แต่วันนี้มันมีเรื่องให้ต้องคิดเยอะ ที่ผ่านมามีแต่เรื่องวุ่นๆจนเขาโหยหาสถานที่สงบใจ กว่าจะรู้ตัวก็เข้าป่ามาเสียลึก แถมยังล่าได้เนื้อกวางเขาสุ่มอีก


         ...ล่าได้เนื้อดีแต่ไม่มีปัญญาแบกนี่ มันออกจะน่าขายหน้า...


         "ถ้าพ่อรู้เข้าต้องโดนหัวเราะเยาะแน่ ฮึ่ย"

         เจ้าตัวดีสบถอย่างหงุดหงิด หยิบผ้าออกมาเช็ดมือเปื้อนเลือดของตนลวกๆและยกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผาก การออกแรงหนักทำให้เสื้อของเขาเปียกจนชุ่ม ทว่าความร้อนและความเหนอะหนะเนื้อตัวนี้กลับเป็นสิ่งที่เขาคุ้นเคยมากเสีย ยิ่งกว่าความหนาวยะเยือกของภูเขาหิมะ เด็กหนุ่มใช้มีดพร้าเดินป่าที่ยังคงมีคราบเลือดกวางติดอยู่ฟันกิ่งไม้ขนาด พอดีมือและใช้เถาวัลย์ผูกประกอบขึ้นง่ายๆเป็นเลื่อนลากเล็กๆ เขาค่อยๆเอาเนื้อเรียงวางบนเลื่อนนั้นและใช้เถาวัลย์มัดให้แน่นหนา ก่อนจะผูกเถาวัลย์เข้ากับปลายเลื่อนทำเป็นสายลากคล้องสะพายบ่าแล้วลากไป นี่ก็บ่ายคล้อยแล้ว หากรีบหน่อยเขาอาจออกจากป่าได้ตอนตะวันตกดินพอดี

         "เชื่อเขาเลย ไอ้คนสร้างโรงเรียนบ้านี่มันต้องสอบตกภูมิศาสตร์แน่ๆ..."  เคชงึมงำกับตัวเอง เมื่อหลังจากพ้นเขตป่ามาได้ก็เป็นเขตที่ราบลุ่มทันที ซ้ำพอถัดไปอีกไม่เท่าไหร่ก็จะถึงภูเขาหิมะที่เขาอาศัยปลูกบ้านอยู่ และถึงจะรู้ว่าทุกอย่างในโรงเรียนนี้อยู่ภายใต้ข่ายเวทมนต์ขนาดใหญ่ที่ ควบคุมแม้กระทั่งสภาพอากาศในเขตโรงเรียนด้วยก็ตาม แต่พรานป่าก็ยังคงไม่เข้าใจว่าจะมีไอ้บ้าที่ไหนกันเอาป่าดิบร้อนชื้นกับ ภูเขาหิมะที่หนาวสุดขั้วมาตั้งไว้ใกล้กัน ห่างกันแค่เดินแปดชั่วโมงถึงอย่างนี้ นี่มันออกจะพิลึกเกินไปแล้ว

         แต่ถึงจะบ่นไปก็ใช่ว่าจะแก้ไขได้และจะ มีใครได้ยิน ดังนั้นเมื่อมาถึงจุดวาร์ปตรงหน้าตึกเรียนที่ใช้สำหรับปรากฏขึ้นไปยังภูเขา หิมะ เคชจึงสูดลมหายใจลึกรับเอาอากาศอบอุ่นเฮือกสุดท้ายเข้าปอดอย่างอ้อยอิ่ง ก่อนจะก้าวขึ้นไปยืนบนวงแหวนเวทย์ปล่อยให้ระบบมนตราเริ่มทำงาน แสงสีเหลืองทองสว่างวูบ จ้าจัดและบาดตาจนมองไม่เห็นอะไร แต่เพียงแค่เสี้ยววินาทีก็จางหายไป และเด็กหนุ่มก็พบว่าตัวเองกำลังยืนอยู่ท่ามกลางทุ่งหิมะกว้างสุดลูกหูลูกตา ทั้งๆที่ตัวยังเปียกเหงื่อโชก และชุดก็เป็นเสื้อแขนสั้นชั้นเดียวเนื้อผ้าหยาบสำหรับใช้ล่าสัตว์เสียด้วย!

         "ว้อยยย!!หนาว!!"  

         แหกปากด่าอย่างคนที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากทน จากนั้นก็รีบวิ่งพร้อมลากเอาเลื่อนใส่เนื้อไปยังบ้านหลังน้อยที่อยู่ห่างออก ไปากจุดวาร์ปประมาณยี่สิบเมตรทันที ระยะทางดังกล่าวช่างดูยาวนานสิ้นดีเมื่อหิมะที่เพิ่งตกกองสูงเป็นภูเขา เวลาเหยียบลงไปก็จมซวบไปค่อนขา ไม่ต้องพูดถึงเลื่อนที่จมไปเกือบทั้งคันเห็นแต่ก้อนเนื้อโผล่พ้นสีขาวขึ้นมา ลิบๆ

         เคชกัดฟันกรอด หนาวจนมือแทบจะชาไร้ความรู้สึก เย็นจนไม่รู้จะทนไหวต่อไปได้อย่างไรนอกจากรีบรวบรวมกำลังพุ่งไปข้างหน้าให้ เร็วที่สุด พอผลักประตูโครมเข้าบ้านมาได้ พรานป่าจากฟลอเรนส์ก็มีสภาพไม่ต่างอะไรจากตุ๊กตาหิมะ ซ้ำยังเป็นตุ๊กตาหิมะที่ไม่กลัวไฟเสียด้วย เพราะเมื่อเข้าบ้านมาได้ก็ไม่สนใจใครอีก รีบปิดประตูตามหลังทิ้งเนื้อกองไว้หน้าประตูนั่นและวิ่งจู๊ดมาอังไฟในเตาผิง มือของเขาที่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็นเล็กๆพาดผ่านมากมายตามประสามือพรานเริ่ม ปรากฏรอยหิมะกัด และแก้มของเขาก็ชาจนไร้ความรู้สึก

         เมื่อโดนความร้อน หิมะที่ติดอยู่ตามเสื้อและผมของเขาก็เริ่มละลายจนกลายเป็นน้ำหยดแหมะๆอยู่ หน้าเตาผิง ทำเอาพื้นเปียกโชกสกปรกไปหมด และเคชก็คงมัวแต่วุ่นกับการทำร่างกายตัวเองให้อบอุ่นโดยไม่สนใจเพื่อนร่วม บ้านไปอีกพักใหญ่ ถ้าไม่ใช่ว่ามีเพื่อนร่วมบ้านคนนึงทักขึ้นก่อน

         "ให้ช่วยไหม?"

         เสียงนั้นซมไช้ ทว่าก็ยังแฝงแววถือดีและออกจะไว้เชิงอยู่ไม่น้อย มันออกจะน่าขันเสียจนเคชเผลอหลุดยิ้มออกมาไม่ได้ และนั่นก็ทำให้คนถามมุ่ยหน้า

         "มีปัญหาอะไรหรือไง นายพราน" ดีอัสประชด ยกมือขึ้นกอดอกพลางเขม้นมองเจ้าตัวแสบตรงหน้าอย่างคาดโทษ แต่ท่าทางของคนเพิ่งหายไข้นั้น อย่างไรก็ไม่ดูน่าเกรงขามเลยสักนิด

         "คนไข้ขึ้นน่ะหัดเจียมตัวบ้างเถอะ ยังไม่หายดีไม่ใช่หรือไง" เคชเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มแยกเขี้ยวไปให้ มือยังคงสาละวนอยู่กับการอังไฟข้างเตาผิง ลมหายใจของเขายังสั่นสะท้าน

         "ให้ฉันไปนอนพักทั้งๆที่สภาพนายโทรมจัด อย่างนี้น่ะหรือ อย่าดูถูกกันมากเกินไปนัก"

         คนเป็นเจ้าชายเชิดหน้าขึ้น กวาดมือวูบเดียวเสื้อผ้าเปียกโชกของพรานป่าก็กลับมาแห้งสนิททันที สะบัดมืออีกวูบหนึ่ง รอยแผลหิมะกัดที่เริ่มแสบก็พลันหายสนิทดีเช่นกัน

         "ตัวนายเหม็นกลิ่นเลือดเต็มไปหมด รีบไปอาบน้ำไป แล้วเนื้ออยู่ไหน เดี๋ยวที่เหลือฉันจัดการเอง" เด็กหนุ่มผมเงินเอ่ยปากสั่งตามนิสัย ไม่สนใจเลยสักนิดว่ายามนี้คนถูกสั่งกำลังยืนมองตาปริบๆ

         ...บ้าอำนาจ....เคชคิดในใจ ไรอัสเห็นจะได้ทรราชย์ก็คราวนี้ แล้วทรราชย์ประเภทไหนกันที่เอาแต่สั่งโดยไม่เจียมสังขารตัวเอง ไข้ก็เพิ่งหายแล้วยังจะมาซี้ซั้วใช้เวทรักษาให้คนอื่นเขา แถมยังว่าจะไปจัดการเนื้อกวางเองอีกแน่ะ เนื้อนั่นหนักตั้งหกสิบกิโลแถมตากหิมะอยู่นอกบ้านก็ไม่ต่างอะไรจากถูกแช่ แข็ง คนธรรมดากว่าจะแล่ได้คงหอบหนัก นับประสาอะไรกับคนสามวันดีสี่วันไข้....

         แต่ถึงในใจจะบ่นเป็นชุดๆ ทว่าพรานป่าก็ไม่เหลือแรงจะต่อล้อเถียง เขาจึงเพียงแค่พยักหน้ารับ

         "เรื่องเนื้อนายให้เฟนริลมาช่วยแล้วกัน แล้วนี่มันอยู่ไหน?" ถามพลางกวาดสายตามองไปรอบๆเมื่อไม่เห็นเจ้ามังกรเพลิงตัวดี

         "ในห้อง" เจ้าชายไรอัสตอบสั้นๆ ก่อนจะชี้มือไปทางห้องน้ำเป็นสัญญาณว่าอย่าคิดเปลี่ยนเรื่อง เคชโดนนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มทำสายตาเข้มงวดใส่อย่างนั้นแล้วก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากยอมเดินไปอาบน้ำแต่โดยดี ครั้งพอกลับออกมาก็ต้องประหลาดใจที่ได้กลิ่นอะไรไหม้ๆลอยมาเหม็นไปทั่วบ้าน

         เด็กหนุ่มมุ่นหัวคิ้ว ทำจมูกฟุดฟิด สังหรณ์ใจอะไรชอบกล เขารีบเดินกึ่งวิ่งไปยังครัว และก็พบภาพที่ไม่อยากเห็นที่สุดในชีวิตนี้

         เจ้าชายดีอัส เรเฟรัส....กำลังทำอาหาร...

         "เฟนริล..." เคชกัดฟันกรอด พึมพำก่นด่าเจ้ามังกรเพลิงตัวดีที่วันนี้เป็นเวรทำอาหารแท้ๆ แต่ดันมัวหายหัวไปอู้ปล่อยให้คนเป็นนายมาลงมือจับตะหลิวได้

         "อ้าว เคช" ดีอัสที่เหลือบมาเห็นเพื่อนร่วมบ้านร้องทัก เจ้าชายหนุ่มกำลังสาละวนอยู่กับการตักก้อนอะไรดำๆเกรียมๆในกะทะใส่จาน ซึ่งในจานนั้นก็มีก้อนอะไรเละๆวางอยู่ก่อนแล้ว "เสร็จพอดีเลย ไปตามเฟนริลให้ที"

         "นั่นอะไร" เคชเดินเข้าไปชะโงกหน้าดูของในจาน พยายามทำน้ำเสียงไม่ให้ดูสยองขวัญเกินไปนัก

         "สเต็กเนื้อกวางกับมันบด" คนเป็นเจ้าชายตอบผ่านๆ ทำเหมือนไม่ได้คาดหวังอะไร

         เคชฟังแล้วก็ได้แต่ลอบกลืนน้ำลายเอื๊อก รู้สึกสงสารเจ้ากวางที่เพิ่งถูกเขาล่ามาที่ต้องกลายสภาพมาเป็นอาหารจานนี้ ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ซ้ำยังรู้สึกสงสารตัวเองยิ่งกว่าที่ต้องกินมันเข้าไป

         "ฉันกินมาแล้ว" เขาบอกทันที ทว่าเมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นเพื่อนรับคำ 'อ้อ' เบาๆพร้อมทั้งเสมองเนื้อไหม้เกรียมในจานด้วยสายตาน้อยอกน้อยใจ คนเป็นพรานก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากจะรีบเอ่ยต่อ "...แต่ก็ยังหิวอยู่ เดี๋ยวกินด้วยแล้วกัน"

         คนเป็นเจ้าชายพยักหน้ารับ แม้จะไม่พูดอะไร ทว่าสีหน้าก็ดูดีขึ้นทันตา

          ...ให้ตาย.....


    .......................................................
    หายไปหนึ่งปี ไรท์เตอร์กลับมาอัพเพิ่มจนครบ100%แล้วนะ ต่อจากนี้คงจะทยอยเข้ามาอัพเรื่อยๆ(?)จ้า > <

     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×