ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศึกมนตรา..โรงเรียนมหาเวท

    ลำดับตอนที่ #21 : คาบเรียนกฏหมาย (100%)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 167
      1
      26 ต.ค. 57








         เช้าวันนี้เคชตื่นขึ้นเพราะเสียงปลุกของเฟนริลที่มาปลุกเขาตั้งแต่ยังไม่ทัน เจ็ดโมงดี เด็กหนุ่มหาวหวอด ตลบผ้านวมขึ้นมาคลุมโปงขดเป็นก้อนกลมโดยทำเป็นไม่ได้ยินเสียงเรียกถี่ๆของ เพื่อน ก็อากาศบนนี้มันหนาวจะตายชัก ใครจะไปอยากลุกจากที่นอนอุ่นๆกัน ยิ่งลุกไปเรียนยิ่งขีเกียจจะลุก

        "ตื่นได้แล้วเคช ตื่นนนนนน" มังกรเพลิงออกแรงเขย่าปลุกเพื่อน แต่นั่นแหละ เขย่าไปเท่าไหร่ก็ไร้ผล เพราะเจ้าตัวดียังคงเอาแต่ซุกใต้ผ้าห่มอยู่อย่างนั้น

        "วันนี้คาบแรกมีเรียนวิชาหลักกฏหมายเบื้องต้น ถ้าเจ้าไม่ตื่นมาให้ทันลอกการบ้าน..."

        แค่ได้ยินคำว่าลอกการบ้าน จากคนสะลืมสะลือจะตื่นแหล่ไม่ตื่นแหล่ก็ตาสว่าง สะบัดผ้าห่มลุกพรึบขึ้นทันที

        "แล้วทำไมนายเพิ่งมาปลุก!" พรานป่าแยกเขี้ยว รีบวิ่งจู๊ดเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วโดยมีเฟนริลยืนมองตาปริบๆ ก็นี่ขนาดมาปลุกสายยังไม่ค่อยจะยอมตื่น คิดว่าถ้าปลุกเช้ากว่านี้จะตื่นหรือไง

        ไม่ถึงสิบห้านาที เคชก็เดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพพร้อมไปเรียน เรือนผมสีน้ำตาลเข้มยังคงชื้นด้วยหยาดน้ำเกาะพราวยามเขาสวมโอเวอร์โค้ทสีดำ ตัวโปรดทับเสื้อเชิ้ตสีขาว กระชับเสื้อนั้นให้แน่นขึ้นพลางยกมือขึ้นกอดอกหวังบรรเทาความหนาวเย็นจาก อากาศในห้องนั่งเล่น ไฟในเตาผิงมอดไปตั้งแต่เมื่อคืนกลางดึกและเช้าขนาดนี้ก็ไม่มีใครใส่ใจจะจุด มันขึ้นใหม่

        "เอาชาหรือกาแฟ" เจ้าชายดีอัส เรเฟรัส ที่เช้านี้ตื่นเป็นคนแรกและหายจากอาการไข้ขึ้นเป็นปลิดทิ้งร้องถามมาจากใน ครัว เสียงน้ำในกาเดือดพล่านพ่นควันสีขาวฟู่บอกให้รู้ว่าทุกอย่างถูกเตรียมไว้ พร้อมเรียบร้อยแล้ว

        "เอากาแฟ"

        พรานป่าจากฟลอเรนส์ตอบพลางเดินไปรื้อๆค้นๆยังกระเป๋าของเพื่อนและถือวิสาสะ หยิบสมุดรายงานเรื่องกฏหมายกับศีลธรรมขึ้นมานั่งลอกหน้าตาเฉย ซึ่งเจ้าของต้นฉบับเองพอเดินถือถ้วยกาแฟร้อนหอมกรุ่นออกมาก็ได้แต่ทำสีหน้า เย็นชาปรายสายตาดุๆใส่ แต่คนกำลังลอกงานอยู่มีหรือจะสนใจ ดังนั้นดีอัสจึงได้แต่ลอบถอนหายใจ นึกอยากจะกระแทกแก้วกาแฟโครมลงบนโต๊ะนัก แต่ที่ทำได้ก็มีเพียวเลื่อนเก้าอี้ลงนั่ง ยกแก้วชาร้อนหอมกรุ่นขึ้นจิบด้วยกิริยาสง่างามยิ่ง ทำตัวราวกับอยู่ในพระราชวังโออ่า มิใช่ในห้องพักสร้างเองบนภูเขาหิมะที่หนาวจนไม่รู้จะหนาวยังไงแบบนี้

        "เคช เมื่อคืนเจ้ากลับมาเมื่อไหร่...." มังกรเพลิงที่กำลังแล่เนื้อกวางย่างเตรียมทำเป็นไส้ประกบขนมปังอยู่อีกมุม ของห้องถามขึ้น วันนี้เป็นเวรเฟนริลเตรียมข้าวเช้า และอาหารเช้าที่มังกรเพลิงนิยมที่สุดก็คืออาหารอะไรก็ตามที่ไม่ต้องจุดเตา จนโดนค่อนขอดมันว่าเป็นมังกรเพลิงประสาอะไร ถึงได้ขี้เกียจจุดไฟนัก  "ข้าหลับตั้งแต่ตอนทุ่มกว่า หลับสนิทจนไม่ได้ยินเสียงเจ้าเข้ามา"

        "เออ หลับสนิทจนปล่อยให้ดีอัสทำมื้อเย็น" เคชงึมงำแยกเขี้ยว เงยหน้าขึ้นจากสมุดจดงานที่กำลังลอกอยู่มองมังกรเพลิงตาเขม็งดุจจะคาดโทษ ทว่าแทนที่จะกลัว เฟนริลกลับหัวเราะลั่นชอบอกชอบใจ แต่ก็ต้องหุบปากเงียบลงทันควันเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าการทำให้เจ้าชายแห่งไร อัสนั่งซึมกระทื่อน้อยอกน้อยใจในตอนเช้าตรู่คงทำให้วันนี้ทั้งวันไม่อภิรมณ์ เท่าใดนัก ดังนั้นมังกรเพลิงจึงกระแฮ่ม รีบเปลี่ยนเรื่องทันควัน

        "ตกลงเจ้ากลับมากี่โมง เคช"

        "สักเกือบๆสามทุ่ม แบกกวางทั้งตัวมาคนเดียว เกือบแข็งตายอยู่บนภูเขาบ้าๆนี่" เจ้าตัวดีย้อนอย่างไม่สบอารมณ์เท่าใดนักเมื่อนึกถึงความทุลักทุเลเมื่อคืน ไอ้ตอนล่าน่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่ไอ้ตอนต้องหอบกวางหนักเกือบร้อยโลใส่เลื่อนแล้วลากฝ่าหิมะกับอากาศติดลบ มาตัวคนเดียวนี่สิ ดีนะที่จัดแจงชำแหละมาเรียบร้อยแล้ว ขืนโลภมากหอบทั้งหัวหอบทั้งเขามาด้วย มีหวังโดนฝังทั้งเป็นตั้งแต่ยังมาไม่ถึงครึ่งทางด้วยซ้ำ ทั้งๆที่จากจุดวาร์ปมายังบ้านพักก็ใกล้นิดเดียว อยู่ในระยะที่มองเห็นแสงไฟที่ลอดผ่านหน้าต่างออกมาได้อย่างชัดเจน แต่ก็ไกลพอที่จะทำให้มนุษย์ถึงแก่ความตายด้วยความหนาวทรมาน "จริงๆนะ เฟนริล นายเป็นมังกรนี่ ทำไมถึงไม่รู้จักกลับเข้าป่าไปล่าสัตว์บ้าง"

        "ข้าใช้อาวุธของพวกมนุษย์ไม่เป็น อยากให้ล่านักก็คืนปีกคืนเขี้ยวเล็บมาให้ข้าสิ แล้วอยากได้อะไรในป่า แม้แต่คิเมียร่าก็จะไปเอามาให้!"

        เจอไม้นี้ตอกเข้าไป พรานป่าจากฟลอเรนส์เลยหุบปากเงียบลงสนิท กลับไปก้มหน้าก้มตาลอกการบ้านต่อ ลอกไปแล้วก็ใช่ว่าตัวเองจะมีสมาธินัก ในเมื่อเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ยังคงฝังอยู่ในใจ ก็ถูกอย่างที่ไอ้เฟนริลมันเคยพูดนั่นแหละ ดีอัสผิดที่โกงการจับฉลากเลือกประธานรุ่น แต่เขาเองก็กำลังโกงมิใช่หรือ เขาลอกการบ้านมัน โกงจากน้ำพักน้ำแรงของมัน แล้วอย่างนี้เขาจะไปมีสิทธิไปหัวเสียด่าใส่มันได้ยังไง


        แต่ถ้าไม่มีใครพูดเลย...หากต่างคนต่างคิดว่าโกงแค่นี้ไม่เห็นเป็นไร เราก็โกงของเรา เขาจะโกงก็ช่างเขา ถ้าหากเป็นแบบนี้แล้ว....ทุกอย่างจะเป็นอย่างไร สังคมจะเป็นอย่างไร...


        ...คิดๆ แล้วก็ปวดหัว เรื่องพวกนี้เขาควรโยนๆให้พวกเจ้าชาย โดยเฉพาะเจ้าชายคนข้างกายไปจัดการ ไม่ใช่เรื่องเลยที่พรานป่าต้องมานั่งคิดอะไรเป็นนามธรรมไร้สาระแบบนี้....



       "เอ้า อาหารมาเสิร์ฟแล้ว"

        เสียงของเฟนริลดังขัดขึ้นในห้วงความคิดของเขา เป็นเวลาเดียวกับที่เคชตวัดปากกาเขียนตัวอักษรสุดท้ายจบลงพอดี พรานป่าแห่งฟลอเรนส์รีบเอาสมุดรายงานทั้งสองเล่มไปเก็บและจัดแจงเคลียร์ พื้นที่เพื่อให้มังกรเพลิงมีที่พอสำหรับวางถาดขนมปังปิ้งไส้เนื้อย่างลงตรง กลางโต๊ะ ซึ่งเมื่อถึงตอนนี้ นาฬิกาเหนือเตาผิงก็ชี้บอกเวลาเจ็ดโมงเศษๆ วันนี้พวกเขามีเรียนคาบแรกตอนแปดโมงครึ่ง เมื่อรวมเวลาวาร์ปไปยังตึกเรียนและวิ่งกระหืดระหอบเข้าไปในห้องแล้ว ก็นับว่ายังมีเวลาพอให้เอ้อระเหยกับมื้อเช้าอีกนิดหน่อย

        "แล้วนี่ผักไปไหนหมด?" เจ้าชายผมเงินที่นั่งนิ่งมาตลอดถามขึ้นพลางเอื้อมมือไปคว้าขนมปังประกบไส้ ชิ้นหนึ่งมาเป็นกรรมสิทธิ และถึงจะบ่นอย่างนั้น สุดท้ายเขาก็ส่งเข้าปากกัดชิมอยู่ดี

        "มันไม่อร่อย ข้าเลยไม่ใส่ เป็นมนุษย์แท้ๆ จะกินผักกินหญ้าเหมือนกูปรีไปทำไม...โอ๊ย!" มังกรเพลิงตอบด้วยน้ำเสียงใสซื่อจริงใจยิ่ง แล้วก็ต้องร้องออกมาแทบไม่ทันเมื่อถูกคนเป็นนายเตะขาโครมเข้าให้ โดยมีเสียงนายพรานหัวเราะขำลั่นเป็นฉากหลัง

        "ข้าพูดอะไรผิดหรือไง?" เฟนริลมุ่นหัวคิ้ว ก้มตัวลงไปลูบต้นขาที่ถูกเตะป้อยๆพลางมองค้อนเจ้าชายแห่งไรอัสที่กำลังนั่ง ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ เห็นดีอัสผอมแห้งดูแรงน้อยเป็นลมแดดบ่อยแบบนี้ก็เถอะ ลูกเตะหนักชะมัด

        "วะ ก็ไม่ให้ดีอัสมันจะโกรธได้ไง แกเล่นนายด่าเจ้าชายเป็นควายนี่หว่า เฟนริล" เคชที่กำลังพยายามกลั้นหัวเราะเต็มความสามารถจนไหล่สั่นกึกๆอธิบายให้พร้อมๆ กับหลุดขำไปด้วย อดคิดไม่ได้ว่านี่ถ้าอยู่ไรอัส ป่านนี้สงสัยเฟนริลมันได้กลายเป็นมังกรหัวกุดแหงๆโทษฐานไปด่าเจ้าชายเข้า มีอย่างที่ไหน จะบอกว่าเหมือนเก้งเหมือนกวางอะไรก็ได้ ดันผ่าไปบอกว่าเหมือนกูปรี...ซึ่งก็คือควายป่าดีๆนี่เอง ดังนั้นโดนเตะใต้โต๊ะแค่นี้ก็นับว่าเป็นโทษสถานเบาแล้ว!

        "ข้าแค่ยกตัวอย่างให้ฟังแล้วจะโกรธทำไม ถ้าข้าพูดถูก ดีอัสมันเป็นควายจริงๆสิถึงสมควรโกรธ" มังกรเพลิงเถียง แต่ยิ่งเถียงก็เหมือนยิ่งเข้าตัว เพราะนอกจากเคชจะหัวเราะงอหงายหนักกว่าเดิมแล้ว คนเป็นนายถีบเก้าอี้มาให้อีกพลั่กจนแทบหงายหลังล้มลงไป ดวงตาคู่สีน้ำเงินเข้มของเจ้าชายแห่งไรอัสเย็นเยียบ ปรายสายตาดุจัดมองมังกรของตนเป็นเชิงข่มขู่กลายๆว่าถ้าไม่อยากถูกแช่แข็ง เป็นมังกรหิมะก็รีบๆหุบปากลงได้แล้ว

        "ฮ่ะๆๆๆ เฟนริล เมื่อกี้ฉันได้ยินไม่ถนัด ขอฟังอีกรอบเถอะ นายพูดว่าดีอัสมันเป็นอะไรวัวๆควา...อู๊ยยย เจ็บนะ!" ยังพูดไม่ทันจบประโยค พรานป่าแห่งฟลอเรนส์ก็ต้องยกมือกุมหัว ครางอู้ออกมาลั่นเมื่อถูกก้อนน้ำแข็งปริศนาขนาดเท่ากำปั้นลอยป๊อกมากระแทก เข้ากลางหัวพอดิบพอดี ซ้ำเมื่อทำหน้าที่ของมันเรียบร้อย เจ้าก้อนน้ำแข็งนั่นยังระเหยกลายเป็นไอในพริบตาหาหลักฐานไม่เจออีกตะหาก เจ้าตัวดีคลำหัวป้อยๆ หันไปแยกเขี้ยวใส่เจ้าคนไม่เจียมสังขารที่เพิ่งหายไข้ได้ไม่นานก็เริ่มใช้ เวทมนต์ซี้ซั้วอีกแล้ว

        "จะลอกไหม การบ้านวิชาหลักกฏหมายน่ะ" ดีอัสถามเสียงเอื่อย สายตาแฝงแววท้าทายปนประกาศชัยชนะ เจอไม้นี้เข้าไป แม้เป็นเคช เซเบเรีย ก็ต้องหุบปากเงียบกริบ และเมื่อนั้นแหละ วงมื้ออาหารเช้าถึงได้ดำเนินไปอย่างสงบเรียบร้อยจนทุกคนกินเสร็จ

        "กินเสร็จแล้วก็เอาจานวางซ้อนๆกันไว้ วันนี้เวรฉันล้าง" คนเป็นเจ้าชายที่กินเสร็จหลังใครเพื่อนรีบบอก ก่อนตัวเองจะยัดขนมปังคำสุดท้ายเข้าปากและรีบยกแก้วชาขึ้นกระดกดื่มรวดเดียว จนหมดแก้วเมื่อสายตาเหลือบไปมองนาฬิกาที่ยามนี้ชี้บอกเวลาเกือบแปดโมงสิบห้า แล้ว กระดิกมือวูบเดียว ถ้วยชามทั้งหมดบนโต๊ะกินข้าวก็ลอยไปกองอยู่ในอ่างล้างจานทันที....

        และภายในเวลาไม่ถึงสิบห้านาที พวกเขาก็มาถึงห้องเรียนชั้นสามของอาคารเรียนโซนหอคอยแดง ซึ่งถึงแม้ว่าจะมาก่อนเริ่มคาบเพียงสิบนาที แต่พวกเขาก็เป็นคนแรกๆของชั้นอยู่ดีที่มา

        ส่วนพวกที่เหลือน่ะหรือ...ก็คงกำลังวิ่งหน้าตั้งอยู่ล่ะมั้ง...

        "ทำไมพวกคนอื่นยังไม่มากันอีก นี่จะได้เวลาเข้าเรียนแล้วนะ" โนเอล ลีแวร์ เด็กสาวผู้ทำตัวประหนึ่งหัวหน้ารุ่นมองนาฬิกาพลางมุ่นหัวคิ้วอย่างหงุดหงิด เธอยกมือขึ้นปัดเส้นผมสีแดงที่เคลียใบหน้าไม่ให้ปรกลงมาจนเกะกะรำคาญ ท่าทางนั้นเป็นไปโดยธรรมชาติไม่คิดอะไรแท้ๆ แต่กลับดูมีเสน่ห์ชวนมองยิ่งนัก

        "เดี๋ยวก็คงมากันแหละ ก็เห็นเป็นแบบนี้ทุกเช้า ยังไม่ชินอีกหรือเอล" เคชกระเซ้าพลางเหวี่ยงเป้ลงจองที่นั่งยังโต๊ะตัวท้ายๆห้อง ตรงกันข้ามกับเจ้าชายดีอัส เรเฟรัส ซึ่งยึดที่นั่งด้านหน้าติดกับโต๊ะของโนเอล และถูกขนาบอีกข้างด้วยมือเล็กเชอร์อันดับหนึ่งของรุ่น เอดิสัน นิวตัน คาร์เวล เด็กหนุ่มท่าทางคงแก่เรียนผู้ชอบสวมเสื้อสเวตเตอร์คอเต่าสีเทาซึ่งเป็นสี เดียวกับเรือนผมและดวงตาของเขา เอดิสันไม่ใช่คนชอบพูดนัก และโดยส่วนมากเขาก็จะไม่เริ่มทักใครก่อน แต่เขาก็เป็นมิตรและไม่เคยปฏิเสธคนที่มายืมเลกเชอร์เขาไปลอก ดังนั้นเกือบทุกคนในรุ่นจึงตกเป็นหนี้บุญคุณเขาไม่วิชาใดก็วิชาหนึ่ง

        "เออ เอดิสัน ฉันเอาเล็กเชอร์มาคืน ขอบใจมากนะ" โนเอลเอ่ยขึ้นเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้พลางเดินไปหยิบสมุดปกฟ้าในกระเป๋ามายื่น คืนส่งให้ ซึ่งอีกฝ่ายก็เพียงแต่ยิ้มน้อยๆ พยักหน้ารับคำขอบคุณนั่นและรับสมุดลงไปเก็บเงียบๆ สายตาคู่สีเทาของเขาฉายแววขัดเขินเหมือนคำพูดขอบใจจากสาวน้อยน่ารักนั้นเป็น สิ่งที่เขาไม่คุ้นชิน

        "อย่างเจ้าเนี่ยนะยังต้องยืมเล็กเชอร์เอดิสันด้วย?" เฟนริลที่นั่งหลังห้องติดกับเคชหันไปมองโนเอล ซึ่งแม่สาวคนสวยของรุ่นก็เพียงแต่ยักไหล่ยิ้มไม่สนใจใส่ เธอเองก็เหมือนกับดีอัส....แม้จะไม่ใช่เจ้าหญิง ทว่าก็เกิดในตระกูลสูงและมีฐานะร่ำรวยมหาศาล ดังนั้นสิ่งที่ตามมาคือความเชื่อมั่นในตนเองอย่างล้นเหลือและเกลียดการถูกดู หมิ่นอย่างรุนแรง ถ้าหากรับคำของเฟนริลก็เหมือนกับเธอยอมรับความพ่ายแพ้ต่อเอดิสัน นิวตัน คาร์เวล เช่นนี้แล้วเรื่องอะไรที่เธอจะต้องไปรับกัน

        "ฉันเองก็ยังเคยยืมเอล ไม่เห็นแปลกอะไร" คำขัดเรียบๆดังขึ้นจากเจ้าชายดีอัส เรเฟรัส จริงอยู่ มันฟังดูน่าแปลกที่จู่ๆคนอย่างเจ้าชายแห่งไรอัสจะยอมรับว่าลอกเล็กเชอร์คน อื่นเพื่อรับหน้าแทนใครอีกคน ทว่าในเมื่อใครอีกคนนั้นคือเด็กสาว...แถมยังเป็นเพื่อนสมัยเด็กและงามเสีย ด้วย มันก็คงไม่น่าประหลาดอะไรล่ะมั้ง

        แต่...เคชคิดในใจ...มองภาพตรงหน้าตาปริบๆ...

        แต่ร่างจริงของดีอัสมันเป็นผู้หญิงนี่...แล้วผู้หญิงจีบผู้หญิงเนี่ยนะ... เพียง แค่คิดคนเป็นพรานก็พรั่นพรึงยิ่งนัก ต้องรีบปัดภาพดังกล่าวออกไปจากหัวอย่างรวดเร็ว...

        "แล้วนี่เรนกับชารอนไปไหน?" ราวกับรู้ตัวว่ากำลังถูกเอาตัวเองไปจินตนาการอะไรไม่เข้าท่าอยู่ ดีอัสจึงตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องด้วยการถามถึงอีกสองสาวที่อยู่บ้านเดียวกับโน เอล เซนาเรน วาริเซีย และชารอน โซรานา ปกติสามสาวไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ วันนี้เห็นโนเอลอยู่คนเดียวจึงดูแปลกไปไม่น้อย

        "อ๋อ ชารอนปวดท้อง เรนเลยอยู่เป็นเพื่อน คงจะมาสายหน่อย ฉันเลยมาจองที่ไว้ให้ก่อน" โนเอลตอบเรียบๆ ท่าทางไม่ได้กังวลอะไรนัก ซึ่งดีอัสก็พยักหน้ารับโดยไม่ถามอะไรต่อ เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรนัก เนื่องจากทุกคนต่างรู้ดีว่าชารอนร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงและมักป่วยอยู่เป็น ประจำ จนน่าประหลาดใจว่าคุณหนูบอบบางเช่นนี้สามารถหลุดมาอยู่โซนถึกทืออย่างหอคอย แดงได้อย่างไร

        "สัปดาห์นี้ไปห้องพยาบาลมากี่หนแล้วล่ะ?" เคชผู้ซึ่งได้ยินบทสนทนาทั้งหมดถามขึ้น โนเอลตวัดสายตามามองพรานป่าทางหลังห้อง ก่อนจะยอมตอบอย่างเสียมิได้

        "สาม..."

        ได้ยินแบบนั้น เคชก็ผิวปากหวิว

        "ถ้าอย่างนั้นก็รวมเป็นแปดครั้งในรอบเวลาเปิดเทอมหนึ่งเดือน จริงๆนะเอล เธอกับเรนไปรังแกอะไรเขา"

        เด็กสาวไม่ได้ค้อนขวับ ทว่ากลับเบือนหน้ามาสบสายตาด้วยตรงๆ นัยน์ตาของเธอเป็นสีแดงสดเช่นเดียวกับเรือนผม แต่มันไม่ใช่เปลวเพลิง...ประกายในนั้นคือน้ำแข็งเย็นเยียบไม่ต่างอะไรไปจาก สายตาของเจ้าชายดีอัส เรเฟรัส

        "อย่ามาล้อกันเล่นนะ เคช เซเบเรีย แค่นี้ชารอนเขาก็รู้สึกผิดมากพออยู่แล้วที่ตัวเองป่วย อย่าให้ฉันได้ยินเชียวว่านายไปพูดอะไรแบบนี้กับเธอ"

        พรานป่าขยับยิ้มขอโทษขอโพยพลางยกมือขึ้นยอมแพ้เป็นสัญญาณว่าไม่คิดสู้ แต่เมื่อเด็กสาวหันหลังกลับไปสนทนากับเจ้าชายดีอัสต่อแล้ว เจ้าตัวดีก็อดบ่นงึมงำเบาๆกับตัวเองไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะฉิวหรือจะขำดีกับความรักเพื่อนเหมือนแม่สิงห์สาวหวงฝูงของโนเอล ลีแวร์คนนี้

        "โอ๋กันเข้าไป แม่สาวพวกนี้นี่...เพราะแบบนี้แหละเพื่อนถึงได้รู้สึกผิด"


        เมื่อนาฬิกาชี้บอกเวลาแปดโมงครึ่ง บรรดานักเรียนโซนหอคอยแดงรุ่น125ก็ทยอยมากันจนครบ ซึ่งชารอนกับเซนาเรนก็ยังอุตส่าห์มาทันเวลาชนิดฉิวเฉียดเป็นสองคนสุดท้าย ก่อนที่อาจารย์จะเดินเข้ามาในห้องพอดิบพอดี เกิดเสียงฮือฮาขึ้นเล็กน้อยเมื่อวันนี้ผู้ที่เดินเข้ามาในห้องไม่ใช่ศาสตรา จารย์จัสติเนียนผู้สอนกฏหมายเช่นเคย ทว่ากลับเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนมหาเวท ราดอส เกียร์

        "วันนี้อาจารย์จัสติเนียนไม่สบาย ผมเลยจะมาสอนแทน" คนเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนกล่าวง่ายๆ และโดยไม่รอฟังคำตอบจากนักเรียน เขาก็หันหน้าเข้าหากระดาน เริ่มลากเส้นขึ้นโครงเนื้อหาทันที

       "วันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องวิวัฒนาการของกฏหมายกัน..."

       เพียงแค่ขึ้นต้นชื่อมาก็ชวนหลับเสียแล้ว...เคชอ้าปากหาวหวอด หันไปสบตากับเฟนริลที่เริ่มทำตาปรือตั้งแต่เริ่มคาบ ถ้าหากเป็นวันอื่นพวกเขาคงพร้อมใจกันฟุบโต๊ะเรียนกล่าวนิทราสวัสดิ์ตั้งแต่ เช้าตรู่ไปเรียบร้อยแล้ว แต่วันนี้ผู้อำนวยการถึงกับมาสอนด้วยตัวเอง จะให้หลับในคาบก็ใช่ที่ ดังนั้นคงได้แต่ถ่างตาฝืนๆทนจดไปล่ะมั้ง

       พรานป่าผู้ซึ่งเปลี่ยนจากถือปืนมาถือปากกาชั่วคราวนั่งเท้าคางจดคำบรรยายไป เรื่อยๆด้วยลายมือยิ่งกว่าไก่เขี่ยอย่างรู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง แทบจะเงยหน้าเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างทุกสิบนาที ในใจนึกภาวนาเร่งให้เวลาผ่านไปเร็วๆ จะได้จบคาบวิชาทฤษฏีแล้วไปเรียนวิชาปฏิบัติอย่างวิชาทักษะดาบเบื้องต้น เสียที เป็นปีหนึ่งนี่แย่อยู่อย่าง ไม่ว่าวิชาอะไรต่อมิอะไรก็จะมีคำต่อท้ายว่าเบื้องต้นไปเสียหมด ชวนให้รู้สึกเหมือนโดนดูถูกน่าขัดอกขัดใจยิ่งนัก แต่พอเขาเอาเรื่องนี้ไปบ่นกับดีอัสก็ได้แววตาอิดหนาระอาใจกลับมาแทน ทำนองว่าขนาดเบื้องต้นเขายังเรียนไม่รอด แล้วจะให้ไปเรียนขั้นสูงได้อย่างไร

       ...ซึ่งก็ถูกของดีอัสมันอีกนั่นแหละ....

       เคชกำลังนั่งเหม่อเพลินอยู่เชียวตอนที่จู่ๆอาจารย์ก็เรียกชื่อเขาขึ้นตอบคำถาม...

       "เคช เซเบเรีย" ผู้อำนวยการเรียกพลางเขม้นสายตามองไปยังเจ้าตัวดีหลังห้องที่กำลังเท้าคาง เหม่อลอยเอื่อยเฉื่อยทั้งๆที่ควรจดงาน พรานป่าสะดุ้งจากภวังค์ทันที รีบรับคำออกไปอย่างรวดเร็ว

       "ครับ"

       "ไหนลองอธิบายเรื่องกฏหมายในยุคแรกมาหน่อยสิ?"

       สิ้นคำถาม เพื่อนทั้งห้องก็หันมามองเขาเป็นตาเดียว เคชสูดลมหายใจเข้าลึกพลางเหลือบสายตามองไปปยังกระดานทันที หวังอย่างสุดหัวใจว่ามันจะยังพอเหลืออะไรให้เขาอ่านบ้าง แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อตัรอักษรเป็นระเบียบบนนั้นไม่มีอะไรเกี่ยวข้อง กับเรื่องที่ผู้อำนวยการถามเขาเลยสักนิดเดียว จะหวังพึ่งดีอัสหรือ พอเขาส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปให้ เจ้าชายคนเก่งก็มองตอบกลับมาด้วยสายตาเย็นเยีบแกมสมน้ำหน้า แล้วก็เลิกคิดหวังพึ่งเฟนริลไปได้เลย เพราะมันก็คงไม่ได้รู้อะไรมากไปกว่าเขาหรอก

       "เอ่อ..." เจ้าตัวดียกมือขึ้นเกาแก้มแกร่กๆ ครั้งเมื่อถูกอาจารย์จ้องเขม็งใส่ก็ทำคอย่น ทำสีหน้าคล้ายคนกำลังจะจมน้ำตายกลางวันแสกๆ

       คิดสิ...เคช...คิดเร็วๆเข้า...ขืนตอบไม่ได้มีหวังโดนตัดแต้มแน่ แล้วเขาที่จนอยู่แล้วก็จะยิ่งจนหนักกว่าเดิม....

       ยุคที่ยังคงเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน...ยุคที่คนแข็งแกร่งต้องรอด คนอ่อนแอต้องตาย ยุคที่กฏแห่งป่าใช้บังคับกับทุกสิ่ง...

       ใช่แล้ว...กฏของป่า...กฏที่เขาใช้ชีวิตอยู่กับมันมาตั้งแต่เกิดจนถึงตอนนี้....

       พรานป่าแห่งฟลอเรนส์ขยับยิ้มนิดหนึ่ง ดวงตาคู่สีน้ำตาลเข้มระริกขึ้น ก่อนจะเอ่ยคำตอบฉะฉาน

       "กฏหมายในยุคเริ่มต้นคือกฏเกณฑ์ของป่าครับ ไม่มีการใช้หลักใดๆในการตัดสินเว้นแต่หลักปลาใหญ่กินปลาเล็ก คนอ่อนแอจะถูกคนที่แข็งแกร่งกว่าบดขยี้ นี่คือกฏหมายในยุคแรกครับ"

       ใช่...นี่คือกฏเพียงข้อเดียวที่เขายึดถือโดยเสมอมา...

       ....ล่า...หรือจะถูกล่า...กิน...หรือจะถูกกิน....

       ไม่ว่าจะอยู่ในป่า...หรือที่ไหนก็ตาม!

       "อืม..." ผู้อำนวยการโรงเรียนมหาเวทพยักหน้ารับ "พอจะยกตัวอย่างได้ไหม"

       คราวนี้ไม่มีท่าทางลังเลจากคนเป็นพรานอีกแล้ว น้ำเสียงของเขาแสดงความมั่นอกมั่นใจอย่างยิ่งยวด

       "อย่างเช่นว่าชายคนหนึ่งล่ากวางได้ แต่ในขณะที่เขาลากกวางกลับบ้าน ก็มีชายอีกคนที่แข็งแกร่งกว่ามาแย่งกวางจากเขา การต่อสู้จึงเกิดขึ้น เมื่อชายคนที่ล่ากวางมาสู้ไม่ได้ ก็ต้องยกกวางให้กับอีกฝ่ายไป"

       "ถ้าอย่างนั้น...คุณคิดว่านี่คือความยุติธรรมไหม เคช เซเบเรีย?"

       ผู้อำนวยการราดอส เกียร์ ถามยิ้มๆ โดยยังคงไม่ยอมเฉลยคำตอบถูกผิด เล่นเอาคนถูกถามสบถอุบอยู่ในใจ 

       "อาจารย์เพิ่งบอกว่าความยุติธรรมคือการให้ในสิ่งที่เขาควรจะได้..." พรานป่าขึ้นต้น แต่ก็ถูกขัดขึ้นทันที

       "ผมไม่ได้เป็นคนบอก ผมแค่นำคำของนักปราชญ์ท่านหนึ่งมาพูดให้ฟัง ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องเห็นความยุติธรรมเหมือนที่ผมเห็นก็ได้"

       เคชชะงักนิดหนึ่งพลางเงยหน้าสบสายตากับคนเป็นอาจารย์ ก่อนจะเอ่ยต่อไป

       "ผมเป็นพรานป่า ดังนั้นผมจึงเห็นว่ามันยุติธรรมดีครับ...แต่นั่นหมายถึงความยุติธรรมที่เกิด ขึ้นระหว่างสัตว์กับสัตว์ มิเช่นนั้นก็สัตว์กับคน เพราะเมื่อมนุษย์มีการมาอยู่ร่วมกันเป็นสังคมแล้ว เราก็จำเป็นต้องมีกฏเกณฑ์ที่ซับซ้อนกว่ากฏปลาใหญ่กินปลาเล็กมาใช้บังคับ เพื่อให้คนในสังคมสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข"

       เจ้าตัวดีเอ่ยเป็นฉากๆเหมือนท่องตำรามา แต่เปล่าหรอก จริงๆแล้วเคชพูดจากประสบการณ์และความเห็นของตนล้วนๆ ถึงแม้ว่าเขาจะเป้นแค่พรานจนๆจากฟลอเรนส์ วันๆอยู่แต่กับป่าดงแทบไม่ได้ออกมาเจอสังคมภายนอก ทว่าชีวิตในป่าก็ให้ประสบการณ์อย่างที่คนอยู่ในเมืองไม่มีวันได้

       ถามถึงกฏหมาย ถามถึงความยุติธรรม...เขาก็ไม่รู้จักนักปราชญ์ ไม่รู้จักตำราหรือประมวลหรอก...

       ...แต่เขารู้จักชีวิต....

       "เป็นคำตอบที่ดี..." ผู้อำนวยการโรงเรียนเอ่ยชม ก่อนจะบอกให้เคชนั่งได้และหันไปถามผู้โชคร้ายคนที่สอง ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เจ้าชายดีอัส เรเฟรัส คนที่ทำให้เคชต้องนึกสบถอุบอยู่ในใจว่าทำไมต้องเป็นเขากับมันอีกแล้ว(วะ)

       "ถ้าเช่นนั้น อะไรคือสิ่งที่น่ากลัวที่สุดของความยุติธรรมที่เพื่อนเพิ่งพูดไป"

       สายตาคู่สีน้ำเงินของเด็กหนุ่มผมเงินไม่ได้มีแววตระหนกเลยแม้แต่น้อยเมื่อ จู่ๆก็ถูกอาจารย์เรียกให้ตอบเช่นนี้ ท่าทางหยิ่งยโสมั่นอกมั่นใจนั้นดูอย่างไรก็ช่างขัดลูกหูลูกตาคนเป็นพรานที่ มองอยู่ยิ่งนัก นี่ถ้าไม่ติดว่าอยู่กลางห้องเรียนต่อหน้าครูบาอาจารย์ มีหวังเจ้าตัวดีคงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยอะไรแสบๆคันๆออกไปแล้ว

       "คือการที่กฏหมู่มาอยู่เหนือกฏหมาย คือการที่คนไม่สนใจเชื่อฟังกฏเกณฑ์อีกต่อไปและใช้กำลังแย่งชิงสิ่งที่ตน ต้องการ เมื่อนั้นสงครามจะเกิด และกลียุคจะมาถึง" น้ำเสียงของเขาเรียบเฉย และคำตอบก็ช่างหนักแน่น

       "งั้นหรือ..." ผู้อำนวยการราดอสเลิกคิ้วมองยิ้มๆ "แล้วถ้ากฏเกณ์นั้นกดขี่ข่มเหงประชาชนล่ะ หากกษัตริย์เป็นทรราชย์ หากเจ้าชายเป็นทรชน กฏหมายนั้นควรดำรงอยู่ไหม"

       สายตาของคนเป็นเจ้าชายวาววาบขึ้นนิดหนึ่งคล้ายกับว่าคำถามดังกล่าวตั้งใจจะ ลองดีเขาโดยเฉพาะ แต่ยังไม่ทันที่ดีอัสจะทันได้เอ่ยคำใด เสียงกริ่งหมดคาบเรียนก็ดังขึ้นเสียก่อน

       "ถึงไม่ตอบผม คุณก็มีคำตอบของตัวเองอยู่แล้ว จริงไหม" ผู้อำนวยการราดอส เกียร์ ก้มลงกระซิบเบาๆกับเด็กหนุ่มผมเงิน น้ำเสียงนั้นซ่อนรอยขบขันเอ็นดูไว้ไม่มิด ก่อนเขาจะยืดตัวขึ้นตรงและเดินไปหน้าห้อง เอ่ยสรุปสั้นๆ

       "เอาล่ะ วันนี้ทุกคนคงพอจะเข้าใจช่วงวิวัฒนาการของกฏหมายคร่าวๆแล้ว ผมคงจะไม่สั่งการบ้านล่ะ มีใครมีคำถามอะไรไหม"

       ...แน่ล่ะ...ไม่มีใครมีคำถาม....

       แต่พอท่านผู้อำนวยการเดินออกจากห้องไปเท่านั้นแหละ เสียงจ๊อกแจจอแจก็ดังฮือขึ้นทันทีแทนความเงียบสงบเมื่อไม่กี่วินาทีก่อน เพราะดูเหมือนเจ้าพวกทโมนโซนหอคอยแดงจะแสนอึดอัดที่ต้องมานั่งเงียบๆทำตา ปรือแต่เช้าตรู่ จะหลับก็หลับไม่ได้ โชคดีจริงๆที่คาบต่อไปเป็นคาบว่าง ก่อนที่จะมีวิชาทักษะดาบ(เบื้องต้น)ในช่วงบ่ายสองถึงสี่โมงเย็น และที่ทุกคนฮือฮากันก็ไม่ใช่เรื่องอะไรหรอก แต่เป็นเรื่องที่ผู้อำนวยการโรงเรียนถึงกับลงมาสอนให้ด้วยตัวเอง กับเรื่องวิชาทักษะดาบ...

       ....วิชาที่อาจารย์งดสอนมาตลอดหนึ่งเดือน...และเพิ่งจะมาเริ่มเรียนวันแรกเอาวันนี้ ไม่แปลกที่ทุกคนจะตื่นเต้น....



       ปกติคาบว่างแบบนี้พวกรุ่นพี่มักจะไปเข้าชมรมหรือทบทวนบทเรียนในห้องสมุด แต่เนื่องจากพวกเขาเป็นเด็กปีหนึ่งเข้าใหม่เพียงแค่เดือนนิดๆจึงยังไม่ได้ เลือกชมรม ซ้ำห้องสมุดก็ดูไม่ใช่ทางเลือกที่น่าอภิรมย์นัก ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาทำเป็นประจำก็คือการแยกย้ายไปทำธุระใครธุระมัน เดี๋ยวเวลาเรียนค่อยกลับมาเจอกันอีกที ทว่าในบางที...อย่างเช่นครั้งนี้ พวกเขาก็เลือกที่จะไปใช้บริการห้องประชุมเล็กซึ่งตั้งอยู่ที่ชั้นบนสุดของ ตึกเป็นที่รวมพลกลิ้งเล่น

       ดีอัสเดินออกจากห้องเป็นคนสุดท้าย...หรืออย่างน้อยเขาก็คิดเช่นนั้น ในเมื่อเขามัวแต่เสียเวลาตามหายางลบที่ตกพื้นอยู่ กว่าจะเงยหน้าขึ้นมาอีกทีพวกเพื่อนๆก็เดินออกจากห้องไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เตรียมใจเลยแม้แต่น้อยว่าจะมีมือหนึ่งตะปบลงมาบนไหล่เขา ตอนที่เขากำลังจะก้าวเท้าออกจากห้องพอดี

       หมับ!!

       ร่างสูงของเด็กหนุ่มผมเงินสะดุ้งนิดหนึ่ง ก่อนจะสะบัดตัวหนีและหันขวับไปเผชิญหน้ากับคนๆนั้นอย่างรวดเร็ว ดวงตาสีน้ำเงินเข้มวาววาบขึ้นเล็กน้อยอย่างถือดีและไม่ชอบให้ใครมาแตะเนื้อ ต้องตัวเช่นนี้

       ทว่าเมื่อหันไปเห็นรอยยิ้มของเพื่อนร่วมรุ่นกับสายตาคู่สีเขียวระริกนั่น ดีอัสก็ต้องลอบผ่อนลมหายใจยาว เอ่ยถามสั้นๆด้วยสีหน้าเย็นๆตามนิสัย

       "มีอะไร แดริล"

       "ผมจดตอนที่อาจารย์พูดถึงช่วงยุคกฎหมายจารีตประเพณีไม่ทัน เลยอยากจะขอยืมเล็กเชอร์หน่อยน่ะครับ" แดริล ไนท์ หรือที่เคชให้สมญานามลับหลังว่าไอ้คนสู่รู้ ถามขึ้นยิ้มๆ และดีอัสก็ไม่ชอบสายตาที่มันมองเขาเสียเลย มันไม่ใช่สายตาไม่ยอมแพ้กดข่มไม่ลงเหมือนเคช ไม่ใช่สายตากร้าวๆซื่อๆเหมือนของเฟนริล สายตาของแดริลเหมือนคนที่ถือไพ่เหนือกว่าอยู่ตลอดเวลา เหมือนคนที่กุมความลับของทุกคนไว้ จะเผยออกมาเชือดใครเมื่อไหร่ก็ได้

       แต่ถึงไม่ชอบ...ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาเกลียดมัน จริงๆก็ออกจะชอบด้วยซ้ำกับเจ้าคนไร้หัวนอนปลายเท้าที่มีลูกไม้มีเล่ห์อะไร ทัดเทียมกับพรานป่าแห่งฟลอเรนส์คนนี้ ดังนั้นคนเป็นเจ้าชายจึงหยิบสมุดงานของตนส่งให้โดยดี แต่มิวายกำชับ 

       "เอามาคืนพรุ่งนี้นะ ฉันยังต้องเอาไปทำคัดย่อต่ออีก"

       "สัญญาเลยครับ" แดริลรับคำเป็นมั่นเหมาะ รับสมุดมายัดลงกระเป๋าของตน ทว่าเมื่อดีอัสหมุนตัวทำท่าจะเดินจากไป เขาก็เรียกไว้เบาๆ

       "เรื่องหัวหน้ารุ่น..."

       ร่างสูงของเด็กหนุ่มผมเงินชะงักกึกทันที เกร็งจัดอย่างคนมีความผิดติดตัว ดีอัสเม้มริมฝีปาก เผลอกำมือแน่นเข้าหากัน ทว่าเมื่อรู้ตัวก็รีบผ่อนคลายอารมณ์ของตนลงอย่างรวดเร็ว ตั้งใจจะหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายพร้อมหน้ากากน้ำแข็งที่เขาแสนถนัด แต่นั่นก็ยังช้ากว่าเจ้าคนสู่รู้ที่เดินผ่านเฉียดร่างเขาไป ทิ้งไว้เพียงคำให้รู้สึกร้อนๆหนาวๆเล่น

       "...ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ"

       น้ำเสียงแสดงความยินดีนั้นช่างเสแสร้งจนรู้สึกได้ แต่ก็ไม่ได้มีแววริษยาอะไรนอกจากจะขบขันกึ่งลองเชิงเสียมากกว่า...เหมือนจะ บอกให้ทราบว่ามัน'รู้'ว่าเขาทำอะไรลงไป...

       คิดๆแล้วมันก็น่าเอาสมุดงานคืนมานัก! 

       แดริลเดินจากไปแล้ว...แต่ยังคงเป็นตัวเขาเองที่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น พลันดีอัสก็ขยับยิ้มเหยียดหยัน...ชั่ววูบ...แค่ความคิดชั่ววูบแท้ๆ...ถึงได้ ทำมันลงไป...

       ...ตอนนั้น...ถ้าหากไม่ทำ...ถ้าหากเขาซื่อสัตย์กับตัวเองได้ก็คงจะดี...



       ระยะทางจากห้องเรียนไปยังห้องประชุมใกล้นิดเดียว เพียงแค่เดินขึ้นบันไดเวียนไปอีกชั้นแล้วเดินเลี้ยวซ้ายไปตรงๆจนสุดมุมก็ถึง แล้ว แต่โดยส่วนมากก็ไม่มีใครขึ้นห้องประชุมในทันที แต่จะเดินเลี้ยวลงบันไดไปชั้นล่างเพื่อไปตุนเสบียงที่โรงอาหารเสียก่อน ซึ่งกว่าดีอัสจะผ่านโค้งหัวมุมมาถึงบันไดเวียน บรรดาเพื่อนๆก็ได้แยกตัวกันเสียแล้ว รวมไปถึงเจ้าแดริล ไนท์ ที่จ้ำพรวดๆเหมือนตามควายหายมาก่อนหน้าเขาด้วย

       ในตอนแรกเขาก็คิดจะขึ้นไปห้องประชุมเลยหรอก แต่ก็นึกขึ้นมาได้ว่าอย่างเพื่อนร่วมห้องของเขาทั้งสองคนจะต้องอยู่ในกลุ่ม ไปหาของกินแน่ๆ พอคิดได้ดังนี้เข้าก็ชักเริ่มเป็นห่วง แต้มของพวกมันสองตัวน้อยจะตาย จะเอาที่ไหนไปยาไส้

       ลงท้าย เจ้าชายคนเก่งเลยต้องฮึดฮัดไปโรงอาหาร นึกหงุดหงิดตัวเองว่าเขาจะลำบากถ่อสังขารขึ้นๆลงๆบันไดมาถึงนี่เพื่อพวกมัน ทำไม และยิ่งหงุดหงิดหนักกว่าเดิมเมื่อพอก้าวเข้าไปในโรงอาหารแล้วแต่กลับไม่พบ ใครสักคน นี่แสดงว่าเจ้าพวกเพื่อนๆเขาต่างจนกรอบกระเป๋าแห้งกันเป็นแถวจนไม่มีใคร เหลือเงินจะมาซื้ออะไรกินเลยหรือไง

       ...วิกฤติแล้วนะนั่น!....

       ทว่าในขณะที่เขากำลังจะหันหลังเดินจากไปนั่นเอง หางตาก็พลันเหลือบไปเห็นบุรุษหนึ่งนั่งอยู่ในมุมห่างออกไป คนๆนั้นแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีดำปักลายอาจารย์ ซ้ำยังมีเรือนผมสีดำสนิท ยังดูหนุ่มอยู่มากทีเดียว คะเนแล้วคงยี่สิบปลายๆไม่ก็สามสิบต้นๆเท่านั้น เขานั่งอยู่คนเดียว ดูกำลังเอร็ดอร่อยกับอาหารในจานตรงหน้าและยังคงไม่รู้ตัวว่าตนกำลังถูกจ้อง

       เพียงแค่เห็น...เลือดในกายของเจ้าชายดีอัส เรเฟรัส ก็พลันเย็นเฉียบ....

       เรื่องราวต่างๆมากมายผุดขึ้นมาในความทรงจำ โดยเฉพาะประโยคหนึ่งของเคช เซเบเรีย ในวันที่พวกไปเขาไปตลาดนัดที่โซนประภาคารนภา...

       'ผู้ชายที่สวมเสื้อคลุมสีดำ ผมสีดำ แล้วก็ตาสีดำ ดำไปทั้งตัวราวกับปีศาจ'

       ...คนๆนี้...ไม่ผิดแน่....

       ...ทำไม....

       ...ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้...

       โดยไม่รู้ตัว มือของเขาควานไปข้างเอวเพื่อแตะด้ามดาบตามความเคยชิน เพียงเพื่อจะพบกับความว่างเปล่า มือนั้นจึงเปลี่ยนเป็นกำหมัดแน่นจนเล็บแทบจิกเข้าไปในเนื้อ ความทรงจำกำลังกลืนกินเขา ความกราดเกรี้ยวโกรธแค้นกำลังเผาไหม้เขา สติสัมปชัญญะกำลังถูกทำลายด้วยความบ้าคลั่ง ดวงตาสีน้ำเงินดำมืดเข้มข้นขึ้น มนตราเริ่มก่อกำเนิดด้วยความพิโรธตามคำบัญชาของนายไร้เวท เปลี่ยนมนุษย์ให้กลายเป็นเครื่องจักรสังหาร ไม่เหลือความคิดอื่นใดนอกจากอยากจะฆ่า ไม่เหลือความคิดอื่นใดนอกจากอยากจะบดขยี้มันให้แหลกคามือ...

       ...เหมือนกับที่มันทำกับเขา!...

      เด็กหนุ่มร้องตะโกนออกไป ลืมสิ้นซึ่งทุกสิ่ง หลงเหลือไว้เพียงความคลั่งแค้นที่จะกำจัดคนตรงหน้าลงไปให้ได้ สายตานั้นไม่ใช่สายตาของเจ้าชายดีอัส เรเฟรัส สีหน้านั้น ท่าทางนั้น ดูอย่างไรก็ไม่เหมือนเจ้าชายหนุ่มผมเงินจอมหยิ่งยโสคนนั้นเลยแม้แต่น้อย  มันคือความลืมตัวอย่างโง่เง่า คือความด้อยประสบการณ์ของเด็กหนุ่มที่ปล่อยให้โทสะมีอำนาจเหนือปัญญา เพียงแต่ตอนนี้...เขาไม่สน...ไม่สนใจอะไรอีกแล้ว...

      ...วินาทีที่อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมอง ตาต่อตาก็สบกัน สายตาคู่สีน้ำเงินเข้มสบกับดวงตาคู่สีดำสนิทที่เขาแสนชัง...ดวงตาที่เขา ไม่มีวันลืม....

      ...ดวงตาของคนที่ฆ่าแม่และพี่ชายคนเดียวของเขา....

      "เซนาส เนราเวล!!"


    ......................................................................................
    หายไปหนึ่งปี (จริงๆคือโผล่มาปีละหน) ยังมีหลายคนตามอ่านอยู่ด้วย เชื่อเขาเลย ไรท์เตอร์ซึ้ง TT^TT

    และจะพยายามปั่นต่อไป....

    คุณหงส์ สิรินทร์ : ขอบคุณน๊าา จะพยายามไม่หาย(หัว)และโผล่มาบ่อยๆจ้า
    คุณ
    Molli Phynyou : กระซิกใส่ ซึ้งใจยิ่งนัก ขอบคุณนะคะที่ติดตาม
    คุณ
    จันทราเงา : ขอบคุณมากค่าาาา ดีใจๆที่คุณจันทราเงายังไม่หายไปไหน XD 
    คุณ
    Biw Sasithon Seapung : รับทราบค่า จะพยายามนะคะ


     











     









     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×