“อาหารไม่ควรกลายเป็นขยะ แต่บ่อยครั้งมันก็เป็นเช่นนั้น เราเชื่อว่าเทคโนโลยีของเราจะช่วยทำให้การขนส่งอาหารดีขึ้นได้” ปีเตอร์ เค. ไนมานด์ (Peter K. Nymand) ซีอีโอบริษัท Maersk Container Industry (MCI) กล่าว
โรเบิร์ต ฟาน อ็อตเตอร์ดิค (Robert van Otterdijk) หัวหน้าโครงการ SAVE FOOD กล่าวว่า “การใช้เทคโนโลยีแช่เย็นที่เหมาะสมเพื่อยกระดับการเก็บและการขนส่งอาหารจำพวกพืชผักผลไม้ จะช่วยลดจำนวนอาหารที่กลายเป็นของเสียและขยะได้อย่างมหาศาล”
องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มโครงการ SAVE FOOD ได้ประมาณการว่า ทั่วโลกต้องสูญเสียอาหารประเภทผักผลไม้ไปสูงสุด 50% ระหว่างขั้นตอนการเพาะปลูกไปจนถึงมือผู้บริโภค โดยขั้นตอนการขนส่งและกระจายสินค้าจะสูญเสียราว 5%-20% ขึ้นอยู่กับแต่ละภูมิภาคของโลก
เทคโนโลยีต่างๆ เช่น Star Cool CA และ AV+ ถูกนำมาใช้ควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น การไหลเวียนของอากาศ และส่วนประกอบของอากาศในตู้คอนเทนเนอร์แช่เย็น ซึ่งช่วยให้ขนส่งได้ไกลขึ้นและช่วยรักษาคุณภาพของผักผลไม้ได้ดีขึ้น
ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ SAVE FOOD ทาง MCI และบริษัทอื่นๆในอุตสาหกรรมอาหารจะร่วมแบ่งปันความรู้ความเชี่ยวชาญในเรื่องนี้ SAVE FOOD เล็งเห็นถึงประโยชน์ของการแบ่งปันความรู้ตลอดห่วงโซ่การขนส่งอาหาร เนื่องจากการกระทำในส่วนใดส่วนหนึ่งของห่วงโซ่จะส่งผลต่อส่วนอื่นเสมอ
“อาหารกลายเป็นของเสียหรือขยะในทุกส่วนของห่วงโซ่คุณค่าอาหาร ซึ่งรวมถึงในส่วนของการขนส่งและกระจายสินค้า วิธีหนึ่งที่จะช่วยยกระดับการขนส่งคือ การแบ่งปันความรู้ในทุกส่วนของห่วงโซ่คุณค่าอาหาร” โรเบิร์ต ฟาน อ็อตเตอร์ดิค จากโครงการ SAVE FOOD กล่าว
ข้อเท็จจริง:
ระหว่างขั้นตอนการเพาะปลูกไปจนถึงมือผู้บริโภคในยุโรปหรืออเมริกาเหนือ จะมีการสูญเสียอาหารประเภทผักผลไม้ไปสูงสุด 50% โดยขั้นตอนการขนส่งและกระจายสินค้าจะสูญเสียราว 5%
(ที่มา: รายงาน “Global Food Losses and Food Waste” ของ FAO)
FAO:
“การสูญเสียอาหารในประเทศอุตสาหกรรมอยู่ในระดับสูงพอๆกับในประเทศกำลังพัฒนา แต่ในประเทศกำลังพัฒนานั้น กว่า 40% ของอาหารที่สูญเสียไปเกิดขึ้นในขั้นตอนหลังการเก็บเกี่ยวและระหว่างการแปรรูป ส่วนในประเทศอุตสาหกรรมนั้น กว่า 40% ของอาหารที่สูญเสียไปเกิดขึ้นในขั้นตอนของการค้าปลีกและการส่งถึงมือผู้บริโภค”
(ที่มา: รายงาน “Global Food Losses and Food Waste” ของ FAO หน้า III.6)
ความคิดเห็น