คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #58 : ตอนที่๕๔ รู้สึกดี
ตอนที่๕๔ รู้สึกดี
“เสด็จพ่อมีพระประสงค์ให้ข้าพาเจ้าเข้าเฝ้า” หลี่ซื่อหมิน บอกกล่าวแก่หงเหม่ยหลงที่กำลังยืนอยู่ตรงริมหน้าต่างของตำหนักส่วนตัว
หญิงสาวเพียงก้มหน้าน้อยๆรับคำมิได้กล่าวสิ่งใดออกมา
นางเพียงทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่างของห้องเหมือนเช่นดังเดิมของทุกวัน
หลายวันมานี้นางเฝ้าแต่รอข่าวของหลิวฉวนหยู่ร์และหลี่หงจินหยางบุตรชายสุดที่รักของนาง
หลี่ซื่อหมินเดินมาโอบกอดหญิงสาวจากทางด้านหลังอย่างปลอบโยนพลางเอ่ย “ตอนนี้ทั้งหมดปลอดภัยดี เยว่เทียนคอยคุ้มกันหลิวฉวนหยู่ร์กับหยางเอ๋อร์อยู่ก่อนหน้านานแล้ว อีกทั้งเฟิงเหวินพร้อมทั้งเว่ยฟางและบุตรชายของทั้งสองก็เดินทางไปด้วยกัน”
“เยว่เทียนหรือ?” หงเหม่ยหลงนึกแปลกใจ
“อืม…เยว่เทียนแตกหักกับหยางเจียนเรื่องที่นางสั่งให้เยว่เทียนมาฆ่าเจ้ากับหลิวฉวนหยู่ร์”
“งั้นหรือ”
หลี่ซื่อหมินกล่าวพลางวางคางลงบนศีรษะของหงเหม่ยหลง “หยางเจียนคงทำเจ้าอึดอัดไม่น้อย”
“จะฆ่านางนั้นไม่ยาก” หญิงสาวหรี่ตาตอบตามตรง
“ถ้าเจ้าฆ่านาง อำนาจครึ่งหนึ่งของเสด็จพ่อย่อมมีปัญหา เรื่องนี้ข้าต้องขอบใจเจ้า” หลี่ซื่อหมินคลี่ยิ้มพลางเอ่ยต่อ
“เรื่องของหยางเอ๋อร์ลูกของเรา เจ้าอย่าได้กังวล ตอนนี้ทั้งหมดเข้าเขตของสำนักหมื่นโลกันต์แล้ว”
“จริงหรือ” หงเหม่ยหลงสีหน้าดีขึ้น
“อืม” หลี่ซื่อหมินตอบคำพลางกอดกระชับหงเหม่ยหลงแน่นขึ้น “ครานี้...เจ้าจะไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อกับข้าได้หรือไม่?”
ชายหนุ่มถามขึ้นก่อนเปลี่ยนท่ามาจับจูงมือเรียวนุ่มนิ่มของหญิงสาวให้เดินตามมาแต่โดยดี
ทั้งสองมักจะใช้เวลาส่วนตัวอยู่ด้วยกันเสมอโดยไม่นำพาเอาเหล่านางกำนัลให้มายุ่งวุ่นวายภายในห้องส่วนตัวแห่งนี้แต่อย่างใด
“ตอนนี้ก็เหลือแต่รอข่าวจากฉวนหยู่ร์” หงเหม่ยหลงกล่าวขึ้นขณะแต่งองค์ทรงเครื่องเพื่อเข้าเฝ้าฮ่องเต้อย่างยอมจำนน
หลี่ซื่อหมินยืนมองหญิงสาวแต่งกายอยู่อย่างโล่งใจ
หลังจากการปราบกบฏในวันนั้นสิ้นสุดลง ดูเหมือนว่าหงเหม่ยหลงจะยังไม่วางใจ นางคอยแต่เฝ้ารอข่าวคราวของฉวนหยู่ร์กับหยางเอ๋อร์ เขาเองก็ย่อมอยู่เฉยมิได้ จนวันนี้ข่าวที่ได้รับมา ทำให้เขาและนางรู้สึกดีอยู่ไม่น้อย
ทันใดนั้นเหมือนมีสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งอยู่ตรงหน้าต่างห้องของหลี่ซื่อหมิน ทั้งสองรีบหันขวับไปตามเสียงนั้นทันที
ชายหนุ่มไม่รอช้ารีบเดินไปที่หน้าต่างอย่างรวดเร็ว
ตรงนั้นปรากฏนกประหลาดชนิดหนึ่งสีดำทมิฬตัวโตใหญ่ยักษ์ ที่ข้อเท้าของมันมีกระดาษติดอยู่ หลี่ซื่อหมินรีบจับนกและแกะกระดาษแผ่นนั้นออกมาอ่านในทันที
ข้อความในกระดาษเป็นข่าวจากฉวนหยู่ร์ แจ้งเกี่ยวกับ หลี่หงจินหยางที่ถูกส่งจนถึงมือของหงซือกวน
ทุกคนต่างหวั่นใจกับท่าทีเงียบขรึมน่าหวั่นเกรงของหงซือกวน ใบหน้าเหี้ยมเกรียมฉายแววดุดันไม่เคยแสดงอารมณ์ใดๆอยู่ตลอดเวลานั้น กลับเตรียมการเอาไว้ได้พร้อมเพรียงอย่างน่าเหลือเชื่อ
ทั้งห้องรับรองอันใหญ่โตโอ่อ่า สะอาดสอ้าน ดูสบายตาสำหรับเด็กน้อย
อีกทั้งแม่นมอีกหลายชีวิตที่ผู้เป็นประมุขอันเกรียงไกรได้ตระเตรียมเอาไว้ให้
หลี่ซื่อหมินได้อ่านข้อความในจดหมายนั้นถึงกับต้องกระพริบตาปริบๆ
เขามิอยากจะเชื่อสายตาตนเองว่าอ่านถูกต้องหรือไม่ จนต้องนำไปให้หงเหม่ยหลงอ่านอีกที
ชายหนุ่มเพียงยืนนิ่งๆจ้องหน้าหงเหม่ยหลงที่กำลังอ่านจดหมายนั่น พลางคิดในใจ สองพ่อลูกคู่นี้ แม้จะมีหน้าตาดุดัน บุคลิกลักษณะโหดเหี้ยม แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาทึ่ง คือความอ่อนโยนที่แฝงอยู่ในตัวอย่างคาดไม่ถึง
“ท่านพ่อคงไม่รู้ว่าข้าไม่ชอบให้ใครเข้าใกล้หยางเอ๋อร์มากนัก” หงเหม่ยหลงมุ่นคิ้วเล็กน้อย
“บิดาของเจ้าย่อมคัดเลือกคนมาอย่างดี เจ้าอย่าห่วงเกินไป” หลี่ซื่อหมินยิ้มอ่อนพลางเอ่ยก่อนคิดอะไรขึ้นมาได้
“หลงเอ๋อร์…”
“หืม…”
“เราควรจะมีทายาทเพิ่มนะ”
“งั้นหรือ”
“เรามาผลิตทายาทกันเถอะ”
หือ!
ชายหนุ่มไม่รอช้ารีบเข้าไปถอดผ้าของหญิงสาวออกทันที
“เดี๋ยว เดี๋ยว” หงเหม่ยหลงรีบปัดมือซุกซนของเขาพัลวัน “เราต้องไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้มิใช่หรือ”
“เสร็จแล้วค่อยไป”
“แต่…”
“รอบเดียว…”
“หื้อ...” หงเหม่ยหลงถึงกับหลุดอุทานออกมาเมื่อหลี่ซื่อ หมินก้มตัวลงเพียงนิดก่อนจะอุ้มร่างนุ่มนิ่มของหงเหม่ยหลงให้เดินเข้าไปยังเตียงนอนขนาดใหญ่อีกฝั่งหนึ่งของห้องแห่งนี้
และก็เป็นเหมือนทุกครั้ง ที่หงเหม่ยหลงมักจะพ่ายแพ้ให้แก่หลี่ซื่อหมิน…
ตามทางเดินระหว่างทางเข้าพระราชวังและท้องพระโรง
หงเหม่ยหลงที่อยู่ในชุดสวยงามกำลังเดินเคียงข้างมากับหลี่ซื่อหมินด้วยใบหน้าแดงก่ำริมฝีปากบวมแดง บ่นอย่างขัดเคือง
“ท่านบอกว่าแค่รอบเดียว”
“มันก็ต้องมีแถมกันบ้าง” หลี่ซื่อหมินเดินไขว้มือเอาไว้ทางด้านหลังกล่าวหน้าตาเฉย
“แถมอะไรเป็นชั่วยาม” หงเหม่ยหลงถลึงตาใส่ใบหน้าแดงก่ำ
ชายหนุ่มไม่ตอบคำ เขาเพียงเดินเข้ามายังด้านในท้องพระโรง ด้วยท่วงท่าสง่างามแต่นัยน์ตากรุ้มกริ่ม
เมื่อหลี่ซื่อหมินและหงเหม่ยหลงเดินเข้ามาในท้องพระโรง ทุกสายตาในนั้นพลันหันหน้ามาจ้องมองทั้งสองเป็นตาเดียว
เหตุการณ์ปราบกบฏในวันนั้นทุกคนได้ประจักษ์แล้วถึงฝีมืออันโหดเหี้ยมของชายาสามขององค์รัชทายาทที่มีนามว่าหงเหม่ยหลง
ทำให้หลายคนนึกหวาดเกรงในตัวหญิงสาวอยู่ไม่น้อย
แต่หญิงสาวในวันนี้ช่างแตกต่างจากวันนั้น
ในวันนั้นหญิงสาวอยู่ในอาภรณ์เปื้อนเลือด ใบหน้าเต็มไปด้วยหยาดโลหิตสีแดงสด ดวงตาแดงก่ำ สีหน้าดุดัน ผิดกันอย่างมากในวันนี้
วันนี้หงเหม่ยหลงอยู่ในอาภรณ์หรูหราสวยสดงดงามอลังการสมฐานะของชายาในองค์รัชทายาท
ใบหน้าของนางนวลเนียนอมชมพูระเรื่อ ริมฝีปากอวบอิ่มแดงสด ดวงตาคมเฉี่ยว ท่วงท่าสง่างาม ทำให้องค์ชายที่นั่งอยู่ในนั้นถึงกับจ้องมองด้วยดวงตาเป็นประกาย
หลี่ซื่อหมินที่เห็นสายตาพวกนั้น พลันนึกเคืองขึ้นมาหลายส่วน
เขาไม่ชอบให้ใครมองหลงเอ๋อร์ของเขา ยิ่งเห็นสายตาระยิบระยับแบบนั้น เขาอยากจะพานางกลับเสียเดี๋ยวนี้
“มากันแล้วหรือ ทุกคนกำลังรอพวกเจ้าอยู่” เสียงของฮ่องเต้กล่าวทักทาย หลังจากทั้งสองได้ทำความเคารพแล้ว
“องค์รัชทายาทพาพระชายานั่งก่อนเถิด” ฮองเฮากล่าวอย่างนุ่มนวล สายตาฉายแววหวั่นเกรงอยู่หลายส่วน
“วันนี้ทุกคนรอ ยลโฉมชายาสามขององค์รัชทายาท”
หงเหม่ยหลงเพียงฟังคำนิ่งๆ ยิ้มน้อยๆในหน้า รักษาท่าที
กิริยานั้นยิ่งทำให้นางดูดีสะดุดตา
หลี่ซื่อหมินที่มองอยู่จึงรีบมายืนประชิดหญิงสาวก่อนโอบร่างบางพาไปนั่งลงข้างๆยังตำแหน่งของตน
“เจ้าคงพักผ่อนจนหายดีแล้วกระมัง” ฮ่องเต้ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงห่วงใย
“ขอบพระทัยฮ่องเต้ที่ทรงเป็นห่วง หม่อมฉันหายดีแล้ว เพียงแค่ยังปวดเมื่อยเนื้อตัวเล็กน้อยเท่านั้นเพคะ”
โดยเฉพาะช่วงเอว นางคิดในใจพลางมองค้อนคนข้างๆ
หลี่ซื่อหมินเข้าใจสายตานั้นดีแต่ยังคงตีหน้าเฉยอยู่
“เราเตรียมของรางวัลมากมายเอาไว้ให้เจ้า” ฮ่องเต้ยังคงกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“หวังว่าเจ้าคงพอใจ”
“ทูลฮ่องเต้ หม่อมฉันมิได้ต้องการสิ่งใดเพคะ”
แค่อย่าสาวเรื่องราวใดๆก็พอ ประโยคหลังหญิงสาวมิได้กล่าวออกมา
“ของขวัญมากมายสำหรับตัวเจ้าและหลานรักของเรา หลี่หงจินหยางบุตรชายของเจ้าเรายังคงเก็บเอาไว้ให้เจ้าเป็นอย่างดี” ประโยคนั้นของฮ่องเต้ทำหงเหม่ยหลงนึกฉงน
ฮ่องเต้มองสีหน้าของหญิงสาวออกจึงคลี่ยิ้มอบอุ่นส่งให้จากใจจริง
หงเหม่ยหลงเริ่มเข้าใจ
อันที่จริงฮ่องเต้คงนึกเอ็นดูนางอยู่บ้างกระมัง
แต่กับคนอื่นๆ…
ตั้งแต่นางทำตัวโหดเหี้ยมให้เห็นในวันนั้น ถึงกับเปลี่ยนท่าทีกันเชียว
“ทูลฮ่องเต้ได้ตัวชายาหยางเจียนกลับมาแล้วพะย่ะค่ะ”
เสียงของทหารนายหนึ่งดังขึ้นจากด้านหน้าท้องพระโรงทำลายการสนทนาของฮ่องเต้ในทันที
เพียงไม่นานทหารจำนวนหนึ่งจึงพาร่างมอมแมมของหยางเจียนเข้ามานั่งทรุดตัวอยู่กลางท้องพระโรง
ฮองเฮาได้เห็นสภาพของหยางเจียนถึงกับตะลึงงันเอ่ยเสียงตระหนก “หยางเจียน เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ทำไมสภาพเจ้าถึงเป็นเยี่ยงนี้”
“ทูลฮ่องเต้ ทูลฮองเฮา เจ้าโจรกบฏพวกนั้น...พวกมันรุมทารุณหม่อมฉันเพคะ…” หยางเจียนกล่าวด้วยน้ำตานองหน้าอย่างหมดสภาพความงามหดหาย
ประโยคนั้นทำให้หลายคนในท้องพระโรงถึงกับคิดกันไปต่างๆนานา
หยางเจียนหลับตาลงพลางคิดถึงเรื่องระหว่างทางกับโจรกบฏกลุ่มนั้น พวกมันจับนางมัดแขนมัดขา พานางไปหลบซ่อนอยู่หลายวัน
ข้าวปลาก็ไม่ให้นางได้กิน พวกมันยกข้าวมาให้นางก็จริง มันเปิดปากให้นาง
นางแค่ด่าพวกมันไปไม่กี่คำ พวกมันก็ปิดปากนางดังเดิม ข้าวหรือนางก็ยังไม่ได้กินซักคำ
พวกมันให้นางนอนอยู่ในคอกหมู ทั้งเหม็นทั้งอับ สุดแสนจะทรมาณ
และก่อนหน้าที่นางจะได้กลับมา พวกมันเหมือนได้คำสั่งล้มเลิกภารกิจกระทันหัน
พวกมันจึงถีบนางตกจากรถม้าอย่างไม่ไยดี
แล้วอย่างนี้จะไม่ให้เรียกว่าทารุณ แล้วจะให้เรียกว่าอย่างไร
นางเป็นถึงสตรีสูงศักดิ์ หน้าตางดงามปานนี้ เหตุใดบุรุษพวกนั้นถึงไม่ไยดีนางได้ถึงเพียงนี้
ช่างทารุณจิตใจยิ่งนัก
ทารุณจริงๆ
หยางเจียนนั่งตัวสั่นร่ำไห้อยู่อย่างนั้น ท่ามกลางสายตาเวทนาและความเข้าใจไปในทิศทางเลวร้ายของเหล่าข้าราชบริพารในท้องพระโรง
ระหว่างทางกลับวังของหลี่ซื่อหมิน
หงเหม่ยหลงที่นั่งเคียงคู่มากับหลี่ซื่อหมินในรถม้า มีสีหน้าดีขึ้นกว่าเดิมมากนัก
“เจ้ายิ้มอะไร” หลี่ซื่อหมินถามขึ้นเมื่อเห็นหญิงสาวนั่งยิ้มอยู่คนเดียวอยู่เป็นนาน
“ข้ารู้สึกดีที่หยางเจียนของท่านถูกปลดออกจากการเป็นชายาของท่าน” หงเหม่ยหลงตอบตามสัตย์
วันนี้หลังจากทุกคนในท้องพระโรงได้เห็นสภาพของหยางเจียนที่ได้หายตัวไปกับกลุ่มชายฉกรรจ์เป็นเวลาหลายวัน ทั้งยังคำพูดของนางที่บอกว่าถูกทารุณโดยมิได้อธิบายสิ่งใดเพิ่มเติม
ทำให้ทุกคนในท้องพระโรงต่างเห็นพ้องต้องกันว่า นางไม่เหมาะสมกับตำแหน่งชายาขององค์รัชทายาท
ฮ่องเต้และฮองเฮาจึงลงความเห็นให้ปลดตำแหน่งของนางออก
และที่สำคัญ หลี่ซื่อหมินยังมิเคยได้แตะต้องนาง จึงเป็นเรื่องง่ายที่นางจะหลุดจากตำแหน่งนี้ได้ไม่ยาก
อันที่จริง หงเหม่ยหลงอยากจะเสนอให้นางถูกส่งตัวไปเป็นสนมให้ฮ่องเต้ที่ไหนซักแคว้นเสียด้วยซ้ำ
แต่เอาเถอะ! เท่านี้นางก็พอใจแล้วล่ะ หึหึ!
หงเหม่ยหลงนั่งยิ้มอยู่ในหน้าขณะคิดในใจเพลินๆ หลี่ซื่อหมินจึงก้มหน้ามาหอมแก้มของนางฟอดใหญ่อย่างเข่นเขี้ยวในตัวหญิงสาว
“ท่านทำอะไร” หงเหม่ยหลงถามขึ้น “นี่ในรถม้านะ”
“จะเป็นไรไป” หลี่ซื่อหมินยังไม่ยอมหยุดยุ่งกับใบหน้านวลเนียนของนางพลางเอ่ย
“รถม้ามันโยกอยู่แล้ว”
“หือ!”
“มานี่”
“ไม่เอา...หยุดนะ....ท่านนี่”
หญิงสาวเบี่ยงหน้าหลบไปบ่นไปอยู่อย่างนั้น...
“ท่านจะรีบกลับไปไย อยู่เที่ยวชมที่นี่ก่อนจะเป็นไร”
เฟิงเหวินเอ่ยถามเยว่เทียนเมื่อชายหนุ่มกล่าวว่าจะเดินทางกลับเข้าเมืองหลวง
ขณะนี้พวกเขาทั้งสี่คนกำลังนั่งดื่มเหล้าฉลองกัน หลังจากเสร็จสิ้นการเดินทางมาหลายวันก่อนหน้านี้
“อยากกลับไปหาหยางเจียนจนตัวสั่นกระมัง” หลิวฉวนหยู่ร์ยังคงเน้นย้ำเย้ยหยันเยว่เทียนไม่เลิก
เยว่เทียนปรายตามองหลิวฉวนหยู่ร์อย่างไม่พอใจ ก่อนเอ่ย “เจ้าเลิกตอกย้ำข้าสักทีจะเป็นไร”
“ข้าจะตอกย้ำจนกว่าท่านจะฉลาดขึ้น” หลิวฉวนหยู่ร์ยังไม่ยอม
“เจ้า” เยว่เทียนนึกอยากจัดการกับสตรีปากร้ายนี่จริงๆ
“อย่าทะเลาะกันเลย ตอนอยู่ในถ้ำเห็นรักกันดี” เฟิงเหวิน กล่าวตัดบท
ประโยคนั้นของเฟิงเหวินทำให้ทั้งสองถึงกับชะงักงัน
“มา ดื่มกันดีกว่า” เฟิงเหวินเอ่ยพลางยกจอกเหล้าขึ้นเชิญชวน
เยว่เทียนกับหลิวฉวนหยู่ร์จึงรีบดื่มเหล้ากันอึกใหญ่
เวลาผ่านไปครู่ใหญ่
เหล้าหมดไปสามไห เว่ยฟางจึงชวนเฟิงเหวินกลับไปส่งที่บ้านเพื่อพักผ่อน
คงเหลือเพียงเยว่เทียนกับหลิวฉวนหยู่ร์นั่งดื่มเหล้าพลางถกเถียงกันอยู่อย่างนั้น
“เจ้าหยุดพูดจาร้ายกาจกับข้าเสียที” เยว่เทียนยังคงบ่นอย่างขัดเคืองด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ
หลิวฉวนหยู่ร์เถียงด้วยใบหน้าอมชมพู “ข้าก็เป็นอย่างนี้ เสแสร้งไม่เป็น”
“แล้วเจ้าจะต่อว่าข้าให้ได้อะไรขึ้นมา”
“ข้าอยากให้ท่านเลิกโง่สักทีอย่างไรเล่า”
“ใช่ ข้ามันโง่” เยว่เทียนเริ่มเสียงดัง “ข้ากับนางรักกันมานาน ไม่สิ ข้าต่างหากที่เป็นฝ่ายรักนาง”
เยว่เทียนเสียงดังขึ้นเรื่อยๆเอ่ยตัดพ้อ “แต่เพื่อตำแหน่งและอำนาจ นางกลับเปลี่ยนไปได้ถึงเพียงนี้”
หลิวฉวนหยู่ร์สังเกตอาการที่เริ่มขาดสติของเยว่เทียนจึงทำได้แค่นั่งมองตาปริบๆอย่างมึนๆ
“เจ้าคงไม่เคยรักใคร ถึงได้ไม่เข้าใจ” เยว่เทียนยังคงส่งเสียงอย่างขัดใจ ทำใครหลายคนในร้านเหล้าต่างพากันเหลียวมอง
หลิวฉวนหยู่ร์เห็นดังนั้นจึงรีบพาเยว่เทียนออกมาจากร้านเหล้าในทันที
ทั้งสองพากันเดินมาจนถึงทุ่งหญ้าแห่งหนึ่งไม่ไกลตัวหมู่บ้านมากนัก
เวลานี้เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว จึงเป็นบรรยากาศแห่งความเงียบสงบโดยแท้จริง
หลิวฉวนหยู่ร์ยังคงเป็นผู้ฟังที่ดีให้ชายหนุ่มที่นั่งดื่มเหล้าอยู่ข้างๆ
“ข้าควรจะตัดใจจากนางเสียที” เยว่เทียนกล่าวพลางหันหน้ามองมาทางหลิวฉวนหยู่ร์
“เจ้าแค่อย่ากล่าวถึงนางอีก ได้หรือไม่”
หลิวฉวนหยู่ร์มิได้ต่อคำ นางเพียงนั่งพยักหน้าหงึกๆอย่างรู้งาน
ทั้งสองปล่อยให้ความเงียบคลอบคลุมเพียงนิด
“ข้าขอโทษ” หลิวฉวนหยู่ร์เห็นอาการสติหลุดของเยว่เทียนถึงกับรู้สึกผิดขึ้นมาหลายส่วนจึงเอ่ยเสียงเบาหวิว
“ข้าจะไม่กล่าวถึงสตรีนางนั้นอีก”
เยว่เทียนเห็นสีหน้าของหลิวฉวนหยู่ร์ขณะกล่าวขอโทษจึงใจเย็นลงก่อนเอ่ย “ดี!”
“อย่าให้ข้าได้ยินอีกเชียว”
“ถ้าทำให้ท่านเลิกโง่ได้ ข้ายินดี” หลิวฉวนหยู่ร์กล่าวอย่างกวนอารมณ์แม้จะมีน้ำเสียงเบาแผ่ว
“แล้วก็เลิกทำท่าทางกวนอารมณ์ข้าได้แล้ว”
“ข้าก็เป็นแบบนี้ จะทำไม”
“เจ้าเป็นสตรีประหลาดจริงๆ”
“ข้าไม่เคยมีคนรัก ข้าไม่เข้าใจท่านจริงๆ ข้าคงเป็นสตรีไร้ใจจริงอย่างเฟิงเหวินได้กล่าวไว้”
“ถ้าเจ้าไร้ใจจริง วันนั้นในถ้ำ จูบข้าทำไม” จู่ๆเยว่เทียนพลันนึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้น
“ก็ท่านจูบข้าก่อน อีกอย่าง” หลิวฉวนหยู่ร์กล่าวด้วยสีหน้ากรุ้มกริ่มเอียงหน้าน้อยๆ “มันรู้สึกดีน่ะ”
“เจ้า” เยว่เทียนพลันนึกเคือง
“เป็นแบบนี้ อย่าได้อยู่กับบุรุษอื่นเชียว”
“ทำไม” หลิวฉวนหยู่ร์ยิ้มในหน้าน้ำเสียงชวนขนลุก
“ข้ากำลังจะหาบุรุษสักคน ข้าจะได้...”
“เจ้าจะได้อะไร” เยว่เทียนขมวดคิ้วเสียงขุ่น
“ก็...” หลิวฉวนหยู่ร์ยิ้มพรายพลางกล่าว “มอบความรู้สึกดีๆ แบบนั้น...”
เยว่เทียนหรี่ตามองหญิงสาวที่กำลังส่งยิ้มพร่างพราวนัยน์ตาหวานเยิ้มอย่างนึกขัดใจขึ้นมา กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์
“ข้าก็มอบให้เจ้าได้”
“ไม่ต้อง”
“ไม่ต้องเกรงใจ...” ชายหนุ่มกล่าวพลางเอื้อมมือโน้มใบหน้าของหญิงสาวเข้ามาใกล้ ก่อนประกบริมฝีปากของเขาเข้าหาริมฝีปากของนางอย่างนุ่มนวล
หลิวฉวนหยู่ร์เพียงเผยอริมฝีปากอย่างมึนๆจูบตอบไป
ซักพักชายหนุ่มถอนริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง ก่อนถามเสียงเบาใกล้ริมฝีปากนาง “เป็นอย่างไร ดีหรือไม่...”
“อืม...” หญิงสาวตอบคำตาหวานเชื่อมเหม่อมองริมฝีปากที่ขยับอยู่ใกล้ๆ
“เช่นนั้น เจ้าห้ามอยู่กับบุรุษอื่น นอกจากข้า ได้หรือไม่” เยว่เทียนถามเสียงแผ่ว
“เช่นนั้น ท่านต้องลืมสตรีอื่นเหมือนกัน” หลิวฉวนหยู่ร์กล่าวอย่างไม่ยอมเสียเปรียบ
“อืม...” เยว่เทียนรับคำก่อนจุมพิตอีกครั้งอย่างดูดดื่มมากกว่าเดิม
หลิวฉวนหยู่หลับตาพริ้มจูบตอบอย่างดูดดื่มเช่นเดียวกัน ริมฝีปากของทั้งคู่เสียดสีกันไปมาอยู่อย่างนั้น
“อีกแล้ว! เจ้าสองคน” เสียงของเฟิงเหวินดังขึ้น ทำสองชายหญิงถึงกับชะงักงันสร่างเมาทันที “มันใช่หรือไม่ ตรงนี้น่ะ”
*********
รุ่นพ่อ คลิก>>> จอมใจจอมมาร
**********************
|
|
|
|
ความคิดเห็น