ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    นางร้ายพ่ายรัก(ดวงใจรัชทายาท)ภาคทะลุมิติรัก [จบ]

    ลำดับตอนที่ #31 : ตอนพิเศษ:หลินหลินท่องยุทธภพ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.96K
      127
      12 มี.ค. 67

    ภายในโรงน้ำชาขนาดใหญ่ใจกลางเมืองหลวงของแคว้นต้าหลี่เป็นสถานที่ซึ่งชาวเมืองที่เป็นบรรดาบุรุษและสตรีในวัยหนุ่มสาวสะพรั่งยังไม่ออกเรือนมักจะพากันมานั่งจิบชาเพื่อเปิดโอกาสให้ตัวเองและต่างเพศได้บังเอิญมาเจอะเจอกัน

    หลินหลิน พร้อมด้วยอิ้งลี่และจินเหมย ได้พากันแอบหนีมาเที่ยวเล่นนอกเขตพระราชวังตามวิสัย โดยหลินหลินนั้นได้ทำการปิดบังใบหน้าไปกว่าครึ่งด้วยผ้าลายดอกไม้สีชมพูอ่อนผืนใหญ่เหลือแค่เพียงดวงตากลมโตเพื่อซ่อนเร้นใบหน้างดงามตามนิสัยที่เคยกระทำมาเมื่อครั้งที่อยู่ในยุคปัจจุบัน อีกทั้งยังไม่อยากให้ผู้ใดจดจำเธอได้เนื่องจากว่ายามนี้เธอมีตำแหน่งเป็นถึงชายาในองค์รัชทายาทของแคว้นต้าหลี่แห่งนี้และมันคงจะเป็นการไม่เหมาะไม่ควรเป็นอย่างยิ่งที่สตรีแต่งงานแล้วเช่นนางจะมานั่งอยู่ในโรงน้ำชาแห่งนี้ แต่หลินหลินก็ยังคงกระทำมันอย่างนึกสนุก

    ส่วนอิ้งลี่นั้น นางไม่นิยมการแต่งหน้าลงสีปากแต่อย่างใดตามวิสัยของสตรีเลือดนักสู้ของผู้เป็นบิดาถึงแม้ว่านางจะมีใบหน้างดงามตามมารดาของนางก็ตามที

    ส่วนสาวน้อยจินเหมยนั้นยังคงอยู่ในวัยดรุณีแรกแย้มจึงยังไม่นิยมชมชอบการแต่งหน้าทาปากแต่อย่างใด

    ทั้งสามเพียงนั่งจิบชากันอย่างอารมณ์ดีโดยดูจะผิดวัตถุประสงค์ของการนัดพบเจอะเจอกันภายในโรงน้ำชาแห่งนี้ที่กำลังรายล้อมไปด้วยบรรดาบุรุษหนุ่มของชาวเมืองกับบรรดาสตรีสาวงามที่แต่งหน้าแต่งอาภรณ์กันมาอย่างจงใจ

    “วันนี้ข้างามหรือไม่” เสียงของสตรีนางหนึ่งที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะถัดไปกับพวกของหลินหลินเอ่ยถามขึ้นไปยังสตรีอีกนางหนึ่งที่นั่งอยู่ด้วยกัน

    “เจ้างามมาก งามที่สุดในโรงน้ำชาแห่งนี้เลยล่ะซูฮวา” เสียงของสตรีที่นั่งอยู่ด้วยกันเอ่ยรับกับสตรีนางแรกเป็นอย่างดี

    หลินหลิน อิ้งลี่และจินเหมยเพียงปรายสายตาไปมองตามเสียงเนื่องจากว่าเป็นโต๊ะที่อยู่ใกล้ๆกัน พวกหลินหลินจึงได้เห็นเป็นสตรีสองนางที่แต่งกายมาอย่างหรูหราแต่งหน้าจัดจ้านและทำผมแบบจัดเต็มคาดว่าน่าจะเป็นลูกคุณหนูตระกูลใหญ่เนื่องจากว่าเห็นมีบ่าวไพร่ติดตามมาด้วยจำนวนหนึ่ง แต่ถึงกระนั้นพวกของหลินหลินก็หาได้ใส่ใจไม่ จนกระทั่งเสียงของสตรีนางหนึ่งเอ่ยขึ้นมาอย่างตื่นเต้น

    “นั่นอย่างไร เขามานั่นแล้ว ท่านเฟิงหลิน”

    “แค่ก แค่ก” หลินหลินกับอิ้งลี่ได้ยินถึงกับสำลักน้ำชาพร้อมกัน

    ครานี้พวกของหลินหลินไม่สนใจมิได้แล้ว พวกนางรีบหันขวับไปยังบุรุษผู้มีนามว่าเฟิงหลินในทันที

    หลินหลินได้เห็นเฟิงหลินกำลังเดินเข้ามาในโรงน้ำชาแห่งนี้ถึงกับรู้สึกเสียวสันหลังวาบพลางคิดในใจ

    แล้วหยางหยางจะมาด้วยหรือไม่กัน?

    เมื่อหลินหลินคิดได้ดังนั้นเธอจึงรีบกระตุกข้อมือของอิ้งลี่และจินเหมยให้ลุกขึ้นเพื่อหลบออกไปจากสถานที่ตรงนี้

    อิ้งลี่ที่มองเห็นเฟิงหลินกำลังเดินเข้ามาพร้อมกับมีสตรีอีกสองนางทำท่าทางอยากจะเข้าไปเกี้ยวเฟิงหลินของตนจึงทำได้แค่ยืนตัวแข็งทื่อไม่ยอมก้าวเดิน

    หลินหลินเห็นดังนั้นจึงรีบกระซิบบอกอิ้งลี่ “เป็นอะไร รีบมาเร็วประเดี๋ยวถูกจับได้”

    อิ้งลี่เพียงเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงคำถามไปทางหลินหลินในขณะที่สายตายังคงจับจ้องไปยังเฟิงหลินที่กำลังเดินอยู่ไกลๆ

    “ตามมาสิ” หลินหลินเอ่ยเสียงเครียดพร้อมเมียงมองหา หยางหยางอย่างระแวง เพราะว่าวันนี้เธอแอบหนีมาเที่ยวนั่นเอง

    “ข้าไม่ไป” อิ้งลี่ตอบเสียงเครียดยิ่งกว่าหลินหลินทั้งยังยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่มีขยับ

    หลินหลินที่พอจะรู้เรื่องเกี่ยวกับอิ้งลี่และเฟิงหลินอยู่บ้างจึงกระซิบบอกอิ้งลี่ “ข้ามีวิธีช่วยเจ้า ตามมา!

    เมื่ออิ้งลี่ได้ยินดังนั้นจึงยินยอมเดินตามหลินหลินไปแต่โดยดี

    หลินหลินเลือกพาอิ้งลี่เข้ามาที่มุมๆหนึ่งของโรงน้ำชาแห่งนี้ก่อนจะเมียงมองหาหลี่หงจินหยางว่าเดินทางมาพร้อมกับเฟิงหลินหรือไม่ และเมื่อหญิงสาวมองไปแล้วไม่มีวี่แววของหลี่หงจินหยางแต่อย่างใดเธอจึงล้วงเอาเครื่องประทินโฉมในสาบเสื้อออกมา เธอมักจะพกสิ่งของพวกนี้ตามนิสัยที่ติดตัวมาแต่ไหนแต่ไรจึงมิใช่เรื่องแปลกอันใดสำหรับเธอ

    อิ้งลี่และจินเหมยได้แต่มองตามหลินหลินตาปริบๆ

    หลินหลินเพียงหันไปสนใจอิ้งลี่และเริ่มแต่งหน้าทาปากให้อิ้งลี่ “อยู่นิ่งๆ” หลินหลินเอ่ยเสียงดุไปทางอิ้งลี่ที่ทำท่าจะปฏิเสธ

    “เจ้าเห็นสตรีพวกนั้นหรือไม่ พวกนางแต่งหน้าทาปากจนสวยสดงดงามมากกว่าเจ้า เรื่องนี้เจ้าจะยอมไม่ได้ ปล่อยหน้าตาทรุดโทรมปานนี้ไม่ได้” หลินหลินเอ่ยคำขณะตั้งอกตั้งใจแต่งหน้าให้อิ้งลี่ประหนึ่งว่ากำลังออกงานเดินแบบที่จะต้องหลบฉากมาแต่งหน้าแต่งตัวด้วยเวลาอันมีจำกัด

    เมื่อหลินหลินแต่งหน้าให้อิ้งลี่เสร็จแล้วจึงรีบทำผมให้อิ้งลี่จากเดิมที่อิ้งลี่เพียงมัดตรึงเอาไว้กลางศีรษะคล้ายหางม้า เปลี่ยนมาเป็นปล่อยสยายครึ่งศีรษะในขณะที่อีกครึ่งหนึ่งม้วนตรึงเอาไว้แล้วปักปิ่นให้อย่างสวยงามตามยุคสมัยนี้ที่พอจะกระทำได้ หญิงสาวมักจะมีเวลาว่างเหลือเฟือจึงมีเวลาฝึกทำผมจนชำนาญด้วยตัวเองโดยไม่ต้องให้นางกำนัลมายุ่งวุ่นวายแต่อย่างใด หลินหลินเลือกปิ่นอันที่สวยที่สุดจากผมของตนปักให้อิ้งลี่พลางกระซิบ “คืนด้วยนะ...”

    อิ้งลี่กับจินเหมยถึงกับหรี่ตามอง

    หลินหลินปลดผ้าปิดหน้าผืนโตของตนออกก่อนจะนำมันไปพาดไว้กับลำคอของอิ้งลี่เพื่อใช้สีชมพูอ่อนลายดอกไม้ขับเน้นใบหน้าให้อิ้งลี่ที่ตกแต่งเอาไว้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังใช้เพื่อตัดโทนสีเข้มของอาภรณ์ที่อิ้งลี่สวมใส่ได้อีกด้วย

    ยามนี้อิ้งลี่ได้เป็นนางเอกอย่างเต็มตัวโดยมีหลินหลินเป็นสไตลิสประจำตัวให้อย่างเต็มภาคภูมิ

    “เจ้าเดินออกไปนิ่งๆแล้วยืนอยู่กับที่อย่างสวยงามและปรายสายตามองไปทางเฟิงหลินแค่นั้นก็พอนะ ไม่ต้องกระโดดเข้าไปหาเขาเหมือนที่เคยทำ เข้าใจหรือไม่” หลินหลินกำชับอิ้งลี่ด้วยน้ำเสียงเข้มข้นสีหน้าดุดันจริงจังก่อนจะผลักอิ้งลี่ให้ออกจากมุมแห่งนี้ไป

    อิ้งลี่เพียงทำตามที่หลินหลินสั่งการโดยมีหลินหลินและจินเหมยคอยแอบมองอยู่ตรงมุมเดิมอย่างลุ้นระทึก

    เมื่ออิ้งลี่เดินออกมาแล้วหญิงสาวเพียงยืนอยู่นิ่งๆกลางห้องโถงของโรงน้ำชาพร้อมปรายสายตามองไปทางเฟิงหลินที่กำลังยืนอยู่ท่ามกลางสาวงามสองนางเมื่อครู่ก่อนหน้า

    เฟิงหลินหันมาเห็นอิ้งลี่แล้วแต่ยังคงคุยอยู่กับสาวงามสองนางอยู่

    อิ้งลี่ถึงกับชะงักกึกอยู่อึดใจก่อนหันหน้ามาทางหลินหลินและจินเหมยด้วยสีหน้าดุดันออกแนวเหี้ยมเกรียมเตรียมจะกระโจนเข้าใส่เฟิงหลินกับสาวงามสองนางนั่น

    หลินหลินเห็นท่าไม่ดีจึงสั่งการจินเหมยให้ไปทางชายหนุ่มคนหนึ่งที่นั่งอยู่ที่โต๊ะของโรงน้ำชาเยื้องออกไปอีกทางหนึ่ง

    “เจ้าเอาเงินนี่ไปจ้างชายผู้นั้นให้เดินเข้าไปหาอิ้งลี่ แค่เดินเข้าไปหาก็พอนะ ไป!” จบคำของหลินหลิน จินเหมยจึงรีบเดินไปทำตามคำสั่งอย่างรู้งานในทันที

    ยามนี้หลินหลินกำลังทำตัวคล้ายกับเป็นผู้กำกับละครเวทีในบทที่นางเอกกำลังถูกชายอื่นเข้ามาเป็นมือที่สามให้พระเอกหึงหวง

    หลินหลินพอจะมองออกอยู่บ้างว่าเฟิงหลินเองก็มีใจให้กับอิ้งลี่ไม่อย่างนั้นจะพกป้ายหยกที่อิ้งลี่เป็นคนให้ทำไมกัน

    และแล้วแผนการของหลินหลินก็เห็นผลเมื่อมีชายผู้หนึ่งเดินเข้าไปหาอิ้งลี่แล้วเฟิงหลินหันหน้ามาเห็นเข้าพอดี

    เฟิงหลินถึงกับสลัดหญิงสาวสองนางตรงหน้าแล้วเดินเข้ามาทางอิ้งลี่ก่อนจะฉุดกระชากอิ้งลี่ออกไปจากโรงน้ำชา

    สำเร็จ! หึหึ! หลินหลินยกยิ้มอย่างกระหยิ่มชอบใจส่งไปทางจินเหมยอย่างรู้กัน

    แต่ทว่า...เมื่อจินเหมยหันหน้ามาทางหลินหลิน จินเหมยพลันทำหน้าคล้ายกับเห็นผีก่อนจะหมุนตัวแล้ววิ่งหนีออกไปอย่างไม่คิดชีวิต

    หลินหลินถึงกับมองตามจินเหมยตาปริบๆ

    “เจ้ากำลังทำอะไร” เสียงทุ้มต่ำคุ้นหูพลันดังขึ้นอยู่ตรงด้านหลังของหลินหลินในระยะประชิด

    หญิงสาวถึงกับรู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมาก่อนจะค่อยๆหันหน้าไปทางต้นเสียง

    “หยางหยาง...” หลินหลินเอ่ยนามบุรุษคนสำคัญที่แสนจะคุ้นเคยกันเพียงเบาๆพร้อมคลี่ยิ้มแห้งๆส่งให้

    “เจ้าไม่ควรทำอย่างนี้” หลี่หงจินหยางเอ่ยเสียงดุมาทางหลินหลินอย่างนึกขุ่นเคืองมากมาย

    เขามองเห็นนางตั้งแต่ไกลจากด้านนอกของโรงน้ำชาแห่งนี้ เมื่อเฟิงหลินเดินเข้ามาพวกนางก็รีบหลบมุมอย่างไม่น่าให้อภัย และที่สำคัญนางออกมาโดยที่เปิดเผยใบหน้างดงามอย่างนี้ได้อย่างไร หากเกิดไปถูกใจใครเข้าแล้วถูกฉุดคร่าไปจะทำอย่างไร

    หลี่หงจินหยางนึกหึงหวงหลินหลินขึ้นมาอย่างไม่อาจห้ามใจ เขามักจะได้ยินเหล่าบรรดาชายหนุ่มในเมืองหลวงเอ่ยถึงหลินหลินอย่างชมชอบอยู่หลายครั้งตั้งแต่เขาพานางเปิดตัวสู่สายตาเหล่าข้าราชบริพารและชาวเมืองเมื่อปีที่แล้ว

    “ใยมองข้าเช่นนั้นเล่า” หลินหลินเห็นสายตาคมเข้มดุดันของหลี่หงจินหยางจึงทุบอกเขาเบาๆหนึ่งทีพร้อมทั้งส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ร้ายกาจตามนิสัยเพื่อกลบเกลื่อนความผิดของตน

    หลี่หงจินหยางยิ่งหรี่ตามองอย่างนึกฉุนเฉียวขึ้นมาอีกหลายส่วนเมื่อหลินหลินส่งยิ้มเหลือร้ายแบบนี้ในที่ชุมชนผู้คนพลุกพล่าน

    หลินหลินถึงกับหุบยิ้มลงแทบไม่ทันก่อนเอ่ยเสียงเบา

    “ไม่โกรธได้หรือไม่”

    “ไม่โกรธได้อย่างไร” เขาเอ่ยเสียงดุดัน

    “ข้าแค่ออกมาเปิดหูเปิดตา” นางเอ่ยเสียงเบาแก้ตัว

    “เจ้าแค่บอกกล่าวแก่ข้า”

    “ท่านมีราชกิจ”

    “ข้ามีเวลาสำหรับเจ้า”

    “ข้าไม่อยากรบกวนท่าน”

    “ข้าเต็มใจ”

    “...”

    หลินหลินถึงกับหมดคำพูด

    หลี่หงจินหยางเพียงยืนก้มหน้ามองหลินหลินอีกอึดใจก่อนจะหมุนตัวเดินนำหน้าหลินหลินออกมาจากโรงน้ำชา หลินหลินเพียงเดินตามหลี่หงจินหยางออกมาจากโรงน้ำชาแต่โดยดี

    “เจ้าอยากท่องเที่ยวหรือ” ชายหนุ่มหันหน้ามาถามหญิงสาวขณะเดินเคียงข้างกันมาตามทางโดยมิได้สนใจสายตาของใครๆที่ต่างเมียงมองมาทางตน

    “ข้าแค่อยากเปิดหูเปิดตาในโลกของท่านบ้าง” หญิงสาวเพียงเอ่ยตอบรับขณะเดินเคียงกันมาโดยที่ยังไม่ลืมส่งยิ้มเรี่ยราดตามนิสัย

    “เช่นนั้นข้าจะพาเจ้าไปยังโลกของข้า”

    “หืม...จริงหรือ”

    “อืม...แต่เจ้าห้ามหนีออกมาอย่างนี้อีก เข้าใจหรือไม่”

    “เจ้าค่ะ”

    หลินหลินรีบรับคำอย่างกระตือรือร้นพร้อมรอยยิ้มเปี่ยมเสน่ห์กว้างขวางดวงตากลมโตแวววาว

    หลี่หงจินหยางเห็นกิริยาอย่างนั้นของหลินหลินจึงหยุดเดินแล้วหันหน้ามามองหลินหลินอย่างเอาเรื่อง

    หลินหลินถึงกับหุบยิ้มแทบไม่ทัน

    หยางหยางของเธอเปลี่ยนไป

    เขาหึงหวงเธอจริงไรจริงไม่อิงนิยายเจ้าค่ะ...

     

    และเพียงไม่นานรถม้าคันงามก็วิ่งมาหยุดอยู่ตรงเบื้องหน้าของหลินหลินตามคำสั่งของหลี่หงจินหยางที่สั่งการไปยังองครักษ์ประจำตัวที่ติดตามเขาอยู่ห่างๆ ทั้งสองจึงนั่งรถม้าคันนี้เพื่อเดินทางไปยังสำนักหมื่นโลกันต์

    เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่มิรู้ได้ที่รถม้าวิ่งมาตามทาง หลินหลินที่ไม่ชินกับการเดินทางแบบนี้จึงอ่อนเพลียและหลับใหลซบอยู่กับไหล่ของหลี่หงจินหยาง ชายหนุ่มจึงจัดท่าให้หญิงสาวนอนบนท่อนขาของเขาอย่างสบายๆ ไปจนตลอดทาง

    เวลาอีกหลายชั่วยามผ่านไปจนเข้ายามซวี(หนึ่งทุ่ม)รถม้าของทั้งสองจึงเข้าเขตป่าใหญ่หนาทึบและไม่มีโรงเตี๊ยมให้เข้าพักค้างแรมแต่อย่างใด หลี่หงจินหยางจึงพาหลินหลินเข้าพักที่ถ้ำแห่งหนึ่งโดยมีเหล่าองครักษ์คอยยืนรักษาความปลอดภัยอยู่ตรงด้านหน้าของถ้ำ

    การเข้าพักค้างแรมในถ้ำอย่างนี้เป็นสิ่งที่หลินหลินคาดไม่ถึง หญิงสาวถึงกับแสดงอาการตื่นเต้นตาโตออกมาอย่างไม่อาจห้ามใจ ทั้งยังช่วยหลี่หงจินหยางก่อกองไฟอย่างกระตือรือร้นจนหลี่หงจินหยางนึกขัน

    “เจ้าง่วงนอนหรือไม่” หลี่หงจินหยางถามไปทางหลินหลินที่กำลังนั่งพิงอยู่กับผนังถ้ำข้างๆกันหลังจากช่วยกันก่อกองไฟจนเสร็จสรรพ

    หลินหลินส่ายหน้าน้อยๆปฏิเสธก่อนเอ่ย “ไม่...ข้าหลับมาแล้วตลอดทาง แล้วท่านเล่า...มา...ท่านมานอนนี่” หญิงสาวเอ่ยคำพร้อมกับยกมือเรียวของตนตบเบาๆที่ต้นขาคู่งามพลางเปลี่ยนท่านั่งพับขาทั้งสองข้างไปทางด้านหลังเพื่อให้พร้อมกับการรองรับศีรษะของหลี่หงจินหยาง

    ชายหนุ่มหรี่ตามองเพียงนิดแต่ก็ยอมล้มตัวลงนอนหนุนตักของหญิงสาวแต่โดยดี

    อันที่จริงหลี่หงจินหยางรู้สึกแปลกๆอยู่บ้างกับการกระทำอย่างนี้ซึ่งมันดูจะผิดวิสัยของบุรุษเช่นเขาอย่างมากมาย แต่เมื่ออยู่กับหลินหลินอะไรก็เกิดขึ้นได้ นางทำให้เขากลายเป็นโลกอีกใบของตัวเองเสียอย่างนั้น

    หลินหลินเพียงก้มมองหลี่หงจินหยางที่ยอมล้มตัวลงนอนหนุนตักของเธออย่างว่าง่ายเกินคาด เธอถึงกับรู้สึกดีอย่างประหลาด จึงเอ่ยออกมาเบาๆ “ข้าร้องเพลงให้ฟังดีหรือไม่”

    “เจ้าร้องเพลงเป็นด้วยหรือ”

    “อืม...ข้าเคยออกรายการทีวีและโชว์ร้องเพลง”

    หลี่หงจินหยางถึงกับมองหลินหลินอย่างฉงนเพราะไม่เข้าใจประโยคของนางซักเท่าไหร่

    “ข้าหมายถึงเคยออกแสดงการขับร้องท่ามกลางชาวเมืองที่รอชม” หลินหลินรีบอธิบายขยายความก่อนเริ่มต้นร้องเพลง

    In a world without you
    I would always hunger
    All I need is your love to make me stronger


    ครานี้หลี่หงจินหยางเริ่มขมวดคิ้วคมเข้มพันกันมุ่น

    หลินหลินถึงกับอมยิ้มน้อยๆ ใส่หน้าของหลี่หงจินหยางพลางเอ่ยขยายความ “ในโลกที่ปราศจากคุณ มันทำให้ฉันรู้สึกทุกข์ทรมานใจเหลือเกิน สิ่งที่ฉันต้องการเหนือสิ่งอื่นใดในโลกนี้ ก็คือ...ความรักของคุณ ความรักที่จะทำให้ฉันมีพลังใจที่เข้มแข็งกว่านี้...” หลินหลินยังคงเอ่ยต่อ “คำว่าคุณก็คือท่าน คำว่าฉันก็คือข้า”

    หลี่หงจินหยางได้ฟังถึงกับจ้องมองหลินหลินนิ่งงัน

    หลินหลินเพียงก้มมองหลี่หงจินหยางพร้อมรอยยิ้มอ่อนหวานส่งให้ เธอรู้สึกอย่างนั้นจริงๆตามที่บทเพลงได้กล่าวเอาไว้ เมื่อก่อนเธออาจจะอยู่คนเดียวได้ก็จริง แต่ในยามนี้เธออาจจะอยู่ไม่ได้อีกต่อไปหากไม่มีหยางหยางของเธอ

    “เจ้าร้ายกาจเกินไปแล้ว...หลินหลิน...” หลี่หงจินหยางเอ่ยประโยคเพียงเบาๆอยู่ในลำคอก่อนเอื้อมฝ่ามือของตนขึ้นเพื่อโน้มใบหน้าของหลินหลินให้ก้มลงมา

    หลินหลินเพียงก้มหน้าลงมาก่อนที่ริมฝีปากของตนจะแนบชิดกับริมฝีปากอุ่นชื้นของหลี่หงจินหยางอย่างนุ่มนวล

    หลี่หงจินหยางเพียงรั้งต้นคอของหลินหลินเอาไว้ให้ก้มใบหน้าลงมาและจูบนางอย่างอ่อนโยน เขาเองก็รู้สึกไม่ต่างกันกับบทเพลงที่หลินหลินขับร้องไปเมื่อครู่ เขาเคยรู้สึกเจียนตายมาแล้วเมื่อครั้งที่ห่างกับหลินหลินและเมื่อครั้งที่หลินหลินเจ็บป่วยนอนซมอยู่หลายวัน

    “ข้าจะไม่ห่างจากเจ้า...” หลี่หงจินหยางเอ่ยคำเบาๆเมื่อถอนริมฝีปากของเขาออกจากริมฝีปากของนางเพียงนิด

    หลินหลินคลี่ยิ้มออกมาแต่ยังคงแนบชิดขณะเอ่ยถาม

    “จริงนะ...”

    “อืม...” หลี่หงจินหยางตอบรับเบาๆก่อนโน้มใบหน้าของหลินหลินลงแนบชิดกับใบหน้าของเขาอีกครั้ง

    ทั้งสองยังคงจูบกันอย่างแนบแน่นดูดดื่มเนิ่นนาน คล้ายกับบอกรักกันและกันผ่านการจุมพิตอยู่อย่างนั้น 

    ภายในถ้ำแห่งนี้ที่เย็นเยียบมากมายมีเพียงเปลวไฟกองน้อยที่กำลังลุกโชนและสั่นไหวแค่เพียงเบาๆ แต่ทว่า...กลับสร้างความอบอุ่นไปถึงขั้วหัวใจของบุคคลทั้งสองอย่างแปลกประหลาดเหลือประมาณ...



    **********************

    สวัสดีค่ะ ไรท์ หลี่หง เองค่ะ

    นิยายของไรท์อย่างที่เคยบอกเอาไว้มันยืดได้หดได้ตามใจรีด

    ทั้งนี้นิยายเรื่องนี้มีคอมเม้นท์ว่ามันสั้นไป  ไรท์ก็เลยเขียนตอนพิเศษเพิ่มและเอามาลงให้ในเว็บนี้ด้วย

    ส่วนตอนนี้เรื่องที่กำลังจะเขียนต่อจะเป็นเรื่องของ หงซีกวน (จอมใจจอมมาร他的爱人)

    ถ้าหากว่าใครเคยอ่าน นางร้ายพ่ายรัก(ดวงใจรัชทายาท)ภาคแรกแล้วน่าจะจำหงซีกวนได้

    หงซีกวน บุรุษผู้โหดเหี้ยมเย็นชาพูดน้อยต่อยหนักเก่งกาจที่สุดในสามโลกแม้รักมากแต่ไม่มีทางที่เขาจะเอ่ยออกไป

    ส่วนสตรีของเขานั้นเป็นสตรีที่อ่อนหวานบอบบางมองโลกในแง่ดีไม่ว่าจะเจอเรื่องเลวร้ายหรือเจอใครที่น่ากลัวอย่างไรนางก็จะยิ้มสู้แค่นั้น

    เรื่อง จอมใจจอมมาร他的爱人  พระเอกเป็นบุรุษที่โหดร้ายฆ่าได้ทุกคนไม่มีปราณี และทั้งๆที่เขาเป็นคนอย่างนั้นเขากลับรักนางเอกมากตามปกป้องนางเอกตลอดโดยไม่มีเงื่อนไข

    ส่วนเรื่อง ขอเพียงใจรักมั่น真诚的爱  ก็ยังแต่งอยู่นะคะไม่ทิ้งไปไหน เรื่องนี้พระเอกปากแข็งชอบแกล้งนางเอกแต่ก็แอบช่วยเหลือนางเอกอยู่ตลอด

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×