คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #31 : ตอนพิเศษ:หลินหลินท่องยุทธภพ
ภายในโรงน้ำชาขนาดใหญ่ใจกลางเมืองหลวงของแคว้นต้าหลี่เป็นสถานที่ซึ่งชาวเมืองที่เป็นบรรดาบุรุษและสตรีในวัยหนุ่มสาวสะพรั่งยังไม่ออกเรือนมักจะพากันมานั่งจิบชาเพื่อเปิดโอกาสให้ตัวเองและต่างเพศได้บังเอิญมาเจอะเจอกัน
หลินหลิน พร้อมด้วยอิ้งลี่และจินเหมย ได้พากันแอบหนีมาเที่ยวเล่นนอกเขตพระราชวังตามวิสัย โดยหลินหลินนั้นได้ทำการปิดบังใบหน้าไปกว่าครึ่งด้วยผ้าลายดอกไม้สีชมพูอ่อนผืนใหญ่เหลือแค่เพียงดวงตากลมโตเพื่อซ่อนเร้นใบหน้างดงามตามนิสัยที่เคยกระทำมาเมื่อครั้งที่อยู่ในยุคปัจจุบัน อีกทั้งยังไม่อยากให้ผู้ใดจดจำเธอได้เนื่องจากว่ายามนี้เธอมีตำแหน่งเป็นถึงชายาในองค์รัชทายาทของแคว้นต้าหลี่แห่งนี้และมันคงจะเป็นการไม่เหมาะไม่ควรเป็นอย่างยิ่งที่สตรีแต่งงานแล้วเช่นนางจะมานั่งอยู่ในโรงน้ำชาแห่งนี้ แต่หลินหลินก็ยังคงกระทำมันอย่างนึกสนุก
ส่วนอิ้งลี่นั้น นางไม่นิยมการแต่งหน้าลงสีปากแต่อย่างใดตามวิสัยของสตรีเลือดนักสู้ของผู้เป็นบิดาถึงแม้ว่านางจะมีใบหน้างดงามตามมารดาของนางก็ตามที
ส่วนสาวน้อยจินเหมยนั้นยังคงอยู่ในวัยดรุณีแรกแย้มจึงยังไม่นิยมชมชอบการแต่งหน้าทาปากแต่อย่างใด
ทั้งสามเพียงนั่งจิบชากันอย่างอารมณ์ดีโดยดูจะผิดวัตถุประสงค์ของการนัดพบเจอะเจอกันภายในโรงน้ำชาแห่งนี้ที่กำลังรายล้อมไปด้วยบรรดาบุรุษหนุ่มของชาวเมืองกับบรรดาสตรีสาวงามที่แต่งหน้าแต่งอาภรณ์กันมาอย่างจงใจ
“วันนี้ข้างามหรือไม่” เสียงของสตรีนางหนึ่งที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะถัดไปกับพวกของหลินหลินเอ่ยถามขึ้นไปยังสตรีอีกนางหนึ่งที่นั่งอยู่ด้วยกัน
“เจ้างามมาก งามที่สุดในโรงน้ำชาแห่งนี้เลยล่ะซูฮวา” เสียงของสตรีที่นั่งอยู่ด้วยกันเอ่ยรับกับสตรีนางแรกเป็นอย่างดี
หลินหลิน อิ้งลี่และจินเหมยเพียงปรายสายตาไปมองตามเสียงเนื่องจากว่าเป็นโต๊ะที่อยู่ใกล้ๆกัน พวกหลินหลินจึงได้เห็นเป็นสตรีสองนางที่แต่งกายมาอย่างหรูหราแต่งหน้าจัดจ้านและทำผมแบบจัดเต็มคาดว่าน่าจะเป็นลูกคุณหนูตระกูลใหญ่เนื่องจากว่าเห็นมีบ่าวไพร่ติดตามมาด้วยจำนวนหนึ่ง แต่ถึงกระนั้นพวกของหลินหลินก็หาได้ใส่ใจไม่ จนกระทั่งเสียงของสตรีนางหนึ่งเอ่ยขึ้นมาอย่างตื่นเต้น
“นั่นอย่างไร เขามานั่นแล้ว ท่านเฟิงหลิน”
“แค่ก แค่ก” หลินหลินกับอิ้งลี่ได้ยินถึงกับสำลักน้ำชาพร้อมกัน
ครานี้พวกของหลินหลินไม่สนใจมิได้แล้ว พวกนางรีบหันขวับไปยังบุรุษผู้มีนามว่าเฟิงหลินในทันที
หลินหลินได้เห็นเฟิงหลินกำลังเดินเข้ามาในโรงน้ำชาแห่งนี้ถึงกับรู้สึกเสียวสันหลังวาบพลางคิดในใจ
แล้วหยางหยางจะมาด้วยหรือไม่กัน?
เมื่อหลินหลินคิดได้ดังนั้นเธอจึงรีบกระตุกข้อมือของอิ้งลี่และจินเหมยให้ลุกขึ้นเพื่อหลบออกไปจากสถานที่ตรงนี้
อิ้งลี่ที่มองเห็นเฟิงหลินกำลังเดินเข้ามาพร้อมกับมีสตรีอีกสองนางทำท่าทางอยากจะเข้าไปเกี้ยวเฟิงหลินของตนจึงทำได้แค่ยืนตัวแข็งทื่อไม่ยอมก้าวเดิน
หลินหลินเห็นดังนั้นจึงรีบกระซิบบอกอิ้งลี่ “เป็นอะไร รีบมาเร็วประเดี๋ยวถูกจับได้”
อิ้งลี่เพียงเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงคำถามไปทางหลินหลินในขณะที่สายตายังคงจับจ้องไปยังเฟิงหลินที่กำลังเดินอยู่ไกลๆ
“ตามมาสิ” หลินหลินเอ่ยเสียงเครียดพร้อมเมียงมองหา หยางหยางอย่างระแวง เพราะว่าวันนี้เธอแอบหนีมาเที่ยวนั่นเอง
“ข้าไม่ไป” อิ้งลี่ตอบเสียงเครียดยิ่งกว่าหลินหลินทั้งยังยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่มีขยับ
หลินหลินที่พอจะรู้เรื่องเกี่ยวกับอิ้งลี่และเฟิงหลินอยู่บ้างจึงกระซิบบอกอิ้งลี่ “ข้ามีวิธีช่วยเจ้า ตามมา!”
เมื่ออิ้งลี่ได้ยินดังนั้นจึงยินยอมเดินตามหลินหลินไปแต่โดยดี
หลินหลินเลือกพาอิ้งลี่เข้ามาที่มุมๆหนึ่งของโรงน้ำชาแห่งนี้ก่อนจะเมียงมองหาหลี่หงจินหยางว่าเดินทางมาพร้อมกับเฟิงหลินหรือไม่ และเมื่อหญิงสาวมองไปแล้วไม่มีวี่แววของหลี่หงจินหยางแต่อย่างใดเธอจึงล้วงเอาเครื่องประทินโฉมในสาบเสื้อออกมา เธอมักจะพกสิ่งของพวกนี้ตามนิสัยที่ติดตัวมาแต่ไหนแต่ไรจึงมิใช่เรื่องแปลกอันใดสำหรับเธอ
อิ้งลี่และจินเหมยได้แต่มองตามหลินหลินตาปริบๆ
หลินหลินเพียงหันไปสนใจอิ้งลี่และเริ่มแต่งหน้าทาปากให้อิ้งลี่ “อยู่นิ่งๆ” หลินหลินเอ่ยเสียงดุไปทางอิ้งลี่ที่ทำท่าจะปฏิเสธ
“เจ้าเห็นสตรีพวกนั้นหรือไม่ พวกนางแต่งหน้าทาปากจนสวยสดงดงามมากกว่าเจ้า เรื่องนี้เจ้าจะยอมไม่ได้ ปล่อยหน้าตาทรุดโทรมปานนี้ไม่ได้” หลินหลินเอ่ยคำขณะตั้งอกตั้งใจแต่งหน้าให้อิ้งลี่ประหนึ่งว่ากำลังออกงานเดินแบบที่จะต้องหลบฉากมาแต่งหน้าแต่งตัวด้วยเวลาอันมีจำกัด
เมื่อหลินหลินแต่งหน้าให้อิ้งลี่เสร็จแล้วจึงรีบทำผมให้อิ้งลี่จากเดิมที่อิ้งลี่เพียงมัดตรึงเอาไว้กลางศีรษะคล้ายหางม้า เปลี่ยนมาเป็นปล่อยสยายครึ่งศีรษะในขณะที่อีกครึ่งหนึ่งม้วนตรึงเอาไว้แล้วปักปิ่นให้อย่างสวยงามตามยุคสมัยนี้ที่พอจะกระทำได้ หญิงสาวมักจะมีเวลาว่างเหลือเฟือจึงมีเวลาฝึกทำผมจนชำนาญด้วยตัวเองโดยไม่ต้องให้นางกำนัลมายุ่งวุ่นวายแต่อย่างใด หลินหลินเลือกปิ่นอันที่สวยที่สุดจากผมของตนปักให้อิ้งลี่พลางกระซิบ “คืนด้วยนะ...”
อิ้งลี่กับจินเหมยถึงกับหรี่ตามอง
หลินหลินปลดผ้าปิดหน้าผืนโตของตนออกก่อนจะนำมันไปพาดไว้กับลำคอของอิ้งลี่เพื่อใช้สีชมพูอ่อนลายดอกไม้ขับเน้นใบหน้าให้อิ้งลี่ที่ตกแต่งเอาไว้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังใช้เพื่อตัดโทนสีเข้มของอาภรณ์ที่อิ้งลี่สวมใส่ได้อีกด้วย
ยามนี้อิ้งลี่ได้เป็นนางเอกอย่างเต็มตัวโดยมีหลินหลินเป็นสไตลิสประจำตัวให้อย่างเต็มภาคภูมิ
“เจ้าเดินออกไปนิ่งๆแล้วยืนอยู่กับที่อย่างสวยงามและปรายสายตามองไปทางเฟิงหลินแค่นั้นก็พอนะ ไม่ต้องกระโดดเข้าไปหาเขาเหมือนที่เคยทำ เข้าใจหรือไม่” หลินหลินกำชับอิ้งลี่ด้วยน้ำเสียงเข้มข้นสีหน้าดุดันจริงจังก่อนจะผลักอิ้งลี่ให้ออกจากมุมแห่งนี้ไป
อิ้งลี่เพียงทำตามที่หลินหลินสั่งการโดยมีหลินหลินและจินเหมยคอยแอบมองอยู่ตรงมุมเดิมอย่างลุ้นระทึก
เมื่ออิ้งลี่เดินออกมาแล้วหญิงสาวเพียงยืนอยู่นิ่งๆกลางห้องโถงของโรงน้ำชาพร้อมปรายสายตามองไปทางเฟิงหลินที่กำลังยืนอยู่ท่ามกลางสาวงามสองนางเมื่อครู่ก่อนหน้า
เฟิงหลินหันมาเห็นอิ้งลี่แล้วแต่ยังคงคุยอยู่กับสาวงามสองนางอยู่
อิ้งลี่ถึงกับชะงักกึกอยู่อึดใจก่อนหันหน้ามาทางหลินหลินและจินเหมยด้วยสีหน้าดุดันออกแนวเหี้ยมเกรียมเตรียมจะกระโจนเข้าใส่เฟิงหลินกับสาวงามสองนางนั่น
หลินหลินเห็นท่าไม่ดีจึงสั่งการจินเหมยให้ไปทางชายหนุ่มคนหนึ่งที่นั่งอยู่ที่โต๊ะของโรงน้ำชาเยื้องออกไปอีกทางหนึ่ง
“เจ้าเอาเงินนี่ไปจ้างชายผู้นั้นให้เดินเข้าไปหาอิ้งลี่ แค่เดินเข้าไปหาก็พอนะ ไป!” จบคำของหลินหลิน จินเหมยจึงรีบเดินไปทำตามคำสั่งอย่างรู้งานในทันที
ยามนี้หลินหลินกำลังทำตัวคล้ายกับเป็นผู้กำกับละครเวทีในบทที่นางเอกกำลังถูกชายอื่นเข้ามาเป็นมือที่สามให้พระเอกหึงหวง
หลินหลินพอจะมองออกอยู่บ้างว่าเฟิงหลินเองก็มีใจให้กับอิ้งลี่ไม่อย่างนั้นจะพกป้ายหยกที่อิ้งลี่เป็นคนให้ทำไมกัน
และแล้วแผนการของหลินหลินก็เห็นผลเมื่อมีชายผู้หนึ่งเดินเข้าไปหาอิ้งลี่แล้วเฟิงหลินหันหน้ามาเห็นเข้าพอดี
เฟิงหลินถึงกับสลัดหญิงสาวสองนางตรงหน้าแล้วเดินเข้ามาทางอิ้งลี่ก่อนจะฉุดกระชากอิ้งลี่ออกไปจากโรงน้ำชา
สำเร็จ! หึหึ! หลินหลินยกยิ้มอย่างกระหยิ่มชอบใจส่งไปทางจินเหมยอย่างรู้กัน
แต่ทว่า...เมื่อจินเหมยหันหน้ามาทางหลินหลิน จินเหมยพลันทำหน้าคล้ายกับเห็นผีก่อนจะหมุนตัวแล้ววิ่งหนีออกไปอย่างไม่คิดชีวิต
หลินหลินถึงกับมองตามจินเหมยตาปริบๆ
“เจ้ากำลังทำอะไร” เสียงทุ้มต่ำคุ้นหูพลันดังขึ้นอยู่ตรงด้านหลังของหลินหลินในระยะประชิด
หญิงสาวถึงกับรู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมาก่อนจะค่อยๆหันหน้าไปทางต้นเสียง
“หยางหยาง...” หลินหลินเอ่ยนามบุรุษคนสำคัญที่แสนจะคุ้นเคยกันเพียงเบาๆพร้อมคลี่ยิ้มแห้งๆส่งให้
“เจ้าไม่ควรทำอย่างนี้” หลี่หงจินหยางเอ่ยเสียงดุมาทางหลินหลินอย่างนึกขุ่นเคืองมากมาย
เขามองเห็นนางตั้งแต่ไกลจากด้านนอกของโรงน้ำชาแห่งนี้ เมื่อเฟิงหลินเดินเข้ามาพวกนางก็รีบหลบมุมอย่างไม่น่าให้อภัย และที่สำคัญนางออกมาโดยที่เปิดเผยใบหน้างดงามอย่างนี้ได้อย่างไร หากเกิดไปถูกใจใครเข้าแล้วถูกฉุดคร่าไปจะทำอย่างไร
หลี่หงจินหยางนึกหึงหวงหลินหลินขึ้นมาอย่างไม่อาจห้ามใจ เขามักจะได้ยินเหล่าบรรดาชายหนุ่มในเมืองหลวงเอ่ยถึงหลินหลินอย่างชมชอบอยู่หลายครั้งตั้งแต่เขาพานางเปิดตัวสู่สายตาเหล่าข้าราชบริพารและชาวเมืองเมื่อปีที่แล้ว
“ใยมองข้าเช่นนั้นเล่า” หลินหลินเห็นสายตาคมเข้มดุดันของหลี่หงจินหยางจึงทุบอกเขาเบาๆหนึ่งทีพร้อมทั้งส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ร้ายกาจตามนิสัยเพื่อกลบเกลื่อนความผิดของตน
หลี่หงจินหยางยิ่งหรี่ตามองอย่างนึกฉุนเฉียวขึ้นมาอีกหลายส่วนเมื่อหลินหลินส่งยิ้มเหลือร้ายแบบนี้ในที่ชุมชนผู้คนพลุกพล่าน
หลินหลินถึงกับหุบยิ้มลงแทบไม่ทันก่อนเอ่ยเสียงเบา
“ไม่โกรธได้หรือไม่”
“ไม่โกรธได้อย่างไร” เขาเอ่ยเสียงดุดัน
“ข้าแค่ออกมาเปิดหูเปิดตา” นางเอ่ยเสียงเบาแก้ตัว
“เจ้าแค่บอกกล่าวแก่ข้า”
“ท่านมีราชกิจ”
“ข้ามีเวลาสำหรับเจ้า”
“ข้าไม่อยากรบกวนท่าน”
“ข้าเต็มใจ”
“...”
หลินหลินถึงกับหมดคำพูด
หลี่หงจินหยางเพียงยืนก้มหน้ามองหลินหลินอีกอึดใจก่อนจะหมุนตัวเดินนำหน้าหลินหลินออกมาจากโรงน้ำชา หลินหลินเพียงเดินตามหลี่หงจินหยางออกมาจากโรงน้ำชาแต่โดยดี
“เจ้าอยากท่องเที่ยวหรือ” ชายหนุ่มหันหน้ามาถามหญิงสาวขณะเดินเคียงข้างกันมาตามทางโดยมิได้สนใจสายตาของใครๆที่ต่างเมียงมองมาทางตน
“ข้าแค่อยากเปิดหูเปิดตาในโลกของท่านบ้าง” หญิงสาวเพียงเอ่ยตอบรับขณะเดินเคียงกันมาโดยที่ยังไม่ลืมส่งยิ้มเรี่ยราดตามนิสัย
“เช่นนั้นข้าจะพาเจ้าไปยังโลกของข้า”
“หืม...จริงหรือ”
“อืม...แต่เจ้าห้ามหนีออกมาอย่างนี้อีก เข้าใจหรือไม่”
“เจ้าค่ะ”
หลินหลินรีบรับคำอย่างกระตือรือร้นพร้อมรอยยิ้มเปี่ยมเสน่ห์กว้างขวางดวงตากลมโตแวววาว
หลี่หงจินหยางเห็นกิริยาอย่างนั้นของหลินหลินจึงหยุดเดินแล้วหันหน้ามามองหลินหลินอย่างเอาเรื่อง
หลินหลินถึงกับหุบยิ้มแทบไม่ทัน
หยางหยางของเธอเปลี่ยนไป
เขาหึงหวงเธอจริงไรจริงไม่อิงนิยายเจ้าค่ะ...
และเพียงไม่นานรถม้าคันงามก็วิ่งมาหยุดอยู่ตรงเบื้องหน้าของหลินหลินตามคำสั่งของหลี่หงจินหยางที่สั่งการไปยังองครักษ์ประจำตัวที่ติดตามเขาอยู่ห่างๆ ทั้งสองจึงนั่งรถม้าคันนี้เพื่อเดินทางไปยังสำนักหมื่นโลกันต์
เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่มิรู้ได้ที่รถม้าวิ่งมาตามทาง หลินหลินที่ไม่ชินกับการเดินทางแบบนี้จึงอ่อนเพลียและหลับใหลซบอยู่กับไหล่ของหลี่หงจินหยาง ชายหนุ่มจึงจัดท่าให้หญิงสาวนอนบนท่อนขาของเขาอย่างสบายๆ ไปจนตลอดทาง
เวลาอีกหลายชั่วยามผ่านไปจนเข้ายามซวี(หนึ่งทุ่ม)รถม้าของทั้งสองจึงเข้าเขตป่าใหญ่หนาทึบและไม่มีโรงเตี๊ยมให้เข้าพักค้างแรมแต่อย่างใด หลี่หงจินหยางจึงพาหลินหลินเข้าพักที่ถ้ำแห่งหนึ่งโดยมีเหล่าองครักษ์คอยยืนรักษาความปลอดภัยอยู่ตรงด้านหน้าของถ้ำ
การเข้าพักค้างแรมในถ้ำอย่างนี้เป็นสิ่งที่หลินหลินคาดไม่ถึง หญิงสาวถึงกับแสดงอาการตื่นเต้นตาโตออกมาอย่างไม่อาจห้ามใจ ทั้งยังช่วยหลี่หงจินหยางก่อกองไฟอย่างกระตือรือร้นจนหลี่หงจินหยางนึกขัน
“เจ้าง่วงนอนหรือไม่” หลี่หงจินหยางถามไปทางหลินหลินที่กำลังนั่งพิงอยู่กับผนังถ้ำข้างๆกันหลังจากช่วยกันก่อกองไฟจนเสร็จสรรพ
หลินหลินส่ายหน้าน้อยๆปฏิเสธก่อนเอ่ย “ไม่...ข้าหลับมาแล้วตลอดทาง แล้วท่านเล่า...มา...ท่านมานอนนี่” หญิงสาวเอ่ยคำพร้อมกับยกมือเรียวของตนตบเบาๆที่ต้นขาคู่งามพลางเปลี่ยนท่านั่งพับขาทั้งสองข้างไปทางด้านหลังเพื่อให้พร้อมกับการรองรับศีรษะของหลี่หงจินหยาง
ชายหนุ่มหรี่ตามองเพียงนิดแต่ก็ยอมล้มตัวลงนอนหนุนตักของหญิงสาวแต่โดยดี
อันที่จริงหลี่หงจินหยางรู้สึกแปลกๆอยู่บ้างกับการกระทำอย่างนี้ซึ่งมันดูจะผิดวิสัยของบุรุษเช่นเขาอย่างมากมาย แต่เมื่ออยู่กับหลินหลินอะไรก็เกิดขึ้นได้ นางทำให้เขากลายเป็นโลกอีกใบของตัวเองเสียอย่างนั้น
หลินหลินเพียงก้มมองหลี่หงจินหยางที่ยอมล้มตัวลงนอนหนุนตักของเธออย่างว่าง่ายเกินคาด เธอถึงกับรู้สึกดีอย่างประหลาด จึงเอ่ยออกมาเบาๆ “ข้าร้องเพลงให้ฟังดีหรือไม่”
“เจ้าร้องเพลงเป็นด้วยหรือ”
“อืม...ข้าเคยออกรายการทีวีและโชว์ร้องเพลง”
หลี่หงจินหยางถึงกับมองหลินหลินอย่างฉงนเพราะไม่เข้าใจประโยคของนางซักเท่าไหร่
“ข้าหมายถึงเคยออกแสดงการขับร้องท่ามกลางชาวเมืองที่รอชม” หลินหลินรีบอธิบายขยายความก่อนเริ่มต้นร้องเพลง
‘In a world without you
I would always hunger
All I need is your love to make me stronger’
ครานี้หลี่หงจินหยางเริ่มขมวดคิ้วคมเข้มพันกันมุ่น
หลินหลินถึงกับอมยิ้มน้อยๆ ใส่หน้าของหลี่หงจินหยางพลางเอ่ยขยายความ “ในโลกที่ปราศจากคุณ มันทำให้ฉันรู้สึกทุกข์ทรมานใจเหลือเกิน สิ่งที่ฉันต้องการเหนือสิ่งอื่นใดในโลกนี้ ก็คือ...ความรักของคุณ ความรักที่จะทำให้ฉันมีพลังใจที่เข้มแข็งกว่านี้...” หลินหลินยังคงเอ่ยต่อ “คำว่าคุณก็คือท่าน คำว่าฉันก็คือข้า”
หลี่หงจินหยางได้ฟังถึงกับจ้องมองหลินหลินนิ่งงัน
หลินหลินเพียงก้มมองหลี่หงจินหยางพร้อมรอยยิ้มอ่อนหวานส่งให้ เธอรู้สึกอย่างนั้นจริงๆตามที่บทเพลงได้กล่าวเอาไว้ เมื่อก่อนเธออาจจะอยู่คนเดียวได้ก็จริง แต่ในยามนี้เธออาจจะอยู่ไม่ได้อีกต่อไปหากไม่มีหยางหยางของเธอ
“เจ้าร้ายกาจเกินไปแล้ว...หลินหลิน...” หลี่หงจินหยางเอ่ยประโยคเพียงเบาๆอยู่ในลำคอก่อนเอื้อมฝ่ามือของตนขึ้นเพื่อโน้มใบหน้าของหลินหลินให้ก้มลงมา
หลินหลินเพียงก้มหน้าลงมาก่อนที่ริมฝีปากของตนจะแนบชิดกับริมฝีปากอุ่นชื้นของหลี่หงจินหยางอย่างนุ่มนวล
หลี่หงจินหยางเพียงรั้งต้นคอของหลินหลินเอาไว้ให้ก้มใบหน้าลงมาและจูบนางอย่างอ่อนโยน เขาเองก็รู้สึกไม่ต่างกันกับบทเพลงที่หลินหลินขับร้องไปเมื่อครู่ เขาเคยรู้สึกเจียนตายมาแล้วเมื่อครั้งที่ห่างกับหลินหลินและเมื่อครั้งที่หลินหลินเจ็บป่วยนอนซมอยู่หลายวัน
“ข้าจะไม่ห่างจากเจ้า...” หลี่หงจินหยางเอ่ยคำเบาๆเมื่อถอนริมฝีปากของเขาออกจากริมฝีปากของนางเพียงนิด
หลินหลินคลี่ยิ้มออกมาแต่ยังคงแนบชิดขณะเอ่ยถาม
“จริงนะ...”
“อืม...” หลี่หงจินหยางตอบรับเบาๆก่อนโน้มใบหน้าของหลินหลินลงแนบชิดกับใบหน้าของเขาอีกครั้ง
ทั้งสองยังคงจูบกันอย่างแนบแน่นดูดดื่มเนิ่นนาน คล้ายกับบอกรักกันและกันผ่านการจุมพิตอยู่อย่างนั้น
ภายในถ้ำแห่งนี้ที่เย็นเยียบมากมายมีเพียงเปลวไฟกองน้อยที่กำลังลุกโชนและสั่นไหวแค่เพียงเบาๆ แต่ทว่า...กลับสร้างความอบอุ่นไปถึงขั้วหัวใจของบุคคลทั้งสองอย่างแปลกประหลาดเหลือประมาณ...
**********************
สวัสดีค่ะ ไรท์ หลี่หง เองค่ะ
นิยายของไรท์อย่างที่เคยบอกเอาไว้มันยืดได้หดได้ตามใจรีด
ทั้งนี้นิยายเรื่องนี้มีคอมเม้นท์ว่ามันสั้นไป ไรท์ก็เลยเขียนตอนพิเศษเพิ่มและเอามาลงให้ในเว็บนี้ด้วย
ส่วนตอนนี้เรื่องที่กำลังจะเขียนต่อจะเป็นเรื่องของ หงซีกวน (จอมใจจอมมาร他的爱人)
ถ้าหากว่าใครเคยอ่าน นางร้ายพ่ายรัก(ดวงใจรัชทายาท)ภาคแรกแล้วน่าจะจำหงซีกวนได้
หงซีกวน บุรุษผู้โหดเหี้ยมเย็นชาพูดน้อยต่อยหนักเก่งกาจที่สุดในสามโลกแม้รักมากแต่ไม่มีทางที่เขาจะเอ่ยออกไป
ส่วนสตรีของเขานั้นเป็นสตรีที่อ่อนหวานบอบบางมองโลกในแง่ดีไม่ว่าจะเจอเรื่องเลวร้ายหรือเจอใครที่น่ากลัวอย่างไรนางก็จะยิ้มสู้แค่นั้น
เรื่อง จอมใจจอมมาร他的爱人 พระเอกเป็นบุรุษที่โหดร้ายฆ่าได้ทุกคนไม่มีปราณี และทั้งๆที่เขาเป็นคนอย่างนั้นเขากลับรักนางเอกมากตามปกป้องนางเอกตลอดโดยไม่มีเงื่อนไข
ส่วนเรื่อง ขอเพียงใจรักมั่น真诚的爱 ก็ยังแต่งอยู่นะคะไม่ทิ้งไปไหน เรื่องนี้พระเอกปากแข็งชอบแกล้งนางเอกแต่ก็แอบช่วยเหลือนางเอกอยู่ตลอด
ความคิดเห็น