คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #53 : ภาคปลายตอน7 ผีผาแด่จอมทัพ
มุมมืดมุมหนึ่งถัดออกมาจากงานเลี้ยงต้อนรับไม่ไกลกัน
“แผนของเราก็คือ...” เสียงกระซิบกระซาบที่เบามากของฟงจินหมิงทำเอาฟงลี่หลินและหลิงเวยต้องก้มหน้ารับฟังจนปลายจมูกชนกัน “เราจะต้องทำอย่างไรก็ได้ให้งานเลี้ยงยังคงดำเนินไปให้เป็นปกติที่สุดเพื่อรักษาชื่อเสียงของแว่นแคว้นรักษาหน้าตาของชินอ๋องรักษาหน้าที่การงานของพี่ใหญ่รักษาสัมพันธ์อันดีกับองค์ชายพระองค์นั้น”
“อืม...” ฟงลี่หลินและหลิงเวยพยักหน้าน้อยๆ จนปลายจมูกสัมผัสไล้กันไปมา
“อาซ้อบรรเลงเพลงพิณในทำนองเร้าอารมณ์อย่างที่สุด บรรเลงจนกว่าข้ากับน้องเล็กจะรำดาบแล้วเข้าไปเชื้อเชิญให้สาวงามที่นั่งขนาบข้างของพี่ใหญ่กับองค์ชายให้ออกมาร่ายรำเสียด้วยกันจนกระทั่งจบบทเพลงพวกเราจักต้องลากสาวงามร้ายกาจสองนางนั้นให้ออกมาอย่างแนบเนียนมิให้เสียบรรยากาศงานเลี้ยงและไม่ให้ใครผิดสังเกตโดยเด็ดขาด หลังจากนั้นพวกเราก็จะใช้สาวงามสองคนนี้เป็นเหยื่อล่อแล้วจัดการกับคนหวังร้ายในลำดับต่อไป”
“อืม...” อีกครั้งที่สองสตรีพยักหน้าตอบรับจนจมูกถูกัน
“อาซ้อ” ฟงลี่หลินเอ่ยมาทางหลิงเวยเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้ “เรื่องสตรีตั้งครรภ์นางนั้นท่านจะทำอย่างไร”
หลิงเวยได้ยินพลันชะงักไป
หญิงสาวใช้เวลาครุ่นคิดจนเรียวคิ้วขมวดเข้าหากันน้อยๆ นางใช้เวลาไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยออกมาในที่สุด
“พี่จะไม่เปิดเผยตัวตนกับชินหยางอย่างเด็ดขาด พี่อยากรู้ว่าเขาจะจัดการกับสตรีตั้งครรภ์นางนั้นอย่างไร” หญิงสาวตอบคำน้องสามีอย่างมีสติที่สุด นางย่อมให้โอกาสสามีของนางได้อธิบายและจัดการด้วยตัวของเขาเอง
“เยี่ยม!” สองพี่น้องชื่นชมพี่สะใภ้จากใจจริง หากเป็นสตรีนางอื่นคงร้องไห้คร่ำครวญไร้เหตุผลหรือไม่ก็วิ่งหนีไปด้วยอาการทำใจไม่ได้เอาเสียเลย
แต่อืม...หรือพี่สะใภ้กำลังหน้าชื่นอกตรม
ฟงจินหมิงและฟงลี่หลินหันมาสบตากันอย่างรู้ความนัยจึงกระซิบเสียงเบาใส่หน้าหลิงเวย
“เราจะปกป้องท่านเอง อาซ้อ...”
“...!?”
หลิงเวยได้ยินพลันชะงักนิ่งไปอีกครา นางยิ่งประทับใจน้องๆ ของสามีเป็นที่สุด นางมิได้รักแค่เพียงสามีของนาง แต่นางรักทุกคนในบ้านของสามี นางรักลูกชายทั้งสองของนาง นางรักพ่อสามีและแม่สามี นางรักบ้านฟง นางรักทุกคน เช่นนั้นแล้วนางย่อมเข้มแข็ง นางพร้อมปกป้องครอบครัว นี่คือครอบครัวของนาง
เมื่อคิดการได้เช่นนั้นหลิงเวยจึงเอ่ย “แต่ยามนี้เรื่องของบ้านเมืองย่อมต้องมาก่อน เมืองอยู่ได้บ้านย่อมอยู่ได้ เมื่อบ้านอยู่ได้ครอบครัวจึงอยู่ได้ เรื่องสามีของพี่เอาไว้ทีหลังเถิด”
“…”
ทั้งหมดจึงมองตากันด้วยประกายวาบร้อนแรงฉับพลันพลางเม้มปากแน่นพยักหน้าหนักๆ ใส่กันหนึ่งทีแล้วพากันเคลื่อนกายไปทางหน้าเรือนของงานเลี้ยงอย่างเร็วรี่
"อ้าว! พวกเจ้าได้ร่วมการแสดงกันด้วยหรือ?"
เสียงของทหารยามหน้าเรือนที่จัดงานเลี้ยงพลันเอ่ยถามเมื่อมองเห็นทหารทั้งสามที่มีทั้งปานทั้งไฝและแผลเป็นน่าเกลียดแต่งอาภรณ์ทหารประจำค่ายแต่ทว่ากลับถือพิณผีผาคันงามเดินตามกันเข้ามาทางหน้าเรือนของงานเลี้ยงแห่งนี้
"แน่นอน พวกข้าช่างมีความสามารถยิ่ง" ฟงจินหมิงรีบเอ่ยคำพลางลูบหนวดแข็งกระด้างตรงปลายคางแสดงถึงความอวดอ้างอย่างแนบเนียน
"พวกท่านรอฟังเพลงและลีลาร่ายรำดาบของข้าเถิด" ฟงลี่หลินเอาเยี่ยงอย่างพี่รองบ้าง นางกำลังนึกสนุกเสียจริง
หลิงเวยเพียงยืนกอดพิณผีผาเอาไว้แน่นนึกตื่นเต้นจับใจ
"อ่า...รีบเลย ข้าจักรอชม" ทหารยามอีกคนหนึ่งรีบเอ่ยพลางเปิดประตูออกกว้างเพื่อให้ทั้งสามคนได้เข้าในงาน
เมื่อพี่น้องบ้านฟงที่ปลอมตัวด้วยการใส่แผลเป็นใส่ไฝใส่ปานแดงตามใบหน้าได้อย่างแนบเนียนไร้ใครจับพิรุธได้เดินเข้ามายังห้องโถงที่ใช้ในการจัดงานเลี้ยงเป็นที่เรียบร้อยดีแล้ว พวกเขาเพียงยืนอยู่นิ่งๆ กวาดสายตามองทุกผู้คนอยู่อย่างนั้น
การยืนตระหง่านกลางลานกว้างด้วยใบหน้าอัปลักษณ์กันอย่างนั้นทำเอาบุคคลทั้งหลายที่กำลังนั่งร่ำสุรากินอาหารกันอย่างเพลิดเพลินพลันตกตะลึงกับเหล่านักแสดงในชุดนี้กันอย่างพร้อมเพรียง
“อา...สามคนนั้น” เฉินจิ้นเหอที่นั่งยังแท่นประทับสูงสุดถึงกับครางในลำคอหนาของเขาเมื่อมองเห็นนักแสดงมีใบหน้าผิดปกติไม่ธรรมดา แต่ทว่าพวกเขากลับถืออุปกรณ์สำหรับการแสดงมายืนอยู่กลางห้องโถงได้อย่างมั่นใจได้เยี่ยงนั้น
พระชายากับธิดาข้างกายทั้งสองข้างของชินอ๋องนึกแปลกใจไม่ต่างกัน นี่มันการแสดงประเภทใด?
เหล่าข้าราชบริพานทั้งหลายยิ่งฉงนเงียบงันพลันคิดการกันหลากหลาย
นั่นมิใช่เหล่าทหารกล้าประจำค่ายหรอกหรือไร
มีการแสดงของทหารด้วยหรือนี่ น่าสนใจยิ่ง!
องค์ชายฉีเล่อที่นั่งนิ่งอดทนอยู่กับหน้าอกหยุ่นนุ่มของสตรีข้างกายเห็นผู้คนหันเหไปสนใจกลุ่มนักแสดงแปลกประหลาดจึงถือโอกาสเปลี่ยนท่านั่งเพื่อขยับกายสูงค่าของตนออกห่างจากสาวงามหน้าไม่อายด้านข้างในขณะที่สาวงามนางนี้กำลังหาโอกาสเหลือเกินที่จะวางยาพิษองค์ชายผู้หล่อเหลาอยู่ตลอดเวลา
ครั้นองค์ชายฉีเล่อขยับกายเปลี่ยนท่านั่งสาวงามด้านข้างจึงได้จังหวะยามองค์ชายขยับกายล้วงเอายาพิษออกมาในทันที
อา...นางกำลังทำใจได้ยากยิ่งกับองค์ชายรูปงามรูปร่างสูงโปร่งงามสง่าแผ่กลิ่นอายอบอุ่นไม่ธรรมดาผู้นี้
นางไม่อยากวางยาพิษเขาเลย นางควรพกยาปลุกกำหนัดมาเสียมากกว่า นางควรจะได้นอนใต้ร่างของเขาแล้วร้องครวญครางอย่างกระเส่าถึงจะถูก
แต่ทว่า ถึงแม้จะน่าเสียดายอยู่มากหากแต่เพื่อแผนการแล้วคงต้องเป็นไป
สาวงามที่กำลังนั่งขนาบข้างกับฉีเล่อลอบคิดชั่วร้ายถึงแผนการของตน โดยตามแผนที่วางเอาไว้นั้นจักต้องโค่นล้มแม่ทัพฟงผู้เกรียงไกรให้ตายจากหากแต่มันคงยากมากจึงต้องใช้แผนซ้อนแผนอันหลากหลาย หนึ่งในนั้นก็คือทำให้องค์ชายผู้นี้ตายแล้วโยนความผิดให้แม่ทัพฟงจนต้องแตกคอกันเองกับชินอ๋องผู้ครองหัวเมืองใหญ่ของแว่นแคว้นตามมาด้วยการผิดใจกับเจ้าเหนือหัวของแคว้นเฉินลากยาวมาถึงการล้างแค้นระหว่างแคว้นเป่ยฉีกับแคว้นเฉินให้ปะทุดุเดือด
หลังจากนั้นเหล่าสัตว์ตัวใหญ่ทั้งหลายของสองแคว้นนี้ก็จะไล่ล่าฆ่าฟันกันเอง คงเหลือเอาไว้เพียงสัตว์เล็กๆ ในแคว้นของพวกนางมาตามเก็บเนื้อไปกินสบายๆ หึหึ! สาวงามยิ่งคิดยิ่งคลี่ยิ้มหวานล้ำตรึงตาตรึงใจ นางกำลังคิดแผนการอันชั่วร้ายได้มากมายในยามนี้
หลิงเวย ฟงลี่หลินและฟงจินหมิงเดินมาจนถึงเบื้องหน้าของเฉินจิ้นเหอแล้วยืนตระหง่านท้าทายทุกสายตาอยู่อึดใจ
พวกเขาพากันยอบกายคารวะชินอ๋องและพระชายาพลางแอบปรายหางตามองสาวงามทั้งสองผู้เป็นเป้าหมายอย่างรวดเร็วชั่วพริบตา แล้วยืดตัวขึ้นเพื่อยืนนิ่งอยู่กับที่เพื่อตรึงสายตาของเหล่าผู้คนอีกครู่หนึ่ง โดยที่ไม่หันหน้ามองไปทางใครแบบเจาะจง กระทั่งฟงชินหยางยังมิได้อยู่ในสายตาของพวกเขาในยามนี้ ถึงแม้ว่าฟงชินหยางจะกำลังตกตะลึงจนตาค้างกับทั้งสามคนก็ตามที
หลิงเวยเห็นทุกคนกำลังมองมาอย่างสนใจจึงเริ่มต้นการแสดงตามแผนการ
นางก้าวเท้าน้อยๆ เดินถอยหลังออกไปหลายก้าวแล้วยกพิณผีผาขึ้นแนบอกด้วยแขนเรียวเล็กทั้งสองข้างของนางที่บัดนี้แข็งแรงยิ่งนัก เนื่องจากนางมักจะอุ้มบุตรชายทั้งสองขึ้นแนบอกและเข้าเอวพร้อมๆ กันอยู่ทุกวัน
ฟงจินหมิงและฟงลี่หลินเพียงยืนนิ่งเคียงคู่กันพร้อมยกดาบไม้ในมือขึ้นไขว้กันเหนือศีรษะในท่าสวยงามแลสง่าผิดกับรูปลักษณ์พร้อมการแสดง ใบหน้าที่มีรอยแผลเป็นของพวกเขาสงบเรียบนิ่งน่ายำเกรงมากเป็นพิเศษ
เมื่อหลิงเวยก้าวถอยหลังไปยืนได้ตำแหน่งที่ต้องการเสียงกังวานแว่วหวานทรงพลังของนางจึงเอ่ยออกมา
“บทเพลงนี้มีชื่อว่าผีผาแด่จอมทัพ ข้าขอมอบแด่จอมทัพในที่นี้ทุกคน!”
เสียงอื้ออึงครางเบาๆ อยู่ในลำคอของเหล่าผู้คนรายรอบในทันที ด้วยบทเพลงนี้ช่างไพเราะและยากนักที่จะได้มีโอกาสรับฟัง นี่นับว่าเป็นบุญหูเป็นบุญตาอย่างที่สุดเลยทีเดียว
ฟงชินหยางเพียงนั่งนิ่งๆ ด้วยท่าทางเย็นชาสีหน้าไร้อารมณ์ดั่งเช่นปกติ แต่ที่ไม่ปกติก็เห็นจะเป็นใจที่เต้นระส่ำแทบทะลุอกแกร่งออกมา
นานมากแล้วที่เขามิได้ฟังภรรยาบรรเลงเพลงพิณ
นานมากแล้ว...
เสียงดังอื้ออึงเงียบลง หลิงเวยจึงเริ่มบรรเลงพิณโดยการเอียงพิณผีผากดเอาไว้ที่เอวบางพาดบ่าเฉียงไปทางด้านซ้ายประคองมันด้วยท่อนแขนด้านซ้ายแล้วบรรเลงพิณด้วยมือเรียวทั้งสองข้างสอดประสาน
ท่วงท่าของนางช่างงดงามทรงพลังแฝงเอาไว้ซึ่งอำนาจของนักปราชญ์ศาสตร์ดนตรี
ถึงแม้ว่าหลิงเวยจะอยู่ในอาภรณ์ของทหารหญิงสีหม่นอีกทั้งใบหน้ามีทั้งปานแดงทั้งไฝน่าเกลียดถึงเพียงนี้ นางยังสามารถแสดงออกถึงเสน่ห์อันลึกล้ำยามเมื่ออยู่ท่ามกลางผู้คนรายรอบกับศาสตร์ศิลปะหลากหลาย ชนิดที่ยากนักจะหาใครมาเทียบเคียง
เมื่อเส้นสายผีผาเริ่มสั่นไหวเสียงกังวานทรงพลังของมันจึงดังออกมาอย่างรวดเร็วดึงโสตประสาทของทุกคนสะกดตรึงให้พวกเขาได้รับฟัง
ตามมาด้วยฟงจินหมิงและฟงลี่หลินเริ่มออกลีลาร่ายรำท่วงท่าฟาดฟันดาบไม้ในมือตรึงสายตาของทุกคนให้มองตามกันเป็นตาเดียว มันมิใช่เรื่องยากเนื่องจากทั้งสองถูกพี่สะใภ้บังคับให้ร่ายรำอยู่หลายครั้งหลายคราในระยะเวลาห้าปี
สองพี่น้องร่ายรำดาบ คนหนึ่งหนวดเครารุงรังหน้าบากมีรอยแผลเป็นลากยาว อีกคนหนึ่งมีแผลเป็นรอยใหญ่ที่ข้างแก้มนวลด้านซ้าย ยิ่งส่งเสริมให้การร่ายรำคลอเคล้าไปกับเนื้อเพลงแลดูสมจริงและน่าชื่นชมเป็นอย่างมาก
หลิงเวยบังคับทำนองให้เป็นจังหวะเนิบช้าในช่วงต้นและเริ่มเปลี่ยนเป็นจังหวะเร่งเร้าตามลำดับพร้อมทั้งขับขานเนื้อหาปลุกใจเหล่าจอมทัพทั้งหลายโดยแฝงความนัยถึงใครบางคน
...ความเงียบสงัดช่างร้างมาแสนนาน
สูญสิ้นสลายไปทุกอย่าง
มีเรื่องอยากเอ่ยมากมาย
แต่กลับไม่มีเสียงเอ่ยออกมา…
เสียงร้องร่ำขับขานแว่วหวานกังวานใสผสมผสานเสียงพิณผีผาทรงพลังของหลิงเวยและลีลาร่ายรำดาบงามสง่าของฟงจินหมิงกับฟงลี่หลินทำให้ทุกผู้คนคล้ายกับถูกมนต์สะกดดึงโสตประสาทรับฟังตรึงสายตาเอาไว้มั่น
โดยเฉพาะฟงชินหยางที่นั่งนิ่งเงียบงันด้วยสีหน้าเย็นชาเรียบเฉยยากคาดเดาในห้วงอารมณ์แต่ในใจกลับคล้ายดั่งกลองศึกหลายใบตีลงระรัว
...สงครามนี้ช่างยาวนานดุจนิรันดร์
เหลือไว้แต่ความสิ้นหวัง
ราชวงศ์ล้วนตกต่ำ
บทลงเอยมิอาจแก้ไข
ความทุกข์เข็ญมีไปทั่ว…
ในขณะที่หลิงเวยยังคงบรรเลงผีผาและขับขานเสียงกังวานหวานใสควบคู่กับผีผาเสียงกังวานทรงพลัง ฟงจินหมิงและฟงลี่หลินเพียงออกท่าทางออกกระบวนท่าร่ายรำไปทางสาวงามเป้าหมายทั้งสองนางคนละฟากฝั่งอย่างสวยงามแนบเนียน
...ตายอีกกี่คน เผาอีกกี่ศพ
ผู้คนหาทางรอดชีวิต
เหลือเพียงข้ายืนหยัดเพื่อบรรเลงเพลง…
ฟงจินหมิงรำดาบไปทางฟงชินหยางที่มีสาวงามนางหนึ่งนั่งขนาบข้างอยู่ เขายกดาบขึ้นชี้หน้าสาวงามนางนั้นแล้วลดดาบลงก่อนจะเอื้อมฝ่ามือไปทางนางด้วยท่าทางเชิญชวนนางให้ลุกขึ้นมาร่วมร่ายรำ ทำเอาเหมยเจียวที่กำลังแอบโปรยผงของยาปลุกกำหนัดลงในจอกเหล้าไปแล้วครึ่งห่อถึงกับชะงักงันเก็บผงยาแทบไม่ทันก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นยืนแล้วขยับเท้าก้าวตามทำนองเพลงที่เริ่มเร่งเร้าขึ้นเรื่อยๆ ออกมากับฟงจินหมิงคล้ายกับถูกครอบงำก็ไม่ปาน
ฟงชินหยางกำลังนั่งมองหลิงเวยด้วยสายตาคมปลาบยากที่ใครจะคาดเดาว่าเขากำลังคิดอันใดตลอดเวลาทำให้เขาไม่ทันได้สังเกตจอกเหล้าของตนที่ถูกเหมยเจียวแอบโปรยยาบางอย่างลงไปในจอกเหล้าเมื่อครู่
...แด่จอมทัพ
ข้าบรรเลงผีผาแด่จอมทัพ
เพื่อเชิดชูวีรบุรุษ
หนึ่งกระบี่ที่ยกขึ้น นับพันติดตาม...
หลิงเวยยังคงบรรเลงเพลงพิณผีผาพร้อมขับขานท่วงทำนองเพลงเพิ่มจังหวะรวดเร็วเร่งรัดขึ้นเรื่อยๆ เป็นสัญญาณให้ฟงลี่หลินรำดาบไปทางสาวงามอีกนางหนึ่งที่กำลังนั่งขนาบข้างอยู่กับองค์ชายฉีเล่อ ทำเอาสาวงามนางนั้นที่กำลังคลายฝ่ามือที่มีผงยาพิษเพื่อหมายจะใส่จอกเหล้าอยู่ถึงกับรีบกำมือเอาไว้ดังเดิมก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วขยับเท้าตามจังหวะดนตรีที่เร่งเร้าเหลือเกินในยามนี้ นางกรีดกรายตามฝ่ามือเรียวสวยของฟงลี่หลินออกมาคล้ายกับถูกสะกดวิญญาณไปอีกคน
องค์ชายฉีเล่อนั้นเขามองเห็นสิ่งที่สาวงามกำลังกระทำการอยู่ทุกอย่าง เขาจึงมองฟงลี่หลินแบบไม่วางตา เห็นได้ชัดว่าสตรีผู้ที่มีแผลเป็นบนใบหน้าผู้นี้กำลังช่วยเขาจากการถูกวางยาเมื่อครู่
ฉีเล่อเป็นคนสุขุมนุ่มลึกย่อมไม่กระโตกกระตากอันใดออกไป เขากำลังชั่งใจถึงเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างมีสติ
...ข้าบรรเลงผีผาแด่จอมทัพ
เพื่อส่งความรักอาวรณ์
ความรักท่ามกลางสงคราม
เศร้าโศกทุกครา…
เสียงร้องร่ำขับขานผสมผสานเสียงพิณผีผาและลีลาร่ายรำดาบยังคงดำเนินไป ฟงจินหมิงและฟงลี่หลินร่ายรำยั่วเย้าให้สองสาวงามร่ายรำติดตาม หลิงเวยเร่งจังหวะท่วงทำนองเพลงขับขานให้สาวงามขยับฝีเท้าเร็วระรัว
...ข้าบรรเลงผีผาเพื่อจอมทัพ
เพื่อเชิดชูวีรบุรุษ
หนึ่งกระบี่ยกขึ้น นับพันติดตาม
ข้าบรรเลงผีผาแด่จอมทัพ
เพื่อส่งความรักอาวรณ์…
และเพียงไม่นานฟงลี่หลินจึงร่ายรำในท่วงท่าผลักดันแผ่นหลังของสาวงามให้เดินไปตามทางดังแผนการที่วางเอาไว้ ก่อนที่ฟงจินหมิงจะรำดาบนำทางสองสาวงามให้ร่ายรำตามติดออกจากห้องโถงไป
…ความรักท่ามกลางสงคราม
เศร้าโศกทุกครา
เจ็บช้ำตรอมตรม…
แต่ทว่าเมื่อเสียงหวานที่ขับขานเริ่มแผ่วปลายเนื่องจากท่อนเพลงได้จบลงคงเหลือเพียงท่วงทำนองเครื่องสายที่ยังคงสั่นไหวไพเราะเสนาะหู สองสาวงามพลันได้สติดึงตนเองกลับมา
พวกนางจึงรีบร่ายรำลีลาเหลือร้ายสลัดออกจากฟงจินหมิงแล้วเดินนวยนาดกรีดกรายกลับเข้าไปนั่งขนาบข้างฟงชินหยางและองค์ชายฉีเล่อดังเดิม
“...!?”
สามพี่น้องกลางลานแสดงถึงกับเงียบงันด้วยคาดไม่ถึงกับแผนการที่เกือบจะดีแต่กลับเสียทีตอนจบไปเสียได้
พวกเขาจึงยืนนิ่งอยู่กับที่อย่างมิรู้ได้ว่าจักทำอย่างไรได้ต่อไป
ทันใดนั้นเสียงปรบมือเซ็งแซ่พลันดังระงมออกมาจากเหล่าผู้ชมรายรอบที่แสดงถึงความชมชอบในการแสดงตรึงตาตรึงใจเป็นอย่างมากของพวกเขา
ทำให้ทั้งสามคนต้องยอบกายคำนับขอบคุณอย่างนอบน้อม
ซึ่งตามปกตินั้นเมื่อการแสดงได้จบลงแล้วและได้รับเสียงปรบมือชื่นชมแล้ว นักแสดงจำต้องเดินออกไปจากลานการแสดง
แต่ทว่าพวกเขายังไม่ยอมเคลื่อนกายไปทางใด พวกเขายังคงยืนนิ่งทำหน้าตีมึนต่อไป
ในเมื่อเป้าหมายตีวนหลุดมือไปเยี่ยงนั้น น่าชังนัก!
**********
เพลงที่หลิงเวยบรรเลง...
ร้ายพ่ายกลายรัก ฉบับจบบริบูรณ์ คลิก>>>ร้ายพ่ายกลายรัก
ร้ายพ่ายกลายรัก ฉบับ E-Book คลิก>>>ร้ายพ่ายกลายรัก
|
|
|
|
|
ความคิดเห็น