คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #64 : ภาคปลายตอน18 ฟงจินหมิง
ภายในห้องส่วนตัวห้องหนึ่งแห่งจวนของชินอ๋องผู้ครองหัวเมืองแห่งแคว้น
“ข้าจักส่งเจ้าไปเป็นองค์หญิงบรรณาการแคว้นเป่ยฉี”
เสียงห้าวหาญของเฉินจิ้นเหอดังคำรามออกมาทางสองแม่ลูกที่บังอาจโกหกเขาเรื่องของฟงชินหยางทำให้เขาเกือบผิดใจกับฟงชินหยางและเกือบทำผิดกับแม่ทัพคู่ใจที่ร่วมรบกันมาหลายปีก่อนที่เขาจะมีเมียเสียอีก
ทั้งนี้ยังเกือบจะทำให้เขาผิดต่อพี่สาวต่างมารดาของเขาที่เป็นมารดาของฟงชินหยางอีกด้วย
หากว่าซินหรูมารดาของฟงชินหยางรู้เรื่องที่เขาหมายผูกมัดยัดเยียดบุตรสาวให้เพื่อแทรกกลางภรรยากับบุตรชายทั้งสองของฟงชินหยาง นางคงร่อนจดหมายตัดรอนตัดพี่ตัดน้องกับเขาเป็นแน่
พี่สาวต่างมารดาของเขานางนี้เคยดูแลเขามาตั้งแต่เขายังเป็นองค์ชายตัวน้อยในยามที่มารดาของเขาตายจากและต้นตระกูลถูกฮ่องเต้พระองค์ก่อนโค่นล้ม หากเขาทำผิดต่อนางไม่อยากจะคิดเลยทีเดียว พี่ใหญ่ของเขาที่เป็นฮ่องเต้องค์ปัจจุบันก็คงไม่ยอมเช่นเดียวกัน
“เดินทางกลับแคว้นเป่ยฉีพร้อมองค์ชายฉีเล่อไปเลย” เฉินจิ้นเหอยังคงคำรามมาทางจินเยว่ชิงที่ยืนตัวสั่นเทาอยู่ในอ้อมกอดของซือจิน
“ได้อย่างไรกัน ลูกของเราชมชอบแม่ทัพฟง อีกทั้งเรื่องภรรยาก็ไม่เป็นความจริง” ซือจินเลือกที่จะโกหกหน้าตายต่อไปเพื่อบุตรสาวหนึ่งเดียวของนาง “แม่ทัพฟงยังไม่มีภรรยา เห็นได้ชัดว่าเขานิยมของแปลก เขารับสตรีอัปลักษณ์เป็นสาวใช้อุ่นเตียง เขาจักมีภรรยาได้เยี่ยงไร”
เฉินจิ้นเหอแค่นเสียงฮึอยู่ในลำคอแกร่ง ภรรยาของเขาใช้ตรรกะอันใดกันล่ะนี่ ให้ตายเถอะ!
จินเยว่ชิงไม่ปล่อยให้มีช่องว่างจึงเอ่ย “แม่ทัพฟงย่อมมีใจให้ลูก สตรีงดงามทั้งยังสูงศักดิ์ย่อมมีดีเหนือสตรีของเขา ย่อมมีดีเหนือภรรยาของเขา อ่ะ!” หญิงสาวถึงกับสะดุดเกือบกัดลิ้นตัวเองเมื่อเผลอหลุดปากไปกับคำว่าภรรยาของเขา ก่อนจะค่อยๆ เอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง
“ข้าหมายถึงว่า สตรีอัปลักษณ์ที่เป็นสาวใช้อุ่นเตียงน่ะเจ้าค่ะ” นางแก้ตัวได้น้ำขุ่นคลั่ก
เฉินจิ้นเหอหรี่ตาคมดำขลับมองสองแม่ลูกตรงหน้าแล้วเอ่ยเสียงเย็นชาในแบบที่ไม่เคยเป็น
“ก็ได้...ซือจิน ชิงเอ๋อร์ ในเมื่อพวกเจ้าต้องการแทรกกลางภรรยาหมายพรากสามีของผู้อื่น เช่นนั้นข้าจักรับสนมชายางดงามเข้ามาในจวน เอาให้ครบทุกตำแหน่ง ร่วมรักกับสตรีทุกนาง ให้เสียงครางดังทะลุเรือนในทุกค่ำคืน ข้าเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าเป็นสามีมากภรรยาจักรู้สึกเช่นไร”
“หา!”
จบประโยคสะท้านโลกาพาเอาเสียงอุทานของซือจินดังคับอกจนทะลุทะลวงออกมาจากกลางใจ
“ท่ะ...ท่านอ๋อง” ซือจินถึงกับพูดไม่ออก นางเอ่ยได้แค่นั้น
เฉินจิ้นเหอละสายตาคมปลาบจากสองแม่ลูกก่อนจะสะบัดชายผ้าสีน้ำเงินเข้มขลิบทองเสียงดังพรึ่บ แล้วเดินจากไปอย่างไม่ใยดี ทิ้งเอาไว้เพียงสองสตรียืนเบิกตากว้างเถลือกถลน
“ท่ะ ท่านแม่” จินเยว่ชิงเริ่มเอ่ยคำมาทางมารดาของตนในทันทีหลังจากที่บิดาเดินหายตัวออกไปจากห้องแห่งนี้แล้ว
“ข้าแอบส่งคนไปล่อลวงหมายจัดการกับภรรยาของแม่ทัพฟงแล้วอีกไม่นานสตรีนางนั้นก็จะให้หายไปจากโลกนี้แล้ว เช่นนั้นแล้วแม่ทัพฟงจะไม่มีภรรยาอีกต่อไป ข้ายังมีหวังนะเจ้าคะ ท่านแม่ต้องช่วยลูกนะเจ้าคะ”
“หุบปาก!”
“...!!!”
“หากยังพูดมาก แม่จะเอาขี้เถ้ายัดปากเจ้าเสียเดี๋ยวนี้”
“...!!!”
จินเยว่ชิงถึงกับอ้าปากกว้างคล้ายกับรอขี้เถ้าใส่ให้เต็มปากกระนั้น
“เตรียมตัวเดินทางไปเป็นองค์หญิงบรรณาการกับองค์ชายฉีเล่อได้เลย เจ้าลูกไม่รักดี เกือบทำให้มารดาแย่แล้วเห็นหรือไม่ หึ!”
ซือจินกล่าวจบก็เดินสะบัดชายอาภรณ์หรูหรากรุยกรายเสียงดังกรุ๊งกริ๊งจากไปอีกคน
ทำเอาจินเยว่ชิงถึงกับกลายร่างเป็นหุ่นที่ปั้นยังไม่ทันเสร็จแค่เพียงสะกิดก็พร้อมจะล้มลงแหลกเหลวไม่มีชิ้นดี
อา...ที่นางเป็นอย่างนี้ก็เพราะใคร นางเคยคิดจะตัดใจแต่เพราะท่านแม่ให้กำลังใจนางมิใช่หรือไร ท่านแม่บอกว่าจักช่วยเหลือนางทุกวิถีทาง แล้วเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้กัน ไม่เห็นเข้าใจ!
สองวันต่อมา....
ภายในห้องรับรองส่วนตัวแห่งจวนของชินอ๋องพลันปรากฏบุรุษหนุ่มรูปงามรูปร่างสูงสง่าใบหน้าหล่อเหลาแต่เย็นชาตลอดเวลากำลังยืนหลังตรงตั้งสง่าด้วยท่วงท่าที่แสดงออกฉายชัดว่าไม่คิดจะยินยอมใดๆ จนเฉินจิ้นเหอนึกแปลกใจ
ไยเขาไม่ยินดี?
นี่คือบุตรีผู้งดงามของชินอ๋องผู้ยิ่งใหญ่เชียวหนา
ฉีเล่อเพียงหรี่ตาคมกริบมองสตรีงดงามในอาภรณ์สีแดงจัดจ้านประดับประดาด้วยเพชรพลอยมากมายจนเต็มเนื้อตัวใบหน้าแต่งแต้มฉูดฉาดคล้ายกับจะไปเล่นงิ้วกระนั้น
สตรีนางนี้คือบรรณาการที่ชินอ๋องแห่งแคว้นเฉินคิดจะมอบให้เขาตามเงื่อนไขสัญญาสงบศึก
อา...เขามิต้องดูงิ้วทุกวันทุกคืนหรอกหรือไรหากได้สตรีนางนี้ไปร่วมเรียงเคียงหมอน
“ข้าย่อมเข้าใจในสัญญาสงบศึก” ฉีเล่อเริ่มเอ่ยคำ “หากแต่มีเงื่อนไขอื่นในการทำสัญญาหรือไม่” เขาเริ่มต่อรองเนื่องจากไม่อยากดูงิ้วในวังของตนเองตลอดชีวิต
จินเยว่ชิงถึงกับเบิกตาถลนด้วยคาดไม่ถึงว่าสตรีงดงามที่สุดในใต้หล้าเช่นนางจะถูกปฏิเสธเยี่ยงนี้ นางจึงรีบเอ่ยก่อนที่บิดาจะเอ่ยอันใดก่อนหน้านาง “ข้าก็มิได้อยากเป็นสตรีบรรณาการให้ใครเช่นเดียวกัน หึ!”
ฉีเล่อได้ยินพลันหูผึ่ง เขาจึงรีบนิ่งเสีย ก่อนที่สตรีนางนี้จักเปลี่ยนใจร้องขอติดตามเขากลับไปยังแคว้นเป่ยฉี
เฉินจิ้นเหอเพียงยืนนิ่งรับฟัง เขาเองก็ไม่อยากให้ธิดาห่างกายเช่นกัน หากแต่ให้นางอยู่ที่นี่ก็ให้รู้สึกขัดเคืองอับอาย การส่งนางไปเชื่อมสัมพันธ์ต่างแคว้นย่อมจะดีกว่า เขาจึงเริ่มเอ่ยออกมาอีกคราแต่ทว่ากลับช้าไป
“ข้ามีคนรักแล้ว” จินเยว่ชิงใช้ไม้ตายรีบกล่าวออกไป
นางไม่มีทางแต่งให้กับบุรุษที่ไม่เห็นความงามเฉิดฉายของตน
เฉินจิ้นเหอพลันตะลึง
ฉีเล่อเริ่มลอบยกยิ้มในพริบตา
จินเยว่ชิงยังคงเอ่ยออกมา “คนรักของข้ามีนามว่าฟงจินหมิง”
“หือ...” เฉินจิ้นเหอยิ่งตกตะลึง นั่นมิใช่น้องชายของฟงชินหยางหรอกหรือไร
ในขณะที่เฉินจิ้นเหอยังคงยืนนิ่งงัน ฉีเล่อจึงรีบเอ่ยคำด้วยเกรงว่าอาจช้าไป
“หากเป็นเช่นนี้แล้วข้าเห็นว่าไม่ควรตัดด้ายแดงของใคร ท่านอ๋อง ข้าคงต้องรีบกลับเสียแล้ว ประเดี๋ยวรถม้าเยอะทำให้หนทางไปมาไม่สะดวก”
จบคำก็รีบทำความเคารพอย่างนอบน้อมแล้วหมุนตัวเดินจากไปในทันทีด้วยความเร็วสูง
เฉินจิ้นเหอเพียงยืนอยู่นิ่งๆ มองตามแผ่นหลังของฉีเล่อค่อยๆ หายลับไปกับตา แน่นอนว่าสัญญาสงบศึกยังคงเหลือระยะเวลาอีกนับปีเช่นนั้นแล้วขอจัดการกับบุตรีตรงหน้าก่อนเป็นไร
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร ชิงเอ๋อร์”
จินเยว่ชิงที่ยกยิ้มชอบใจในแผนการแต่งกายดังงิ้วในโรงมาเองแบบนี้รีบเอ่ยตอบ
“ท่านพ่อ ฟงจินหมิงเป็นน้องชายของแม่ทัพฟง จะอย่างไรเสียในเมื่อข้าไม่ได้พี่ ข้าก็จักเอาน้อง”
“...!?”
จินเยว่ชิงกล่าวจบก็รีบทำความเคารพบิดาของตนแล้วรีบเดินออกไปจากห้องรับรองแห่งนี้ด้วยความเร็วสูงอีกคนเพื่อไปหาฟงจินหมิงที่อาจจะยืนรอนางอยู่ด้านหน้าของจวน
เมื่อสองวันก่อนนางแอบหนีออกไปเที่ยวในเมืองเพื่อไปทำใจในเรื่องราวแห่งตนและนางก็ได้พบกับบุรุษรูปร่างสูงใหญ่หนวดเครารุงรังทั้งยังมีรอยแผลเป็นพาดเฉียงบริเวณใบหน้าจนน่าเกลียดน่ากลัว
หากแต่ในยามนั้นนางกลับไม่นึกกลัวเกรงทั้งยังนั่งคุยกับเขาแบบเป็นกันเองจนถึงเช้า
และหลังจากนั้นอีกหนึ่งวันเขาก็กลับมาหานางพร้อมหนวดเครารุงรังที่หายไปและรอยแผลเป็นก็หายไป เขาช่างหล่อเหลามากมาย เขาช่างคล้ายคลึงกับฟงชินหยางถึงแปดส่วน
เขามาบอกนามแก่นางว่าแท้จริงแล้วเขาคือใครและต้องการให้นางตัดใจจากแม่ทัพฟงชินหยาง
อา...ฟงจินหมิง
จินเยว่ชิงหลับตาพริ้มยกยิ้มกรุ้มกริ่มฝันเฟื่องมากมายพร้อมพาเรือนกายงดงามในอาภรณ์สีแดงจัดจ้านเดินไปตามทางอย่างคาดหวังและวาดฝันโดยไม่สนใจเลยว่าตนเองได้ก่อเรื่องอันใดเอาไว้บ้าง
ณ มุมมืดมุมหนึ่งที่ห่างจากเรือนรับรองเพียงนิดและมองเห็นสตรีงดงามในอาภรณ์สีแดงจัดจ้านได้ชัดเจน
ณ มุมนั้นกำลังมีเงาร่างของบุรุษหนุ่มผู้หนึ่งผู้ซึ่งเคยมีหนวดเครารุงรังและรอยแผลเป็นลากยาวพาดเฉียง
เขาคนนั้นกำลังมองออกไปยังทิศทางเบื้องหน้าที่มีสตรีงดงามแต่จิตใจคับแคบนางหนึ่ง สตรีนางนั้นกำลังเดินนวยนาดไปตามทางเดินที่ปูพื้นด้วยหินละเอียดสีขาวขุ่น
บุรุษลึกลับผู้นี้เพียงยืนมองสตรีงดงามนางนั้นด้วยใบหน้าเฉยชาสายตาเย็นเยียบแผ่กลิ่นอายโหดร้ายไม่แตกต่างจากพี่ชายของเขา
บุรุษลึกลับผู้นี้แอบยกยิ้มคล้ายกระตุกตรงมุมปากบางเบาอย่างสาแก่ใจที่ได้ล่อลวงสตรีใจร้ายนางหนึ่งได้สำเร็จ
ฮึ! หากพี่ใหญ่ของเขาเปรียบดั่งราชาพยัคฆ์พุ่งกรงเล็บเข้าห้ำหั่นเหล่าศัตรูแบบประจัญบานกับเหล่าข้าศึกแบบทะลุทะลวงเห็นกันแบบตัวเป็นๆ
เขานี่ล่ะจะเป็นราชาหมาป่าสู้ศึกแบบลอบกัดทั้งยังกัดไม่ปล่อยให้ได้เห็นกันไปเลย
ขอขอบคุณที่มาของภาพ https://www.pinterest.com/
ฟงจินหมิง
มึนกว่าโหดกว่าพี่น้องทุกคน
อีบุ๊คฉบับเต็มไม่ตัดเนื้อหาใดๆ รวมภาคต้นและภาคปลายในเล่มเดียว...
ร้ายพ่ายกลายรัก ฉบับ รายตอน คลิก>>>ร้ายพ่ายกลายรัก
ร้ายพ่ายกลายรัก ฉบับ E-Book คลิก>>>ร้ายพ่ายกลายรัก
|
|
|
อีบุ๊คฉบับเต็ม
|
ความคิดเห็น