ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จอมนางพญามาร魔鬼神 [จบ]

    ลำดับตอนที่ #38 : ตอนที่35 อาวุธร้าย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 23.75K
      1.26K
      16 พ.ย. 66



    ทันทีที่ได้รับฟังคำรายงานจากปากขันทีผู้น้อยแห่งตำหนักเหยียนซีกง ว่าฮ่องเต้กำลังพิโรธหนักถึงขั้นมิให้พบพระพักตร์

    หมิงเฉิงก็มิได้สรรหาเหตุผลหรือสาเหตุแห่งความพิโรธนั้นของพระบิดา เพราะแต่ไหนแต่ไรมา จักรพรรดิองค์นี้ก็มักจะมอบบททดสอบอันแสนหฤโหดให้เหล่าโอรสอยู่แล้ว

    ดูทีเถิดว่าครานี้ เสด็จพ่อผู้ยิ่งใหญ่คับฟ้า จักสอนลับคมเขี้ยวเล็บหรือลองเชิงอันใดอีก!

    รัชทายาทหนุ่มหาได้สนใจผู้อื่นแม้ว่าคนผู้นั้นจะเป็นบิดา เป็นถึงเจ้าแห่งแผ่นดิน  เพราะยามนี้เขามีคนที่น่าสนใจยิ่งกว่า

    นางคือภรรยาผู้น่าสงสัย

    นางคือเจ้าของดวงตาที่ไม่เหมือนใคร

    และนางกำลังเดินหลบซ้ายเลี่ยงขวา เพื่อให้ห่างจากเขา  

    ปากบอกปฏิเสธรถม้าด้วยเหตุผลว่าอยากเดินชมทิวทัศน์อันงดงามยิ่งใหญ่ในพระราชวัง

    ทั้งๆ ที่ก่อนหน้า กล้านั่งตักเขา

    แนบชิดกันถึงเพียงนั้น!

    ใบหน้าหล่อเหลาที่เดิมทีเย็นชาพลันแข็งกระด้างขึ้นมา หมิงเฉิงหรี่ตามองพระชายากับสาวใช้คนสนิทที่กำลังเดินนำหน้าห่างออกไปเรื่อยๆ คล้ายจงใจที่จะหลบเลี่ยงการเผชิญหน้า

    นางตั้งใจเดินหนีเขาที่เป็นสามี แทนที่จะเดินเคียงข้างกันไปจนสุดทาง ไม่ว่าเขาจักพานางไปทางใด

    เมื่อไหร่ไม่อาจทราบ ที่หมิงเฉิงคิดเช่นนี้โดยไม่รู้ตัว...

     

    ท่ามกลางทางเดินระหว่างตำหนักเหยียนซีกงอันเป็นที่ประทับของฮ่องเต้กับตำหนักฉีหยางกงอันเป็นที่ประทับของฮองเฮา ซึ่งคือเป้าหมายต่อไปในการถวายคารวะน้ำชาในวันนี้  

    รัชทายาทหนุ่มยังคงจมอยู่ในภวังค์แห่งตน และครุ่นคิดอย่างหนัก

    เขาแน่ใจว่ามิได้ตาฝาด และสติล้วนครบถ้วนเป็นอย่างดี

    ดวงตาสีเขียวมรกตยามมองสบ เรือนร่างอรชรสีทองเรืองรองใต้ม่านน้ำคืนจันทร์งาม

    และชั่ววูบหลังผ้าเช็ดหน้ามากกว่าหนึ่งครา

    หมิงเฉิงมองโม๋เอ๋อร์อย่างพินิจพิจารณาเข้มข้น ในหัวใจพลันบังเกิดลางสังหรณ์บางประการ ว่าบางทีคนที่ตามหามาโดยตลอดอาจจะอยู่ใกล้แค่เอื้อมอย่างคาดไม่ถึง

    และบางทีอาจจะเป็นนาง

    ทั้งๆ ที่มันไม่น่าจะเป็นไปได้ หากแต่เขาก็ยังคิดเช่นนั้น เพราะสิ่งที่สืบรู้มาก่อนแต่งงานกัน คือคุณหนูรองสกุลโหวเป็นสตรีดีพร้อม แม้อ่อนแอไปบ้างแต่ก็เรียบร้อยอ่อนหวานปานน้ำผึ้งเดือนห้า นางผู้เก็บตัวเงียบเชียบ ผู้ไม่เคยออกไปไหนห่างไกลจวน นางไม่ออกนอกห้อง และยิ่งไม่เคยออกนอกเรือน

    นางผู้ซ่อนเร้นตัวตนไม่เคยมีชายใดได้ยล

    ไม่มีทางที่จักมีใครได้เจอนางในป่าใหญ่ และยิ่งไม่มีทางที่นางจะกลายเป็นคุณหนูตระกูลโหว

    หรือมีอะไรที่เขาควรรู้แต่ไม่รู้

    หมิงเฉิงยิ่งหรี่ตามองพระชายาของตนนิ่งนาน ดวงตาเรียวคมลึกล้ำคล้ายจับจ้องกันให้ทะลุปรุโปร่งถึงเนื้อในที่ซุกซ่อน

    แน่นอนว่าเขาดูออกเพียงแรกเห็น ว่านางหาใช่สตรีดีงาม

    บนความเรียบร้อยอ่อนหวาน นางมีกิริยาสูงส่งสะกดผู้คน ในความไร้เดียงสาแต่กลับมิใช่สตรีที่ปราศจากมารยาหรือไร้ซึ่งพิษสง ตรงกันข้าม นางช่างร้ายกาจอย่างไม่น่าให้อภัย

    แต่เหนือสิ่งอื่นใด นางมีนัยน์ตาสีเขียว

     

    สิ่งหนึ่งที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้แม้แต่โม๋เอ๋อร์

    คือนับแต่หมิงเฉิงได้รับพลังปราณกระแสเย็นเหนือธรรมชาติจากโม๋เอ๋อร์ถึงสองครั้งสองครา รอดตายอย่างหวุดหวิดชนิดที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ หมิงเฉิงก็มีประสาทสัมผัสที่ฉับไวยิ่งกว่าคนทั่วไปมากโข

    ถึงแม้ความฉลาดเฉียบคมอาจไม่เทียบเท่าหมิงจินผู้เป็นน้องชาย ทว่าด้านความเฉียบคมทางสายตาและความว่องไวของร่างกาย สิ่งใดเล็กจิ๋ว สิ่งใดรวดเร็วปานสายฟ้าฟาด เขาล้วนมองได้ทันทีไม่มีพลาด กระทั่งฝึกฝนปราณพลังผสานยุทธ์ยังเก่งกาจกว่าอาจารย์เสียอีก ในสมรภูมิรบต่อหน้าศัตรูนับหมื่นพัน ยังทรงพลังอย่างยิ่ง

    เมื่อโม๋เอ๋อร์เผลอไผลเผยดวงตาสีเขียวออกมาแม้เพียงเสี้ยวเวลาเดียว หมิงเฉิงจึงสัมผัสได้ทันใด

    สิ่งนี้แม้แต่หยูเสวี่ยก็เคยผ่านมาแล้ว นั่นจึงทำให้นางตัดสินใจถามโม๋เอ๋อร์จนล่วงรู้ตัวตน เพียงแต่หญิงสาวมิใช่บุรุษ ทั้งยังมิได้ฝึกปราณผสานยุทธ์อันใด จึงมิได้เก่งกล้าเช่นหมิงเฉิง

    ตลอดช่วงชีวิตของโม๋เอ๋อร์นับแต่เกิดจนอายุสิบห้าปีนี้ นางมิเคยได้ช่วยใครอื่น นอกจากหมิงเฉิงและหยูเสวี่ย

    และนัยน์ตาสีเขียวของนางล้วนไม่เคยมีผู้ใดมองได้ทัน   มีเพียงสองคนนี้เท่านั้น

     

    ระหว่างการเดินทางไปเยือนตำหนักฮองเฮายามนี้

    รอบด้านนับได้ว่างดงามมากนัก ประหนึ่งเดินผ่านสรวงสรรค์ชั้นฟ้ากระนั้น เพราะมีทั้งน้ำตกจำลอง ทะเลสาบสีฟ้าคราม สวนดอกไม้นานาพันธุ์ สระดอกบัวหลากสีสัน ศาลาริมบึง และพระตำหนักแสนวิจิตรต่างๆ 

    ร่างระหงสมส่วนในอาภรณ์แตกต่างกำลังเดินเคียงข้างจับประคองไปตามทาง เพื่อชื่นชมทุกความละลานตาสุดจะหยั่ง

    หนึ่งคือสาวงามผู้สวมชุดหรูหราเครื่องประดับประดาเต็มศีรษะ ใบหน้าแต้มชาดสะดุดตา อีกหนึ่งคือสาวงามสวมเพียงชุดสาวใช้ธรรมดาผ้าสีเขียวใบไผ่

    ทั้งสองคือโม๋เอ๋อร์และหยูเสวี่ย

    พวกนางพากันเดินแช่มช้อยแต่นำหน้าบุรุษสูงศักดิ์ผู้เป็นรัชทายาทแห่งต้าหมิงไปไกลโขอย่างไม่รู้ทิศรู้ทางสักเท่าไหร่ แต่ก็ยังคงเดินไปเรื่อยๆ ทั้งอย่างนั้น รถม้าและขบวนข้ารับใช้คนอื่นได้แต่เดินตามอยู่ห่างๆ อย่างงุนงง

    หมิงจินที่เดินเยื้องไปทางแผ่นหลังของหมิงเฉิงเล็กน้อย ลอบมองพระชายาเอกของพี่ชายกับสาวใช้คนสนิทด้วยสายตาคมกริบเฉียบคม

    เขาสังเกตได้ว่า สาวใช้ผู้นี้คล้ายกับมิได้เป็นฝ่ายจับประคองพระชายา หากแต่เป็นอีกฝ่ายต่างหากที่คล้ายกับจับประคองสาวใช้

    เรียวคิ้วคมพลันขมวดมุ่นเมื่อสังเกตเห็นสตรีทั้งสองคนผู้เดินทอดน่องท่ามกลางแสงแดดจ้าที่มีริมทางเป็นทิวทัศน์งามเด่น พวกนางต่างเปล่งประกายเจิดจรัสเฉพาะตัวออกมา

    คนหนึ่งสวยงามราวกับนางมารจำแลงมาจากอีกภพ รัศมีโดดเด่นเหนือหมู่มวล ส่วนอีกคนกลับงดงามราวภาพฝันอันแสนหวาน ราวกับนางฟ้านางสวรรค์ผู้อ่อนโยน

    สตรีทั้งสองพูดคุยหยอกล้อประหนึ่งเป็นสหาย

    หาใช่นายบ่าว!

    แววตาคมเฉี่ยวราวกับเหยี่ยวตัวใหญ่ของกุนซือหนุ่มในชุดราชองครักษ์จ้องมองสตรีบ้านโหวไม่วางตา

    เขารู้สึกได้ว่ามีบางสิ่งที่เขาไม่อาจปล่อยผ่าน...

     

    ยามนี้โม๋เอ๋อร์กับหยูเสวี่ยคล้ายกับลืมตัวไปแล้วจริงๆ ว่าตนเองกำลังเล่นงิ้วโรงใด

    เนื่องจากโม๋เอ๋อร์ต้องการเวลาสักเล็กน้อยให้ตัวเองได้ปรับตัว หลังจากที่ทำพลาดเรื่องอาการตื่นเต้นอันยากจะเข้าใจ

    ทั้งยังนึกห่วงใยหยูเสวี่ยที่บอบบางแต่ต้องมาเดินตรากตรำเสียไกล นางจึงจงใจปฏิเสธนั่งรถม้าด้วยเหตุผลว่าต้องการชื่นชมธรรมชาติรอบด้านอย่างแช่มชื่นรื่นรมย์

    ภายในวังแห่งนี้ก็กระไร กว้างใหญ่เหลือเกิน ให้รู้สึกเหมือนพากันเดินข้ามภูเขาเป็นลูกๆ กระนั้น

    แล้วอย่างนี้ หยูเสวี่ยจะไม่เหน็ดเหนื่อยได้อย่างไร

    “คุณหนูไหวหรือไม่? นั่งพักก่อนดีหรือเปล่า?

    โม๋เอ๋อร์กระซิบถามหยูเสวี่ยเสียงเบาให้ได้ยินแค่สองคน

    “ไม่เป็นไร พิษในร่างกายสลายไปหมดแล้ว อย่าได้ห่วง”

    หยูเสวี่ยตอบกลับพร้อมพยายามจับประคองพระชายา แต่ทว่ากลับไม่มีเรี่ยวแรงมากนัก แค่เดินอย่างเดียวก็หน้าซีดแล้ว จึงกลายเป็นว่าถูกอีกฝ่ายช่วยยื้อเอาไว้มิให้ล้มลงไปเสียมากกว่า

    พิษชนิดนั้นร้ายแรงกว่าที่คิด แม้จะได้โม๋เอ๋อร์ช่วยสลายให้จนสิ้น แต่ร่างกายก็ยังไม่แข็งแรงสักเท่าไหร่ อีกทั้งวันนี้ต้องเดินเท้ามาไกล นางไม่เคยได้ออกแรงเท่านี้มาก่อน คุณหนูในห้องหอเยี่ยงนางจึงอ่อนปวกเปียกสิ้นดี

    ขณะที่กำลังเดินชมอุทยานหลวงมาเรื่อยๆ หยูเสวี่ยมองทางหางตาแล้วประเมินเห็นว่าห่างออกมาจากรัชทายาทและขบวนเดินทางพอควร จึงกระซิบถามโม๋เอ๋อร์ตามตรงอย่างห่วงใย

    “ก่อนหน้านี้เกิดสิ่งใดขึ้น เหตุใดรัชทายาทจึงทำท่าทางคล้ายกับต้องการรังแกเจ้าเยี่ยงนั้น”

    ผู้ถูกถามถอนหายใจออกมาแล้วหลุบตาลงอย่างรู้สึกผิด

    เนิ่นนานทีเดียวกว่าจะยอมรับเสียงเบาว่า “ในรถม้า ข้าช่วยนวดให้เขาอย่างเอาอกเอาใจ แล้วก็ขึ้นนั่งตักเขาอย่างย่ามใจ ทันใดนั้นพลันรู้สึกได้ว่ามีบางสิ่งร้อนๆ แข็งๆ ทิ่มแทงตรงบั้นท้าย ข้าตกใจมาก คิดว่ามันต้องเป็นอาวุธร้ายแน่ๆ จึงหนีเขา แต่เขาก็ตามติดอย่างที่เห็น” 

    โม๋เอ๋อร์เล่าจบก็ได้เห็นหยูเสวี่ยทำสีหน้าแปลกประหลาด เมื่อกวาดสายตาไปทางขวาอีกนิด ก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาดำคล้ำของสามี และน้ำเสียงเย็นยะเยือกคำรามว่า

    “เรื่องนี้ ใช่สมควรเล่าให้ผู้อื่นฟังหรือไร?

    “...”

    จบเสียงเข้มที่ดังขึ้นด้านหลังนางในระยะประชิดตัว โม๋เอ๋อร์ก็รับรู้ได้ถึงแรงกอดรัดที่ลำคอด้วยวงแขนล่ำสัน แล้วลากกันไปยังทิศทางหนึ่ง

    โม๋เอ๋อร์ใช้เวลาตอบคำถามของหยูเสวี่ยเนิ่นนานจนเกินไป ทั้งยังไม่ทันตั้งตัว กระทั่งสามีมาที่ด้านหลังเมื่อใดยังไม่อาจทราบ แม้แต่เสียงร้องยังไม่ทันหลุดออกจากริมฝีปากบางอิ่ม นางก็ถูกลากออกห่างจากหยูเสวี่ยเสียแล้ว

    หมิงเฉิงห้ามใจตนเองมิให้อุ้มพระชายาพาดบ่าแล้วตีก้น จึงทำได้เพียงรัดคอโอบไหล่ให้นางออกจากการสนทนา

    ในหัวข้อเรื่องของแข็งร้อนทิ่มแทงบั้นท้าย

    ซึ่งเขารู้ดีว่ามันคือสิ่งใด หากแต่นางกลับไม่รู้ ทั้งยังเอามาพูดเล่าสู่กันฟังประหนึ่งมันคือเรื่องทั่วไป

    มันสมควรหรือไม่?

    เรื่องนี้ควรรู้เพียงสองคนมิใช่หรือไร?

    ชายหนุ่มจึงจับหญิงสาวผู้เป็นภรรยาในท่วงท่าหมิ่นเหม่ คล้ายกอดรัดกันอย่างเร่าร้อน ประหนึ่งอุทยานแห่งนี้คือห้องนอน

    สตรีผู้ถูกกอดรัดจนใบหน้าฝังอยู่ในแผงอกหนาแน่นทำได้เพียงส่งเสียงอู้อี้ออกมา “สามีปล่อยภรรยานะ”

    อีกครั้งที่โม๋เอ๋อร์ต้องทำทีเป็นสะอื้นไห้อย่างน่าสงสาร เพื่อบอกกล่าวเจ้าของวงแขนร้อนผ่าวอย่างไม่เข้าใจอันใด เพราะว่านางกำลังรู้สึกแปลกๆ อีกแล้ว เมื่อตกอยู่ในอ้อมกอดเขา

     “ไม่มีทาง!

    และอีกคราที่เสียงทุ้มต่ำตอบกลับอย่างเผด็จการ

    หมิงเฉิงต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าสตรีนางนี้เป็นใครกันแน่!

    ไยน่าตียิ่งนัก!

     

     

    *** อีบุ๊ค เล่ม1 ถึงตอนที่ 33 *** ดูให้ดีว่าอ่านไปแล้วหรือยังก่อนโหลดนะจ๊ะ

    จอมนางพญามาร魔鬼神เล่ม1
    หลี่หง
    www.mebmarket.com
    นางมีสามคำให้เขา ยั่วยวน เจ้าเล่ห์ สมสู่ส่วนเขามีเพียงคำเดียวให้นาง เจ้าเป็นของข้า!***ครั้งที่แต่งงานกัน ท่านก็ไม่ยอมร่วมหอ ยั่วยวนเท่าใด ก็ไม่เคยได้ผล เผยโฉมต่อหน้า ท่านก็ไม่เคยยล ข้าอดทนเนิ่นนาน ให้ท่านเหลียวแลแล้วเหตุใดจู่ๆ ท่านจึงกลายเป็นปีศาจราคะ จับข้ากดไม่ยอมปล่อยเล่า!

    จอมนางพญามาร魔鬼神เล่ม2
    หลี่หง
    www.mebmarket.com
    นางมีสามคำให้เขา ยั่วยวน เจ้าเล่ห์ สมสู่ส่วนเขามีเพียงคำเดียวให้นาง เจ้าเป็นของข้า!***ครั้งที่แต่งงานกัน ท่านก็ไม่ยอมร่วมหอ ยั่วยวนเท่าใด ก็ไม่เคยได้ผล เผยโฉมต่อหน้า ท่านก็ไม่เคยยล ข้าอดทนเนิ่นนาน ให้ท่านเหลียวแลแล้วเหตุใดจู่ๆ ท่านจึงกลายเป็นปีศาจราคะ จับข้ากดไม่ยอมปล่อยเล่า!#นิยาย2เล่มจบ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×