ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Love story รักร้ายนายแวมไพร์ตัวป่วน

    ลำดับตอนที่ #28 : บทที่7.4 ตกจากต้นไม้

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.84K
      10
      21 เม.ย. 66

            ฉันผลักประตูเข้าไปอย่างง่ายดายเพราะประตูทางเข้าไม่ได้ถูกลงกลอนไว้ เมื่อก้าวเข้าไปก็ยังกับฉันกำลังอยู่ในยุคเมื่อพันปีก่อน เหมือนฉันได้ย้อนกลับไปเมื่อสมัยนั้นจริงๆ ไฟจากเทียนที่อยู่ตามจุดต่างๆ ภายในปราสาทลุกโชติช่วง แย่งกันอวดแสงสว่างไม่ให้น้อยหน้ากัน ทั้งที่ไม่รู้ว่ามันลุกขึ้นได้ยังไงแต่ก็อย่าได้งงอะไรมากเพราะดูความสามารถของเจ้าของปราสาทก็คงไม่ต้องสงสัยอะไรอีกเลย

            แสงเทียนภายในห้องโถงชั้นแรกส่องให้เห็นการตกแต่งภายในห้องทั้งหมด บรรยากาศของแสงอย่างกับอยู่ในงานเต้นรำ กลิ่นไอในงานเต้นรำเมื่อพันปีก่อนอย่างกับจะลอยเข้ามาประทะจมูกฉันในตอนนี้ได้เลย ฉันไม่ได้พูดเกินเหตุนะ เคยไปในสถานที่ๆ มีความทรงจำเก่าแก่และยาวนานบ้างไหม มันได้ความรู้สึกอย่างนั้นล่ะ เหมือนกับเราได้เข้าไปอยู่ในยุดแรกๆ ของสถานที่นั้นได้เลยทีเดียว 

            หลังจากที่หมดเวลาไปกับการหลับตานึกถึงเมื่อพันปีก่อนว่าเป็นยังไงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ฉันก็กลับมาสนใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้าต่อ ภายในห้องโถงชั้นแรกสิ่งที่ฉันรู้สึกว่ามีเพิ่มมาก็คือพรมผืนใหญ่สีเหลืองทองที่ปูเต็มพื้นที่ทุกตารางนิ้วของพื้นชั้นแรก ลายของพรมสวยมากอธิบายไม่ถูกว่าเป็นลายอะไรเหมือนเป็นลายดอกไม้ของสมัยก่อนแล้วถูกวงกลมล้อมไว้ ตัววงกลมเป็นเหมือนไม้เลื้อยสีเขียวที่มีหนามซึ่งเลื้อยมาบรรจบกันจนเป็นวงกลม 

            ที่ตัวบันไดหินก็มีพรมสีแดงขลิบทองทอดตัวยาวขึ้นไปดูราวกลับว่าจะไม่มีทางสิ้นสุด แม้จริงๆ แล้วยังไงก็ต้องมีทางที่สุดปลายของตัวพรมสีแดงนี่ก็ตาม 

            ฉันหันไปมองทางหน้าต่างที่เคยแตกไปตอนนี้กลับมาสมบูรณ์ สีสันสวยงามที่เป็นสไตล์ของปราสาทหลังนี้ถูกแต่งแต้มลงไปบนกระจกพวกนั้น ลายประจำบ้านมีอยู่บนบานกระจกทุกบาน ทั้งสวยงามและดูหรูหราไปในตัว

           ฉันเดินสำรวจไปทุกซอกทุกมุมของปราสาทชั้นแรกทั้งห้องครัว ห้องเก็บของซึ่งไว้สำหรับเก็บของที่ใช้จัดงานเลี้ยงภายในห้องต่างๆ นั้นราวกับของทุกอย่างเพิ่งจะทำขึ้นมาใหม่ ไม่เหมือนกับสิ่งของที่มีอายุเป็นพันปีสักนิด และฉันก็ไม่ลืมที่จะลงไปยังชั้นใต้ดินที่ฉันเจอกับตาแวมไพร์ด้วย ถึงแม้จะกล้าๆ กลัวๆ ก็เถอะ แต่ด้วยความที่อยากรู้อยากเห็นทำให้ฉันตัดสินใจพลักประตูเข้าไป 

           ประตูไม้ข้างบันไดหินยังคงเงาสวย สีก็ยังคงสดเหมือนใหม่ มันต่างกันมากจากวันแรกที่ฉันเจอมัน ฉันเปิดประตูไม้เข้าไป ฝุ่นที่หนาเตอะอย่างที่ควรมีตอนนี้ไม่มีแล้ว  หยากไย่ก็ไม่มี  คบไฟที่อยู่ข้างพนังถูกจุดขึ้นเมื่อฉันเดินเข้าไป ประตูลับที่ลงไปชั้นใต้ดินก็ยังคงสวยงามแม้จะไม่มีลวดลายแต่ก็ยังคงเงางามไม่แพ้ใคร 

           แต่ที่ทำให้ฉันแปลกใจคือปากกาของฉันยังคงคาอยู่ที่ประตูไม้ซึ่งมันยังอยู่เหมือนเดิม เหมือนกับตอนที่ฉันเข้าไปข้างล่างนั้น แถมตัวประตูก็ยังคงถูกเปิดค้างไว้เฉกเช่นที่เคยเป็น

           ฉันก้าวเดินลงไปที่ชั้นล่างทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ยังคงมีฐานตั้งซึ่งทำจากเพชรน้ำงาม โลงและกล่องแก้วที่ยังคงเปิดค้างอยู่ แต่ว่ากลิ่นอับชื้น หยากไย่และฝุ่นไม่มีอยู่แล้ว

           เวลาผ่านไปเท่าไหร่ไม่รู้ที่ฉันเดินสำรวจพื้นที่ภายในบ้าน บางห้องฉันก็กะเอาว่ามันยาวเท่าไหรกว้างเท่าไหร่ ไม่ได้วัดเป็นเรื่องเป็นราว บางห้องที่กะไม่ถูกก็หยิบตลับเมตรขึ้นมาวัดแล้วจดรายละเอียดลงไปในสมุดบันทึกแทน ด้วยความที่ว่ากลัวจะลืมรายละเอียดภายในปราสาทเพราะมีห้องเยอะมาก ทำให้ฉันหยิบกระดาษในกระบอกใส่รูปออกมาเขียนพิมพ์เขียวของปราสาทนี้แทนที่จะกลับไปเขียนที่บ้าน

           นี่ฉันมัวทำอะไรอยู่ เหลือเวลาไม่มากในการเขียนงานส่งตาอาจารย์ติ้งต๊องนั่น แต่ฉันกลับมาสนใจเขียนแบบของปราสาทนี้ ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าเขียนไปฉันก็ไม่เอาแบบแปลนนี้ส่งแน่เพราะมันเท่ากับลอกเลียนแบบคนอื่นมา ถ้าทำอย่างนั้นคงเสียจรรยาบรรณความเป็นสถาปนิกหมด แต่ปราสาทนี่มันน่าสนใจจริงๆ นี่น่า อดที่จะเขียนเก็บไว้ไม่ได้จริงๆ 

           ยิ่งบางห้องที่ฉันรู้สึกว่ามันมีอะไรแปลกๆ เพราะพื้นที่ตัวปราสาทที่ฉันกะไว้ข้างนอกกับข้างในนั้นไม่เท่ากัน ฉันลองบวกความยาวความกว้างและความหนาของผนังแต่ละห้องเอามารวมกันของทั้งชั้น ก็พบว่ามันเพี้ยนไปจากที่ควรเป็นจริงๆ พอลองสำรวจต่อไปก็พบห้องลับที่ซ่อนอยู่ ในแต่ละชั้นจะมีห้องๆ หนึ่งที่มีห้องลับอยู่ มันน่าทึ่งจริงๆ ที่คนในสมัยนั้นสามารถทำได้ขนาดนี้ 

           แต่ก็นั่นล่ะน่า~ เจ้าของปราสาทก็ยังทำให้ฉันแปลกใจกับสิ่งที่เขาเป็นได้เลย นับอะไรกับแค่ตัวปราสาทนี้ มันก็ต้องน่าค้นหาอยู่แล้ว 

    หลังจากที่สำรวจและเขียนแบบแปลนเสร็จฉันก็เดินออกมาข้างนอก และไม่ลืมที่จะหยิบคบไฟติดมือมาด้วย ถึงไม่รู้ว่าพอออกจากที่นี่แล้วมันจะยังติดอยู่ไหม หรือมันจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อฉันหยิบของในปราสาทออกมาโดยไม่ได้บอกกล่าวเจ้าของปราสาท 

           อย่างว่าล่ะ เขาไปบ้านฉันตั้งหลายครั้งฉันยังไม่เห็นว่าอะไรเลย ( เพราะถึงว่าเขายังไงเขาก็ไม่รู้สึกอะไรอยู่ดี ) ฉันจะมายืมของนิดๆ หน่อยๆ จากปราสาทชองเขาบ้างเขาคงไม่ว่าหรอกม้าง ถ้ามันดับก็ไม่เป็นไหร่เพราะฉันมีไฟฉายพกพาติดตัวมาด้วย แต่ถ้ามีคบไฟไปด้วยก็ดีกว่ามีแค่ไฟฉายเดี่ยวๆ 

           ขออย่าให้เกิดอะไรแปลกๆ ขึ้นถ้าฉันเอาของในปราสาทออกไปแค่นั้นพอ 

           อย่างเช่นมีปีศาจโผล่ออกมา อึ่ย~ แบบนั้นไม่เอาน่ะ แต่ช่างมันเถอะที่ฉันว่าสำคัญที่สุดตอนนี้คือ...ฉันจะออกไปจากป่านี้ได้ยังไง ไอ้ตอนเข้ามานี่ฟลุคมาก แต่ตอนกลับนี่สิ คิดแล้วก็เหงื่อตกเลยฉัน

           ฉันหายใจเข้าลึกๆ เพื่อเรียกกำลังใจ เพราะตอนนี้ก็น่าจะดึกมากแล้ว ใช่ว่าการมีแบบปราสาทให้เขียนอยู่แล้วจะทำให้มันเขียนง่ายขึ้นนี่ เปล่าเลย! และยิ่งปราสาทมันใหญ่ขนาดนี้ฉันคงใช้เวลาในการเขียนนานมาก แต่ก็ไม่ได้สนใจว่าใช้เวลาไปนานเท่าไหร่เพราะมัวแต่เพ่งสมาธิในการเขียนพิมพ์เขียวอยู่ 

            ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา ตอนนี้ปาไปเกือบตีสองแล้ว โห~ ฉันใช้เวลาเกือบสิบสองชั่วโมงในการเขียนแบบรึเนี่ย สุดยอด ลืมสนใจเรื่องเวลาไปเลย และดีที่คนบ้านฉันไม่มีใครอยู่ทำให้ไม่มีใครรู้ว่าฉันกลับบ้านดึกอย่างนี้ 

           ฉันเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าแล้วออกตัวเดินเพื่อจะกลับบ้าน โชคดีที่คบไฟยังคงไม่ดับไปเมื่อก้าวเท้าออกมาจากตัวปราสาท 

    ผ่านไปสักพักใหญ่ ฉันยังคงเดินวนไปวนมาหลายรอบอยู่ในป่าแต่ก็ยังหาทางออกไม่ได้ซักที

           ปีนขึ้นไปที่สูงๆ จะเจอทางออกไหมน่ะ? 

           หึ! เป็นความคิดที่บ้ามากที่จะปีนขึ้นไปบนต้นไม้ ก็ดูแต่ละต้นสูงริ้วขนาดนี้  ทว่าไม่รู้ว่าด้วยความบ้าดีเดือดหรืออะไรมันดลใจให้ฉันปีนขึ้นมาตามความคิดที่บ้าๆ ของตัวเอง 

           ตอนนี้ฉันก็ขึ้นมาเกือบจะถึงยอดของต้นไม้ที่คิดว่าน่าจะเป็นต้นที่สูงที่สุดในบริเวณนี้แล้ว ฉันนั่งห้อยขาลงที่กิ่งไม้กิ่งหนึ่งที่คาดว่าน่าจะแข็งแรงพอจะรับหนักหนักฉันไหวเพราะรู้สึกเหนื่อย ไอ้ที่ทำให้เหนื่อยก็คือต้องระวังไม่ให้คบไฟไปโดนพวกกิ่งไม้ที่เยอะซะจนไม่มีแสงแดดส่องลงไปยังพื้นข้างล่างได้ในตอนกลางวันนี้สิ ชาติที่แล้วฉันคงเป็นลิงแน่ๆ ถึงได้ปีนมาสูงขนาดนี้ได้เนี่ย! 

            รู้สึกแปลกใจอยู่เหมือนกัน ฉันแทบไม่อยากมองลงไปข้างล่างเลย แต่ก็ดันมองไปลงไปซะงั้น โอ้ยยย ทำไมมันถึงสูงขนาดนี้~ นี่ฉันปีนขึ้นมาได้ยังไงเนี่ย นี่มันเท่ากับตึกหกชั้นดีๆ นี่เอง

           ฉันหลับตาลงแล้วเงยหน้าขึ้นเพราะไม่อยากมองไปข้างล่างอีก มือที่เกาะกิ่งไม้ไว้กำแน่นขึ้นเพราะกลัวว่าจะหล่นลงไป ฉันทำใจกล้าปล่อยมือข้างที่จับกิ่งไม้อยู่เพื่อล้วงหาขวดน้ำในกระเป๋าขึ้นมาดื่ม เพราะอีกมือหนึ่งกำลังถือคบไฟไว้ เลยต้องจำใจปล่อยมือข้างที่จับกิ่งไม้ออก

            โชคดีหรือโชคช่วยกันแน่ที่ทำให้ฉันลืมเอาขวดน้ำออกตอนกลับถึงบ้าน ทำให้ฉันยังคงมีน้ำประทังชีวิตในตอนนี้ สภาพของฉันอย่างกับเดินป่ามาสักสิบวัน ชุดที่ใส่เปื้อนไปหมดแถมบางจุดก็เป็นรูเพราะโดนกิ่งไม้เกี่ยวจนขาดอีก ผมเผ้าก็ยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง

            ฉันเก็บขวดน้ำลงในกระเป๋าถอนหายใจออกมายาวๆ กระชับคบไฟในมือให้แน่นก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้น ปีนตามกิ่งไม้ขึ้นไปทีละกิ่ง เพื่อขึ้นไปให้สูงกว่าเก่าเพราะเมื่อครู่ที่นั่งพักอยู่นั้นพูดได้เลยว่าทางกลับบ้านที่ฉันสามารถมองเห็นได้นั้น... ไม่เห็นอะไรเลย...เพราะโดนต้นไม้บังไปหมดทุกหนทุกแห่งที่มองไป

           “อะไรเนี่ย มองไปทางไหนก็เห็นแต่ยอดไม้ทั้งนั้นเลยไม่ยักจะมีตึกรามบ้านเรือนบ้างหรือไง แสงฟงแสงไฟก็ไม่มี” ฉันบ่นขึ้นทันทีเมื่อปีนมาถึงกิ่งที่สามารถมองเห็นทั่วทุกตารางนิ้วของป่าได้แล้ว ยังดีที่ฉันยังพอจะได้เห็นเสี้ยวพระจันทร์สีเงินกับดวงดาวดวงเล็กบนท้องฟ้าได้บ้าง มันทำให้ฉันมีกำลังใจขั้นมาอีกนิด “ฮุ้ย~เสียเที่ยวจริงๆ” บนจบก็เตรียมตัวลงไป

           ปึบ

           ปัก

           ป๊อก

          “ว้าย” ฉันร้องออกมาเมื่อก้าวเท้าลงไปที่กิ่งไม้ด้านล่างเพื่อจะลงไปแต่ด้วยความที่ฉันลืมสังเกตว่ามันน้อยเกินไปที่จะรับน้ำหนักฉันไหว กิ่งไม้ที่ฉันเหยียบลงไปก็หักลง ร่างของฉันหงายหลังแล้วร่วงลงตามแรงโน้มถ่วงของโลก 

           ภาพตรงหน้าฉันตอนนี้เหมือนฉันกำลังใส่แว่นสามมิติดูหนังสามมิติอยู่ แต่ว่าไม่ได้เหมือนมีกิ่งไม้พุ่งเข้ามาใส่แต่เหมือนมันกำลังถอยหลังออกไปจากตัวฉัน ทั้งที่จริงแล้วตัวฉันกำลังถอยออกมาจากมันต่างหาก ผมที่ไม่ได้มัดไว้ถูกลมที่ปะทะเข้ามาพัดขึ้นมาบังหน้าฉันไว้บางส่วน

            “กรี้ดดดดดด” ฉันกรีดร้องออกมา ไม่อยากจะคิดถึงตอนที่ตกถึงพื้นเลยจริงๆ 

            ปัก

           ทว่าก่อนที่ตัวฉันจะถึงพื้นก็เหมือนศีรษะของฉันฟาดเข้ากับกิ่งไม้กิ่งหนึ่งจนทำให้การรู้สึกนึกคิดของฉันเริ่มเลือนหายไป 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×