ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Hot Guy 01 หนุ่มร้าย... เจ้าชายอสูร

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนแรก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.42K
      5
      23 ธ.ค. 53

    บ่ายฤดูร้อนของเมืองไทเป หลังจากพายุฝนเข้ากระหน่ำเพียงชั่วไม่กี่นาที อากาศเย็นชุ่มฉ่ำก็เข้ามาแทนที่ความอบอ้าวเมื่อครู่จนหมดสิ้น ต้นไม้ใบหญ้าข้างทางเขียวชอุ่ม หยาดฝนไหลมารวมตัวกันกลายเป็นสายน้ำเล็กๆ ค่อยๆ รินลงมาจากต้นไม้สูงใหญ่ ทำให้อิฐตัวหนอนสีแดงเปียกเป็นทาง และทำให้มนุษย์เงินเดือนทั้งหลายที่เพิ่งรับประทานอาหารกลางวันเสร็จต้องมาพลอยเปียกละอองฝนไปด้วย
    ฟางซวงซวงกอดถุงกระดาษสีน้ำตาลไว้กับตัวแน่นแล้ววิ่งหนีละอองฝนเป็นพัลวัน ชุดเสื้อกระโปรงติดกันสีเทาทึมๆ ดูไม่สะดุดตา เส้นผมสีดำละเอียดนุ่มถูกเกล้าขึ้นเป็นทรงที่ล้าสมัยที่สุด รองเท้าหนังสีดำย่ำน้ำจนเปียกแฉะ ในมือของเธอยังมีขนมปังฝรั่งเศสแท่งยาวที่พยายามใช้เสื้อนอกบังฝนให้มันอย่างทุลักทุเล
    ไม่ทันแล้วๆ!” หญิงสาวพยายามเคี้ยวขนมปังฝรั่งเศสที่แข็งและเหนียวราวกับหนังวัว ทั้งยังมีแก่ใจร้องโวยวายเบาๆ
    ฟางซวงซวงกระโดดข้ามแอ่งน้ำอย่างยากลำบาก จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังอาคารสำนักงานใหญ่ของเดอะ แกรนด์ กรุ๊ป
    ในตอนนี้ไม่มีใครอยู่บนถนนสักคน เพราะพนักงานของเดอะ แกรนด์ กรุ๊ปไม่มีใครกล้าไม่รักษาเวลา เนื่องจากหัวหน้าผู้สูงศักดิ์ของพวกเขาย้ำนักย้ำหนาว่าเวลาเป็นเงินเป็นทอง ถ้าหากไม่เข้างานตรงเวลาก็จะเป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรของบริษัท ดังนั้นแม้แต่ผู้บริหาร ถ้าหากไม่รักษาเวลาให้ดีล่ะก็ อาจจะถูกเด้งออกจากตำแหน่งได้ง่ายๆ เหมือนกัน
    ส่วนฟางซวงซวงที่เพิ่งจะเข้าทำงานที่นี่ได้เพียงสองเดือนก็ถูกขึ้นชื่ออยู่ในบัญชีดำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถ้าหากวันนี้เธอเข้างานสายอีกล่ะก็ จะต้องกลับบ้านไปนอนรอกินเงินสวัสดิการสำหรับผู้ตกงานแน่ๆ
    เป็นเพราะซูเหลียนนั่นแหละ! ถ้าซูเหลียนไม่รั้งเธออยู่กินอาหารกลางวันแล้วยังพาไปเดินซื้อของอีกล่ะก็ สินค้าพวกนั้นคงไม่ล่อตาล่อใจจนเธอต้องรีบวิ่งกระหืดกระหอบมาเข้างานสายแบบนี้หรอก
    ฟางซวงซวงกระชับถุงในมือ จากนั้นก็ทอดถอนให้กับความขาดสติของตัวเองเมื่อครู่นี้ ชั่วระยะเวลาสั้นๆ เธอผลาญเงินเดือนของเธอหมดไปถึงครึ่ง โดยเงินทั้งหมดนั้นเธอใช้ไปกับของไร้สาระพวกนี้
    และเพราะมัวแต่วิ่งเธอจึงไม่ทันได้ระวัง ทำให้สายกระเป๋าถือเข้าไปเกี่ยวกับกระจกมองข้างของรถเก๋งคันหนึ่ง หญิงสาวล้มคะมำไปข้างหน้า ถุงกระดาษสีน้ำตาลลอยคว้างไปหาชายหนุ่มคนหนึ่งเหมือนมันมีปีกบินเป็นของตัวเอง
    ชายคนนั้นเพิ่งจะก้าวลงมาจากรถเก๋ง สูทสีดำขนาดพอดีตัวทำให้ร่างของเขายิ่งดูสูงใหญ่ ดวงตานิ่งลึกสีดำสนิทมองไปยังอาคารของเดอะ แกรนด์ กรุ๊ปและหรี่ลงอย่างใช้ความคิด ทันใดนั้นถุงกระดาษก็พุ่งเข้ามาหาเขาโดยที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว และแล้วมันก็ค่อยๆ เปิดอ้า สรรพสิ่งต่างๆ ที่อยู่ในนั้นก็ทะลักเข้าใส่ใบหน้าของเขา แล้วร่วงหล่นจากใบหน้าเย่อหยิ่งของเขาทีละชิ้น
    ฟางซวงซวงใช้สองมือปิดหน้าก่อนกรีดร้องในลำคอ เธอไม่กล้ามองภาพที่กำลังจะเกิดขึ้น และคิดว่าอยากจะให้ธรณีแยกแล้วสูบเธอลงไปอยู่เป็นเพื่อนยมบาลด้านล่างให้รู้แล้วรู้รอด ตอนนี้สถานการณ์ตรงหน้าน่าอับอายจนเธอยากจะรับไหว กางเกงชั้นในลูกไม้หลากสีสันรวมทั้งบราแบบต่างๆ ร่วงหล่นลงบนพื้น ที่ร้ายไปกว่านั้นคือบางชิ้นยังค้างเติ่งอยู่บนตัวผู้ชายคนนั้น
    เขาหรี่เปลือกตาทั้งสองข้างลง แล้วขมวดคิ้วหนาเหมือนไม่อยากจะเชื่อเหตุการณ์ตรงหน้า จากนั้นก็ค่อยๆ ยื่นมือไปหยิบกางเกงในผ้าต่วนสีชมพูออกจากศีรษะ นัยน์ตาสีดำจ้องมองเสื้อผ้าชิ้นที่สมควรจะอยู่ในที่ลับที่สุดด้วยแววตาคมกริบ จากนั้นก็หันมามองฟางซวงซวงที่ยืนตกตะลึงพรึงเพริดอยู่อีกด้าน
    นี่ของคุณใช่ไหม” นิ้วมือยาวหนาแบบผู้ชายของเขากำชุดชั้นในลูกไม้ตัวจิ๋วไว้ ภาพที่เห็นดูขัดกันอย่างไม่น่าเชื่อ
    ฟางซวงซวงหน้าแดงด้วยความอับอาย จากนั้นก็รวบรวมความกล้าก่อนออกไปช่วยชีวิตบรรดาชุดชั้นใน หญิงสาวยื่นมือสั่นเทาออกไป เขย่งสุดปลายเท้ากว่าจะหยิบกางเกงชั้นในลงมาจากศีรษะของเขาได้ ตอนนี้หัวใจของเธอเต้นตึกตักราวกับจะทะลุออกมานอกอก
    ใช่ค่ะ” เธอก้มหน้าก้มตายอมรับ แล้วมองชุดชั้นในที่เปื้อนดินทรายด้วยหัวใจที่แสนเจ็บปวด
    เขาหรี่เปลือกตาลงแล้วจ้องเธอด้วยแววตาคมกริบ พยายามเดาว่าเธอเป็นใคร
    คุณเป็นพนักงานของเดอะ แกรนด์ กรุ๊ปใช่ไหม” เขาถามพร้อมๆ กับยื่นชุดชั้นในที่อยู่ในมือไปจ่อที่หน้าของเธอ
    สิ่งที่ไม่น่าเชื่อไม่ใช่ว่าเขาจำเธอไม่ได้ แต่เป็นการที่เธอจำเขาไม่ได้ต่างหาก ตอนนี้เขากำลังสงสัยเพียงว่านี่คือลูกไม้ใหม่ของพนักงานสาวๆ ที่ใช้ดึงดูดความสนใจของเขาหรือเปล่า
    แต่จะมีผู้หญิงคนไหนที่วางแผนดึงดูดความสนใจเขาด้วยการทำตัวให้น่าอเนจอนาถขนาดนี้
    สภาพของเธอเหมือนสินค้าค้างสต็อกมาข้ามปี
    ฟางซวงซวงพยักหน้าแล้วรีบคว้าชุดชั้นในตัวจิ๋วยัดใส่ลงในถุง ปลายนิ้วของทั้งสองสัมผัสผ่านกันชั่วเสี้ยววินาที ทว่าเธอก็รู้สึกถึงไออุ่นที่ส่งผ่านมาจากเขา รวมทั้งชุดชั้นในตัวนั้นก็ยังมีไอร้อนจากมือเขาติดมาด้วย ซึ่งทำให้สองแก้มของเธอแดงเรื่อขึ้นมาอย่างประหลาด
    ขอโทษจริงๆ ค่ะ พอดีฉันกำลังรีบ ถ้าคราวหน้าเจอกันที่โรงอาหาร ฉันจะเลี้ยงอาหารกลางวันเป็นการไถ่โทษนะคะ” เธอละล่ำละลัก จากนั้นก็หันรีหันขวางคิดจะหนีไปให้เร็วที่สุด
    ในขณะที่ฟางซวงซวงกำลังจะตั้งท่าจากไป เขาก็คว้าข้อมือเล็กๆ นั่นไว้ ไออุ่นจากมือใหญ่ไล่ขึ้นมาตามข้อมือของเธอ ทำให้หญิงสาวตกใจจนเกือบส่งเสียงร้องออกมา
    เดี๋ยว” เขาเรียกเธอเอาไว้ จากนั้นก็พิจารณาดวงตากลมโตเป็นประกายชุ่มฉ่ำที่มีแววประหลาดใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด เธอไม่รู้จักเขาจริงๆ ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกสนใจในตัวเธอขึ้นมาอย่างประหลาด
    ฟางซวงซวงมองเขาอย่างอับจนหนทาง จากนั้นสายตาของเธอก็ไล่เรื่อยมาที่นิ้วมือและทรวงอกของเขาโดยไม่รู้ตัว
    บราลูกไม้สีเขียวอ่อนแขวนอยู่บนกระดุมสูทสีดำของเขา มันส่ายไปตามแรงลมราวกับจะหัวเราะเยาะเย้ยในความโชคร้ายของเธอ
    ผมคิดว่าคุณลืมตัวนี้ไปนะ” เสียงทุ้มต่ำของเขาพยายามกลั้นหัวเราะ
    หญิงสาวครางอย่างหัวเสีย จากนั้นก็ยื่นมือสั่นเทาออกไปหาบราตัวนั้น ตอนนี้เธอแทบจะเข้าไปอยู่ในอ้อมอกของเขาแล้ว ใกล้กระทั่งได้กลิ่นน้ำหอมราคาแพงจากตัวของเขา ยิ่งทำให้มือทั้งสองข้างของเธอสั่นมากขึ้น และทำให้เธอหยิบบราตัวนั้นได้ยากขึ้นด้วย
    ถ้าไม่ใช่เพราะบราตัวนี้เธอแลกมาด้วยน้ำพักน้ำแรงมหาศาลแล้วล่ะก็ เธอคงยอมปล่อยมันทิ้งไว้แล้วรีบวิ่งหนีไปแน่ แต่บราตัวนี้เป็นสีที่สวยที่สุดในซีซั่น และเธอต้องสั่งจองถึงสามอาทิตย์กว่าจะได้มาครอบครอง
    เขามองเห็นเศษขนมปังฝรั่งเศสที่ติดอยู่ตรงมุมปากของเธอ และพยายามเดารสชาติของมันว่าจะเป็นอย่างไร สายตาของเขาจับจ้องกลีบปากสีแดงฉ่ำ ทันใดนั้นร่างกายส่วนล่างของเขาก็มีปฏิกิริยาขึ้นมาทันที เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเขาถึงมีปฏิกิริยากับผู้หญิงสภาพแย่ๆ คนนี้ได้
    ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน ผู้หญิงคนนี้ก็ไม่มีอะไรตรงกับความชอบของเขาเลยสักนิด
    เสื้อผ้าสีเทาทั้งชุดห่อหุ้มร่างกายอวบอิ่มเกินกว่าขนาดมาตรฐาน และยังปกปิดส่วนเว้าโค้งของเธอไปจนสิ้น มีเพียงช่วงหน้าอกเท่านั้นที่นูนออกมาจนพอจะเห็นความแตกต่างของรูปร่าง ทรงผมโบราณกับกรอบแว่นตาสีดำที่ใหญ่พอจะสามารถไล่ผู้ชายให้หนีไปด้วยความตกใจ ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็มากพอที่จะทำให้ผู้ชายส่วนใหญ่เดินหลีกทางให้ด้วยความเคารพ
    เพียงแต่ดวงตากลมโตใสแจ๋วกับริมฝีปากแดงฉ่ำนั่นสะกดสายตาของเขาเอาไว้
    ชายหนุ่มชักจะสงสัยว่าตัวเองทำงานหนักมากเกินไป หรืออาหารที่กินเข้าไปเป็นพิษกันแน่ สายตาของเขาไล่ไปตามร่างของหญิงสาว แล้วคาดเดาว่าเธอจะสวมใส่ชุดชั้นในโปร่งบางแบบนั้นในตอนไหน กางเกงชั้นในที่ทำให้ฮอร์โมนของผู้ชายสูบฉีดได้ขนาดนี้ไม่เข้ากันกับผู้หญิงเฉิ่มๆ ที่อยู่ตรงหน้าเขาเลยสักนิด
    ฟางซวงซวงรู้สึกถึงสายตาโลมเลียของเขา ราวกับว่ามีใครใช้เปลวไฟอ่อนๆ มาวาดผ่านจนเธอทำอะไรไม่ถูก มือทั้งสองข้างพยายามรั้งบราสีเขียวอ่อนลงมาสุดกำลัง ในที่สุดเธอก็กระชากอย่างหมดความอดทน เสียงแควกดังขึ้นพร้อมกับที่หญิงสาวเซผงะถอยหลังไปสองสามก้าว ระหว่างที่เธอกำลังชื่นชมบราที่เธอเพิ่งช่วยชีวิตมันมาได้อยู่นั่นเอง สายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นชุดสูทของเขา ชั่ววินาทีนั้นเธอแทบจะล้มลงไปร้องไห้กับพื้นให้มันรู้แล้วรู้รอด
    หญิงสาวเก็บชุดชั้นในเสร็จเรียบร้อยแล้วก็จริง แต่แรงกระชากของเธอทำให้กระดุมสองเม็ดบนชุดสูทชั้นดีราคาแพงหูฉี่หลุดออกมา
    ขอโทษค่ะ ขอโทษจริงๆ ค่ะ” ตอนนี้ริมฝีปากก็พลอยสั่นไปด้วย เธอพยายามคิดหาวิธีการชดเชยความผิด “ฉันมีกล่องเข็มกับด้ายอยู่ในออฟฟิศ เดี๋ยวจะเย็บคืนให้นะคะ” เธอเสนอให้ด้วยความจริงใจ
    ชายหนุ่มหยักริมฝีปากขึ้น กลายเป็นรอยยิ้มที่นานๆ จะปรากฏขึ้นสักที
    ผมกลัวว่าถ้าเอาเสื้อให้คุณ เดี๋ยวมันจะกลายเป็นเศษผ้าไปซะก่อนน่ะสิ” เขาส่ายหน้าแล้วสาวเท้าเข้าไปในประตูใหญ่ของเดอะ แกรนด์ กรุ๊ปโดยไม่สนใจเธออีก
    ฟางซวงซวงหน้าแดงเหมือนลูกตำลึงสุก เพราะเธอโมโหคำพูดขัดน้ำใจของเขา แถมยังไม่มีทางตอบโต้อีกด้วย
    เธอกำชุดชั้นในสีสวยในมือแน่น แล้วพยายามเดาว่าชายหนุ่มคนนั้นเป็นใครมาจากไหน
     
    หล่อนหายไปไหนอีกแล้ว” ผู้จัดการตะเบ็งเสียงจนทุกคนในที่นั้นหยุดงานในมือของตน
    ผู้จัดการศีรษะเกือบล้านถูแก้มมันวาวของตัวเองอย่างขัดใจ แล้วเดินเป็นหนูติดจั่นไปทั่วออฟฟิศ แฟ้มเอกสารวางกองระเกะระกะเต็มทางเดิน แล้วยังมีตุ๊กตาวางไว้มากมายจนอาจทำให้คนอื่นสงสัยได้ว่าที่นี่คือออฟฟิศของเดอะ แกรนด์ กรุ๊ปหรือว่าร้านขายของเล่นกันแน่
    ระดับผู้จัดการหลายคนกำลังวิ่งวุ่นอยู่ในกองของเล่น พยายามควานหาเอกสารสัญญาสำคัญที่ต้องเซ็นกับคู่ค้าที่ประเทศอังกฤษกันจ้าละหวั่น
    ผู้จัดการโทษตัวเองเป็นครั้งที่นับไม่ถ้วนว่าทำไมถึงได้นำเอกสารสำคัญฉบับนั้นมอบให้ฟางซวงซวง
    แต่เรื่องนี้จะโทษเขาก็ไม่ถูก ใครใช้ให้ฟางซวงซวงเกิดมาท่าทางเหมือนกุลสตรีล่ะ เขาก็ไพล่คิดไปว่าผู้หญิงแบบนี้น่าจะละเอียดรอบคอบ สามารถมอบหมายงานให้ได้อย่างสบายใจ ใครจะไปคิดว่าหล่อนจะเป็นผู้หญิงมักง่าย พอมีเรื่องด่วนก็หายตัวไปเสียเฉยๆ แบบนี้
    ผู้จัดการคะ!” ฟางซวงซวงโบกบัตรพนักงานในมือสุดแรง พร้อมกับวิ่งหน้าตั้งเข้ามาในสำนักงาน
    เธอ! สายอีกแล้วนะ! ฉันเตือนเธอไปตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วใช่ไหมว่าวันนี้จะมีเซ็นสัญญากับลูกค้าจากอังกฤษ แล้วคนที่มีหน้าที่รับผิดชอบจัดเก็บสัญญาอย่างเธอเพิ่งจะโผล่หน้ามาตอนนี้น่ะเหรอ รู้ไหมว่าลูกค้ามารอตั้งสองชั่วโมงแล้ว” ผู้จัดการโกรธจนลมออกหู นิ้วที่ชี้มาที่ฟางซวงซวงสั่นด้วยแรงโทสะ
    ถ้าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในเวลาอื่นล่ะก็ คนในบริษัทจะพากันทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แล้วเนียนๆ ให้เรื่องนี้จบไป แต่วันนี้ไม่ใช่วันปกติ เพราะท่านประธานบริษัทบินตรงมาจากอเมริกา และพาผู้บริหารระดับสูงมาเป็นขบวนแห่มังกรด้วย ทุกฝ่ายในบริษัทจึงเตรียมตัวออกมาต้อนรับอย่างพร้อมเพรียง มีเพียงฟางซวงซวงเท่านั้นที่วิ่งกระหืดกระหอบมาเข้างานสาย
    ผู้จัดการคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจนะคะ ฉันพยายามวิ่งกลับมาเต็มที่แล้ว แต่พอดีเจออุบัติเหตุที่หน้าประตู”
    เธออธิบายพลางล้วงหาเอกสารเซ็นสัญญาที่ยับยู่ยี่เหมือนเศษขยะจากถุงกระดาษสีน้ำตาล ระหว่างนั้นเองกางเกงชั้นในหลายตัวก็ร่วงหล่นลงบนพื้น เพื่อนร่วมงานที่เป็นผู้ชายพากันเบือนหน้าหนีอย่างรักษามารยาท
    ฟางซวงซวงสูดลมหายใจเข้าด้วยความตกใจ จากนั้นก็พยายามใช้เท้าเขี่ยให้กางเกงชั้นในเหล่านั้นเข้าไปซุกอยู่ใต้โต๊ะ
    ไม่ต้องมาแก้ตัว!” ผู้จัดการกำลังเข้าสู่โหมดคลุ้มคลั่ง เขาคว้าข้อมือของเธอแล้วลากพาไปที่ห้องผู้บริหารที่อยู่ชั้นบน “เธอเอาเอกสารไปให้ผู้จัดการใหญ่เองกับมือ จากนั้นก็คอยยืนเสิร์ฟน้ำชากาแฟอยู่ตรงนั้น แล้วอย่าเอ่ยปากพูดออกมาแม้แต่คำเดียว!” เขาโมโหจนสั่งให้ฟางซวงซวงไปเป็นเด็กเสิร์ฟ แล้วตัดสินใจว่าหลังจากงานเซ็นสัญญาเขาจะต้องตะเพิดเธอออกจากบริษัทให้เร็วที่สุด
     
    เมื่อก้าวเข้าสู่ลิฟต์ที่จะพาตรงไปสู่ชั้นบนสุด ฟางซวงซวงก็อดเหลือบมองสีหน้าผู้จัดการไม่ได้ พร้อมกับใช้กระจกลิฟต์ตรวจดูสภาพหน้าผมและเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อย จากนั้นก็ทอดถอนใจว่าวันนี้เป็นวันซวยสำหรับเธอแท้ๆ
    รออยู่ตรงนี้!” ผู้จัดการออกคำสั่งให้เธอรออยู่ในห้องพักผ่อน จากนั้นเขาก็ก้าวเข้าสู่ห้องเซ็นสัญญา และบอกสถานการณ์ทุกอย่างให้ลูกค้าสบายใจ
    ในห้องพักผ่อนยังมีเด็กหญิงอายุประมาณเจ็ดขวบนั่งอยู่ตรงมุมห้อง ใบหน้าจิ้มลิ้มเข้ากับเส้นผมหยักศกเป็นลอนสวย หนูน้อยสวมชุดกระโปรงผ้าฝ้ายเนื้อดีเหมือนตุ๊กตาน้อยๆ ที่ใครเห็นก็ต้องหลงรัก
    แต่ดูเหมือนดวงตางดงามคู่นั้นจะแฝงไปด้วยความโกรธเกรี้ยว แขนเล็กๆ คู่นั้นกอดหนังสือปกแข็งเล่มหนาไว้แน่น
    คราวนี้เด็กน้อยจับหนังสือฟาดกับโต๊ะจนเป็นรอยไปทั่วหน้าปก
    นี่ หนังสือเขาไว้ใช้อ่านนะจ๊ะ ไม่ใช่เอามาทุบโต๊ะเล่น” ฟางซวงซวงเดินไปหาเด็กหญิงด้วยความแปลกใจ จากนั้นก็ห้ามปรามด้วยรอยยิ้ม บ้านของเธอเปิดเนอสเซอรี่ เพราะฉะนั้นการรับมือกับเด็กแบบนี้เป็นเรื่องง่ายมากสำหรับเธอ
    เพียงแต่เด็กหญิงไม่สนใจคำพูดของเธอแม้แต่น้อย หนูน้อยเชิดคางขึ้นแล้วใช้ดวงตาคู่สวยมองจิกหญิงสาวด้วยความไม่พอใจ
    นี่มันหนังสือของฉัน ฉันจะทำอะไรกับมันยังไงก็เป็นเรื่องของฉัน เธอไม่เกี่ยว” ตอนนี้หย่งซินกำลังอารมณ์เสียและมองผู้หญิงที่ไม่รู้ความตรงหน้าด้วยความหงุดหงิด หนูน้อยกำลังโกรธที่พ่อของเธอทำโทษให้เธอต้องมาอยู่ในห้องนี้ เพราะเมื่อวานนี้เธออาละวาดไล่ครูพี่เลี้ยงคนหนึ่งจนเตลิดเปิดเปิง
    ในปีนี้หนูน้อยอาละวาดไล่ครูพี่เลี้ยงไปแล้วทั้งหมดห้าคน แต่กลับไม่รู้สึกผิดเลยสักนิด เพราะครูพี่เลี้ยงพวกนั้นหวังจะมาตกถังข้าวสารกันทั้งนั้น ปากก็ว่าจะมาดูแลให้การศึกษากับเธอ แต่เป้าหมายที่แท้จริงอยู่ที่พ่อของเธอต่างหาก ครูพี่เลี้ยงพวกนั้นทำตัวเป็นหญิงสาวที่แสนดีเวลาอยู่ต่อหน้าพ่อ แต่พอลับหลังเท่านั้นก็แปลงร่างกลายเป็นคุณนายท่านประธาน และวินาทีที่เธอหลับ ผู้หญิงพวกนั้นก็จะวิ่งโร่ไปหาพ่อของเธอที่ห้องทันที
    อย่างเช่นเมื่อคืนนี้หนูน้อยเห็นครูพี่เลี้ยงคนนั้นสวมชุดโปร่งบางเดินเข้าไปในห้องหนังสือของพ่อ เธอจึงแอบปล่อยสุนัขตัวใหญ่พันธุ์ดุเข้าไป จนผู้หญิงคนนั้นถูกกัดจนเสื้อผ้าขาดเป็นริ้วๆ
    เธอรังเกียจผู้หญิงเหล่านั้นที่ชอบวางแผนให้ท่าพ่อของเธอ แต่ละคนดูเหมือนจะมีแผนชั่วมากขึ้นเรื่อยๆ ปากก็ว่าสามารถดูแลเธอได้ แต่เอาเข้าจริงกลับใช้เธอเป็นสะพานข้ามไปหาพ่อ แต่พ่อกลับไม่ยอมฟังคำอธิบาย แล้วโยนความผิดทั้งหมดมาไว้ที่เธอคนเดียว
    หย่งซินฟาดหนังสือกับมุมขอบโต๊ะ กะจะทำให้หนังสือแหลกสลายคามือเลยทีเดียว
    แต่ฟางซวงซวงไม่ใช่คนขวัญอ่อนที่ตกใจอะไรง่ายๆ แม้รอยยิ้มจะแหยลงแต่ก็ยังไม่หายไปจากใบหน้า “เด็กน้อย ไม่มีครูคนไหนสอนมารยาทให้เหรอจ๊ะ” หญิงสาวพูดกับเด็กหญิงด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเป็นพิเศษ
    มารยาทงั้นเหรอ ทำไมฉันต้องมีมารยาทกับเธอด้วย อีกอย่าง ครูพวกนั้นก็ไม่ได้สอนมารยาท แต่สอนวิธียั่วยวนพวกผู้ชายให้ฉันมากกว่า” หย่งซินตั้งใจแสดงท่าทางหยาบคายเต็มที่ เด็กหญิงเลียนแบบท่าทางของพวกคุณอาทั้งหลายเวลาที่พวกเขาคุยกัน และเพราะเด็กน้อยมักจะถูกกล่าวหาว่าเป็นคนผิด จึงสะสมบ่มเพาะความก้าวร้าวเอาไว้ในใจตลอดมา
    ฟางซวงซวงเบิกตากว้างเอามือทาบอกด้วยความตกใจ ไม่อยากจะเชื่อว่าเด็กหญิงหน้าตาน่ารักตรงหน้ากลับแสดงกิริยาไม่ผิดไปจากแม่ค้าในตลาด “ฉันอยากจะเจอผู้ปกครองของหนูจริงๆ อยากจะรู้ว่าเขาอบรมหนูมายังไง”
    อยากเจอเขางั้นเหรอ คิดจะปีนขึ้นเตียงพ่อด้วยอีกคนใช่ไหม เธอจะได้คุยเรื่องการอบรมฉันบนเตียงของพ่อด้วย แต่พ่อของฉันเป็นผู้ชายเพอร์เฟ็กต์ขนาดนั้น ไม่มีทางชายตามองผู้หญิงทั้งอ้วนทั้งน่าเกลียดอย่างเธอหรอก” หย่งซินพูดอย่างเกรี้ยวกราด และเหมารวมว่าฟางซวงซวงก็เป็นผู้หญิงใจง่ายอีกคนหนึ่ง
    เปลือกตาหลังกรอบแว่นสีดำหรี่ลง นัยน์ตาใสแจ๋วมีเปลวเพลิงแห่งความโกรธเกรี้ยวลุกโชนขึ้น ครอบครัวของเธอคุ้นเคยกับการดูแลเด็กๆ มากกว่าใครๆ ก็ว่าได้ แล้วทำไมเธอจะจัดการกับพฤติกรรมหยาบคายของหย่งซินไม่ได้ ตอนนี้หญิงสาวไม่ได้โกรธที่เด็กน้อยปรามาสรูปลักษณ์ของเธอ แต่โกรธที่เด็กน้อยไม่มีมารยาทต่างหาก
    ฟางซวงซวงสืบเท้าเข้าไปนิ่งๆ หายใจเข้าออกตามปกติ เตรียมพร้อมโจมตีโดยไม่ให้อีกฝ่ายตั้งตัว
    หญิงสาวกำสองมือแน่น พยายามฝืนยิ้มออกมา เตือนตัวเองว่าตอนนี้เธอกำลังอยู่ในบริษัท และเด็กขาดการอบรมคนนี้คงเป็นลูกสาวของผู้บริหารระดับสูงสักคน เพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้องตัวเองเธอจะต้องอดทนเอาไว้
    เด็กผู้หญิงไม่ควรพูดจาแบบนี้นะจ๊ะ” ฟางซวงซวงกัดฟันพูด
    หย่งซินแค่นเสียงหึเหมือนไม่เห็นฟางซวงซวงอยู่ในสายตา จากนั้นรอยยิ้มชั่วร้ายก็ผุดขึ้นที่ริมฝีปากเล็กๆ ของเด็กหญิงพร้อมกับเสียงหัวเราะเย็นยะเยือก ดวงตาใสแจ๋วคู่นั้นมองไปทางฟางซวงซวง ก่อนจะค่อยๆ ยื่นมือออกไปจับแผ่นกระดาษและฉีกออกช้าๆ
    เสียงกระดาษขาดออกจากกันบาดลึกไปทั่วทุกอณูของห้องพัก หน้ากระดาษหนังสือถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้วร่วงหล่นลงบนพื้นพรมหนานุ่ม
    ฟางซวงซวงรู้สึกว่าเส้นประสาทในสมองของเธอขาดผึงออกจากกันเหมือนมีใครมาวางระเบิดเอาไว้ โทสะพลุ่งพล่านจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เธอพุ่งไปข้างหน้าแล้วผลักหนูน้อยจนล้มลงไปกองกับพื้น ก่อนกระหน่ำตีบั้นท้ายของหย่งซินโดยไม่ยั้งมือ
    เด็กหญิงกรีดร้องเสียงหลง เพราะคิดไม่ถึงว่าจะมีใครกล้าทำแบบนี้กับเธอได้
    ปล่อยนะ! นังผู้หญิงน่าเกลียด ไม่อยากมีชีวิตอยู่บนโลกนี้แล้วใช่ไหม รู้ไหมว่าฉันเป็นใคร” เด็กน้อยร้องด้วยความตกใจและพยายามดิ้นรนสุดกำลัง เมื่อเธอถูกตีครั้งแล้วครั้งเล่า หยดน้ำตาก็เริ่มเอ่อออกมาจากดวงตาเล็กๆ
    ถึงจะเป็นลูกสาวของเทวดาที่ไหน ฉันก็จะตีหนูแบบนี้แหละ เด็กเกเรสามารถสอนได้ด้วยคำพูด แต่เด็กชั่วร้ายอย่างหนูจะต้องใช้วิธีนี้” ฟางซวงซวงฟาดมือลงไปไม่ยั้ง และพยายามจับเด็กหญิงที่ดิ้นพราดด้วยความทุลักทุเล
    ตั้งแต่เล็กจนโตหย่งซินไม่เคยถูกตีเลยสักครั้ง แล้วเธอจะรับการลงโทษด้วยวิธีนี้ได้อย่างไร เธอเคยชินเสียแล้วกับการที่ทุกคนดูแลเธอราวกับไข่ในหิน ถึงแม้จะทำผิด แต่คนรอบกายเธอก็ยังคงต้องฝืนยิ้ม ไม่มีใครเคยเป็นอย่างผู้หญิงคนนี้มาก่อนที่มาต่อว่าและลงไม้ลงมือเธอเพราะความหยาบคายและไร้มารยาทของเธอ
    ราวกับว่าผู้หญิงคนนี้ และไม่ได้คิดจะเข้าหาพ่อของเธอด้วยเป็นห่วงเธอจริงๆ
    ทันใดนั้นหัวใจของหย่งซินก็บังเกิดความรู้สึกประหลาด แต่ความเจ็บปวดจากบั้นท้ายกลับกลบความรู้สึกนั้นจนหมด เด็กหญิงร้องโหยหวนราวหมูถูกเชือด และพยายามดิ้นรนให้หลุดจากท่อนขาของฟางซวงซวง
    นอกจากจะไร้มารยาท หนูยังไม่รู้จักรักษาหนังสือด้วย รู้ไหมว่ายังมีเด็กอีกหลายคนที่ไม่มีโอกาสได้อ่านหนังสืออย่างนี้ด้วยซ้ำ ทำไมหนูถึงไม่รู้จักรักษาของ” เพลิงโทสะของฟางซวงซวงเหมือนจะดับไม่ได้ง่ายๆ เพราะเมื่อไรที่เธอโกรธ สติสัมปชัญญะทุกอย่างจะหายไปทันที
    ประตูห้องเซ็นสัญญาเปิดออก ผู้คนที่อยู่ในนั้นยืนแข็งค้างด้วยความตกตะลึง สิ่งแรกที่พวกเขาเห็นคือหญิงบ้าคนหนึ่งกำลังฟาดฝ่ามือลงบนร่างของเด็กน้อยที่กำลังร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด
    ฟางซวงซวงชะงักเพราะนึกไม่ถึงว่าอยู่ๆ ประตูห้องเซ็นสัญญาจะถูกเปิดออก มือของเธอแข็งค้างอยู่กลางอากาศ แล้วมองชายกลุ่มหนึ่งที่ยืนนิ่งอยู่หน้าห้องอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปดี
    เมื่อผู้จัดการเห็นว่าเด็กที่ฟางซวงซวงกำลังลงโทษเป็นใครก็เริ่มเข่าอ่อนจะล้มพับ เพราะรับไม่ได้กับสถานการณ์ตรงหน้า ก่อนที่เขาจะหมดสติ ดูเหมือนเขาจะเห็นเงินบำนาญกำลังบินออกจากกระเป๋าสตางค์ เขาเสียใจเหลือเกินที่รับฟางซวงซวงเข้ามาทำงานในตอนนั้น เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าผู้หญิงคนนี้จะกล้าลงมือกับนางฟ้าตัวน้อยของพระเจ้าแห่งบริษัทนี้ได้
    เมื่อหย่งซินมองเห็นตัวช่วยก็เริ่มดิ้นรนอีกครั้ง แล้วพลิกตัวหนีให้หลุดพ้นจากฟางซวงซวงให้เร็วที่สุด เด็กน้อยโผเข้าไปกอดขาพ่อของตัวเองแล้วร้องไห้เสียงดัง “พ่อขา ผู้หญิงน่า” น้ำตาไหลออกมาเหมือนเขื่อนแตกอาบใบหน้าเล็กๆ นั่นน่าเกลียดคนนั้นตีหนู
    ชายหนุ่มไม่ได้ยื่นมือออกไปปลอบโยนลูกสาว แต่กลับตวัดสายตาคมกริบไปยังร่างของฟางซวงซวง วินาทีที่เขาจำเธอได้ นัยน์ตาสีดำก็หรี่เล็กลงทันที
    ฟางซวงซวงชะงักและหน้าแดงเรื่อเพราะจำเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ได้ พ่อของเด็กหญิงก็คือคนที่เธอมีวาสนาได้พบตรงหน้าประตูอาคารเดอะ แกรนด์ กรุ๊ป แถมยังได้เห็นชุดชั้นในรุ่นล่าสุดที่เธอเพิ่งไปสอยมาด้วย ดูจากผู้จัดการทั้งหลายที่ยืนรายล้อมเขาอยู่ ตำแหน่งของเขาคงจะไม่เบาเลยทีเดียว
    ทำไมถึงตีลูกผม” เขาถามด้วยน้ำเสียงนิ่งสนิท แต่กลับให้ความรู้สึกเสียวสันหลังวาบ เขาไม่ได้รู้สึกโกรธ แต่กลับประหลาดใจที่ผู้หญิงคนนี้กล้าลงไม้ลงมือกับลูกสาวของเขา
    ลูกสาวของเขามีไอคิวสูงกว่าเด็กในวัยเดียวกันมาก และความฉลาดเหล่านั้นไม่ได้ใช้ในเฉพาะด้านการเรียนเท่านั้น ยังใช้ในการกลั่นแกล้งคนอื่นๆ ด้วย แต่เป็นเพราะฐานะของเขาทำให้คนเหล่านั้นไม่กล้าแสดงความไม่พอใจ หย่งซินจึงยิ่งเหิมเกริมและก้าวร้าวมากขึ้นทุกวันจนไม่มีใครสามารถกำราบได้ และเขาเองก็ต้องมาพลอยปวดหัวกับการศึกษาของลูกอยู่อย่างนี้
    ก็ดูพฤติกรรมของลูกคุณสิ แบบนี้ใช้ได้ที่ไหนกัน” ฟางซวงซวงตอบพร้อมชูเศษกระดาษที่หย่งซินฉีกไปเมื่อครู่ “คุณควรจะสอนให้ลูกรู้จักทะนุถนอมหนังสือ รวมถึงกิริยามารยาทของลูกคุณด้วย ไม่อย่างนั้นแกจะกลายเป็นเด็กข้างถนนที่วันๆ รู้จักแต่พูดจาหยาบคาย”
    ลูกผมไม่พูดคำหยาบ”
    เด็กอาจจะไม่พูดต่อหน้าคุณ แต่พออยู่กับฉันดูเหมือนจะพูดได้คล่องกว่าให้แกท่องเอบีซีซะอีก” ความรู้สึกหวั่นไหวประหลาดเมื่อตอนหลังพักกลางวันเข้ามาจู่โจมเธออีกครั้ง เธอพยายามสุดความสามารถในการพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ปัญหาของหย่งซิน
    มีเพียงเธอคนเดียวที่รู้ว่าตอนนี้ฝ่ามือของเธอมีเหงื่อซึมออกมาเต็มไปหมด ไม่รู้ว่าทำไมทุกครั้งที่เจอหน้าเขาจะต้องเกิดอาการประหลาดแบบนี้ด้วย เธอไม่กล้าสบตากับเขา แต่ประสาทการรับรู้กลับฉับไวพอจะจับได้ว่าสายตาของเขากำลังไล่มองไปตามร่างกายของเธออีกครั้งโดยไม่ให้พลาดไปแม้แต่จุดเดียว
    ชายหนุ่มขมวดคิ้วแล้วตวัดสายตาไปที่ลูกสาว
    หย่งซินหลบสายตาอย่างคนที่รู้ตัวเองว่าผิด แต่ก็ยังทำท่าออดอ้อนร้องห่มร้องไห้เหมือนเดิม “พ่อคะ อย่าไปเชื่อที่ผู้หญิงคนนั้นพูดนะคะ” เด็กหญิงทำเสียงออดอ้อน เพราะกลัวว่าพ่อของตนจะเชื่อคำของผู้หญิงคนอื่น
    เขาขมวดคิ้วแน่น “ดูเหมือนว่าเขาจะพูดไม่ผิดนะ มารยาทของลูกจะต้องปรับปรุงจริงๆ”
    เขาเองก็รู้ดีว่าภายใต้ท่าทางออดอ้อนออเซาะของลูกสาวได้ซุกซ่อนความร้ายกาจอะไรไว้บ้าง ถึงแม้เด็กหญิงจะอายุเพียงเจ็ดขวบ แต่ก็รู้อะไรๆ มากมายจนเรียกได้ว่าเป็นเด็กแก่แดด และใช้อำนาจของคุณหนูใหญ่กดขี่คนอื่นๆ
    ถ้าคุณกำชับเรื่องนี้กับครูที่โรงเรียนก็น่าจะช่วยได้เยอะ เด็กอายุขนาดนี้กำลังเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้ไว” ฟางซวงซวงเสนอแนะขึ้นมา ทันใดนั้นก็เห็นผู้จัดการของเธอส่งสายตาบางอย่างเหมือนกำลังต้องการจะสื่อสารอะไรกับเธอ
    เธอเอียงศีรษะด้วยความสงสัย เกือบจะหลุดปากถามออกไปแล้วว่ากล้ามเนื้อใบหน้าของเขากำลังชักกระตุกอยู่หรือเปล่า
    แต่ทันทีที่ชายหนุ่มเอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง ความสนใจของเธอก็ไขว้เขวไปหาเขาทันที ผู้ชายคนนี้เกิดมาเพื่อเป็นจุดสนใจจริงๆ เพราะเมื่อไรที่เขาพูด ทุกคนจะต้องหยุดเพื่อฟังเขา
    นี่มันคนเผด็จการชัดๆ เผด็จการพอที่จะขึ้นเป็นพระราชาได้เลยทีเดียว เขาทำให้ทุกคนไม่สามารถเบนสายตาไปจากเขา ต้องฟังและปฏิบัติตามคำสั่งของเขาเท่านั้น
    ลูกผมไม่ได้เข้าโรงเรียน ผมจ้างครูพี่เลี้ยงมาสอนแทน แต่ก็ไม่มีใครมีความสามารถมากพอจะอบรมลูกผมได้สักคน” เขาก้าวขึ้นมาข้างหน้าโดยไม่สนใจท่อนแขนเล็กๆ ของลูกสาวที่เกาะขาเขาอยู่เลยแม้แต่น้อย
    ถ้าอย่างนั้นคุณก็ควรอยู่ใกล้ชิดเด็กให้มากขึ้น เพราะคำพูดของพ่อแม่จะมีผลต่อลูกมากที่สุด” ฟางซวงซวงคิดถึงกลยุทธ์ในการดูแลเด็กจากเนอสเซอรี่ และนำข้อมูลเหล่านั้นมาแนะนำเขา
    ไม่ต้องให้เธอมายุ่งหรอก” หย่งซินตวาดด้วยความตกใจ เธอรักพ่อก็จริง แต่เธอก็กลัวพ่อของเธออยู่บ้าง ถ้าหากเธอเรียนในสิ่งที่พ่อสอนไม่รู้เรื่อง แล้วเธอจะสู้หน้าเขาได้อย่างไร
    หย่งซิน” เขาก้มหน้ามองลูกสาวแล้วส่งเสียงปรามนิ่งๆ เพราะรู้ดีว่ามารยาทของลูกสาวย่ำแย่ขนาดไหน เขาหันหน้าไปมองฟางซวงซวง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ทำไมทุกครั้งที่เขามองเธอ หัวใจของเขาจะเกิดความรู้สึกดีๆ ขึ้นมา เมื่อหันไปมองเธออีกครั้งเขาก็รู้สึกว่าก้อนน้ำแข็งที่ปิดผนึกหัวใจเขากำลังปริออกจนความสุขสามารถผ่านเข้าไปได้
    ระหว่างที่เขากำลังมองฟางซวงซวงอยู่นั่นเอง ความคิดหนึ่งก็แวบเข้ามาในสมอง เขาค่อยๆ คลี่ยิ้มออกแล้วพูดว่า “คุณยินดีที่จะรับภาระอันยิ่งใหญ่นี้ไหม”
    คนอื่นๆ ที่อยู่ในห้องนั้นพากันสูดลมหายใจเฮือกเมื่อได้ยินประโยคเมื่อครู่ ส่วนหย่งซินที่คุกเข่าอยู่กับพื้นกลับอ้าปากกว้างมองพ่อของตนด้วยใบหน้าซีดขาว ตอนนี้หัวใจของเธอหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่ม เพราะรู้ดีว่าเมื่อไรที่พ่อของเธอตัดสินใจ เขาจะไม่มีวันเปลี่ยนใจเด็ดขาด
    นี่มันเรื่องอะไรกัน เธอเพิ่งจะไล่ครูพี่เลี้ยงออกไปคนหนึ่งก็มีอีกคนเข้ามาแทนที่ได้เร็วขนาดนี้เลยงั้นเหรอ ผู้หญิงตรงหน้านอกจากจะแต่งตัวไม่ได้เรื่องแล้ว ยังพูดจากับเธอไม่เหมือนกับคนอื่นๆ แถมยังกล้าลงไม้ลงมือกับเธออีก ถ้าให้ฟางซวงซวงมาเป็นครูพี่เลี้ยงของเธอล่ะก็ บั้นท้ายเล็กๆ ของเธอคงได้ช้ำเลือดช้ำหนองแน่
    ฟางซวงซวงเองก็ตกใจไม่แพ้คนอื่นๆ เพราะคิดไม่ถึงว่าจะได้รับข้อเสนอเช่นนี้ เธอตัวแข็งค้างแต่ก็พยายามฝืนยิ้มออกมา
    ต้องขออภัยจริงๆ ค่ะที่ฉันต้องปฏิเสธข้อเสนอของคุณ ฉันยังมีงานมีการทำ ส่วนครูพี่เลี้ยงของคุณหนูคงต้องใช้คนที่มีประสบการณ์มากกว่านี้ แล้วเดอะ แกรนด์ กรุ๊ปก็มีกฎว่าห้ามพนักงานรับงานสองอย่าง” เธอเช็ดเหงื่อที่ไหลมาตามแก้ม เริ่มสงสัยแล้วว่าตัวเองจะต้องเจอเรื่องยุ่งยากแน่ๆ
    ชายหนุ่มหยักยิ้มอย่างเย่อหยิ่งและดูอันตรายซึ่งพอจะทำให้คนอื่นๆ ยอมยกธงขาวยอมแพ้เขาได้
    ง่ายมาก ตอนนี้คุณถูกไล่ออกแล้ว จากวันนี้เป็นต้นไปให้ไปรายงานตัวที่บ้านของผม ทำหน้าที่เป็นครูพี่เลี้ยงให้ลูกสาวของผม” เขาพูดอย่างวางอำนาจจบก็สาวเท้าออกจากห้องพักผ่อน โดยไม่รอฟังคำคัดค้านของใครทั้งสิ้น
    ตอนแรกฟางซวงซวงยืนตัวแข็งทื่อด้วยความตกตะลึง สติสัมปชัญญะทั้งหมดกำลังถูกเพลิงโทสะกัดกิน เธอไม่เคยเจอใครที่เผด็จการขนาดนี้มาก่อน เขาถือดีอย่างไรถึงได้มาตัดสินชีวิตการทำงานของเธอแบบนี้ ไม่น่าสงสัยเลยว่าทำไมหย่งซินถึงได้หยาบคายและเอาแต่ใจตัวเองขนาดนี้ ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นชัดๆ!
    เดี๋ยวก่อน คุณถือดียังไงถึงมาไล่ฉันออก” เธอตะโกนเสียงดังพร้อมกับพุ่งเข้าไปดึงข้อมือของเขาเอาไว้ “คุณรู้ไหมว่าฉันต้องลำบากขนาดไหนกว่าจะได้งานนี้มา ถึงฉันจะยังทำงานได้ไม่ค่อยดีก็เถอะ แต่ค่อยๆ เรียนรู้ไปก็ได้ คุณไม่มีสิทธิ์ไล่ฉันออก” เธอมองไปรอบๆ เพื่อขอความช่วยเหลือ แต่สายตาที่ทุกคนส่งกลับมามีแต่ความสิ้นหวัง
    เขาชะงักฝีเท้าแล้วมองเธอด้วยหางตาเหมือนเธอเป็นเพียงแมลงตัวเล็กๆ ที่ไม่มีความสำคัญ
    คุณฟาง เชื่อผมเถอะว่าทั้งบริษัทนี้ผมเป็นคนที่มีสิทธิ์ไล่คุณออกได้มากที่สุด” เขาค่อยๆ ยื่นมือออกไปแตะตรงกรามของเธอและค่อยๆ เชยขึ้น เขาบีบมันก่อนจะคลายมือออกแล้วพูดพร้อมรอยยิ้มเย็นเยือก “สำหรับพนักงานที่เข้ามาทำงานบริษัทได้สองเดือนแต่กลับจำประธานบริษัทไม่ได้ ผมจะเก็บเอาไว้ทำงานต่อทำไม” พูดจบเขาก็สาวเท้าออกไปจากห้องทันที มีผู้จัดการฝ่ายต่างๆ วิ่งตามไปด้วยความกลัวเกรง
    ฟางซวงซวงเข่าอ่อนทรุดตัวลงไปนั่งกับพรม แล้วมองตามประตูที่ปิดลงด้วยความตื่นตระหนก คำพูดที่เขากล่าวก่อนจะเดินออกไปลอยวนเวียนอยู่ในหัวของเธอ หญิงสาวคิดถึงคำพูดเหล่านั้นด้วยความหวาดผวา เหงื่อเย็นๆ ไหลออกมารวดเร็วกว่าน้ำตาของหย่งซินเสียอีก
    สัมผัสของเขาเมื่อครู่ทิ้งไออุ่นให้อ้อยอิ่งอยู่บนผิวของเธอ ราวกับตั้งใจจะไม่ให้เธอลืมสัมผัสของเขา
    ในที่สุดหญิงสาวก็นึกออกว่าเคยเจอใบหน้าเย่อหยิ่งและดุดันนี้จากที่ไหน ก่อนหน้านี้เธอเคยเห็นรูปของเขาในจดหมายข่าวในบางครั้ง ดังนั้นเมื่อต้องมาเผชิญหน้ากัน คนขี้ลืมอย่างเธอจึงจำหน้าเขาไม่ได้ ฟางซวงซวงครางด้วยความเจ็บใจแล้วซุกหน้าลงกับฝ่ามือ
    เขาคือหย่งเต๋อ ประธานบริษัทเดอะ แกรนด์ กรุ๊ป ผู้ชายมหัศจรรย์ที่สามารถกุมอำนาจในธุรกิจหลายๆ ประเภทได้ภายในไม่กี่ปี ว่ากันว่าเขามีหัวการค้าในระดับอัจฉริยะ แล้วยังมีโชคอย่างไม่น่าเชื่อ เขาแทบจะไม่เคยมีเรื่องติดขัดทางธุรกิจเลย สิ่งที่เขาพูดศักดิ์สิทธิ์พอๆ กับราชโองการ ไม่มีใครกล้าคัดค้านเขาเลยแม้แต่คนเดียว
    พระเจ้า นี่ฉันทำเรื่องแบบนี้ต่อหน้าเขาได้ยังไง!” หญิงสาวหน้าแดง และกำลังคิดจะแทรกแผ่นดินมุดหนีไปจากบริษัทแห่งนี้เสีย เพราะเธอไม่มีหน้าสู้เขาได้อีกแล้ว
    แต่เธอไม่มีความกล้าพอที่จะหนีไป ไม่รู้เพราะอะไรเธอถึงรู้สึกว่าไม่ว่าใครก็ไม่สามารถหลุดรอดสายตาของหย่งเต๋อไปได้ แล้วเขาก็มีราชโองการให้เธอไปเป็นครูพี่เลี้ยง เธอจึงไม่มีทางปฏิเสธได้เลย
    หย่งซินยังคงกัดฟันร้องไห้อยู่ตรงนั้น ดวงตาใสแจ๋วแพรวพรายเพราะหยดน้ำตาที่สะท้อนแสงไฟมองมาทางฟางซวงซวง พลางคิดว่าเธอจะต้องหาวิธีแก้เผ็ดนางมารร้ายคนนี้ให้ได้ เธออุตส่าห์ไล่ครูพี่เลี้ยงไปแล้วตั้งหลายคน แล้วผู้หญิงคนนี้ก็ดูทั้งโง่ทั้งเซ่อซ่า เธอเชื่อว่าคงใช้เวลาไม่นานในการจัดการกับครูพี่เลี้ยงคนใหม่
    แต่สิ่งที่เด็กน้อยคิดไม่ถึงก็คือแม้ฟางซวงซวงจะไม่ฉลาด แต่คนไม่ฉลาดมักจะมีลักษณะพิเศษอย่างหนึ่งคือความดื้อรั้น
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×