ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SECRETROOM.

    ลำดับตอนที่ #1 :

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 15
      0
      10 พ.ค. 56

    cHApter 1

     

    “คริสส องค์ราชินีจะให้เจ้าไปที่มอนดิอาเล่อย่างนั้นเหรอ” เสียงหวานที่ติดจะแหลมดังขึ้นพร้อมกับร่างบางๆของเทวาตัวน้อยที่โผล่พรวดพราดเข้ามาในห้อง มือบางเขย่าแขนอีกคนยิกๆอย่างต้องการคำตอบ

     

    “จุนมยอนบอกมาหรือไง” คริสเอ่ยถามพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย

     

    “ก็ข้าเห็นสมควรว่าควรบอกแพคฮยอนและคนอื่นๆนี่นา” เจ้าของชื่อที่ถูกเอ่ยถึงเดินยิ้มๆเข้ามาในห้อง ข้างหลังมีร่างสูงสองร่างเดินตามเข้ามาด้วย

     

    “ยุ่งชะมัด” คริสพึมพำเบาๆก่อนจะแกะมือแพคฮยอนที่เขย่าแขนตัวเองอยู่ออก

     

    ให้ตาย.. เขาไม่น่าบอกจุนมยอนเลย ได้แต่คิดอย่างหัวเสียเล็กน้อยแต่ก็ทำอะไรไม่ได้

     

    “องค์ราชินีให้ท่านพี่ไปทำไมกันครับ” ร่างสูงของผู้เป็นน้องชายเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้สีขาวตัวใหญ่ในห้องก่อนจะยิงคำถามใส่คนเป็นพี่ทันที ดวงตาคมมองร่างของแพคฮยอนที่เดินล้อมหน้าล้อมหลังคริสอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก

     

    “แพคฮยอนหยุดน่ามันเวียนหัว..” มือใหญ่ของคริสดันตัวอีกคนออกห่างเล็กน้อยก่อนจะเปิดปากตอบคำถามน้องชายสั้นๆ

     

    “ข้าก็ไม่รู้อะไรมากหรอก องค์ราชินีสั่งแค่ให้ข้าไปดูแลเขาก็เท่านั้น”

     

    “ดูแล!? ทำไมต้องไปดูแลเขาด้วยล่ะ ชาวมอนด์ทุกคนต่างก็ได้รับความคุ้มครองจากชาวไจล์อย่างเราอยู่แล้วนี่นา” สิ้นเสียงทุ้มของร่างที่สูงที่สุดในห้อง แพคฮยอนก็โพล่งขึ้นมาเสียงดังทันที

     

    “ข้าไม่รู้”

     

    “ให้ข้าไปด้วยนะ” แพคฮยอนเอ่ยพลางส่งยิ้มหวาน ดวงตาโตพยายามส่งสายตาออดอ้อน แต่แล้วก็ต้องหุบยิ้มฉับเมื่อเสียงของร่างสูงอีกคนขัดขึ้น

     

    “เจ้าจะไปทำไมกัน เกะกะพี่ชายข้าเปล่าๆ” ร่างสูงของเซฮุนลุกขึ้นเดินไปคว้าตัวอีกคนออกห่างพี่ชายตนก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เจือความฉุน คิ้วเข้มขมวดมุ่น ดวงตาคมฉายแววไม่พอใจเล็กน้อย

     

    “แล้วเจ้ามายุ่งอะไรด้วยเล่า จุนมยอนน ช่วยข้าหน่อยสิ”

     

    “ข้าเห็นด้วยกับเซฮุนนะ” เทวาตัวขาวเจ้าของชื่อที่ถูกร้องเรียกให้ช่วยพูดยิ้มๆก่อนจะหันไปคุยกับเทวาผิวคล้ำข้างๆอย่างไม่คิดจะสนใจอีก

     

    “ใจร้ายที่สุด!

     

    .

     

    .

     

    .

     

     

    .

     

    .

     

    แล้ววันนี้ก็มาถึง.. วันที่เขา อู๋อี้ฟาน หรือ เทวาคริส ต้องลงไปยังมอนดิอาเล่เพื่อไปดูแลใครบางคนตามคำสั่งขององค์ราชินี ใครบางคนที่เขาไม่รู้จักเลยสักนิด หน้าก็ไม่เคยได้เห็น ถึงชาวไจล์อย่างพวกเขาจะต้องคอยดูแลชาวมอนด์และเคยเห็นหน้าขาวมอนด์ทุกคน แต่แน่ล่ะชาวมอนด์มีเป็นล้าน เขาคงไม่คิดจะจดจำใบหน้าใครเป็นพิเศษหรอก..

     

    รายละเอียดของคนที่เขาต้องไปดูแลมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่เขารู้ คือชื่อของคนๆนั้น..

     

     

    ยังซึงโฮ..

    แต่ในมอนดิอาเล่คงไม่ได้มียังซึงโฮเพียงคนเดียว แล้วเขาจะรู้ได้อย่างไร..

     

     

    “ข้าจะหาเขาเจอได้อย่างไร” เสียงทุ้มเอ่ยถามหญิงสาวผู้สูงศักดิ์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ยินดียินร้ายเท่าไหร่นัก

     

    “ข้าจะส่งเจ้าไปหาเขาเอง”

     

    สิ้นเสียงนั้นมือบางของผู้ที่สูงศักดิ์กว่าก็วาดมือเป็นรูปวงกลมตรงหน้าเขา ริมฝีปากบางพึมพำบางอย่างซึ่งเขาคาดว่าคงเป็นเวทย์มนตร์คาถาอะไรสักบท แสงสีขาวนวลสว่างวาบขึ้นที่ฝ่ามือบาง ริมฝีปากบางพ่นกลุ่มควันสีหมอกออกมาอย่างแผ่วเบา ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบ..

     

     

     

     

     

    ..เสียงโน๊ตเปียโนดังตึ่งเป็นเสียงสุดท้ายก่อนมือเรียวละจากคีย์บอร์ดสีขาว ร่างทั้งร่างลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูง โค้งให้กับผู้คนในร้านอาหารที่ส่งเสียงปรบมือให้เล็กน้อย ริมฝีปากอิ่มยิ้มกว้างทิ้งท้ายก่อนจะเดินลงจากเวทีขนาดย่อม

     

    “พี่ซึงโฮของผมเก่งอีกแล้ว!” เจ้าของร่างสูงๆวิ่งไปหาพี่ชายของตนที่พึ่งลงจากเวที บนใบหน้าหล่อปรากฏรอยยิ้มกว้างจนแก้มกลม

     

    “ก็เหมือนทุกๆวันล่ะหน่า นี่จะชมพี่ทุกวันเลยหรือไงกันชอนดุง” ซึงโฮพูดพรางหัวเราะเล็กน้อย มือขาวเอื้อมไปหยิกแก้มน้องชายตัวสูงอย่างหมั่นเขี้ยว

     

    “แน่นอน ก็พี่ผมเก่งทุกวันยังไงล่ะครับ!” เจ้าของชื่อชอนดุงยิ้มตาหยี มือยาวยกขึ้นมาจับมือคนเป็นพี่แนบแก้มตัวเอง ก่อนจะเอาแก้มกลมๆของตัวเองถูมือนั้นไปมาเรียกสายตาเอ็นดูจากคนรอบข้าง

     

    จะว่าไงดีล่ะ.. ถือเป็นภาพที่ชินตาของคนที่นี่ไปแล้วล่ะมั้ง ทั้งพนักงานในร้าน ลูกค้าประจำ..

     

    “เฮ้ย ไอพี่น้องคู่นี้นิ สวีทกันอยู่ได้ ไอชอนดุงเอาไปเสิร์ฟโต๊ะแปดได้แล้ว” เสียงห้าวของเจ้าของภัตตาคารเอ่ยขึ้นขัดฉากโบรแมนซ์ของสองพี่น้อง ใบหน้าคมพยักเพยิดไปทางเคาท์เตอร์ที่มีอาหารวางไว้อยู่

     

    “พี่จุนฮยองแม่ง ทำไมชอบขัด” เสียงทุ้มของชอนดุงบ่นงุ้งงิ้งงุ้งงิ้ง ย่นจมูกยู่ปากอย่างน่ารักน่าเอ็นดู แต่ร่างสูงๆก็ยอมผละออกจากพี่ชายไปที่เคาท์เตอร์แล้วหยิบอาหารจานหรูที่ส่งกลิ่นหอมกรุ่นไปเสิร์ฟ โดยมีสายตาของพี่ชายนักเปียโนกับเจ้าของร้านมองตามอย่างเอ็นดู

     

    “อีกแปปนึงก็จะเลิกงานแล้ว พี่รอผมนะ” แอบวิ่งกลับมาหอมแก้มนุ่มของพี่ชายหนึ่งฟอดก่อนจะยอมกลับไปทำงานต่ออย่างจริงจัง

     

    “ให้ตายสิ เจ้าเด็กนี่” ซึงโฮยิ้มบางพลางส่ายหัวเล็กน้อยอย่างค่อนข้างเคยชินกับพฤติกรรมแบบนี้ของคนเป็นน้อง

     

    “เด็กนี่แม่ง คิดกับแกแค่พี่ชายจริงเหรอวะ” จุนฮยองผู้เห็นเหตุการณ์นั้นเอ่ยถามขึ้นมา คิ้วซ้ายเลิกขึ้นเพียงข้างเดียว ดวงตาคมทอดมองมาด้วยความสงสัย

     

    “แค่พี่ชายน้องชายน่า ถึงจะคนล่ะแม่แต่ก็พ่อเดียวกัน สายเลือดเดียวกันนะโว้ย” เสียงนุ่มเอ่ยตอบอย่างรวดเร็ว ยกกำปั้นขึ้นทุบหลังอีกคนอย่างไม่เบานัก

     

    “อั่ก! มือหนักชิบ ทุบมาได้ ไออ้วนนี่”

     

    ซึงโฮลอยหน้าลอยตาทำเป็นไม่สนใจเสียงต่อว่าของอีกคน ริมฝีปากอิ่มเผยยิ้มเล็กๆ ยักคิ้วกวนสองสามที ก่อนจะเบี่ยงประเด็นโดยการพูดเรื่องอื่นแทน

     

    รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของทั้งสองคนถือเป็นกำไรของลูกค้าในร้านเลยก็ว่าได้

     

    แน่ล่ะเจ้าของร้านก็สุดแสนจะหล่อเหลาเอาการ ใบหน้าคมที่ประดับด้วยรอยยิ้มทำเอาลูกค้าสาวๆอาจุมม่าออมม่าออนนี่หลายคนในร้านเกือบเป็นลมกันไปเป็นแถบๆ ประกอบกับท่ายืนพิงผนังที่มือใหญ่สองข้างใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง ทำตัวประหนึ่งเป็นโมเดลของนิตยสารสักเล่ม..

    นักเปียโนที่ยืนอยู่ข้างกันก็ละมุนละไมเสียเหลือเกิน เสียงหัวเราะนุ่มๆ ริมฝีปากอิ่มสีแดงที่ชอบเผยรอยยิ้มสวยๆจนดวงตาคู่สวยนั้นหยีลง ให้คนมองได้ใจสั้นเล่น.. นั่นก็ทำเอาลูกค้าในร้านเพ้อไปตามๆกัน

     

    “พี่ซึงโฮ กลับกันเถอะครับ” ชอนดุงเดินถือกระเป๋าสองใบเข้ามาหาพี่ชาย ถือเป็นการตัดบทสนทนาที่มีอยู่ ทำเอาซึงโฮต้องรีบบอกลาเพื่อนตัวเองก่อนที่มือยาวจะลากพี่ชายออกจากร้านไปทันที

    นี่ก็อีกหนึ่งชีวิตที่ถือเป็นอาหารตาเป็นกำไรของลูกค้าในภัตตาคารหรูแห่งนี้ บริกรร่างสูงล่ำรูปหล่อพร้อมแก้มกลมๆที่ทำให้ดูน่าเอ็นดู ใบหน้าหล่อติดจะนิ่งไปซะหน่อยหากแต่เมื่ออยู่กับพี่ชายกับยิ้มระรื่นอย่างกับอะไรดี..

     

     

     

     

     

     

    “เอ้ะ ชอนดุงนั่นใครมาอยู่หน้าห้องเราน่ะ” ซึงโฮเอ่ยถามขณะที่ดวงตากลมหรี่ลงเล็กน้อยเพื่อให้ภาพไกลๆตรงหน้าเด่นชัดขึ้น ไม่รู้ว่าเขาตาฝาดหรือเปล่าที่เห็นคนนอนอยู่หน้าห้องตัวเอง

    ชอนดุงส่งเสียงหือในลำคอก่อนจะสาวเท้ายาวๆเข้าไปใกล้ชายปริศนาที่นอนสลบอยู่หน้าห้องตัวเอง

    “นี่ใครครับเนี่ย เพื่อนพี่เหรอ?” เจ้าของร่างสูงกว่าหันหน้ามาถามพี่ชายที่เดินตามมาข้างหลัง ซึงโฮที่ได้ยินคำถามนั้นก็ชะโงกหน้าผ่านตัวน้องชายมองคนที่นอนสลบอยู่หน้าห้อง คิ้วเรียวขมวดมุ่นก่อนจะส่ายหน้ารัว

     

    “ไม่นะ พี่ไม่มีเพื่อนหล่อขนาดนี้หรอก..”

     

    “แล้วจะเอาไงครับเนี่ย เขาขวางประตูเราอยู่นะ” ชอนดุงปรายตามองชายปริศนาก่อนจะหันมามองหน้าพี่ชายอย่างต้องการคำตอบ

     

    ซึงโฮกระพริบตาปริบๆให้น้องชายสองสามที แล้วหันไปมองชายแปลกหน้าที่นอนสลบอยู่อย่างใช้ความคิด ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากัน เงียบไปนานเกือบครึ่งนาทีก่อนจะเอ่ยออกมาในที่สุด

    “เอาเขาเข้าห้องเราก่อนเถอะ ขืนทิ้งไว้ตรงนี้ได้โดนฉุด ไม่ก็โดนปล้นหมดตัวกันพอดี” จากที่ใช้สายตาประเมินเครื่องแต่งกายของชายแปลกหน้าแล้วคงจะมีฐานะที่ดีอยู่พอตัว ไหนจะใบหน้าหล่อๆนั่นอีก..


    ถอนหายใจสองสามครั้งก่อนจะลงไปนั่งคุกเข่าพยุงชายผู้นั้นขึ้นมา เมื่อเห็นว่าอีกคนค่อนข้างตัวใหญ่พอตัวจึงเรียกให้น้องชายที่ยืนเอ๋ออยู่ช่วยกัน

     
     

    “เอ้ามา ช่วยกัน”

     

     

     

    “เอาเขาไว้ไหนล่ะครับเนี่ย”  เสียงทุ้มของคนสูงกว่าเอ่ยถามในขณะที่มือยาวก็เอื้อมไปกดสวิตซ์ไฟในห้องให้สว่างขึ้น

     

    ซึงโฮมองไปรอบห้องคร่าวๆ ก่อนจะตัดสินใจชี้ไปที่ห้องตัวเอง

     

    “ไว้ห้องพี่ก่อนแล้วกัน” ว่าแล้วสองพี่น้องก็ช่วยกันพยุงลากคนแปลกหน้าไปไว้ในห้องของซึงโฮด้วยความยากลำบากเล็กน้อย แน่ล่ะ พอพยุงขึ้นมาถึงได้รู้ว่าชายคนนี้สูงขนาดไหน อาจจะราวๆร้อยเก้าสิบเลยล่ะมั้ง..

     

     

    “นายไปอาบน้ำก่อนเถอะ เดี๋ยวพี่ดูเขาต่อเอง” หลังจากวางคนแปลกหน้าลงบนเตียงแล้วซึงโฮก็หันมาพูดกับน้องชายพลางส่งยิ้มให้ มือขาวเอื้อมไปยีหัวอีกฝ่ายเบาๆ

     

    “อื้มม ครับ ถ้าไม่มีที่นอนก็มานอนกับผมนะ” ชอนดุงพยักหน้ารับ เอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงที่ติดจะง่วงงุนเล็กน้อย เป็นสัญญาณว่าอยากไปเข้าฌานเต็มแก่แล้ว

    ซึงโฮส่งเสียง ฮื่อ! ในลำคอเล็กน้อยเป็นการตอบรับเชิง รู้แล้วน่า

     

    หลังจากที่น้องชายตัวสูงออกจากห้องไปแล้ว ซึงโฮก็จัดการจัดท่านอนดีๆให้คนแปลกหน้าที่นอนอยู่บนเตียงตัวเอง ดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้ถึงหน้าอก มือขาวปัดผมที่ปรกหน้าอีกฝ่ายออกเล็กน้อยเมื่อคิดว่าคนตัวสูงนี้อาจจะรำคาญเอาได้ แต่แล้วมือขาวก็ถึงกับชะงักเมื่อได้มองหน้าอีกฝ่ายชัดๆ เจ้าของร่างสมส่วนตัดสินใจนั่งลงบนที่ว่างบนเตียงของตนเอง ดวงตากวาดมองใบหน้าของบุคคลที่สลบไสลอยู่อย่างพิจารณา ใบหน้าคมดังรูปสลัก จมูกโด่งเป็นสันจนน่าอิจฉา ดวงตาที่ปิดสนิททำให้ไม่อาจรู้ได้ว่าอีกฝ่ายมีดวงตาเช่นไร แต่คงจะคมสวยรับกับหน้าตาล่ะมั้ง ริมฝีปากบางได้รูป ทุกๆอย่างลงตัวเหมาะเจาะประหนึ่งว่าเป็นผลงานเอกของพระเจ้าที่จงใจสรรค์สร้างเทพบุตรตนนี้ขึ้นมา

     

    ไม่รู้ว่าเหตุใดเขาถึงตัดสินใจพาชายแปลกหน้าผู้นี้เข้ามาในห้องของตัวเอง เพียงแค่ได้เห็นใบหน้าคมนั้นแม้จะไม่ชัดเจนแต่ก็ทำให้ความรู้สึกประหลาดก่อขึ้นในใจจนไม่เข้าใจตัวเอง ชายผู้นี้เป็นใครเขาไม่รู้จักสักนิด แม้แต่หน้าค่าตาเขาก็ไม่เคยเห็น ดูจากรูปร่างหน้าตาแล้วอาจจะเป็นโมเดล หรือเจ้าของบริษัทดังๆสักแห่ง..

     

    ใบหน้าในสะบัดสองสามที คิดไปก็ปวดหัวเปล่าๆ.. ไว้พรุ่งนี้ค่อยซักถามล่ะกัน..

     

    ร่างขาวลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูงเหลือบตามองร่างสูงบนเตียงตัวเองเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะออกจากห้องไป..

     

     

     

    อา..

     

    เปลือกตาบางขยับยุกยิกเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆปรือขึ้นมา กระพริบสองสามทีเพื่อให้คุ้นชินกับแสงสว่างที่ลอดผ่านผ้าม่านสีฟ้าอ่อนเข้ามา

    กายสูงขยับลุกขึ้นมานั่งขณะกวาดสายตามองไปรอบห้องโทนสีฟ้าอ่อนให้ความรู้สึกสดชื่นเป็นที่สุด จมูกโด่งสูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆ ทั้งที่นอน หมอน ผ้าห่ม ให้ความรู้สึกที่ดีเหลือเกิน

     

    ว่าแต่ เขาอยู่ที่ไหนกัน..

     

    ร่างสูงตัดสินใจลุกขึ้นจากเตียงนุ่มขายาวก้าวพาตัวเองไปยังประตูห้อง เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงบางอย่างลอดเข้ามาในห้อง ก่อนจะตัดสินใจหมุนลูกบิดประตูและเปิดออกไปอย่างแผ่วเบา..

    ภาพที่ปรากฏตรงหน้าทำเอาเจ้าของร่างสูงมองด้วยความงุนงงเล็กน้อย ชายสองคนกำลังยืนหันหลังให้เขาอยู่ คนสูงกว่าหันไปหยิบอะไรสักอย่างมาเคาะหัวคนตัวเล็กกว่าเบาๆ ก่อนจะใส่ลงเทใส่ลงไปในหม้อ อ่า คาดว่ากำลังทำอาหารกันสินะ..

     

    “ไม่ใช่นะชอนดุง ที่นายใส่ไปมันเกลือต่างหาก น้ำตาลน่ะอีกชวดนึง”

     

    “พี่ซึงโฮ มันต้องคนไปทางเดียวกันสิครับ”

     

    “...”

     

    “....”

     

    เสียงถกเถียงของชายสองคนยังคงเถียงกันอย่างไม่ยอมแพ้ อย่างไม่ได้รับรู้ว่ามีใครอีกคนยืนมองอยู่ตรงนี้..

     

    แล้วในที่สุดผู้ชายที่ตัวเล็กกว่าก็หันมาเจอเขา ดวงตาเบิกโตเล็กน้อย

     

    “โอ้ นายตื่นแล้วนี่นา นั่งรอที่โต๊ะก่อนนะ” นิ้วเรียวชี้ไปยังโต๊ะกินข้าวที่อยู่ถัดออกไปหน่อย ก่อนจะหันไปสาละวนกับอาหารที่ทำไว้อยู่

     

    เขายอมเดินไปนั่งที่โต๊ะอย่างง่ายดายเพราะความรู้สึกตุ้บตุ้บที่ปวดอยู่ในหัว ในหัวคิดนู่นคิดนี่ ดวงตาคมมองไปเรื่อยก่อนที่ชามข้าวสีขาวจะมาบดบังทัศนียภาพทุกอย่าง

     

    “อ่ะ กินซะ มันไม่อร่อยเท่าไหร่แต่ก็พอกินได้ล่ะนา” ชามสีขาวเมื่อกี้ถูกวางลงบนโต๊ะตรงหน้าเขา

     

    “ข้าอยู่ที่ไหน แล้วเจ้าเป็นใคร” ยิงคำถามใส่อีกฝ่ายทันทีโดยไม่สนใจชามข้าวที่วางอยู่บนโต๊ะสักนิด

     

    ซึงโฮกระพริบตาสองสามทีด้วยความอึ้งเล็กน้อย ข้า? เจ้า? นี่ผู้ชายคนนี้หลุดมาจากไหนกัน หรือคิดว่าตัวเองกำลังเล่นหนังสักเรื่อง? ถึงแม้ความสงสัยจะเกิดขึ้นภายในใจ แต่ซึงโฮก็เลือกที่จะตอบคำถามอีกฝ่ายก่อนจะส่งยิ้มไปให้เล็กน้อย

     

    “คุณอยู่ที่คอนโดผม ผมชื่อซึงโฮ ยังซึงโฮ ส่วนนั่นน้องชายผมปาร์คซังฮยอน”

     

    ชื่อที่ได้ยินทำเอาเจ้าของร่างสูงที่สุดในห้องชะงักไปเล็กน้อย ยังซึงโฮ..

     

    คนนี้เองสินะที่องค์ราชินีให้เขามาปกป้อง ดวงตาคมมองสำรวจอีกฝ่ายเล็กน้อย ดูแล้วชาวมอนด์ที่ชื่อยังซึงโฮก็ไม่ได้ดูอ่อนแออะไรจนถึงกับต้องส่งเขามาดูแลใกล้ชิดแบบนี้.. รูปร่างที่ไม่สูงแต่ก็ไม่ได้เตี้ยจนเกินไป ไม่ได้ผอมบางอ้อนแอ้น ติดจะอวบเล็กน้อยด้วยซ้ำ ใบหน้ามนไม่ได้สวยสะดุดตา แต่กลับดูละมุนละไมชวนมองอย่างน่าประหลาด ยามที่ริมฝีปากแย้มรอยยิ้มกว้างมาให้ก็ทำเอารู้สึกเหมือนหัวใจเต้นผิดจังหวะ อา เดี๋ยวนะ เขาคือชาวไจล์ เป็นเทวา เขาไม่มีหัวใจแล้วนี่นา..

     

    ใบหน้าคมรีบก้มต่ำมาสนใจชามข้าวตรงหน้าตัวเองแทนเมื่อรู้สึกได้ถึงความรู้สึกแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นในหัวใจ

     
     

    อา ไม่ ข้าไม่มีหัวใจสักหน่อย

     
     

    “แล้วคุณชื่ออะไรล่ะ” เสียงนุ่มเอ่ยแทรกขึ้นมาขัดความคิดของร่างสูง ทำเอาคนที่กำลังคิดนู่นคิดนี่สะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยปากบอกชื่อของตัวเองไป

     


     

    “คริส ข้าชื่อคริส แต่ข้าอยากให้เจ้าเรียกข้าว่า




    .. อี้ฟาน”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×