ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [yaoi] ใช่ครับผมมันร้าย

    ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่7

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 155
      0
      12 ก.ย. 57

    มิลร์มองหน้าพายอย่างไม่น่าไว้ใจสักเท่าไหร่คืนนี้เขาต้องนอนร่วมเตียงกับพายซึ่งก็ไม่ได้อะไรมากหรอกถ้ามันไม่ทำหน้าจ้องจะงาบเขาอย่างนั้น มือเรียวยกน้ำขึ้นมาดื่มก่อนจะวางมันไว้ที่เดิมแล้วเดินลงไปล้มตัวลงนอนข้างๆอีกคนที่นอนดูโทรทัศน์อยู่

     

    "นอนเลยมั๊ย"

     

         พายหันมาถามคนที่นอนข้างๆเขา เส้นผมสีทองปล่อยสบายๆดูเกะกะนิดหน่อยแต่มันก็ดูดีมากรับกับกรอบหน้าเรียว น่าจับมาฟัดให้หายหมั่นเขี้ยวจริงๆ

     

    "ไม่หรอกยังไม่ง่วง"

     

    “หรองั้นมาหาอะไรทำกันดีกว่า”

     

         ใบหน้าสวยหันไปมองอีกคนอย่างไม่ไว้ใจในทันที สองขาพาตัวเองกระดึ๊บถอยหนีอีกคนอย่างเนียนๆ พายมองการกระทำของมิลร์อย่างขำขัน แววตาที่เคยเย็นชาบัดนี้กลับแสดงอาการตื่นตระหนกออกมา ให้ตายสิจะน่ารักไปแล้วนะ

     

    “คิดอะไรลามกอยู่ละสิ”

     

         ร่างสูงว่าก่อนที่เรียวนิ้วชี้จะจิ้มไปที่แก้มยุ้ยๆของอีกคน มิลร์ปัดมือของอีกฝ่ายออกก่อนที่แก้มเนียนจะพองลมอย่างขัดใจ

     

    “เปล่าสักหน่อยนายคิดว่าฉันเป็นคนยังไงกัน”

     

    “และจะถอยหนีทำไมนะ”

     

    “เปล่าสัก...เห้ย!!!

     

         มิลร์ร้องเสียงหลงเมื่อโดนมือหนากระชากข้อเท้าให้ไปอยู่ใต้ร่างของพาย พายมองร่างบอบบางที่สั่นเป็นเจ้าเข้า ไอ้ทีแรกก็ว่าจะแกล้งเล่นๆหรอกนะแต่พอเห็นแววตาที่สั่นระริกเหมือนลูกแมวที่กำลังกลัวแล้วมันน่าจับมาฟัดให้หายหมั่นเขี้ยวจริงๆ

     

    “ทำบ้าอะไรของนายเนี่ย”

     

    ฟอด

     

         ใบหน้าคมก้มลงไปหอมแก้มของอีกคนอย่างเต็มแรง ใบหน้าหวานขึ้นสีระเรื่อปากบางอ้าค้างอย่างตกตะลึงในหัวตอนนี้มันนึกคำพูดไม่ออกจริงๆเลยทำได้เพียงอ้าปากจ้องอีกคนตาแป๋วอย่างนี้

     

    “เอาละดึกแล้วเป็นเด็กดีต้องนอนเร็วๆเข้าใจนะ”

     

         วงแขนแกร่งตวัดโอบเอวบางเข้าหาตัวเอง พายก้มลงไปฟัดแก้มนุ่มนิ่มของมิลร์ทันที ลำคอรหงส์หดเข้าหากันมือบางพยายามขืนตัวเองออกจากอีกคนอย่างยากลำบาก

     

    “ปล่อยเลยนะ”

     

    “แค่นอนกอดเอง”

     

    “จะไปไหนก็ไปเลย”

     

    “ฉันติดหมอนข้างน้า”

     

         พายเอ่ยบอกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงอ้อน มิลร์ชะงักกึกเมื่อเห็นว่าดิ้นไปก็ไร้ประโยชน์เจ้าตัวเลยหยุดนิ่ง พลิกตัวเข้าหาอีกฝ่ายตากลมโตช้อนมองร่างแกร่งอย่างเอาเรื่อง

     

    “ปล่อย”

     

    “ไม่ปล่อย”

     

         ปากบางผ่อนลมหายใจออกมาก่อนจะตัดสินใจปิดเปลือกตาลงเพราะเหนื่อยมามากพอแล้ว พายเมื่อเห็นว่าลมหายใจของอีกคนสม่ำเสมอก็อดที่จะยิ้มให้ไม่ได้ ถึงไม่ได้พูดแต่เขาก็รู้ละน้าว่าคนในอ้อมแขนเนี่ยเริ่มจะหวั่นไหวบ้างละ

     

     

         พระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าส่องแสงสีทองทั่วน่านฟ้า แสงเล็ดลอดผ่านผ้าม่านสีครีมและตกมาถึงที่นอนที่มีร่างทั้งสองนอนกอดกันอยู่ มิลร์ผงกหัวขึ้นมาด้วยความงัวเงียมือเรียวยกขึ้นมาขยี้ดวงตาตัวเองก่อนจะชะงักเมื่อริมฝีปากหนากดลงที่แก้มเนียนเข้า นัยน์ตาเรียวเบิกกว้าง

     

    “ทำบ้าอะไรของนาย”

     

         มิลร์หันไปแว๊ดใส่คนที่กอดเขาอยู่ ร่างเล็กดิ้นขลุกขลิกอยู่ในอ้อมกอดแกร่ง พายยกยิ้มที่มุมปากก่อนจะกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นแล้วเอ่ยบอก

     

    “มอร์นิ่งคิสไง”

     

    “แล้วจะมาคิสฉันทำไมเล่า”

     

    “เอ้าถ้าฉันไปคิสคนอื่นนายนั่นและจะร้องไห้”

     

    “ใครจะร้องกัน”

     

         ปลายจมูกคมเลื่อนไปชิดกับจมูกเรียวของอีกคนที่ร่างทั้งร่างแข็งไปแล้ว พายถูไถจมูกของตนไปตามใบหน้าของมิลร์อย่างแผ่วเบาและอ่อนโยนก่อนจะผละออกจากใบหน้าเนียนที่ขึ้นสีระเรื่อ

     

    “หึๆ”

     

    “นะนายมันบ้า”

     

         มิลร์ออกแรงดิ้นจากอ้อมแขนแกร่งอีกครั้ง พายยอมคลายอ้อมกอดให้อีกคนที่คงเขินจนตัวแทบจะระเบิดแน่ๆสังเกตได้จากใบหูและลำคอที่แดงเถือก ทันทีที่หลุดออกมาจากอีกคนขาเรียวก็รีบพาตัวเองไปที่ห้องน้ำทันที

                                         

        

         มิลร์กับพายเดินเคียงคู่กันออกมาจากห้องนอนทั้งคู่ตกลงกันว่าจะไปทานอาหารเช้ากันเพียงสองคน เพราะดูเหมือนพวกเพื่อนๆจะพร้อมใจกันนอนตื่นสายกันซ่ะเหลือเกิน ทั้งคู่เดินคุยกันมาเรื่อยๆ แต่ดูเหมือนจะเป็นพายมากกว่าที่พยายามแหย่คนสวยที่หน้าบึ้งแต่แก้มแอบขึ้นสีเล็กน้อย แต่ก่อนที่จะได้แว๊ดใส่คนที่เดินเคียงข้าง มิลร์ก็หันไปเจอเพื่อนรักหน้าหล่อที่ยืนคุยกับมากาเร็ตอยู่

     

    "เอ้าเอริคมีอะไรหรอ"

     

         มิลร์ถามเพื่อนรักด้วยความสงสัย ขาเรียวก้าวมาหาเพื่อนรักทันทีโดยมีพายเดินตามหลังมาติดๆ นัยตาคมเหลือบมองพายนิดหน่อยก่อนจะก้มหน้าลงมาเอ่ยตอบเพื่อนรักที่ทำหน้าสงสัยสุดๆ

     

    "อัลฟาเป็นไข้นะ"

     

         ทันทีที่ได้ฟังคำตอบ นัยตาเรียวเบิกกว้างอย่างตกใจ สีหน้าแสดงอาการเป็นห่วงเพื่อนอย่างเห็นได้ชัด ปากบางเอ่ยถามอย่างร้อนรน

     

    "เป็นยังไงบ้างงั้นฉันไปด้วยนะ"

     

    "อย่าเลยเดี๋ยวอัลฟาอายหรอก"

     

          พูดจบก็ขยิบตาให้หนึ่งทีปล่อยให้เพื่อนหน้าสวยประมวลผลกับคำพูดเมื่อครู่เมื่อได้คำตอบที่น่าจะใช่ที่สุดใบหน้าสวยก็เห่อร้อนขึ้นทันที พายหัวเราะกับคำตอบเบาๆก่อนจะวาดแขนโอบไหล่ของมิลร์แบบเนียนๆไปทานอาหารเช้าด้วยกัน ซึ่งมิลร์ที่เหมือนจะสติหลุดออกจากร่างไปแล้วก็ทำได้เพียงเดินตามแรงดันของอีกคน

     

    “ฉันว่าฉันไม่น่าจะตีความผิดหรอกนะ”

     

    “หึๆ รู้หรอกว่านายรู้นะมิลร์ว่าสองคนนั้นมีความสำคัญยังไง ขนาดฉันแค่มองแวปเดียวก็ยังรู้เลย”

     

    “หรอท่าทางรึไง”

     

    “เปล่าสายตานะ”

     

    “หืมดูออกด้วยหรอ”

     

    “ก็สายตาของเอริคที่มองอัลฟานะเหมือนกับที่ฉันมองนายไงละ”

     

         ว่าจบก็ส่งยิ้มละลายใจไปให้คนหน้าสวยที่หน้าเริ่มจะแดงอีกครั้ง มือเรียวฟาดไปที่ไหล่แกร่งอย่างเขินอาย พายหัวเราะในลำคอมือหนาขยี้ลงบนลุ่มผมสีบลอนด์ทองของมิลร์

     

     

         มิลร์เดินเข้ามาภายในห้องนอนหรูโดยมีพายเดินตามหลังเข้ามาด้วย ภาพที่ปรากฏแก่สายตาของร่างแกร่งนั้นคือหญิงสาวผมสีบลอนด์ทองกำลังนอนหลับตาพริ้ม ริมฝีปากที่เคยแต่งแต้มด้วยสีอวบอิ่มบัดนี้กลับซีดสุดๆ สายระโยงระยางที่ต่อเข้ามาบ่งบอกได้เป็นอย่างดี

     

    “นี่คือคุณโรน่าหรอมิลร์”

     

    “อืม”

     

         ริมฝีปากบางเอื้อนเอ่ยไปเพียงแค่นั้นก่อนที่ห้องทั้งห้องจะตกอยู่ในความเงียบ พายปล่อยให้มิลร์ใช้เวลาอยู่กับแม่เงียบๆ ร่างสูงทอดมองใบหน้าของอีกฝ่ายด้วยความรัก มิลร์ทอดมองใบหน้าสวยคมของผู้เป็นแม่อย่างโหยหา มือเรียวยกขึ้นมาลูบไปตามกรอบหน้าสวยของผู้เป็นแม่อย่างแผ่วเบาริมฝีปากสีแดงระเรื่อค่อยๆขยับเอื้อนเอ่ยออกมา

     

    “นอนนานไปรึเปล่าครับ ผิวซีดมากเลยผอมไปหมดแล้วนะครับ”

     

         ปากบางของมิลร์ยังคงขยับเอื้อนเอ่ยบอกกับผู้เป็นแม่ที่ยังนอนแน่นิ่งอยู่แม้จะไม่มีเสียงอะไรตอบกลับมาเลยก็ตาม เสียงแห่งความเศร้าสะท้อนเข้ามาในใจของพาย ตาคมแกร่งผลุบลงช้าๆราวกับจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวด

     

     

         มิลร์กับพายใช้เวลาอยู่ในห้องของโรน่านานพอสมควรพอ ออกจากห้องมาก็เจอเพื่อนๆกำลังนั่งคุยกันอย่างเมามันส์โดยมีเจเรมี่นั่งอยู่ด้วย มิลร์และพายเดินเข้ามานั่งบนโซฟาที่ดูเหมือนจงใจให้ว่าง ก่อนที่พายจะส่งแอปเปิ้ลให้อีกคน มิลร์รับไปกัดอย่างยินดีแล้วค่อยๆช้อนสายตามองเพื่อนๆที่ยังคงจ้อไม่หยุด ก่อนที่สายตาจะไปหยุดที่เจเรมี่ญาติผู้พี่ที่อายุมากกว่า1ปี

     

    “เจเรมี่มาทั้งทีไม่ได้คุยกันเลย”

     

         มิลร์เอ่ยไปด้วยน้ำเสียงสดใส เจเรมี่เป็นลูกของคาร์โน่พี่ชายของโรน่า หรือเป็นลุงของมิลร์นั่นเองมิลร์กับเจเรมี่ค่อนข้างจะสนิทกันมากและติดต่อกันอยู่เสมอๆ

     

    “นั่นซิมาที่นี่ฉันก็ยุ่งๆละนะ”

     

    “เหอะ”

     

         ทันทีที่เสียงหวานสบถออกมาทุกสายตาก็หันไปมองลิอัตโนมัติ เจ้าตัวตีหน้ายุ่งใส่ก่อนที่น้ำเสียงเจืออารมณ์หงุดหงิดจะเอ่ยออกมา

     

    “มองหน้าทำไม”

     

    “แกจะเหอะทำไมเนี่ย”

     

         กวางถามเพื่อนตัวเองที่นั่งหน้าไม่สบอารมณ์อยู่ เอมกับโจ้สบสายตากันด้วยความชั่วร้ายที่ปิดบังไว้ไม่มิด เนื่องจากห้องของพวกเขานั้นนอนกัน3คนถึงแม้จะมีเตียงขนาดคิงไซส์และตัวของพวกเขาทั้งสามนั้นต่างก็กระทัดรัดฉบับเคะ แต่ด้วยสกิลการนอนดิ้นของลินั้นเกรงว่านอนสามคนคงได้ตายกันไปข้าง เอมกับโจ้นั้นเลยได้กระทำการอันชั่วร้ายด้วยการส่งเพื่อนรักไปให้เจเรมี่ถึงห้อง พอตอนเช้าก็เห็นลิจ้องมองพวกเขาอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ พร้อมกับรอยแดงเป็นจ้ำๆบริเวณอก เพราะงั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมหน้าตาสวยๆของลิมันถึงได้ดูจะเหวี่ยงทุกเวลาขนาดนั้น

     

    “เรื่องของฉันป่ะ ฉันง่วงว่ะไปหาที่นอนก่อนนะ”

     

    “เอ้าไอ้นี่”

     

         เอริคมองไปที่ไอ้สองเกรียนก่อนจะเบนสายตาไปมองแผ่นหลังบางของลิที่ค่อยๆเดินจากไป เพียงแค่มองก็พอจะรู้แล้วว่าโจ้กับเอมคงไปสร้างเรื่องอะไรให้ลิมันไว้แน่ๆ เอริคกระตุกยิ้มที่มุมปากเมื่อจ้องตากับเจเรมี่ที่ดูจะถูกใจเพื่อนเขาไม่มากก็น้อย

     

    “มิลร์ไว้คุยกันใหม่นะเดี๋ยวฉันมา”

     

         เจเรมี่บอกก่อนจะลุกขึ้นยืนหยัดเต็มความสูง ขายาวก้าวเท้าไปตามทางที่คนตัวเล็กพึ่งออกไปเมื่อครู่ ทั้งหมดสบสายตากันอย่างรู้ความหมาย เฮเลนเหยียดมือขึ้นอย่างคลายความขี้เกียจก่อนจะเสมองเอมที่ดูเหมือนจะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้กับหน้าจอโทรศัพท์ แอบเห็นแวบๆว่าคุยกับรุ่นน้องเกรด11คนหนึ่ง

     

    “โจ้ กวาง ไปหาเดินเล่นดีกว่าออร่าความรักมันกระแทกตาว่ะ”

     

         เฮเลนพูดแซวก่อนที่จะสะกิดเพื่อนหน้าสวยสองคนที่อมยิ้มกันอยู่ โจ้และกวางลุกขึ้นอย่างว่าง่ายก่อนทั้งสามคนจะเดินออกไปโดยมีสายตาจิกกัดของเอมตามไปด้วย มิลร์และพายสบสายตากันอย่างงุนงง

     

    “หมายถึงพวกเราหรอ”

     

    “เอ้านี่ฉันดูออกง่ายขนาดนี้เลยหรอ”

     

         พายพูดแหย่มิลร์ให้อีกคนหน้าแดงเล่น มือเรียวยกตีไหล่หนาอย่างหมั่นไส้ เอมที่เริ่มจะสำผัสได้ถึงคำว่าส่วนเกินก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนที่ปากบางจะขยับแซว

     

    “โอ้โหโคตรรส่วนเกินวะ”

     

    “ไอ้เอม”

     

         มิลร์ชี้หน้าอย่างคาดโทษใบหน้าสวยหันไปหาเพื่อนรักอีกสองคนที่เข้าสู่โลกส่วนตัวงุ้งงิ้งไม่สนใจใคร พายส่ายหน้าน้อยๆก่อนที่มือแกร่งจะฉวยข้อมือบางให้เดินออกมาจากห้องรับแขกเพราะเริ่มจะรู้สึกว่าเป็นส่วนเกินแล้วเหมือนกัน

     

     

         ผมสีบลอนด์ทองปลิวไสวไปตามสายลมยิ่งทำให้ใบหน้าสวยชวนมองมากยิ่งขึ้น นัยตาคู่คมทอดมองใบหน้าสวยอย่างหลงไหล ขณะนี้พายและมิลร์กำลังนั่งอยู่ที่ริมทะเลสาปลมเย็นๆพัดเอาใบไม้ปลิวช่างสงบจริง

     

    “สงบดีเนาะ”

     

    “มีอะไรในใจรึเปล่ามิลร์”

     

    “เปล่าแค่...เห้อไม่อยากกลับ...อยากอยู่กับแม่ที่นี่”

     

    “หรอ...”

     

         ทันทีที่พายเอ่ยคำนั้นออกไปทั่วทั้งบริเวณก็ตกอยู่ในความเงียบ ใบหน้าหวานเอนซบไหล่แกร่งอย่างลืมตัว พายกระตุกยิ้มบางเบาที่มุมปาก มือแกร่งยกขึ้นมาลูบเส้นผมสีบลอนด์อย่างอ่อนโยน ใบหน้าคมค่อยๆเลื่อนเข้าไปประชิดกับใบหน้าหวานของมิลร์ ชิ่ววินาทีริมฝีปากทั้งสองค่อยๆแตะกันอย่างบางเบา ดวงตาทั้งสองค่อยๆปิดลงราวกับจะซึบซับความหวานของอีกฝ่าย

     

     

         ร่างบอบบางของลิเดินออกมาจากห้องรับแขกอย่างหัวเสียนิดหน่อย เรื่องเมื่อคืนเป็นอะไรที่เขาไม่อยากจะนึกถึงจริงๆให้ตายเหอะ ขาเรียวก้าวไปไม่หยุดไม่หย่อนรู้ตัวอีกที่ก็อยู่กลางเขาวงกตซ่ะแล้ว คิ้วเรียวสวยเลิกขึ้นอย่าง งงๆก่อนที่สมองจะประมวลผลเกี่ยวกับเส้นทางที่เดินมา

     

    “ให้ตายสิฉันหลงทาง”

     

         เสียงหวานสบถออกมาอย่างหัวเสีย นัยน์ตาเรียวกวาดมองดูรอบๆก่อนที่สองขาจะเดินไปตามทางที่คิด ยิ่งเดินเหมือนยิ่งหลง ร่างบางดูจะหัวเสียไม่น้อยเมื่อต้องมาเดินวนไปวนมาอยู่นี่

     

    ฟืดๆ

     

        เสียงพุ่มไม้ขยับที่ข้างหลังทำเอาลิขวัญผวา ใบหน้าสวยเริ่มจะซีดลงหน่อยๆ สองขาค่อยๆก้าวไปหาต้นตอของเสียงช้าๆแต่ก่อนที่จะได้ไปถึง มือแกร่งก็ฉวยเอาวคอดมาแนบลำตัวเข้ากับอ้อมอก นัยน์ตาเรียวเบิกกว้าง ริมฝีปากบางส่งเสียงอุ๊อ๊อย่างขัดใจเพราะโดนมือหนาประกบไว้อยู่

     

    “อย่าดิ้นสิ จะออกไปมั๊ยจากป่าเนี่ย”

     

         ร่างบางของลิหยุดดิ้นเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นหู ก่อนจะค่อยๆช้อนสายตามองร่างแกร่งที่ซ้อนอยู่ด้านหลัง ริมฝีปากหน้าฉวยลงมาทันทีเรียวลิ้นหนาสอดเข้ามาตวัดฟัดเหวี่ยงกับเรียวลิ้นบาง ร่างบอบบางดินหลุดออกมาจากอกแกร่ง ใบหน้าสวยแดงก่ำด้วยความเหนื่อยหอบ

     

    “ทำบ้าอะไรของนาย”

     

    “ดริฟคิสไงที่รัก”

     

    “ใครกันที่รักของนายไอ้บ้า”

     

    “เดี๋ยวไม่ได้เจอฉันแล้วจะรู้สึก”

     

    “ว่าโลกมันสดใสนะสิ”

     

         ยังไม่ทันที่เจเรมี่จะพูดจบ ลิก็โพล่งขึ้นมาก่อน ใบหน้าสวยง้ำงอปากเรียวบ่นอุบอิบเบาๆ  เจเรมี่หัวเราะในลำคอก่อนที่วงแขนแกร่งจะตวัดเกี่ยวเอวบางเข้าหาตัว คางคมวางลงบนซอกคอเนียนอย่างออดอ้อน

     

    “ไม่คิดถึงฉันรึไง”

     

    “เหอะ”

     

    “นี่กับสาวสวยอกสะบึ้มในไอจีนะไม่มีอะไร”

     

    “แล้วทำไมต้องจูบ”

     

    “ที่นี้เขาไม่ถือหรอกน่า”

     

    “แล้วฉันต้องไม่ถือด้วยรึเปล่า”

     

         เสียงหวานเอ่ยกลับไปอย่างทันควัน เจเรมี่มองคนหน้าสวยที่ยังคงงอนเขาไม่เลิกอย่างเอ็นดู เหมือนลูกแมวชะมัดยามที่อีกฝ่ายสะบัดหน้าหนีเขาอย่างงอนๆเนี่ย จมูงโด่งกดลงบนแก้มนิ่มของลิก่อนจะสูดกลิ่นหอมจากแก้มนวล

     

    “ยังไงก็รักแค่คนเดียว”

     

    “เหอะ”

     

    “ยังไม่หายงอนอีกหรอ”

     

    “เปล่านี่”

     

    “จะพยายามเชื่อนะ”

    *********************************************************************************************

    ขอโทษที่มาอัพช้านะคะเพราะว่าไม่ค่อยได้จับคอมเท่าไหร่
    จะอัพเท่าที่จะทำได้นะคะ เรื่องนี้ตั้งใจว่ายังไงต้องจบให้ได้
    คู่ในเรื่องจะมีมาเรื่อยๆนะคะ แต่จะมีใครบ้างต้องรอติดตาม

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×