แสงแดดอุ่นๆสาดส่องลงมาในห้องสีขาวสะอาดตา แต่ก็คงขาวเกินไปจนผู้ที่เข้ามาในห้องต้องหรี่ตาลงเล็กน้อยเพื่อทำการปรับสายตาของตน ผ้าม่านสีเดียวกับห้องพริ้วไหวตามสายลมแผ่วบางของฤดูร้อน ที่วนกลับมาเป็นครั้งที่สาม ร่างของจุนซูทอดตัวยาวบนเตียงผู้ป่วยพร้อมสายระโยงยาวทั้งตัว สายที่คอยพยุงให้ร่างเล็กมีชีวิตอยู่ต่อไป
ยูชอนเดินเข้ามาในห้องพร้อมดอกไม้ในมือเหมือนเคย เขาค่อยๆวางช่อดอกไม้ไว้ที่หัวเตียง และทอดสายตามองไปยังร่างของคนที่เขารักที่สุดที่ยังคงนอนสงบนิ่งอยู่เหมือนเดิม โดยไม่มีท่าทีว่าจะตื่นขึ้นมาแม้สักนิด มีเพียงร่างกายที่ดูเหมือนจะผอมบางลงไปทุกวันทุกวัน นั่นทำให้การมาเยี่ยมในแต่ละครั้งยิ่งทำร้ายหัวใจของชายหนุ่มไปด้วยทุกที แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงมีความหวัง ว่าสักวัน คนที่นอนอยู่เบื้องหน้า จะลุกขึ้นมาและมอบรอยยิ้มสดใสที่เขาไม่คิดว่าชั่วชีวิตนี้จะเห็นจากคนอื่นได้ ลุกขึ้นมามอบอ้อมกอดอุ่นปลอบโยนเขาเหมือนทุกครั้งเวลาที่เขาท้อใจ และถ้าลุกขึ้นมา คราวนี้เขาจะไม่ลังเลเลยที่จะบอกว่า “รัก” คำที่เขาพลาดไม่ได้บอกจนวันที่เกิดเรื่อง เหตุการณ์ที่ทำให้เขาต้องสูญเสียคนสำคัญไปพร้อมๆกันถึงสองคน น้องเล็กของวงชางมินที่เสียชีวิตทันที และจุนซูที่เป็นเจ้าชายนิทรามาตลอด
มือเรียวไล้ไปตามใบหน้าหวานที่ตอนนี้แก้มใสที่เคยนุ่มนิ่มกลับตอบจนสัมผัสได้ถึงโครงที่อยู่ด้านใน นิ้วเรียวไล่ไปถึงริมฝีปากอิ่มที่เคยแดงเหมือนสีเชอรี่ เหลือเพียงสีขาวซีด สุดท้ายเขาคว้าฝ่ามือเล็กขึ้นมาจุมพิตเบาๆก่อนจะดึงขึ้นมาแนบแก้มของตัวเองไว้ มืออีกข้างเอื้อมไปลูบศรีษะทุยอย่างเชื่องช้า
“จุนซูไม่เมื่อยเหรอ นายขี้เบื่อจะตาย นอนนานขนาดนี้แล้วไม่รีบลุกมาเดี๋ยวจะแพ้ฉันน้า”
“ยูชอน นายนะมันขี้เกียจ วันอากาศดีอย่างนี้ต้องไปแตะบอลดิ เฉื่อยแฉะเป็นตาแก่ไปได้”
“ตอนนี้นายไม่ต้องลดน้ำหนักแล้ว ผอมกว่าฉันอีก”
“ยูชอนอย่ามากินล่อดิ นายก็รู้ว่าฉันต้องอดอาหารเย็นอ่ะ ใจร้าย”
“จุนซู ลุกขึ้นมายิ้มให้ฉันหน่อยนะ ตอนนี้ฉันเหนื่อยมากเลย”
“บ้า ก็นายว่าฉันว่าตอนยิ้มตาหยี แก้มป่องทุกทีเลย”
“ฉันอยากได้ยินเสียงหัวเราะของนายจังเลย”
“นายชอบล้อเสียงหัวเราะฉันตลอดนี่ ฉันไม่ใช่ปลาโลมานะ”
ชายหนุ่มนอนซบลงบนอกที่หายใจแผ่วแต่คงที่ของจุนซู และเอามือเล็กมาวางบนหัวของตัวเอง ภาพและเสียงของจุนซูยังคงวนเวียนเหมือนหนังที่ฉายซ้ำๆในหัวของเขา เขารู้ว่าถ้าพูดยังงี้ ประโยคตอกกลับของจุนซูจะเป็นยังไง แต่ไม่เหมือนกันที่ยูชอนอยากได้ยินก็เสียงแหลมเล็กของเจ้าตัว เสียงที่เขาไม่เคยรู้สึกรำคาญสักครั้ง น้ำตาที่เขาไม่เคยกลั้นได้สักครั้งเวลามาหา เริ่มปริ่มอยู่บริเวณหางตาคู่สวย ริมฝีปากอิ่มเริ่มเม้มเข้าหากันเพื่อกลั้นเสียงร้องไม่ให้รอดออกมา เขากอดร่างที่ยังคงอุ่นของร่างเล็กไว้แน่น โดยไม่ทันสังเกตุว่าร่างที่นอนอยู่ก็มีน้ำใสๆล้นเอ่อออกมาเหมือนกัน
“เห็นไหม นายยังตัวอุ่นขนาดนี้อยู่เลย ลุกขึ้นมาเถอะนะ คนดี ที่รักของฉัน”
“จุนซู ได้โปรด ฉันคิดถึงนาย คิดถึงจริงๆ จุนซู” เสียงทุ่มแหบพร่าสั่นระริก
แอ๊ด ! เสียงเปิดประตูดังขึ้น ยูชอนรีบลุกขึ้นมานั่งตัวตรง และทำท่าทางเหมือนเป็นปกติ และเช็ดน้ำตาออกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหันไปยิ้มละมัยทักทายผู้ที่เข้ามาใหม่
“อ้าว พี่แจจุง กับพี่ยุนโฮไหงวันนี้มาพร้อมกันได้ล่ะ”
“เผอิญเจอกันข้างหน้านะเนอะ” แจจุงพยักเพยิดหน้ากับยุนโฮ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าสองคนนี้มาด้วยกัน ตั้งแต่เกิดเรื่องทั้งสองคนก็พยายามอยู่ห่างกันทุกครั้งที่อยู่ต่อหน้าเขา คงกลัวเขาไม่สบายใจ และคิดมากเรื่องจุนซูอีก (แต่อย่าเลยพี่ ผมไม่อยากให้ต้องมีใครมาเสียใจเหมือนผมอีก) แต่ทำไมไม่รู้เขากลับไม่กล้าที่จะบอกทั้งสองคนตรงๆ เมื่อยุนโฮเห็นยูชอนเงียบๆไปก็เลยพยายามเปลี่ยนเรื่อง
“เออ งานเป็นไงล่ะได้ข่างว่ากำลังไปได้สวยใช่เปล่า นายแต่งเพลงเก่งอยู่แล้วนิ”
“ก็ครับเรื่อยๆ ผมแต่งเพลงก็นึกถึงเขาเนี่ยแหละ” ยูชอนเหลือบมองไปที่ร่างที่นอนนิ่งอยู่อีกครั้ง การกระทำของเขาทำให้คนเป็นพี่ทั้งสองรู้สึกโหวงในใจบอกไม่ถูก
“เออพวกพี่มาก็ดี ผมฝากเขาแป๊บหนึ่งนะครับ ผมว่าจะไปเยี่ยมชางมินซะหน่อย พวกพี่ไปกันมารึยัง”
“ไปมาแล้ว ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวพวกฉันดูให้”
.
.
.
.
หน้าป้ายหลุมศพที่เงียบสงบ หากแต่มีดอกไม้มากมายวางอยู่ บ่งบอกถึงว่ายังไม่ลืม ผู้คนยังคงไม่ลืมเขา เด็กน้อยฮาร์ดคอ ที่เอ่ยปากพูดทีไร มีคนต้องเจ็บทุกที แต่ก็มีความอบอุ่นเป็นกันเอง และมีความคิดเป็นผู้ใหญ่มากกว่าตัวเขาหรือจุนซูซะอีก เด็กปากแข็ง ที่อดทนจนวินาทีสุดท้าย
“พี่มาเยี่ยมนาย ดอกไม้เต็มเลย รู้งี้ไม่ซื้อมาดีกว่าเปลือง ตอนนี้ฉันมันแค่คนแต่งเพลงตอกต๋อยคนหนึ่งเท่านั้นแหละ” ยูชอนเดินไปวางดอกไม้หน้าแผ่นหินอ่อนที่คงเย็นเหมือนร่างที่นอนอยู่ด้านล่าง เขาค่อยๆยกมือขึ้นปัดรูปภาพด้านหน้าให้สดใสขึ้น
“ไง เมื่อไหร่จะคืนคนของพี่สักที นานแล้วนะชางมิน พี่ไม่รู้จะอดทนได้นานเท่านายหรือเปล่า” ในระหว่างที่เขายืนอาลัยให้กับน้องชายที่น่ารักอยู่นั้น เสียงๆ หนึ่งก็ปลุกเขาออกมาจากภวังค์ เสียงที่เป็นไปได้เขาภาวนาให้เป็นเรื่องดี
“ฮัลโหล ยูชอนพูดครับ”
“ยูชอนรีบกลับมาเลยจุนซูเขา จุนซูอาการแย่ลงเข้าห้อง ICU ไปแล้ว”
สิ้นประโยคร่างโปร่งวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต โดยหวังเพียงให้คนรักปลอดภัย
“อย่าเป็นอะไรไปนะจุนซู กลับมาหาฉัน อย่าไปได้โปรด”
.
.
.
.
“หมอว่าทุกคนทำใจให้ดีนะครับ เขาคงอยู่ไม่พ้นคืนนี้ ถ้ายังไงช่วยตามญาติให้เขาด้วย”
ตึง! ยูชอนปล่อยตัวเองทิ้งลงกับพื้นอย่างไม่อายใคร เขาเริ่มร้องไห้ คร่ำครวญ ร้องในแบบที่ตัวเองอยากร้องมาตลอด โดยไม่ต้องกลั้นเสียงหรือกลัวใครกังวลอีกแล้ว เสียงร้องสะท้อนก้องไปทั่งโถงทางเดิน โดยมีแจจุงยืนกอดกับยุนโฮร้องไห้อยู่แบบไม่มีเสียงอยู่ด้านข้าง
“ฮือ ๆๆๆ จุนซูอย่าทิ้งฉันไป ได้โปรด ฉันบอกนายแล้วใช่ไหมว่าอย่าไป ฉันผิดไปแล้วขอโทษ จุนซู” ยูฮวานที่รู้เรื่องและเร่งมาโรงพยาบาลเมื่อเห็นสภาพพี่ชายเขาก็เดินเข้าไปโอบกอดร่างที่สั่นเทาและเต็มไปด้วยน้ำตาข้างหน้าอย่างไม่รอช้า ยูชอนกอดกลับน้องชายทั้งยังสะอื้นไห้อยู่
“ยูฮวาน พี่อดทนแล้ว พี่ ฮึก อึก อดทนมาตลอด แล้วทำไมล่ะ ทำไมจุนซูไม่กลับมา ทำไม” สองพี่น้องกอดกันแน่น ยูฮวานได้เพียงแต่ลูบหลังปลอบโยนพี่ชายตนได้แค่นั้นจริงๆ
แล้วคืนนั้นเหตุการณ์ที่ทุกคนสังหรณ์ใจไว้ก็เกิดขึ้นจนได้ ถึงแม้ทุกคนจะพยายามจับตาดูอยู่ขนาดไหน ยูชอนก็หายตัวไป พร้อมกับร่างของจุนซูจนได้
.
.
.
.
บ้านไม้ทาสีฟ้า ตัดกับหาดทรายสีขาวนวลระเอียด บ้านที่ครั้งหนึ่งคนตัวเล็กเคยใฝ่ฝันจะมีให้ได้ บ้านที่ยูชอนพยายามสร้างมันจากจินตนาการที่จุนซูเคยพูดไว้ บ้านที่ตอนนี้เจ้าของที่อยากให้มาเห็นไม่อาจมาอยู่ได้อีกแล้ว เจ้าของที่ตอนนี้ทอดตัวนอนหลับสนิทอยู่เเต่งตัวด้วยสูทสีขาวสะอาดตา ผูกไทด์หูกระต่ายที่ดูเข้ากับเจ้าตัว เนื้อผ้าอย่างดีกอบกับการตัดเย็บที่ปราณีต ทำให้ ร่างที่ดูซีดเซียวเด่นขึ้นมาทันที ด้านข้างของจุนซูเป็นยูชอนที่แต่งตัวคล้ายกัน แต่เป็นเนคไทด์ยาว เขากำลังดีดแกรนด์เปียโนสีขาว เพลงบรรเลงที่ใช้ในงานแต่งดังขึ้นอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งจบ แต่เขายังบรรเลงเพลงต่อไปเพลงที่เขาแต่งขึ้นมาเพื่อบุคคลที่เขารักที่สุด เพลงสุดท้ายที่เขาตั้งใจแต่งขึ้นมา เพลงสุดท้ายที่จะบรรเลงโดนมือเรียวสวยคู่นี้
แสงสว่างในยามเย็นส่องแสงมาที่ทั้งสอง
ความรู้สึกเริ่มลึกซึ้งมากกว่าแต่ก่อนในส่วนลึกของหัวใจ
สำหรับในไม่ช้า ฉันเก็บคำโกหกกับตัวเอง
เป็นสิ่งที่สมควรแล้วที่จะอยู่คนเดียว
แต่ตอนนี้ คุณ.... ฉันจะไม่ไปไหน
*ไม่ว่าเมื่อไหร่ๆ ฉันจะให้สิ่งที่คุณค้นหา
ไปด้วยกัน ทำลายความลังเลทุกสิ่ง
forever love.
เงาที่ทอดยาวกำลังจะสั้นลง
ความรู้สึกจากสัมผัสแห่งความรัก
ด้วยความรัก อย่างนุ่มนวล จากความปรารถนาอย่างมาก
คุณจิตนาการอนาคตไว้แบบไหน
ดาวดวงแรก ที่ฉันได้เห็นมันตกลงมา
เหมือนกับที่ฉันได้จิตนาการถึงตอนที่เจอเธอตอนแรกบนท้องฟ้า
ตอนนี้ฉันจะให้สิ่งนั้นกับคุณ
ไม่ว่าเมื่อไหร่ๆ ฉันจะร้องเพลงเพื่อคุณ ที่รักของฉัน
เป็นสมบัติที่ล้ำค่าในโลกนี้ เชื่อในความรัก
คุณคือรักเดียว ตลอดไป
ฉันสามารถสัญญากับคุณ ว่า ฉันจะปกป้องคุณไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
เมื่อไหร่ที่ฉันจะเอาหนามในหัวใจของเราออกไป
มาจิตนาการความฝันที่ไม่มีวันสิ้นสุด ในอ้อมกอดของกันและกัน
ไม่ว่าเมื่อไหร่ๆ ฉันจะให้ทุกสิ่งที่คุณต้องการ
เพียงคนเดียวในโลก เชื่อในความรัก
(*)พวกเราทั้งสองเริ่มเดินหน้าต่อไปด้วยกัน
คุณคือรักเดียวตลอดไป...
หลังจากที่เสียงเพลงจบลง ยูชอนเดินมาสวมแหวนที่นิ้วของจุนซู ก่อนจะอุ้มร่างที่นอนนิ่งขึ้นมาแนบอก และเดินลงไปยังทะเล ที่ซัดสาดอยู่เบื้องหน้า
“ไปกันเถอะจุนซู เราจะไปพร้อมกัน คราวนี้ฉันจะไม่ปล่อยนายอีกแล้ว ฉันสัญญา” ชายหนุ่มก้มลงจุมพิตที่ริมฝีปากเย็น ก่อนจะค่อยๆ เดินลงไปลึกลงไปเรื่อยๆ
“ฉันรักนาย จุนซู”
“ฉันก็รักนายที่สุด ยูชอน”
แสงสว่างของเช้าวันใหม่ทอดยาวเรื่อยๆ สะท้อนไปยังเปียโนตัวสวยที่ออกมาตั้งอยู่ด้านหน้าบ้าน พร้อมกับโน๊ตเพลงสุดท้ายที่ปลิวกระจายไปตามสายลมฤดูร้อน
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น