ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic EXO] To Be With You

    ลำดับตอนที่ #13 : chapter 12 : Fate

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 139
      1
      5 มี.ค. 57





    Fate

     

     

    “เปาจื่อ"

     

    เสียงประสานกันของทั้งแบคฮยอนและคยองซูทำให้ภูติตัวเล็กฉีกยิ้มกว้าง  ไหนจะท่าทางพออกพอใจกับชื่อของตนเองแบบนั้น เลยอดไม่ได้ที่ทั้งแบคฮยอนและคยองซูจะมองภูติน้อยด้วยความเอ็นดู

     

    "เป่าจื่อนี่มันแปลว่าอะไรนะ” แบคฮยอนหันไปถามคยองซูที่ทำตาโตตอบกลับมาแต่ เขาก็คุ้นเคยกับพฤติกรรมนั้นจนพอ จะรู้ว่าคยองซูคงไม่รู้ความหมายของชื่อนั้นเหมือนกันเลยได้แต่หันกลับไปถามกับเจ้าตัวเอง

     

    "ชื่อนายมันหมายความว่าอะไรเหรอ"

     

    "เอ่อ ... ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันลู่หานเค้าไม่ได้บอกฉัน"

     

    "เดี๋ยวนะลู่หานงั้นเหรอ?" เป็นคยองซูที่เอ่ยถามออกมา ดวงตาที่โตอยู่แล้วกลับเบิกกว้างเข้าไปอีก

     

    "ทำไม.." เปาจื่อไม่รู้ว่าคยองซูบ่นพึมพำว่าอะไรหลังจากได้ยินคำว่าทำไมนั้น เขายกมือขึ้นมาทุบที่หลังคอด้วยความปวดเมื่อย

     

    "นี่พวกนาย ช่วยย่อตัวลงมาคุยกับฉันหน่อยเถอะปวดคอจะแย่อยู่แล้ว" แบคฮยอนเท้าคางมองร่างเล็กๆที่นั่งกางขาอยู่บนเค้าเตอร์ ดวงตาเล็กหยีทอแววขบขันกันท่าทางของภูติตัวจิ๋วที่เมื่อครู่ยังอวดชื่อใหม่ของตัวเองอย่างพออกพอใจ แต่ตอนนี้กลับนั่งทำหน้าบูดเพราะเมื่อยคอ

     

    "ถ้านายยังฝืนใช้พลังแบบไม่รู้กำลังตัวเองแบบนี้นับวันรอที่จะหลับไปตลอดกาลได้เลย" เอ่ยพูดขณะที่ใช้นิ้วจิ้มไปที่ร่างเล็กๆนั้น เขาก็ไม่ได้อยากจะขู่เปาจื่อนักหรอก แต่นึกสภาพที่ไร้สติของภูติตัวเล็กที่ตามตัวเต็มไปด้วยบาดแผลเพราะฝีมือคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของแล้วเขาก็อดไม่ได้ที่จะต้องพูด

     

    "เห้ ทำไมพวกนายชอบทำกับฉันแบบนี้จังนะ" ภูติที่ถูกแกล้งเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงขุ่นมัวเมื่อต้องออกแรงดันนิ้วเรียวๆ ของแบคฮยอนที่ทำท่าจะจิ้มมาที่ตัวเขาอีกครั้ง

     

    "ก็นายมันน่าแกล้งนี่นา ตัวเล็กๆแบบนี้ก็ดีออกนะน่ารักดี" คยองซูหันขวับไปมองพี่ชายของตัวเองที่อมยิ้มน้อยๆขณะที่ใช้ปลายนิ้วเขี่ยแก้มกลมๆนั้นอย่างสบายใจดูเหมือนว่าอีก ฝ่ายจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าพูดอะไรออกมาเขาเลยได้แต่เหลือบมองภูติแก้มกลมที่นั่งหน้ามุ่ยเพราะถูกแกล้ง

     

    "เออ จริงสิ"เสียงร้องกับท่าทางตกอกตกใจทำให้คยองซูต้องละสายตาจากใบหน้าเปื้อนยิ้มของแบคฮยอนกลับไปมอง ภูติตัวน้อยที่ยกมือขึ้นมาทาบอก

     

    "ฉันมีเรื่องอะไรจะถามนาย"

     

     

     

     

    To be with you

     

     

     

    "มัวทำอะไรอยู่วะลู่หาน มาเรียนก็ช้านี่เดินก็ยังช้าอีก"

     

    ชานยอลหันไปดึงคอเพื่อนชาวจีนเข้ามาใกล้ตัวเมื่อเห็นอีก คนมัวแต่หันมองอะไรจนตามเขากับจงอินไม่ทันก่อนจะกดไหล่อีกคนให้นั่งบนโต๊ะม้าหินอ่อนโต๊ะประจำของพวกเขาที่เอา ไว้มานั่งเหล่สาวต่างคณะ

     

    "เออ เมื่อเช้าทำไมช้าวะเกือบส่งงานไม่ทันแล้ว" เป็นจงอินที่เอ่ยถามขึ้นบ้างแต่ดูเหมือนลู่หานจะไม่ได้สนใจฟังเขาเลยสักนิด จนชานยอลจับปลายคางเล็กๆนั้นให้หันกลับมายังโต๊ะนั่นแหละลู่หานถึงได้เริ่มรู้สึกตัวกับคำถามที่ถูกส่งมา

     

    "มีธุระนิดหน่อยน่ะ" ตอบเสร็จก็หันหน้าออกนอกวงสนทนาไปอีกครั้งจนทั้งจงอินกับชานยอลต้องหันมองตามดวงตาที่ เหมือนกับกวางสมชื่อของลู่หาน

     

    "เฮ้ย นั่นมันคนขายต้นไม้ที่ร้านนั้นนี่นา"

     

    "ใช่ ใช่ไหมล่ะ" ชานยอลยิ้มกริ่มเมื่อลู่หานถามกลับมาทั้งที่ตายังจับจองร่างเล็กๆที่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนส์สี ดำแต่ก็ทำให้ร่างนั้นดูโดดเด่นได้อย่างน่าประหลาด บวกกับแว่นตากรอบสี่เหลี่ยมที่ทำให้ใบหน้าขาวดูเคร่งขรึมขึ้นอีก

     

    "ไงเจอกันวันเดียวถึงกับหลงเสน่ห์เขาเลยรึไง" ชานยอลตบไหล่เพื่อนตัวบางดังป๊าบ ประกอบคำถาม แต่ลู่หานเอาแต่ จ้องร่างนั้นอย่างไม่วางตาจนไม่ได้ใส่ใจถึงฝ่ามือที่ฟาดลงมา

     

    เขากำลังมองชายคนนั้นที่เปาจื่อบอกว่าเป็นเทพ

     

    "เดี๋ยวฉันมานะ" ผุดลุกขึ้นแทบจะทันทีที่เห็นกลุ่มเพื่อนที่นั่งคุยกับเจ้าของร้านขายต้นไม้พากันลุกไปจากโต๊ะเหลือไว้ เพียงหนุ่มผิวขาวปากแดงที่นั่งอยู่กับกองหนังสือ

     

     

    ดวงตาภายใต้กรอบแว่นตวัดมองมายังทิศทางที่รู้สึกว่าตัวเองถูกจ้องมองอยู่ก่อนจะยิ้มน้อยๆทักทายเจ้าของดวงตากวางคู่ นั้นแล้วมองเลยไปยังอีกสองคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะที่ลู่หานเพิ่งเดินจากมา คนหนึ่งคือลูกค้าที่เคยมาซื้อต้นไม้ที่ร้านของเขากำลังส่งยิ้มขี้เล่นมาให้กับอีกคนที่ผิวออกจะคล้ำหน่อยที่ชื่อจงอินมองตรง มาทางเขาด้วยสายตาไม่เป็นมิตรนัก

     

    "เชิญนั่งก่อนสิครับ" เอ่ยเชื้อเชิญพลางดึงหนังสือที่วางกระจัดกระจายทั่วโต๊ะเข้ามาใกล้ตัว

     

    ลู่หานทรุดตัวลงนั่งทั้งที่ดวงตายังจับจ้องไปที่ใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างไปไม่วางตา ส่วนคนถูกมองได้แต่ลอบยิ้มที่มุมปากแล้วปิดหนังสือที่เปิดอ่านก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับดวงตาคู่สวยนั้น เป็นเชิงเชื้อเชิญให้อีกฝ่าบเปิดประเด็น

     

    วันนั้นผมไปรับต้นไม้ที่ร้านคุณแทนเพื่อนแล้วมันมีต้นไม้ที่ติดมาด้วยกระถางนึงน่ะครับ ต้นไฮเดรนเยียบางทีคุณอาจ จะส่งมันให้ผิดคน

     

    ไม่ผิดหรอกครับ ในเมื่อเขาเลือกคุณสิ่งที่ผมทำแค่ส่งเขาให้ถึงมือคุณก็เท่านั้น

     

     ถ้างั้นคุณก็เป็นอย่างที่เขาบอกลู่หานมองอีกฝ่ายด้วยสายตาจับผิด เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าที่ขาวยิ่งกว่าหิมะนั้นดูจะกว้างขึ้นเพราะคำถามที่เขาส่งไป

     

    เขาบอกอะไรคุณล่ะครับ ผมเป็นผู้พิทักษ์เจ้าของร้านขายต้นไม้ เด็กมหา ลัยหรือว่า เทพรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้าของเทพตัวขาว แบบที่ถ้าใครไม่รู้คงคิดว่าเขาเป็นปีศาจมากกว่าเทพเป็นแน่

     

    เป็นคุณนี่เองที่ส่ง ไอ้นี่มาให้กับผม

     

    จุนมยอนเหลือบมองผลึกสีใสที่ถูกวางลงบนปกหนังสือตรงหน้า ก่อนจะพยักหน้าตอบ

     

     ผมต้องการเหตุผลกับเรื่องทั้งหมดที่เกิด คุณจุนมยอน ผมต้องการรู้ว่าทำไมผมต้องรับเป็นเจ้าของภูติที่ติดมากับต้นไม้ ทำไมถึงได้มีของแปลกๆส่งมาที่ห้องผมลู่หานกดเสียง ต่ำเพื่อให้อีกฝ่ายได้ยินเท่านั้น เพราะรู้สึกถึงสายตาคนรอบๆที่มองมา ถึงเขาจะไม่เคยสังเกตเห็นผู้ชายคนนี้มาก่อนเลย แต่ด้วยหน้าตาที่จัดว่าดีเกินมนุษย์มนา(ก็ไม่ใช่มนุษย์นี่)ของจุนมยอน ผู้ชายคนนี้ก็คงเป็นที่จับตามองในหมู่สาวๆพอสมควร

     

    “คุณเชื่อในโชคชะตาไหมล่ะ โชคชะตาที่ทำให้ผมไปเจอกับภูติที่ใกล้จะหลับใหลไปตลอดกาลผม  ช่วยเขาไว้แต่เพราะ พลังชีวิตที่อ่อนแอของเขา   ทางเดียวที่จะประคองชีวิตของเขาเอาไว้ได้คือการที่ผมต้องหาเจ้าของที่จะมาแบ่งปันพลังชีวิตให้ กับเขาแล้ววันนั้นที่คุณก้าวเข้ามาในร้านเขาก็เลือกคุณ แล้วในตอนนี้ที่คุณตั้งชื่อให้กับเขา นั่นถือเป็นเครื่องพันธการเขาเอาไว้กับคุณ

     

    หมายความว่ายังไง พันธนาการที่คุณว่า ถ้าวันนึงผมตาย..

     

    ภูติไม่มีวันตายนี่คือสิ่งที่คุณควรรู้ เมื่อคุณเป็นเจ้าของของเขานั่นคือการสิ้นสุดการตามหาเจ้าของ คุณจะเป็นเจ้าของของเขาตลอดไป ผมบอกคุณได้แค่นี้ล่ะ คุณลู่หาน เมื่อถึงเวลาที่สมควรผมจะบอกคุณทุกอย่างเอง

     

    ลู่หานทำได้เพียงแค่อ้าปากจะค้านอีกฝ่าย แต่ร่างกายของเขากับไม่ตอบสนอง เขารู้สึกเหมือนจะขยับตัวไม่ได้ ได้แต่มองผลึกสีใส ที่ถูกยื่นมาตรงหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจ ผมฝากให้คุณเก็บไว้สักวันเปาจื่อจะได้ใช่มันยังไม่ทันที่เขาจะได้คิดอะไรผลึกนั้นก็ถูกยัดใส่มาในมือของเขา ส่วนคนที่ยัดมัน มาก็เดินตัวปลิวพร้อมหนังสือไปไกลลิบซะแล้วพร้อมกับตัวของเขาที่กลับมาขยับได้อีกครั้ง

     

     

     

     

     

     

     

    ไม่ เปาจื่อ ภูติไม่มีความฝัน

     

    เปาจื่อผงะหนีใบหน้าที่ยื่นเข้ามาใกล้จนเกือบจะแนบชิดกัน ถ้าไม่ ติดมือที่เอื้อมมาคว้าไหล่เขาเอาไว้ทั้งสองข้าง ป่านนี้ตัวของเขาคงตกลงไปในแก้วที่เต็มไปด้วยน้ำชาที่เขาปีนขึ้นมานั่งแล้ว

     

    ละ ละ แล้วทำไมเอ่ยถามอย่างตะกุกตะกักเมื่อดวงตาที่โตจนน่ากลัวคู่นั้นจ้องตรงมาทางเขาอย่างน่ากลัว

     

    "ฉันไม่รู้ว่าที่นายกำลังเป็นอยู่คืออะไร แต่ภูติไม่มีความฝัน และจากที่นายเล่า มันดูไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย" คยองซูตบบ่าของเขาเบาๆก่อนจะถอยกลับไปยืนอยู่ข้างแบคฮยอน

     

    ไม่รู้เป็นเพราะสีหน้าที่เป็นกังวลของคยองซูหรือเปล่าที่เริ่มทำให้เขาชักจะใจไม่ดี ภาพของแบคฮยอนที่มือเต็มไปด้วยเลือดปรากฏขึ้นอีกครั้งในความทรงจำ มันดูลางเลือนแต่เขากับรู้สึกถึงมันราวกับมันเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นตรงหน้า

     

    ความกลัว หวาดระแวง เกิดขึ้นผสมปนเปกันไปจนต้องหันไปมองแบคฮยอนที่มองมาทางเขาด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก

     

     

    โครม!!!!!

     

     

    "ฉันไม่รู้ว่าที่นายกำลังเจออยู่คืออะไร ถ้ามันเป็นฝันจริงมันไม่ใช่เรื่องปกติแน่" ได้แต่มองมือขาวๆที่ยื่นมาตรงหน้าอย่างทำอะไรไม่ถูก ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนถูกฟาดเข้าที่หัวด้วยความกลัวท่อนใหญ่ แล้วก็ได้แต่นึกโทษฟ้าโทษดินที่ทำให้เขาต้องเกิดมาพบเจอกับเรื่องราวผิดแผกแปลกกว่าภูติตนอื่นๆ

     

    จนมือของแบคฮยอนมาดึงแขนของเขาขึ้นไปนั่นแหละ เขาถึงได้รู้สึกตัวว่าลงมายืนแช่อยู่ในถ้วยน้ำชากลิ่นหอมนี่ซะแล้ว

     

     

     

     

    To be with you

     

     

     

     

    เกล็ดหิมะสีขาวที่ร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้าตลอดช่วงบ่ายทับถมกันจนสูงเกือบห้าเซนติเมตร ไอเย็นๆของมันแผ่ปกคลุมไปทั่ว จนฟันในปากกระทบกันอย่างห้ามไม่อยู่ ไหนจะตัวที่สั่นเทาเพราะความหนาวเย็น

     

    เท้าเปล่าที่โผล่พ้นชายผ้าย่ำไปบนหิมะเย็นๆที่แทบจะรีบยกเท้าออกมาเมื่อสัมผัสกับความเย็นของมัน แม้จะพยายามเดินไปบนทางเท้าที่หิมะถูกกวาดออกไปบางแล้ว แต่เขาก็ยังต้องคอยหลบขาของผู้คนที่เดินไปมา ก่อนที่จะโดนเหยียบแบนติดถนนไปซะ  แถมยังต้องคอยระวังเกล็ดหิมะที่ตกลงมาอีก เพราะเกล็ดน้ำแข็งเย็นๆพวกนั้นทั้งเย็น ทั้งคม แถมยังทิ้งรอยแดงไว้เป็นทางยาวตามผิวของเขาอีกด้วย

     

     

    “หนาวจังเลย” เอ่ยพึมพำผ่านฟันที่กระทบกันในปาก  สองแขนยกขึ้นมากอดตัวเองเอาไว้เพื่อเพิ่มไออุ่นแต่ก็แทบจะไม่ได้ช่วยอะไรเลย เพราะชุดที่เขาใส่อยู่มันเต็มไปด้วยเกล็ดน้ำแข็งเล็กๆที่เกาะอยู่เต็มไปหมด ตอนนี้แม้ลมจะพัดมาแรงแค่ไหน ชุดของเขาก็ไม่กระดิก เพราะมันแข็งจนเป็นแผ่นแล้ว

     

    เปาจื่อเร่งฝีเท้าจนเกือบจะกลายเป็นวิ่งเมื่อเห็นอพาร์ทเม้นของลู่หานอยู่ห่างออกไปไม่ไกล ถึงตัวเขายังตากหิมะกับลมแรงอยู่แบบนี้ แต่ใจของเขาจดจ่ออยู่กับห้องอุ่นๆของลู่หาน

     

     

     

     

    ลู่หานยืนพิงกรอบหน้าต่างอยู่ในห้องนอน ในมือของเขาถือแก้วกาแฟที่เพิ่งชงเสร็จร้อนๆ ขณะที่ดวงตาคู่สวยเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างที่ตอนนี้ทั่วทั้งเมืองแทบจะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวโพลน ทั้งๆที่ตอนเช้าอากาศยังสดใสอยู่แท้ๆ

     

    “แก้มบวมจะกลับมายังไงเนี่ย” ตั้งคำถามกับตัวเองเมื่อพายุหิมะข้างนอกนั้นดูจะรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

     

    ฮือออ ละ ลู่ ลู่ หาน ลู่ หาน

     

    มือที่ยกแก้วกาแฟขึ้นจรดริมฝีปากชะงักอยู่อย่างนั้น  เมื่อเจ้าของมือกำลังเงี่ยหูฟังเพื่อหาที่มาของเสียงแผ่วๆที่ลอยมาตามลม

     

    ลู่หาน  ปะ  ประตู

     

     

    แก้วกาแฟถูกวางลงบนโต๊ะอย่างแรง ก่อนที่ลู่หานจะรีบพุ่งตัวไปที่ประตู แล้วเปิดมันออก

     

     

    “เปาจื่อ”

     

     ร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อเห็นสภาพภูติตัวน้อยที่ยื่นตัวสั่นเป็นลูกนกตกน้ำ เพียงแต่เปาจื่อน่าจะไปตกกองหิมะมามากกว่า เพราะตามเนื้อตัวมีแต่เกล็ดขาวๆของหิมะเกาะอยู่เต็มไปหมด

     

    ลู่หานช้อนตัวของภูติน้อยมาไว้ในอุ้งมือก่อนจะรีบตรงไปยังตู้เสื้อผ้าหาผ้าเช็ดตัวผืนเล็กมาห่อร่างของเปาจื่อเอาไว้ แล้วค่อยๆใช้ผ้าเช็ดตัวบรรจงซับน้ำตามตัวและเส้นผมที่เปียกชื้น แก้มกลมๆกลายเป็นสีแดงจัดเหมือนมะเขือเทศ และไม่ต้องพูดถึงจมูกเล็กๆนั้นด้วย ลู่หานมองร่างเล็กจิ๋วที่นั่งตัวสั่นให้เขาเช็ดตัวให้ รอยแดงๆตามลำตัวทำให้เขาได้แต่นึกว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับปาจื่อของเขากันแน่

     

    ฟู่วววววว

     

    ฟู่วววววว

     

    “อุ่นขึ้นไหม” เอ่ยถามหลังจากเป่าลมอุ่นๆใส่ตัวภูติน้อยที่รีบหดคอหดหนีเขา แต่ก็ยังพยักหน้าหงึกหงักตอบกลับมา พอเขาทำท่าจะเป่าลมใส่อีกรอบ มือเล็กๆนั้นก็ยกขึ้นมาห้ามพร้อมกับที่เสียงสั่นๆนั้นตอบกลับมา

     

    “จักกะจี้”

     

    “แล้วจะทำยังไงล่ะ ปล่อยไว้แบบนี้ นายได้ป่วยแน่ๆเปาจื่อ” ลู่หานทำหน้าครุ่นคิด เมื่อเห็นภูติตัวเล็กเอาแต่สั่นอยู่ในกองผ้า

     

    “เอางี้ ถอดชุดนายออกมาก่อน”

     

     

     

    To be with you

     

     

    เพิ่งปั่นเสร็จสดๆร้อนๆเลย

    ที่ลงช้าเพราะมัวแต่แต่งเรื่องสั้นอยู่ หวังว่าคงยังไม่ทิ้งกันไปไหนนะคะ

    ขอบคุณค่ะ

    Jyploy

     




    :-Daisy ✿
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×