คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : chapter 19 : In you dreams I
In your dreams I
4 วันก่อน
“เซฮุนขังตัวตนและจิตวิญญาณของเขาเอาไว้ในความฝัน เพราะความเชื่อที่ว่าการตายของมินซอกมีสาเหตุมาจากตัวเขา ในตอนนี้คนที่จะพาเขาออกมาจากความฝันได้มีเพียงแค่เปาจื่อที่มีเสี้ยวหนึ่งของความทรงจำของมินซอกเท่านั้น”
“หมายความว่านายจะให้เปาจื่อเข้าไปในความฝันของเซฮุนอย่างนั้นเหรอ” แบคฮยอนเอ่ยถามในสิ่งที่เขาค่อนข้างจะมั่นใจในคำตอบ
“ฉันไม่มีทางเลือกอื่น”
ไม่ใช่เพราะมันไม่มีทางเลือกอื่น แต่เพราะทางเลือกนี้มันได้ถูกกำหนดไว้แล้วต่างหาก ทางเลือกที่มินซอกเป็นผู้กำหนด และเปาจื่อจะต้องเลือกทำตามอย่างไม่มีเงื่อนไข
“เชื่อฉันสิว่าเขาจะปลอดภัย มินซอกไม่เคยคำนวณอะไรผิดพลาด จริงไหม จุนมยอน”
คยองซูหันไปถามเทพตัวขาวที่นั่งอยู่ไม่ห่าง
เป็นอีกครั้งที่จุนมยอนเอาแต่หลบสายตาเขา
และก็เป็นอีกครั้งที่เขาอยากจะโยนความผิดทั้งหมดไปให้อีกฝ่ายเสียเหลือเกิน
***** To be with you *****
ฟองอากาศมากมายลอยนิ่งอยู่ในระดับสายตา เปาจื่อมองมันอย่างสงสัย เมื่อภายในของฟองอากาศเต็มไปด้วยภาพของผู้คนมากมาย ที่อยู่ต่างสถานที่ต่างเวลากัน
ยกมือขึ้นหมายจะลองสัมผัสมันเพียงเบาๆแต่ฟองอากาศนั้นกลับแตกออก เป็นฟองอากาศเล็กๆนับพัน ภูติน้อย ทำตาโตอย่างตกใจแล้วรีบถอยห่างจากฟองอากาศที่ลอยอยู่ใกล้ตัวที่สุด ก่อนจะสะดุ้งโหยงเพราะเสียงที่ดังมาจากด้านหลังของเขา
“นายกำลังทำให้ฝันดีของใครบางคนหายไปนะ” คยองซูเอ่ยยิ้มๆขณะที่เดินกอดอกเข้ามาใกล้
“คยองซู นายมาได้ยังไง แล้วที่นี่มันที่ไหนกัน”
“ที่นี่คือโลกแห่งความฝันคราวก่อนแบคฮยอนพานายขึ้นไปบนดวงจันทร์ วันนี้นายลองมาเที่ยวในโลกแห่งความฝันของฉันบ้างเป็นไง” เจ้าบ้านพูดแล้วผายมือออกข้างลำตัวอย่างเชื้อเชิญ
“จริงเหรอ ให้ฉันมาเที่ยวที่นี่เหรอ”
เปาจื่อกวาดสายมองไปรอบๆตัว สถานที่แห่งนี้เป็นสีขาวไปทุกหนทุกแห่ง ตามพื้นถูกปกคลุมด้วยหมอกสีขาวที่ส่งกลิ่นหอมที่ชวนให้เคลิ้มฝัน
ต้นไม้ที่มีลำต้นสีดำเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ดูโดดเด่นขึ้นมาจากทุกสิ่ง เพราะสิ่งที่ควรจะเป็นใบของมันกลับเป็นฟองอากาศแบบที่เขาทำมันแตกไปก่อนหน้า ที่ปลายกิ่งสีดำทุกกิ่งมีรูกลมๆที่คอยปล่อยฟองอากาศออกมามากมาย บางอันก็ลอยขึ้นไปรวมกลุ่มกันคล้ายเป็นใบของต้นไม้ แต่บางอันก็ลอยล่องไปตามสายลมอุ่นๆที่พัดมา
“จริงสิ แต่มีข้อแม้นะ นายต้องทำภาระกิจบางอย่างให้ฉัน ตกลงไหม”
รีบพยักหน้ารัวๆแทนคำตอบ ท่าทางที่เหมือนกับเด็กเล็กๆนั้นทำให้คยองซูต้องลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ ไม่ใช่เพราะโล่งอก แต่เพราะเขาหนักใจกับสิ่งที่กำลังทำอยู่ต่างหาก
“เห็นประตูบานนั้นรึเปล่า” หันมองตามมือของคยองซูที่ชี้ไปยังทิศทางที่มีแต่ฟองอากาศ จนเห็นบานประตูสีดำที่โดดเด่นท่ามกลางฟองอากาศมากมาย
เปาจื่อแอบขมวดคิ้วน้อยๆเมื่อเขาจำได้ว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยมีประตูบานนั้นอยู่ แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าที่นี่เป็นโลกแห่งความฝันของคยองซู ผู้ที่สามารถจะดลบรรดาลอะไรก็ได้ภายในที่แห่งนี้
“ประตูบานนั้นเป็นทางเชื่อมไปสู่ความฝันของใครบางคนที่นายรู่จักและที่แห่งนั้น นายจะพบคำตอบของคำถามที่นายต้องการรู้ ที่นายต้องทำคือพาคนๆนั้นออกมาจากความฝันก่อนที่เวลาจะหมด”
คยองซูยื่นมือออกมาข้างหน้า บนมือมีนาฬิกาทรายที่มีเม็กทรายสีทองลอยนิ่งอยู่ที่ฝั่งหนึ่งของนาฬิกา
“เวลาจะเริ่มนับถอยหลังทันทีที่นายก้าวผ่านประตูนี้เข้าไป ฉันจะให้นาฬิกาทรายกับนายเพื่อที่นายจะได้ดูเวลาตอนที่เข้าไปในนั้น”
เปาจื่อก้มมองที่คอของตัวเองที่ตอนนี้มีสร้อยคอที่มีจี้เป็นนาฬิกาทรายเรือนเล็กคล้องอยู่ สัมผัสเย็นๆของมันที่แนบไปกับเนื้อของเขาเริ่มทำให้เขาไม่อยากจะเข้าไปในความฝันแล้ว
“ฉันจะพาเขาออกมาได้ยังไงกันล่ะ ในเมื่อฉัน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใคร”
“นายจะรู้ได้เองว่าเขาคือใคร ใช้ใจของนายนำทางเขาออกมาให้ได้นะเปาจื่อ มีแค่นายเท่านั้นที่จะพาเขาออกมาได้”
เพราะแววตาวิงวอนของคยองซูในแบบที่เขาไม่เคยเห็นทำให้เปาจื่อต้องนิ่งคิด
อะไรบางอย่างในหัวบอกเขาว่านี่ไม่ใช่แค่การเที่ยวเล่นแบบที่แบคฮยอนเคยพาเขาขึ้นไปบนดวงจันทร์
แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะถามออกไปตรงๆ เพราะความกลัวที่จะต้องรับรู้
“จำไว้นะเปาจื่อ กฏของการเข้าไปในความฝันของคนอื่น อย่าเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับความฝัน อย่าพยายามเปลี่ยนแปลงอะไร สิ่งเดียวที่นายทำได้คือพาเขาออกมา”
บานประตูที่ค่อยๆเปิดออกคล้ายเชิญชวนให้เขาไป เปาจื่อยืนมองมันอย่างชั่งใจ แล้วก้าวเท้าเข้าไปใกล้บานประตู ทันทีที่เท้าของเขายื่นเข้าไปในเขตของบานประตู เม็ดทรายในนาฬิกาก็ร่วงพรูลงมาเป็นสัญญาณว่าเวลาเริ่มนับถอยหลัง ภูติน้อยเหลือบมองมันชั่วครู่ก่อนจะตัดสินใจก้าวเดินต่อไป
“ฉันจะรอนายอยู่ตรงนี้นะเปาจื่อ จะรอจนกว่านายจะออกมา”
เสียงของคยองซูค่อยๆจางหายไปในอากาศ เมื่อเขาเดินเข้ามายังอีกฝั่งของบานประตู โถงทางเดินสีขาวที่ทอดยาวอยู่เบื้องหน้าทำให้ภูติน้อยเร่งฝีเท้าที่ก้าวเดินให้เร็วขึ้น เสียงฝีเท้าของเขากับเสียงหายใจเป็นเพียงเสียงเดียวในความเงียบสงัดของสถานที่แห่งนี้
“มินซอก….”
เสียงแผ่วๆเหมือนคนหมดแรงดังมาจากที่ไกลๆ เปาจื่อขมวดคิ้วจนเป็นปม เมื่อเขารู้สึกว่าเสียงที่ได้ยิน เป็นเสียงที่เขารู้สึกว่าคุ้นเคยเป็นอย่างดี
“มินซอก….” เงาดำปรากฎขึ้นตรงสุดทางเดิน ของผู้ชายรูปร่างสูงโปร่งที่เหมือนกับลู่หาน แต่เขารู้ว่ามันไม่ใช่
“เซฮุน” และโดยไม่รอช้า ขาทั้งสองก็เปลี่ยนจากก้าวเดินช้าทีละก้าวเป็นออกวิ่ง
ยิ่งเข้าใกล้
เงาที่เขาเห็นก็ดูเรือนรางลงไปทุกที
“เซฮุน!” ตะโกนออกมาสุดเสียงเมื่อพาร่างที่หายใจหอบของตัวเองมายังจุดที่เขาเคยเห็นเงาของเซฮุนอยู่ตรงนี้ แต่ตอนนี้เบื้องหน้าของเขามีเพียงความว่างเปล่ากับผนังสีขาว
ทางตัน
ยกมือขึ้นสัมผัสผนังด้านหน้าของตัวเองเพื่อจะพบว่ามันเป็นเพียงผนังตันๆที่ไม่มีทางให้เขาไปต่อ
จะทำยังไง
นั่นคือคำถามแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวของเขาท่ามกลางความสับสน ก่อนที่สายตาจะไปหยุดอยู่ที่วัตถุสีเงินที่ตกอยู่บนพื้น ภูติน้อยย่อตัวลงก่อนจะหยิบกุญแจสีเงินนั้นขึ้นมาไว้ในมือ
ทันทีที่ปลายนิ้วสัมผัสกับโลหะเย็นๆของมัน ความรู้สึกเย็นวาบก็แล่นจากปลายนิ้ว ไปทั่วร่างกาย เปาจื่อหลับตาแน่นเมื่อภาพมากมายกำลังหลั่งไหลเข้ามาสู่สมองของเขา เรื่องราวที่เขารู้สึกเหมือนเคยได้สัมผัสกับตัวเอง แต่กลับไม่รู้สึกว่าคุ้นเคยกับเหตุการณ์นั้นเลย
สีแดงฉานของเลือด กับร่างที่ไร้สติของเซฮุนค่อยๆซ้อนทับเข้ามาในประสาทการรับรู้ ขาที่จู่ๆก็อ่อนแรงทำให้ร่างเล็กล้มลงกับพื้นถึงจะพยายามดันตัวให้ลุกขึ้นแต่ก็เหมือนเรี่ยวแรงที่เขาเคยมีมันหายไปหมดจนต้องนอนแผ่ไปกับพื้น
เปาจื่อหลับตาแน่นเมื่อรู้สึกถึงเสียงหวีดร้องที่ดังลั่นอยู่ในหัวจนต้องยกมือขึ้นมากุมหัวที่เริ่มปวดร้าวเอาไว้โดยที่มืออีกข้างยังคงกำกุญแจดอกนั้นเอาไว้แน่น
“ช่วย…ด้วย”
เปล่งเสียงร้องออกมาอย่างยากลำบาก เมื่อดวงตาเริ่มพล่ามัว ภาพตรงหน้าของเขาค่อยๆแยกจากหนึ่งเป็นสอง สาม สี่ จนสิ่งที่เขาเห็นมีเพียงความมืด ก่อนที่สติของเขาจะดับวูบไปอีกครั้ง
***** To be with you *****
“พี่มินซอก พี่ครับ พี่”
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสัมผัสเบาๆที่ข้างแก้มหรือเพราะเสียงคุ้นหูที่ดังอยู่ไม่ห่างกันแน่ ที่ปลุกร่างที่นอนอยู่ให้ตื่นจากนิทรา ดวงตาคู่กลมกรอกไปมาใต้เปลือกตาที่ยังคงปิดสนิท ขณะที่หัวคิ้วได้รูปขมวดเข้าหากันแน่น
“พี่มินซอก ทำไมขี้เซาแบบนี้นะ”
เสียงบ่นที่เจือไปด้วยความขบขันดังชัดเจนในสมอง น่าแปลกที่เขากลับไม่ได้รู้สึกรำคาญมันเลยสักนิด
กลับมีความสุขเสียอีกในเวลาแบบนี้
เซฮุนจ้องดวงตาคู่กลมที่ค่อยๆปรือขึ้นมาน้อยๆ แม้จะมีแววง่วงงุนอยู่บ้างแต่ดวงตาคู่นั้นกลับมีประกายสดใส ก่อนจะอมยิ้มออกมาน้อยๆเมื่อเจ้าของใบหน้าเนียนทำหน้าตางอแงราวกับเด็กเล็กๆ
“เซฮุน นายมาทำอะไรแต่เช้าเนี่ย”
เสียงที่ติดจะแหบของคนที่เพิ่งตื่นทำให้เซฮุนต้องใช้เวลาชั่วครู่เพื่อจะประมวลผลคำพูดในประโยคนั้น
“เช้าที่ไหนกันครับ นี่จะเที่ยงแล้ว เลยว่าจะมารับแฟนไปกินข้าว”
คนอายุน้อยกว่าบอกพลางออกแรงดึงแขนเที่วางอยู่ข้างตัวของคนตัวเล็กขึ้นมาก่อนจะอ้อมมือไปด้านหลังของอีกฝ่ายแล้วตระกรองกอดร่างเล็กให้ขึ้นมานั่งบนเตียง โดยที่หัวกลมๆของอีกฝ่ายเลื่อนมาซบอยู่ที่ไหล่ของเขา
“ฉันเพิ่งได้นอนไปแค่สองชั่วโมงเองนะเซฮุน” พูดพลางทำปากยู่อยู่กับไหล่กว้าง ก่อนที่คนตัวเล็กจะแอบสูดกลิ่นหอมๆที่มาจากตัวอีกคน
“ผมบอกแล้วนี่นาว่าอย่าดองงานเอาไว้ทำวันสุดท้าย เป็นไงล่ะ แล้วก็มางอแงเป็นเด็กแบบนี้ มันน่าตีจริงๆ”
“น้อยๆหน่อยเถอะนายน่ะ ฉันแก่กว่านายนะ”
“โอ๊ยยยยย”
เซฮุนร้องเสียงหลงเมื่อฟันซี่โตคู่หน้าของอีกคนฝังอยู่ที่ไหล่ของเขา จนต้องรีบผลักอีกคนให้ออกห่าง
“กัดผมทำไมอ่ะ” ตีหน้ายุ่งพร้อมกับลูบไปตามรอยฟันคมๆของอีกคน
“อยากมาทำเป็นสอนฉันทำไมล่ะ”
“ก็มันจริงนี่นาพี่ทำตัวเหมือนเด็กจริงๆนี่” มินซอกเบะปากกับคำพูดนั้นก่อนจะทำหน้างองุ้ม “ผมไปรอข้างนอกนะ รีบอาบน้ำเลย ผมหิวจะแย่แล้ว”
พูดพลางเอื้อมมือไปดึงแก้มนิ่มทั้งสองข้างอย่างหมั่นเขี้ยว
ดวงตาคู่กลมเบิกกว้างอย่างตกใจทันทีที่มือคู่นั้นแตะเข้าที่แก้มนิ่มของตัวเอง ได้แต่มองใบหน้าของเด็กหนุ่มตรงหน้านิ่งอยู่อย่างนั้น จนอีกฝ่ายหันหลังเดินตรงไปยังประตู
ยกมือขึ้นหมายจะร้องห้ามอีกฝ่ายขณะที่น้ำตาเอ่อคลอขึ้นมาที่ดวงตาทั้งสองข้าง แต่ไร้ซึ่งเสียงใดที่จะเล็ดลอดออกจากปาก
เปาจื่อนั่งมองแผ่นหลังของเซฮุนนิ่งอยู่อย่างนั้น แต่เสียงบางอย่างในใจบอกให้เขารั้งเซฮุนเอาไว้
เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นด้วยซ้ำ เขาแค่ได้ยินเสียงเรียก
เสียงที่เรียกเขา
แต่กลับไม่ใช่ชื่อของเขา
เขามองเห็นใบหน้าของเซฮุน รู้สึกถึงสัมผัสที่แสนอบอุ่นและทะนุถนอม ทุกอย่างที่ทำ ทุกคำที่พูดราวกับเป็นสิ่งที่คุ้นเคย
ทั้งที่เขารู้ดีว่ามันไม่ใช่
คนที่เซฮุนเห็นไม่ใช่เขา แต่เป็นมินซอกคนนั้น
เขารู้ดีว่านี่มันคือความฝัน แต่ภาพที่เขาเห็นหลังจากที่ฮุนแตะที่แก้มของเขามันช่างเหมือนจริงจนเขากลัว ภาพของเซฮุนที่โชกไปด้วยเลือดยังติดตาของเขาอยู่ กลิ่นคาวเลือดที่เขาสัมผัสได้ยังคงติดตรึงอยู่ในความทรงจำ ราวกับเป็นเรื่องจริงที่เพิ่งเกิดขึ้น
ถ้านี่คือความฝันของเซฮุน แล้วทำไมเขาถึงได้เห็นอะไรแบบนั้น หรือนี่คือจุดประสงค์ของคยองซูที่ต้องการให้เขาเข้ามาในความฝันของเซฮุน
มาเพื่อหยุดสิ่งเลวร้ายที่จะเกิดกับเซฮุน
เปาจื่อผุดลุกขึ้นจากเตียงแล้ววิ่งตรงไปที่บานประตู แต่ยังไม่ทันที่จะได้เปิดมันออกเสียงหนึ่งที่ดังขึ้นก็ทำให้เขาสะดุ้งสุดตัว
“ไม่มีประโยชน์หรอก”
การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเซฮุน ทำให้ภูติตัวเล็กผงะถอยหนีอย่างตกใจ พลางกวาดสายตามองร่างของคนตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา
“ผมบอกว่าไม่มีประโยชน์หรอก ต่อให้คุณพยายามเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง แต่สิ่งที่มันเคยเกิดขึ้นแล้วมันก็ไม่มีทางเปลี่ยนไป”
“เซฮุน ก็คุณเพิ่งออกไป”
เอ่ยถามสิ่งที่สงสัยออกไป แล้วก็ต้องก้าวถอยหลังเมื่อเห็นรอยยิ้มเย็นๆที่ระบายบนใบหน้าของเซฮุน
แววตาที่ไม่บ่งบอกความรู้สึกใดของเซฮุนมองสำรวจใบหน้าของภูติน้อยช้าๆ ขณะที่ค่อยๆเผยรอยยิ้มกว้างขึ้นเรื่อยๆ
“คุณเหมือนเขามาก แต่ผมรู้ว่าคุณไม่ใช่เขา”
“หมายถึงคนที่ชื่อมินซอกงั้นเหรอ” เปาจื่อที่หลบไปยืนอยู่มุมห้องเอ่ยถามอย่างกล้าๆกลัวๆ
“ถ้าคุณอยากจะทำให้ทุกอย่างมันดีขึ้น ก็ตามหาโอเซฮุนตัวจริงให้เจอแล้วพาเขาออกไปจากที่นี่สิ”
“แต่นายคือเซฮุน ไม่ใช่เหรอ” เสียงท้ายประโยคค่อยๆเบาลงอย่างไม่แน่ใจ
“ผมเป็นแค่ตัวตนหนึ่งของเขาที่มีชีวิตอยู่แค่ในความฝันเท่านั้น ถ้าคุณอยากเจอเซฮุนตัวจริงคุณก็ต้องตามหาเขาให้เจอ แต่แย่หน่อยนะที่หมอนั่นชอบทำตัวเหมือนไม่มีตัวตน ถ้าคุณจะหาเขาก็ต้องรีบหน่อยล่ะ เวลาของคุณก็ค่อยๆลดลงไปทุกทีแล้ว”
เปาจื่อมองตามสายตาของเซฮุนที่เลื่อนมาหยุดที่ลำคอของเขา ก่อนที่เขาจะตระหนักได้ว่า ทรายในนาฬิกาทรายยังคงไหลลงมาเรื่อยๆไม่ได้ขาด
“ผมจะหาเขาได้ที่ไหนล่ะ” เอ่ยถามเมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะเดินจากไป
“นั่นคือสิ่งที่คุณต้องพยายามด้วยตัวเองแล้วล่ะ”
สิ้นเสียง ร่างของเซฮุนก็ค่อยๆจางหายไปในอากาศ เปาจื่อพ่นลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิดกับสิ่งที่เกิดขึ้น นอกจากเขาจะไม่ได้รู้อะไรเพิ่มขึ้น การตามหาเซฮุนก็ดูจะไม่ได้คืบหน้าไปไหนเลย
“ฉันอยากออกไปจากที่นี่แล้ว คยองซู”
คลิ๊ก
เสียงปลดล็อคลูกบิดประตูดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ เปาจื่อหันมองบานประตูสีขาวที่ค่อยๆเปิดออกอย่างช่างใจ ก่อนจะเดินก้าวช้าๆเข้าไปใกล้
สายลมเย็นๆที่พัดมาจากอีกฝั่งของประตูคล้ายเชิญชวนให้ภูติน้อยก้าวเข้าไป
“ฉันจะต้องหานายให้เจอ เซฮุน” ยกมือขึ้นกำนาฬิกาทรายที่ห้อยอยู่ที่คอ สัมผัสเย็นๆของมันทำให้เขารู้สึกหนาวเหน็บไปถึงขั้วหัวใจ
แสงสว่างเจิดจ้าที่เขามองเห็นทันทีที่ก้าวผ่านบานประตูมาทำให้ต้องหรี่ตาเพื่อมอง และก่อนที่จะได้ปรับโฟกัสสายตากับแสงสว่างนั้น เขาก็รู้สึกถึงมือคู่เล็กที่จับอยู่ที่ขาของเขา จนเผลอร้องเสียงหลงออกมาอย่างตกใจกลัว
“พี่มินซอก”
เปาจื่อค่อยๆลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่เขาเห็นคือทุ่งหญ้าสีเขียวขจีและท้องฟ้าที่ดูสดใส ก่อนจะก้มมองมือที่จับอยู่ที่ขาของเขา ใบหน้าของเด็กชายผิวขาว กับรอยยิ้มกว้างนั้นทำให้เขาต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างโล่งอก
แค่การเข้ามาในความฝันของเซฮุนแค่ไม่นานก็ทำให้เขารู้สึกเหมือนใช้พลังทั้งหมดที่มีในชีวิตไปแล้วกว่าครึ่ง
“ดีใจจังที่พี่มาที่นี่ พี่มินซอก”
เปาจื่อขมวดคิ้ว เมื่อเพ่งมองใบหน้าของเด็กชายชัดๆ ใบหน้าที่ละม้ายคล้ายกับที่เขารู้จักนั้นทำให้ต้องก้มลงไปเพ่งมองเครื่องหน้าของเด็กชายชัดๆก่อนที่คำตอบจะปรากฏขึ้นในหัวของเขา
“เซฮุน?”
“มีอะไรติดหน้าผมเหรอ” เปาจื่อมองใบหน้าที่ดูเหรอหร๋าของเด็กชายเซฮุนอย่างเอ็นดู
นี่เขาคงเข้ามาในความฝันของเซฮุนตอนที่เซฮุนยังเป็นเด็กอยู่สินะ
เซฮุนในวัยเด็กค่อนข้างตัวสูงจนเขาตกใจ แถมใบหน้าขาวที่มีรอยเลอดินนั้นมองยังไงก็ดูจะเหมือนกับเด็กผู้หญิงซะมากกว่า
“เปล่าหรอก”
“งั้นไปเล่นกับผมนะ” ไม่พูดเปล่า แต่มือเล็กคู่นั้นเปลี่ยนจากที่จับขาของเขาไว้มาฉุดข้อมือให้เดินตามไปยังทุ่งหญ้าที่สูงเกือบเท่าเข่าของเขา
“เดี๋ยวๆ เซฮุน ฉันไปเล่นกับนายไม่ได้หรอกนะ”
ใบหน้าที่ยิ้มแย้มเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นบึ้งตึงทันทีจนเขาแปลกใจ เปาจื่อมองฟันขาวๆที่ขบลงบนริมฝีปากสีชมพูที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง ดวงตาที่เคยประกายสดใสกลับเต็มไปด้วยน้ำตาที่เอ่อคลอขึ้นมาที่ดวงตาทั้งสองข้าง
“คือว่าฉันตามหาโอ เซฮุน คนที่เป็นเจ้าของความฝันนี้อยู่น่ะ ถ้านายพาฉันไปหาเขาได้ ฉันก็จะอยู่เล่นเป็นเพื่อนนาย ตกลงไหม”
“ไม่”
เปาจื่อทำตาโตกับคำตอบที่เขาไม่คาดคิดว่าจะได้รับ
แล้วก็ได้แต่คิดว่าเซฮุนในวัยเด็ก เป็นคนยังไงกันแน่นะ
“เซฮุน แต่ฉันจำเป็นต้องไปตามหาเซฮุนที่เป็นเจ้าของความฝันนี้จริงๆนะ” เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนขณะที่ย่อตัวลงนั่งเพื่อให้ใบหน้าของเซอุนอยู่ในระดับสายตาของเขา
“ต่อให้นายไม่พาฉันไป ฉันก็ต้องหาทางไปตามหาเซอุนคนนั้นเองอยู่ดี”
เด็กชายทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะหลบตาของเปาจื่อที่มองมา
“นั่นอะไร”
นิ้วเล็กชี้ตรงไปยังสร้อยคอของภูติที่มีจี้นาฬิกาทรายอยู่
“นี่เหรอ” เปาจื่อยกนาฬิกาทรายขึ้นมาดู มองเม็ดทรายที่ค่อยๆไหลลงไปกว่าครึ่งอย่างร้อนใจ
“เอามันให้ผม แล้วผมจะพาพี่ไปหาเขา”
“แต่ว่า…”
ได้แต่อ้าปากพะงาบๆอยู่แบบนั้นเมื่อไม่รู้จะทำอะไรที่ดีไปกว่านี้ ถ้าเขาต้องเสียเวลาไปตามหาเซฮุนเอง ไม่รู้ว่าเขาจะหลุดไปอยู่ในความฝันไหนของเซฮุนอีก แต่ถ้าเขาให้นาฬิกาทรายนี้กับเด็กชายเซฮุนไป แล้วเขาจะดูเวลาได้จากอะไร
สุดท้ายเมื่อไม่มีทางเลือกเปาจื่อก็ต้องปลดสร้อยคอของเขาออกแล้วสวมมันให้กับเด็กชายที่กลับมายิ้มกว้างอีกครั้ง
“ตามผมมาสิ” เด็กชายเซฮุนจับมือของภูติเปาจื่อให้เดินตามเขาไปยังบานประตูสีดำที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล แต่น่าแปลกที่ก่อนหน้านี้เปาจื่อไม่เคยสังเกตเห็นมันมาก่อนเลย
“ทางนี้ล่ะที่จะพาพี่ไปหาตัวผมในอนาคต” เปาจื่อพยักหน้ารับ ค่อยๆผลักประตูให้เปิดออกช้าๆ แล้วลองแอบมองเข้าไป
สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงความมืด มันมืดจนน่ากลัว
“ไม่ได้พาฉันมาผิดทางใช่ไหมเซฮุน” หันกลับมาถามเพื่อย้ำความมั่นใจ
เด็กชายเซฮุนพยักหน้ารับ แล้วดันหลังให้ภูติที่ตัวโตกว่าตนก้าวเข้าไปหลังบานประตู
“ดะ เดี๋ยว อ๊ากกกกกกก”
ไม่ทันที่จะได้พูดจบประโยค ร่างของเขาก็เซตามแรงผลักจากด้านหลังจนถลาเข้าไปในอาณาเขตที่มืดมิดตรงหน้า ร่างของภูติน้อยร่วงลงสู่ความเวิ้งว้างว่างเปล่าอย่างรวดเร็ว
ตุ้บ!
“โอ้ยยยยยย” เปาจื่อนอนนิ่งอยู่ท่านั้น จนแน่ใจว่าชิ้นส่วนในร่างกายของเขายังอยู่ครบไม่ได้หลุดกระเด็นหายไปตอนที่กระแทกกับพื้น
ยกแขนขึ้นเพื่อมองสำรวจให้แน่ว่ามันยังอยู่ครบทั้งสองข้าง เมื่อเขาไม่ได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดอย่างที่ควรจะเป็น
“นี่นายจะลุกออกไปได้รึยัง”
“เห้ย” สะดุ้งเพราะเสียงที่ดังขึ้นมาอย่างไร้ทิศทางก่อนจะต้องรีบผุดลุกขึ้นเมื่อถูกผลักจากพื้นด้านล่าง
“ซะ - เซฮุน”
ละล่ำละลักออกมา ก่อนจะรีบช่วยฉุดแขนของอีกฝ่ายให้ลุกขึ้น แต่ก็โดนปัดมือทิ้ง
เซฮุนยันกายลุกขึ้นนั่ง ด้วยใบหน้าบอกบุญไม่รับ เหลือบมองอีกฝ่ายที่นั่งอยู่ไม่ห่างตาขวางขณะที่ปัดเศษฝุ่นและเศษดินออกจากตัว
“ขะ ขอโทษที่ฉันตกมาทับนาย”
เปาจื่อก้มหัวขอโทษเซฮุนที่ยังคงเอาแต่มองเขาตาขวาง
“เหอะ นี่มันพล็อตละครน้ำเน่ารึยังไง สามปีก่อนตอนที่ฉันเจอพี่มินซอกครั้งแรก เขาก็ตกลงมาใส่ฉัน นี่สามปีต่อมาก็เป็นนายอีกงั้นเหรอ” เปาจื่อมองเซฮุนที่มีท่าทางหงุดหงิดอย่างแปลกใจ เซฮุนที่เขาวาดภาพไว้ไม่น่าจะใช่คนแบบนี้
“จะมองฉันอีกนานไหม”
“ขะ ขอโทษ”
“พูดอย่างอื่นไม่เป็นรึไง เห้อ นายนี่มันจริงๆเลย เสียงแรงที่เกิดมาหน้าตาเหมือนพี่มินซอก”
“ก็ถ้าฉันเลือกได้ ฉันก็ไม่ได้อยากจะเกิดมาหน้าตาเหมือนพี่มินซอกของนายเหมือนกัน โอเซฮุน! แล้วมันเรื่องอะไรกันที่ฉันต้องมานั่งทนให้นายบ่นฉัน ขอโทษก็ไม่ชอบ นายจะเอายังไง”
เปาจื่อกำหมัดแน่นก่อนจะระเบิดความอัดอั้นออกไป
“ก็ไม่เอายังไงทั้งนั้น”
“เหอะ”
เปาจื่อพ่นลมหายใจออกมาทางจมูกอย่างสมเพชชะตากรรมของตัวเอง ก่อนจะพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้เป็นปกติ “แล้วนายใช่โอ เซฮุนที่ฉันตามหาอยู่รึเปล่าล่ะ”
“ไม่ใช่ฉันหรอก” เปาจื่อมองคนที่ลอยหน้าลอยตาตอบอย่างหงุดหงิด
“ก็ดี ฉันก็ไม่หวังให้เป็นนายเหมือนกัน ฉันจะไปได้ไปหาเขาต่อสักที” พูดจบก็ลุกขึ้นยืนแล้วหันหลังให้กับเซฮุนคนที่เขาตกลงมาทับ
“ขอให้โชคดีกับการค้นหาของนายนะ บาย” เปาจื่อมองเซฮุนที่ลุกขึ้นมายืนทำหน้าทะเล้นใส่เขา แล้วโบกมือลาก่อนที่จะเดินเข้าไปรวมกลุ่มกับเซฮุนอีกนับพันคน ในสถานที่ที่กว้างสุดลูกหูลูกตาอย่างไม่อยากเชื่อ
ถ้าเขาต้องตามหาเซฮุนจากบรรดาความฝันของเซฮุนพวกนี้
ชาตินี้เขาจะได้ออกไปจากความฝันนี้รึเปล่าเถอะ
To be continued
เข็นตอนนี้มาส่งจนได้
รู้ค่ะว่ามาต่อช้ามากๆ ไม่รู้จะมีคนรออ่านอยู่ไหม
ตอนนี้บอกเลยว่าไม่มีภาพในหัวอะไรเลย บางช่วงถ้ารู้สึกมันกระท่อนกระแท่นไปหน่อยก็ต้องขออภัยจริงๆค่ะ
ตอนนี้อาจจะมีสับสนกันว่าคนไหนมินซอก คนไหนเปาจื่อ
อธิบายรวบๆคือ เปาจื่อมองเห็นทุกอย่างรับรู้เรื่องราวผ่านร่างของมินซอกในความฝัน เหมือนเวลาที่เราฝันน่ะค่ะ
ขอบคุณที่ยังติดตามอ่านนะคะ แล้วก็ขอบคุณทุกคอมเม้นท์เลยค่ะ
Jyploy
ความคิดเห็น