ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic EXO] To Be With You

    ลำดับตอนที่ #24 : chapter 23 : The beginning of the dark

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 94
      0
      28 ก.ย. 57

    The beginning of the dark

     

    เปรี๊ยะ!!

     

    เสียงแส้ฟาดผ่านอากาศก่อนจะตวัดลงไปบนบาดบนแผ่นหลังเปลือยเปล่า หนามแหลมคมบนเส้นแส้เกี่ยวเอาเนื้อสีดำปนแดงที่แผ่นหลังของเจ้าของร่างให้แตกออก เลือดสีคล้ำกระเซ็นไปตามแรงสะบัดของมัน

     

     เปรี๊ยะ

     

     คราวนี้แส้เส้นโตฟาดเข้าที่ใบหน้าที่ดูบิดเบี้ยวของเทา ดวงตาทั้งสองข้างปูดโปนจากรอยช้ำที่ไม่ต้องบอกก็พอจะรู้ว่ามาจากเส้นแส้ที่ฟาดลงมานับครั้งไม่ถ้วน ขาทั้งสองข้างของเขาแทบยืนไม่อยู่หากไม่เพราะโซ่เส้นโตที่ตรึงร่างของเขาเอาไว้กลางอากาศป่านนี้เขาคงทรุดลงไปกับพื้น

     

     ทุกๆที่ที่ถูกฟาดช่างแสบร้อนเหมือนกับถูกไฟไหม้  พิษร้ายที่แทรกซึมไปตามกระแสเลือดก่อให้เกิดความเจ็บปวดที่แล่นพล่านไปทั่วร่างกายของเขา

     

    เทาได้แต่กัดฟันทน ทั้งที่อยากส่งเสียงร้องเพื่อนคลายความทุกข์ทรมานนี้บ้าง  แต่เพราะรู้ดีว่าหากเขาส่งเสียงออกไปแม้เพียงเล็กน้อย

     

     ชีวิตของเขาก็ต้องดับสูญไปเช่นกัน

     

    "สวะ"

     

    เสียงสบถดังขึ้นอย่างเกี้ยวกราดเมื่อเจ้าของร่างในชุดคลุมสีดำเดินออกมาจากเงามืด

     

     แส้ในมือถูกเขวี้ยงลงไปบนพื้นทันทีที่มันสัมผัสกับพื้นหินอ่อนสีดำ เส้นแส้นั้นก็ค่อยๆขยับราวกับมีชีวิต

     

    ดวงตาสีเหลืองของอสรพิษปรากฏขึ้นที่ปลายด้านหนึ่งของเส้นแส้ มันส่งเสียงขู่ฟ่อใส่ร่างปวกเปียกที่ถูกตรึงเอาไว้ก่อนจะเลื้อยหนีหายไปอย่างรวดเร็ว

     

    "แค่ภูติโง่ๆแกยังกำจัดมันไม่ได้ แกมันก็แค่สวะ"

     

    เทากัดฟันยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นได้แต่ภาวนาให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปแต่ความหวังของเขาดูจะริบหรี่เต็มทนเมื่อเสียงฝีเท้าหนักๆดังใกล้เข้ามา ก่อนที่จะมาหยุดลงตรงหน้าเขา

     

    "อั๊กก" แรงกระชากที่เส้นผมดึงให้เขาต้องเงยหน้าขึ้นด้วยความเจ็บปวด ตอนนี้แทบทุกส่วนในร่างกายของเขามันเหมือนจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆซะให้ได้

     

     เทาปรือตาขึ้นอย่างยากลำบากเพราะเปลือกตาที่บวมเปล่ง แม้สติของเขาจะเลือนรางเต็มทีแต่ดวงตาสีดำสนิทกลับชัดเจนในหัวของเขา

     

    ดวงตาที่มีแววกระหายเลือดและความตาย

     

    มันเป็นแววตาของซาตานหาใช่เทพอย่างที่เขาเข้าใจ!!

     

     

    **************************************

     

     

     

     

    "เจ็บตรงไหนอีกไหมแบคฮยอน"

     

    คยองซูเอ่ยถามเบาๆขณะที่ป้ายยาสีฟ้าใสจากตลับในมือลงไปบนคอของภูติที่มีศักดิ์เป็นพี่ แบคฮยอนส่ายหน้าน้อยๆใบหน้าดูเคร่งขรึมผิดจากปกติ ขณะที่ใช้นิ้วลากไปบนเส้นขนอ่อนนุ่มของกระต่ายบนตัก

     

    "คิดอะไรอยู่เหรอ ดูไม่เหมือนนายเลยนะ" สุดท้ายคยองซูก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม

     

    "ฉันอยากจะย้อนเวลากลับไป ในตอนที่มีแค่พวกเรา เวลาที่พวกเราสามารถหัวเราะให้กับเรื่องไร้สาระที่ฉันพูด เวลาที่เราไม่ต้องต่อสู้และจ้องจะทำลายกันแบบนี้"

     

     "นายหมายถึงเทางั้นเหรอ"

     

    สบตาผู้เป็นพี่ เขาก็สามารถหาคำตอบให้ตัวเองได้

     

     "เขาเลือกจะขายวิญญาณ เลือกที่จะทิ้งศักดิ์ศรีของความเป็นภูติเลือกที่จะทรยศพวกเรา เพราะอะไรกัน"

     

     ...

     

    เมื่อไร้คำตอบของคำถามแบคฮยอนจึงทำเพียงยิ้มนิดๆ

     

    ชีวิตที่เหมือนถูกสาปของภูติใครก็คงไม่ปรารถนา

     

    ชีวิตต่ำต้อย ที่ถูกจองจำเอาไว้ด้วยคำว่านิรันดร์

     

    แม้ในยามที่ทุกข์ที่สุดก็ไม่อาจหลั่งน้ำตา

     

    "บางครั้งฉันก็อิจฉานายนะอี้ชิง ที่นายไม่ต้องดิ้นรนเหมือนกับพวกเรา ไม่ต้องมีเวลาที่เจ็บปวดให้ต้องเผชิญ"

     

    เจ้ากระต่ายตัวน้อยซุกหน้าลงกับฝ่ามือของแบคฮยอนราวกับรู้ภาษา ขาหน้าทั้งสองของมันเกาะนิ้วของแบคฮยอนไว้ หยดน้ำตาใสๆค่อยไหลออกจากดวงของมัน

     

    เจ้ากระต่ายน้อยที่น่าสงสารกำลังหลั่งน้ำตา

     

     

     

    To be with you

     

     

    ลู่หาน

     

    คนถูกเรียกปรายตามองภูติที่ยืนกอดหมอนใบโตอยู่ข้างเตียงของเขาด้วยสายตาติดจะรำคาญ

     

    มีอะไรอีก

     

    จะให้ฉันนอนที่ไหนเหรอเปาจื่อเอ่ยถามเมื่อพื้นที่ว่างบนเตียงถูกจับจองด้วยหมอนข้างใบโตที่วางพาดกินพื้นที่ไปจนหมด ลู่หานมองหมอนข้างที่วางอยู่ แล้วหันกลับมาจดจ่อกับหนังสือในมือ

     

    นายอยากจะนอนตรงไหนก็นอน

     

    เปาจื่อเบะปากกับท่าทางนิ่งเฉยนั้นก่อนจะวางหมอนลงที่พื้นข้างเตียง

     

    ไม่ใช่ตรงนั้น

     

    ลู่หานบอกเสียงเรียบ ใบหน้าที่ดูหงอยๆของเปาจื่อไม่ได้ทำให้เขารู้สึกสงสารขึ้นมาบ้างเลย อย่างน้อยเขาก็เชื่อแบบนั้น ตอนที่เอ่ยปากออกไป ที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ในห้องนี้

     

    เปาจื่อช้อนตามองคนที่นั่งอยู่บนเตียงพลางเม้มปากแน่นก่อนที่จะหยิบหมอนกลับขึ้นมาเงียบๆ แล้วเดินตรงไปที่ประตู ห้อง

     

    ความจริงนายควรจะหาที่อยู่ใหม่ได้แล้วนะ

     

    เปาจื่อหันขวับไปมองคนที่ยังทำเฉยไม่รู้ร้อนรู้หนาวก่อนจะสะบัดหน้าหนีแล้วเดินปึงปังออกไปแต่ก็ไม่วายที่ลู่หานจะ ได้ยินเสียงเล็กๆที่ดังแว่วมาจนถึงหู

     

    คนใจร้ายลู่หานแค่นยิ้ม ขณะที่มองตามประตูที่ปิดดังปัง

     

    ไม่ร้ายเท่าที่นายทำกับฉันหรอก เปาจื่อ

     

     

     

     

     

     

    เขานอนลืมตาโพลงมาทั้งคืน ไม่ว่าจะพยายามข่มตาให้หลับลงสักกี่ครั้งความทรงจำของเขาก็วนเวียนอยู่กับเรื่องที่ฝังลึกลงในใจ ความทรงจำที่ไม่อาจจะลบเลือนมันไปได้แม้เพียงเสี้ยงวินาที

     

    นอนไม่หลับรึไง

     

    เซฮุนสะดุ้งกับเสียงกังวานที่ดังอยู่ไม่ห่างพอขยับตัวเพ่งมองออกไปในความมืดที่มีเพียงแสงสลัวจากไฟตรงทางเดินที่ส่องเข้ามาก็เห็นเพียงร่างสูงใหญ่ของใครบางคนที่ยืนอยู่ที่ปลายเตียงของเขา

     

    คุณเป็นใครถามออกไปด้วยเสียงแหบแห้งที่ไม่ได้ดังไปกว่าเสียงกระซิบสักเท่าไหร่พยายามจะเพ่งมองใบหน้าของคนตรงหน้าแต่ก็เหมือนจะมีหมอกบางๆที่ลอยเข้ามาปกคลุมอยู่รอบตัวของคนตรงหน้าจนเขาไม่อาจมองเห็นอะไรไปมากกว่าเงาที่ไม่อาจ ระบุตัวตนนั้นได้

     

    ดูเหมือนจะเป็นครั้งที่สองที่มนุษย์หน้าโง่อย่างเจ้าถามคำถามนี้กับข้าสินะ

     

    เซฮุนหรี่ตาอย่างไม่เข้าใจได้ยินเพียงเสียงหัวเราะในลำคอที่ดังก้องไปทั่วห้อง

     

    เกลียด

     

    เขาเกลียดเสียงนี้

     

    เสียงที่เขาได้ยินก่อนที่มัจจุราชจะพรากชีวิตพี่มินซอกไปจากเขาตลอดกาล

     

    แกเป็นใครเซฮุนกำหมัดแน่นแขนสั่นไปทั้งแขนดวงตาจ้องตรงไปยังร่างตรงหน้าอย่างมาดร้าย

     

     จุ๊ๆๆ ทำไมพูดไม่เพราะเอาซะเลยล่ะ

     

    ฉันถามว่าแกเป็นใคร

     

    หึ อีกไม่นานหรอก อดทนรออีกนิดแล้วข้าจะให้เจ้าได้รู้เสียงนั้นฟังดูห่างไกลออกไป พร้อมๆกับที่เงาดำตรงปลายเตียง ของเขาค่อยๆจากหายไป

     

    เดี๋ยว!

     

    เซฮุน เป็นอะไรจงอินสะดุ้งตื่นเพราะเสียงตะโกนของเพื่อนรักรีบเอื้อมมือไปกดสวิตซ์เพื่อเปิดโคมไฟที่หัวเตียงทันที พอมองเห็นร่างของเซฮุนที่นอนกระสับกระส่ายไปมาบนเตียงก็ต้องขมวดคิ้วเพราะเม็ดเหงื่อที่ผุดพราวไปทั่วทั้งใบหน้าและ ลำคอของอีกฝ่าย ทั้งที่ตอนนี้อากาศออกจะหนาวเสียด้วยซ้ำ

     

    จงอินเอื้อมมือไปเขย่าแขนหมายจะปลุกอีกคนให้ตื่นแต่ไอร้อนที่สัมผัสได้จากผิวขาวซีดนั้นทำให้ต้องดึงมือกลับ ดวงตาอ่อนแรงของคนป่วยค่อยๆปรือขึ้นเมื่อรับรู้ถึงสัมผัสที่มาถูกตัว

     

    "จงอิน?" เอ่ยด้วยน้ำเสียงโรยแรงขณะที่ภาพของเพื่อนรักตรงหน้าดูจะพล่าเลือนขึ้นทุกที

     

    "ทำไมถึงตัวร้อนแบบนี้ล่ะ"

     

    "..."

     

    "เซฮุน"

     

    "..."

     

    "เซฮุน"

     

     

     

    "เซฮุน!!!"

     

    เปาจื่อผุดลุกขึ้นนั่งหอบหายใจถี่พลางกวาดสายตามองไปรอบตัวอย่างตกใจความรู้สึกเมื่อครู่ที่เขาสัมผัสได้มันคืออะไรกัน

     

    "ไงคิดถึงกันมากจนเก็บเอามาฝันเลยรึไง"

     

    เงยหน้าขึ้นมองคนที่ยืนพิงกรอบประตูขณะที่พยายามจะควบคุมลมหายใจของ ตัวเองให้เป็นปกติ ความรู้สึกแสบร้อนที่ข้อมือทำให้ภูติน้อยต้องรีบกุมข้อมือที่ปรากฎเส้นสีแดงราวกับรอยไหม้บนผิวเอาไว้แน่นเพื่อหวังว่ามัน จะช่วยบรรเทาอาการลงได้บ้างก่อนจะมองสบตากับดวงตาที่มีแววเย้ยหยัน

     

     

    "มันก็แค่ความฝันเอง" เปาจื่อเอ่ยเสียงเบาหวิว ดูเหมือนว่าประโยคนั้นเขาตั้งใจจะพูดเพื่อปลอบใจตัวเองมากว่าจะเอ่ยบอกใคร

     

     ลู่หานลอบมองรอยแดงที่ข้อมือของเปาจื่อที่เขาเดาว่ามันคงเป็นด้ายที่เปาจื่อใช้ผูกกับเซฮุน

     

    "ฉันขอไปหาเซฮุนได้ไหม" จู่ๆภูติน้อยก็เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาทำลายความเงียบระหว่างเขาทั้งสองหลังจากที่เอาแต่ขบคิดถึงเรื่องในความฝัน

     

    ลู่หานจ้องใบหน้าของเปาจื่อนิ่ง แล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ

     

     "ฉันไม่ได้ขังนายเอาไว้นะ เปาจื่อ ถ้าอยากจะไปฉันก็ไม่ได้ห้าม” น้ำเสียงของลู่หานฟังดูอ่อนแรงและเหนื่อยหน่ายใจจนภูติน้อยต้องเงยหน้าขึ้นมาสบตาอีกฝ่าย

     

    “ยิ่งไปแล้วไม่ต้องกลับมาก็ยิ่งดี” น้ำเสียงและสายตาดูถูกของลู่หานที่ถูกส่งมาแทบจะกรีดแทงลงไปถึงขั้วหัวใจของภูติน้อย

     

    "ทำไมล่ะลู่หาน ทำไมนายต้องคอยไล่ฉันอยู่ตลอดเวลาแบบนี้ด้วย นายเอาแต่จำเรื่องที่ผิดพลาดของคนอื่นแบบนี้ แล้วคอยแต่จะหยิบเรื่องนั้นขึ้นมาตอกย้ำอยู่ตลอดเวลารึไง"

     

     "เปาจื่อ!"

     

    "ไม่ใช่นายคนเดียวหรอกลู่หานที่เสียใจฉันเองก็ เสียใจเหมือนกัน  เสียใจที่ไม่ว่าจะทำยังไงนายก็ไม่มี ทางจะให้อภัยฉันได้เลย ทั้งๆที่สำหรับฉันแล้วลู่หานสำคัญกว่าใคร”

     

    “แต่ฉันกลับไม่ได้มีค่าไปกว่าขยะที่นายพยายามจะเขี่ยทิ้งให้พ้นสายตา" ภูติน้อยกำหมัดแน่น ขณะที่ทอดมองผู้เป็นเจ้าของด้วยแววตาตัดพ้อ

     

    ความน้อยใจที่สะสมมาทีละนิดค่อยๆหลอมรวมกันจนเกิดเป็นน้ำตาที่ไหลรินจากดวงตาทั้งสองข้าง

     

    "ไปซะ"

     

    เปาจื่อตาโต มองใบหน้าของลู่หานอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง

     

    "วะ ... ว่า ไงนะ" เอ่ยถามทั้งที่น้ำตายังเอ่อล้นเต็มสองตา ภาพใบหน้าของลู่หานบิดเบี้ยวเพราะม่านน้ำตา

     

    "ฉันบอกให้นายไปซะ"

     

    ไม่ต้องรอให้ถูกไล่เป็นครั้งที่สาม เปาจื่อพาร่างที่ไร้เรี่ยวแรงของตัวเองออกมาจากห้องของลู่หานทันที มือเล็กปาดน้ำตาหยดแล้วหยดเล่าที่ไหลรินมาไม่ขาดสาย

     

     ครั้งหนึ่งที่ไม่ว่าจะทำยังไงดวงตาทั้งสองข้างของเขา ที่ไม่ว่าจะทุกข์ใจเพียงใดก็ไม่มีแม้กระทั่งน้ำตา

     แต่ในวันที่เขาได้รู้จักกับลู่หาน กี่ครั้งกันนะที่เขาเอาแต่ร้องไห้แบบนี้

     

     ซูโฮน่ะ โกหก แบคฮยอนกับคยองซูก็ด้วย  ที่บอกว่าภูติไม่มีน้ำตาน่ะโกหกกันชัดๆ  ไม่มีน้ำตายังจะดีซะกว่า จะได้ไม่รู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอแบบนี้

     

    เปาจื่อปาดน้ำตาออกจากใบหน้าแรงๆครั้งสุดท้าย พยายามจะฝืนเพื่อไม่ให้น้ำตาไหลออกมาอีก ก่อนจะหยุดยืนอยู่บนถนนที่เต็มไปด้วยหิมะ เท้าเปล่าของเขาที่เหยียบอยู่บนหิมะเย็นๆชาดิกจนแทบขยับไม่ได้

     

    ภูติน้อยหันมองกลับไปยังห้องของลู่หาน ทันได้เห็นหลังไวๆของอีกคนตรงระเบียงก่อนที่จะหายกลับเข้าไปในห้อง มีเพียงกระถางไฮเดรนเยียที่ถูกวางทิ้งเอาไว้ตรงระเบียงอย่างโดดเดี่ยว

     

     ภูติน้อยกำหมัดแน่น น้ำตาที่กลั้นไว้พาลจะไหลออกมาอีกรอบ

     

    "ใจดำ ฉันเกลียดคนอย่างนายที่สุด นายมันแย่ ลู่หาน"

     

     "ทำแบบนี้กับฉันแล้วคิดว่าฉันต้องง้อนายรึไง ฝันไปเถอะ"

     

    ภูติน้อยเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่กับตัวเองก่อนจะหายตัวไป ทิ้งไว้เพียงหิมะที่ปรากฏรอยเท้าเล็กๆเป็นทาง

     

     

    ลู่หานดึงม่านให้ปิดเข้าหากันช้าๆ ก่อนจะเดินมาทิ้งตัวลงบนเตียง เหม่อมองเพดานห้องด้วยความรู้สึกว่างเปล่า

     ก็แค่กลับมาเป็นเขาคนเดิมที่ไม่ต้องมีภูติตนนั้นเข้ามาในชีวิต ทำไมเขากลับรู้สึกว่ามันยากจัง

     

     ภายในห้องที่เขาอยู่มาตลอดแต่ทำไมกลับรู้สึกไม่คุ้น ทำไมเปาจื่อถึงมีอิทธิพลกับเขามากมายขนาดนี้

     

    "บ้าจริง" ลู่หานสะบัดหัวไล่ความคิดที่วนเวียนอยู่แต่กับเรื่องของเปาจื่อ

     

     

     

     

    ภูติน้อยลืมตาขึ้นอีกครั้ง รอยยิ้มน้อยๆปรากฎขึ้นเมื่อสถานที่เบื้องหน้าของเขาคือโรงพยาบาลที่เซฮุนพักรักษาตัวอยู่

     

    "เอ๊ะ นั่นจงอินนี่นา" พึมพำกับตัวเองเมื่อเห็นจงอินก้าวเดินอยู่ตรงทางเดินข้างหน้าที่นำไปสู่ตึกผู้ป่วยใน โดยไม่รอช้าเปาจื่อรีบย่องตามจงอินไปติดๆ ทำราวกับว่าอีกฝ่ายจะมองเห็นเขาเสียอย่างนั้น

     

    "เซฮุนเป็นยังไงบ้างนะ"

     

    เอ่ยขึ้นขณะที่เพ่งมองรอยสีแดงที่เริ่มจะจางลงไปบ้างแล้ว แต่ก็ยังเห็นเด่นชัดอยู่บนข้อมือของเขา

     

    เพราะมัวแต่ก้มมองข้อมือของตัวเองอยู่ พอเงยหน้าขึ้นมาอีกที จงอินก็ไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าประตูห้องของเซอุนซะแล้ว เปาจื่อรีบวิ่งไปยังประตูที่กำลังจะปิดลง

     

     กึก!

     

    อูยยยยกมือขึ้นลูบที่ไหล่ของตัวเองไปมาตรงที่ถูกขอบประตูกระแทก

     

    จงอินมองบานประตูที่เหมือนมันกระแทกเข้ากับอะไรบางอย่างเพียงครู่ก่อนจะดึงให้มันปิดลงแต่พอเห็นภายในห้องที่ว่างเปล่า ก็รีบกระชากประตูให้เปิดออกแล้วรีบวิ่งออกไปทันทีปล่อยให้เปาจื่อยืนงงกับท่าทางนั้นอยู่

     

    เฮ้ จงอิน รอฉันก่อนสิ

     

    ขาที่กำลังก้าววิ่งหยุดชะงักลงทันทีจงอินหันหลังกลับมามองโถงทางเดินที่ว่างเปล่าเลยพาลให้เปาจื่อต้องหยุดวิ่งไปด้วย

     

    ดวงตาสีดำสนิทค่อยๆหรี่ลงหัวคิ้วทั้งสองขมวดเข้าหากันคล้ายกำลังมองสำรวจรอบตัวส่งผลให้ภูติน้อยรีบยกมือขึ้นมาปิดปากเอาไว้ทันที

     

    จงอินเงี่ยหูฟังเสียงแว่วๆที่เขาได้ยินเมื่อครู่ แต่ก็มีเพียงความเงียบเท่านั้น เมื่อไม่มีวี่แววของเสียงใดก็รีบเดินตรงเข้าไปหานางพยาบาลที่ขึ้นเวรทันที

     

    ขอโทษนะครับ คนไข้ที่ชื่อโอเซฮุนเค้าไปไหนแล้วล่ะครับเอ่ยถามด้วยความร้อนรน

     

    คุณหมออนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วค่ะ ญาติคนไข้เพิ่งมารับกลับไปเมื่อตอนเที่ยงค่ะ

     

    ให้กลับบ้านได้แล้วงั้นเหรอ?....เอ่อ ขอบคุณนะครับจงอินเดินออกมาจากเค้าเตอร์ก่อนจะคว้ามือถือขึ้นมากดหาเบอร์ปลายทางทันที

     

     

     

    To be with you

     

     

    นายเป็นใครไม่ทราบ ทำไมต้องมาเจ้ากี้เจ้าการกับเรื่องของเพื่อนฉัน

     

    จงอินแทบจะถลาเข้าไปกระชากคอเสื้อของจุนมยอนทันทีที่พวกเขาทั้งสองออกมาจากห้องนอนของเซฮุนหลังจากที่รู้สาเหตุที่แท้จริงว่าใครที่เป็นฝ่ายเจ้ากี้เจ้าการให้เซฮุนย้ายกลับมาที่บ้าน แต่อีกฝ่ายทำเพียงแค่ยืนเฉยๆพร้อมกับรอยยิ้มที่ทำเอาเขาอยากจะตะบันหน้าหล่อๆนั้นซะให้หายหงุดหงิด

     

    แทนที่จะเอาเวลามาระแวงฉันไปดูแลเพื่อนนายให้ดีกว่านี้ไม่ดีกว่าเหรอ

     

    นี่แก

     

     อย่าพูดไม่เพราะสิจงอิน อย่างน้อยก็ช่วยให้เกียรติฉันในฐานะรุ่นพี่นายบ้างนะ

     

    "งั้นรุ่นพี่ช่วยอยู่ให้ห่างเพื่อนผมไว้จะดีกว่า ก่อนที่ผมจะทนไม่ไหวแล้วเปิดโปงเรื่องของรุ่นพี่"

     

    ทุกคำที่พูดบ่งบอกชัดเจนถึงการคุกคามด้วยวาจา จุนมยอนรู้สึกอย่างนั้น และบางอย่างในสายตาของจงอิน มันทำให้เขาต้องฉุกคิดถึงคำพูดนั้นของ พอหันไปสบตาเปาจื่อที่ยืนมองมาทางเขานิ่ง จุนมยอนบอกได้เลยว่าภูติน้อยตนนี้กำลังมีคำถามที่เขาเองก็ไม่รู้จะตอบอย่างไรดี

     

    "ไงเงียบไปเลยนะ กลัวรึไง"

     

     "ฉันไม่รู้หรอกนะว่าที่นายคิดจะเปิดโปงฉันมันเรื่องอะไร แต่เชื่อฉันเถอะถ้านายไม่อยากให้เหตุการณ์วันนั้นเกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สองก็ดูแลเพื่อนนายดีๆ"

     

    จุนมยอนพูดด้วยใบหน้าที่ยังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่แสนอบอุ่น มือขาวของเขาแตะเบาๆบนหลังมือของจงอินที่กำคอเสื้อของเขาก่อนที่มือคู่นั้นจะเลื่อนหลุดจากคอเสื้อของเขาอย่างง่ายดาย

     

    จงอินสะบัดหัวไปมาเมื่อรู้สึกเหมือนแขนทั้งสองข้างจะหมดแรงไปเสียเฉยๆ พอจะอ้าปากถามอีกคนว่าทำอะไรเขา ตรงหน้าก็มีเพียงความว่างเปล่า

     

     

    "เดี๋ยว ซูโฮ"

     

    เปาจื่อปรากฏตัวขึ้นจากความว่างเปล่าตรงหน้าเทพตัวขาว พร้อมกางแขนกั้นปิดทางเดินของอีกฝ่าย

     

    "ซูโฮ นายกับจงอินมีเรื่องอะไรกันงั้นเหรอ แล้วทำไมนายถึงต้องเข้ามายุ่งเรื่องของเซฮุนด้วย"

     

     "ไม่ใช่เรื่องที่นายต้องรู้"

     

     "แล้วถ้าเป็นเรื่องของฉันเองล่ะ ฉันมีสิทธิ์ที่จะรู้ไหม"

     

     "หมายถึงอะไรล่ะเปาจื่อ" จุนมยอนเอ่ยถามอย่างใจเย็น

     

    "ทุกเรื่อง ... ที่นายปิดบังไม่ให้ฉันรู้" เปาจื่อจ้องตรงไปยังนัยน์ตาของจุนมยอนนิ่ง เพื่อจะค้นให้พบความลับที่ถูกซ่อนเอาไว้ แต่ก็มีเพียงแค่แววตาที่สงบนิ่งของอีกฝ่ายเท่านั้น

     

    "เรื่องบางเรื่อง ถ้าไม่รู้หรือแกล้งทำเป็นไม่รู้ไปซะจะไม่ดีกว่ารึไงเปาจื่อ ถ้ารู้แล้วทุกอย่างมันจะยิ่งแย่ มันก็เหมือนกับเรื่องของนายกับลู่หานนั่นแหละ"

     

    เปาจื่อกัดริมฝีปากแน่นขณะที่ดวงตาหลุบลงมองที่ฝ่าเท้าของตัวเอง

     

    "นายคิดว่าถ้าฉันไม่รู้แล้วมันจะดีจริงๆเหรอ" เอ่ยถามอย่างลังเล ถึงแม้เขาจะอยากรู้แต่ถ้าต้องแลกมันมาด้วยการเสียอะไรไป สู้เลือกที่จะไม่รู้ซะดีกว่า

     

    "มันก็ขึ้นอยู่กับตัวนายด้วยล่ะแต่ถ้าถามฉันนะ นายไม่อยากรู้มันแน่ ถ้ารู้ว่าผลที่จะตามมาจะเป็นยังไง"

     

     

    To be continued

     

     

    ตอนนี้เจ้านายของเทาเปิดตัวมาเต็มที่แล้วนะคะ หลังจากที่เคยออกมาในตอน Fly to the moon แค่ยังไม่รู้ว่าเขาคือใคร จะเป็นคนที่เรารู้จักไหมนะ

    ฝากติดตามกันด้วยนะคะ ถึงแม้จะอัพช้าไปบ้าง

    ขอบคุณรีดเดอร์ทุกคนเลยนะคะ

    Jyploy

    :-Daisy ✿
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×