คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #28 : chapter 27 : Wake up
ดวงตาที่ฉ่ำไปด้วยน้ำตาทอดมองไปยังร่างที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียง นานแค่ไหนแล้วเปาจื่อเองก็ไม่แน่ใจ รู้เพียงแต่เขาผ่านการร้องไห้มาทั้งคืนจนตอนนี้ไม่มีน้ำตาจะให้ไหลอีกต่อไป
"เซฮุน พี่... ฉัน... " สรรพนามแทนตัวเองที่เอ่ยออกมาจากริมฝีปากแดงนั้นบ่งบอกถึงความสับสน ในเวลานี้เขาไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครด้วยซ้ำ ทุกอย่างของเขา ชีวิตของเขามันเปลี่ยนไปภายในเวลาแค่ชั่วข้ามคืนจริงๆ
"คยองซู" เปาจื่อเอ่ยเรียกภูติที่มาปรากฏตัวที่กลางห้อง
"สิ่งที่ฉันให้นายดู มันเป็นแค่ความทรงจำบางส่วนที่ไม่สมบูรณ์นักของมินซอกและเซฮุน ฉันไม่อยากให้นายมาจมปลักอยู่กับเรื่องนี้นะ"
"แต่ฉันก็หนีความจริงเรื่องที่ว่าฉัน เป็นแค่เศษเสี้ยววิญญาณของมินซอกไม่ได้ ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าทำไมฉันถึงได้ยินเสียงของเขาในหัวอยู่ตลอด ทำไมฉันถึงคอยฝันถึงเรื่องแปลกๆ แล้วทำไมฉันถึงมาอยู่ตรงนี้"
คยองซูรับรู้ได้ดีถึงความรู้สึกขมขื่นจากน้ำเสียงและทุกคำในประโยคที่ได้ยิน แต่เขาจะช่วยอะไรภูติน้อยได้ล่ะ ในเมื่อเขาเองก็เป็นเพียงผู้ที่มารับรู้เรื่องราวทีหลัง แล้วก็ตกอยู่ในสถานะที่ไม่ต่างไปจากเปาจื่อเลย
รู้และแบกรับมันไว้
"พี่ครับ อดทนไว้นะ เดี๋ยวก็มีคนมาช่วยเราออกไปแล้ว"เซฮุนกระซิบเสียงแผ่วทั้งที่ดวงตายังคงปิดสนิท แต่แขนขาทั้งสองข้างกลับเกร็งแน่นไปหมด
"ไม่นะ พี่มินซอก พี่ต้องอยู่กับผม เอาชีวิตผมไปแทนเถอะ เอาชีวิตผมไป" ร่างของเซฮุนขยับไปมาอย่างกระสับกระส่ายบนเตียง เม็ดเหงื่อผุดพราวขึ้นมาทั่วทั้งใบหน้าและลำคอจนเสื้อยืดสีเทาที่สวมอยู่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
"เซฮุน มันแค่ความฝันเอง นายแค่ฝันไป" เปาจื่อเอื้อมมือไปพยายามจะแตะตัวเพื่อปลุกให้เซฮุนตื่นจากฝันร้ายแต่มือของเขาก็ทะลุผ่านตัวของเซฮุนทุกครั้ง
"ผมมันเลว เพราะผม ผมฆ่าพี่"
"ไม่เซฮุน ฟังสิ นี่ฉันไง มินซอกที่นายอยากเจอ ฉันยังอยู่ตรงนี้ เรื่องอุบัติเหตุนั่นก็ไม่ใช่ความผิดของนาย เซฮุน นายไม่ผิด อย่าเอาแต่โทษตัวเองสิ"
"นายพูดไปเขาก็ไม่ได้ยินหรอก" คยองซูที่ยืนกอดอกมองเหตุการณ์ตรงหน้าเอ่ยบอกเสียงเรียบ "ต่อให้นายพูดจนคอแตกเขาก็ไม่มีวันรับรู้การมีอยู่ของนาย นายอาจจะเชื่อมใจถึงเขาด้วยด้ายเส้นนั้น แต่สำหรับเซฮุน โลกของเขามีแค่มินซอกที่ตายไปแล้วคนนั้น ไม่ใช่นายเปาจื่อ"
"พี่มินซอก อย่าทิ้งผมไปได้ไหม" เปาจื่อมองหยดน้ำตาที่ไหลจากดวงตาที่ปิดสนิทคู่นั้น ร่างที่เกร็งเมื่อครู่ดูจะผ่อนคลายขึ้น พร้อมกับใบหน้าที่นิ่งสงบของเซฮุน
"ถ้าเป็นในความฝันล่ะเขาจะมองเห็นฉันไหม" คยองซูหรี่ตามองเปาจื่ออย่างพินิจพิเคราะห์ เขาค่อนข้างจะแน่ใจมากว่าจุนมยอนได้ลบความทรงจำของเปาจื่อในตอนเข้าไปในฝันของเซฮุนแล้ว แต่ทำไมกัน เปาจื่อถึงพูดเรื่องการเข้าไปในความฝันขึ้นมา
"เซฮุนฝันเห็นมินซอก แล้วถ้าเป็นฉันล่ะ เป็นฉันที่ไปอยู่ในความฝันของเขา เขาก็จะมองเห็นฉันใช่ไหมคยองซู"
"เพื่ออะไรกันล่ะ นายจะทำแบบนี้ทำไม ยิ่งนายทำแบบนี้เซฮุนก็จะยิ่งเจ็บ เขาจะไม่มีทางลืมมินซอกและจะทุกข์ทรมานอยู่แบบนั้น"
"ฉันรู้คยองซู เพราะมินซอกไม่ยอมปล่อยวาง เรื่องทุกอย่างมันถึงเป็นแบบนี้ และเพราะเขารู้ว่าเรื่องทั้งหมดจะต้องลงเอยแบบนี้ เขาถึงได้แบ่งวิญญาณของเขาเอาไว้จนมาเป็นฉันนี่ไง ให้ฉันได้ชดเชยสิ่งต่างๆที่ฉันทำเอาไว้ได้ไหม"
"..."
"ฉันขอร้องล่ะ คยองซู"
"ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้นนะ" คยองซูเอ่ยพร้อมกับยื่นสร้อยที่มีจี้เป็นนาฬิกาทรายมาให้ภูติน้อยที่มองอย่างงงๆ "ใส่มันไว้ นายอยู่ในฝันของเซฮุนได้เท่าที่ทรายเม็ดสุดท้ายร่วงหล่น ถ้านานกว่านั้นฉันไม่รับรองว่านายจะได้กลับออกมาอีกไหม"
เปาจื่อตาโตกับสิ่งที่ได้ฟังแต่ก็ยื่นมือออกไปรับสร้อยนั้นมาสวมไว้ วินาทีที่สัมผัสเย็นๆของสร้อยแตะถูกที่ต้นคอของเขาภาพใบหน้าของคนๆหนึ่งที่ยังคงติดอยู่ในความทรงจำของเขาก็ปรากฏขึ้น
ฉันเองก็ยังมีบางเรื่องที่ไม่ได้บอกนายเลยลู่หาน ฉันจะต้องกลับออกมาแล้วบอกกับนายด้วยตัว
"ฉันพร้อมแล้ว"
คยองซูยื่นสองมือออกมาข้างหน้าเพื่อควบคุมอนุภาคของอากาศที่ลอยนิ่งภายในห้อง มวลอากาศค่อยๆมารวมตัวกันอยู่เหนือร่างของเปาจื่อและโอบล้อมร่างเล็กเอาไว้คล้ายกับฟองอากาศ
เปาจื่อกระพริบตาช้าๆเพื่อเฝ้ามองสิ่งรอบตัวที่เปลี่ยนแปลงไป แต่ดูท่าว่าหนังตาของเขาจะค่อยๆหนักขึ้นเรื่อยๆ เรี่ยวแรงที่เคยมีอยู่ก็ดูเหมือนจะหายไป แม้แต่แรงที่จะฝืนลืมตาขึ้นมานั้นยังยากเย็นสุดท้ายเปาจื่อเลยได้แต่ปล่อยให้เปลือกตาทั้งสองข้างปิดลง ภูติน้อยพยายามจะคว้าสิ่งของที่อยู่ใกล้ตัวไว้เพื่อเป็นที่ยึดแต่ดูเหมือนเขาจะไม่สามารถบังคับร่างกายของเขาได้ มีเพียงความรู้สึกล่องลอยและว่างเปล่าเท่านั้นที่เขารับรู้ ราวกับว่าวิญญาณของเขาและร่างกายกำลังถูกแยกออกจากกัน
"เจอกันอีกแล้วนะ" เสียงทักทายที่ฟังคุ้นหู และดูเหมือนผู้พูดจะคุ้นเคยกับเขาเป็นอย่างดีนั้นทำให้เปาจื่อต้องคิดทบทวนอยู่พักใหญ่ว่าเสียงที่ได้ยินนั้นเป็นเสียงของใคร และที่นี่ที่ไหนกัน!
ภูติน้อยเพ่งมองออกไปในความมืดรอบตัวอย่างระแวดระวัง
"กลัวเหรอ" เสียงปริศนาดังขึ้นพร้อมกับแสงสว่างที่สาดส่องมาจากทางด้านหลังของเขา เผยให้เห็นทางเดินแคบๆที่พอแค่ให้คนสองคนเดินสวนกันได้เท่านั้น ที่สุดปลายทางเป็นทางตันที่มีเพียงผนังห้องสีเทาที่ว่างเปล่า เปาจื่อหันไปมองอีกด้านของทางเดินเมื่อได้ยินเสียงถอนหายใจที่ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัด ร่างสูงโปรงที่ยืนกอดอกพิงผนังอยู่ห่างจากเขาไปเพียงแค่สามก้าว ภูติน้อยเพ่งตามองใบหน้าของอีกฝ่ายที่ซ่อนอยู่ภายใต้เงามืดจากแสงสว่างที่สาดส่องออกมาจากบานประตูที่สุดทางเดินที่ถูกเปิดแง้มเอาไว้
"เซฮุน รึเปล่า"
คนถูกถามอมยิ้ม "จะว่าใช่ก็ไม่เชิง จะว่าไม่ใช่ก็ไม่ถูกซะทีเดียว"
"ห๊ะ" ภูติน้อยหลุดคำอุทานออกมาเพราะประโยคฟังเข้าใจยากที่ผ่านหูไป สรุปอะไรใช่อะไรไม่ใช่กัน ในเมื่อเสียงที่เขาได้ยินเป็นเสียงของเซฮุนไม่ผิดแน่ ไหนจะรูปร่างที่ดูคุ้นตาของอีกฝ่ายอีก
"สรุปว่านายคือเซฮุนใช่รึเปล่าล่ะ"
"ก็บอกไปแล้วไง แต่มันก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของนายด้วยเหมือนกันว่าอยากให้ฉันเป็นรึเปล่า"
เปาจื่อส่ายหน้า ขณะที่จ้องมองท่าทางของคนตรงหน้า "นายไม่เหมือนกับเซฮุนที่ฉันรู้จักเลย"
"แต่นายดูเหมือนพี่มินซอกมากขึ้นนะรู้ไหม" รอยยิ้มกว้างปรากฏบนใบหน้าที่ซ่อนอยู่ใต้เงามืด "แต่ถึงยังไง ฉันเองก็รู้อยู่แก่ใจว่านายเป็นใครล่ะนะ และฉันก็รู้ว่านายมาทำไม เอาเถอะฉันจะชี้ทางให้แล้วกัน เพราะฉันก็เบื่อกับการมาจมทุกข์กับความเศร้าที่เขาก่อขึ้นมาแล้ว" คนพูดคลายมือที่กอดอกไว้แล้วเบี่ยงออกจากผนังเผยให้เห็นบูนประตูที่ครั้งหนึ่งเขาเคยยืนบังมันเอาไว้
"รีบเข้าไปสิ" เอ่ยน้ำเมื่อภูติที่อยู่ตรงหน้าเขายังยืนนิ่ง
"ทำไมฉันถึงรู้สึกเหมือนเคยเจอนายเลย"
"แล้วทำไมเราถึงจะไม่เคยเจอกันล่ะ" ใบหน้าหล่อผุดรอยยิ้มร้ายในแบบที่เปาจื่อคิดว่าไม่มีทางได้เห็นสีหน้านั้นจากเซฮุนในชีวิตจริงที่ไม่ใช่โลกแห่งฝันเช่นนี้เป็นแน่
"แต่ฉันจำไม่ได้สักนิดว่าเคยเจอนายด้วย"
"นายเชื่อความรู้สึกหรือว่าความทรงจำกันล่ะ อะไรที่พานายมาที่นี่ สมองหรือหัวใจ" โดยที่ไม่รอฟังคำตอบร่างโปร่งหนึ่งในความฝันของเซฮุนก็เดินจากไป เสียงฝีเท้ากระทบพื้นดังเป็นจังหวะเดียวกับเสียงของหัวใจของภูติน้อยที่กำลังเต้นโครมคราม เมื่อละสายตาจากร่างที่เลือนหายไปต่อหน้าต่อตา แล้วหันมามองบานประตูที่มีแสงสว่างเล็ดลอดออกมาจากบานประตูที่ถูกเปิดแง้มเอาไว้
เปาจื่อก้มมองนาฬิกาทรายที่แขวนอยู่ที่คอ เม็ดทรายละเอียดกำลังร่วงพรูลงไปอีกฝั่งที่มีเม็ดทรายอยู่กว่าครึ่ง
นั่นสินะ สมองหรือหัวใจกันแน่ที่พาเขามาอยู่ที่นี่
หลังจากเดินก้าวผ่านประตูบานนั้นมา เปาจื่อพบว่าตัวเองกำลังยืนอยู่บนถนนสายหนึ่งที่พื้นถนนเริ่มจับตัวเป็นน้ำแข็งเพราะหิมะที่ละลาย เกล็ดหิมะปลิวว่อนอยู่ในอากาศคล้ายกับกำลังหยอกล้อกับสายลมที่พัดพาเอาความหนาวเหน็บในยามราตรีมาต้องผิวกายจนขนแขนของเขาพากันลุกชัน
รอบตัวของเขา ดูเหมือนจะไร้ซึ่งสรรพชีวิตใด จนกระทั่งเสียงของใครบางคนดังแว่วมาพร้อมกับสายลม
"พี่ครับ ลืมตาขึ้นมาสิ"
เปาจื่อเดินไปตามทางเพื่อตามหาที่มาของเสียงที่ได้ยินแล้วก็ต้องเบิกตากว้างเพราะภาพที่ได้เห็นคือ ร่างโชกเลือดของเซฮุนกำลังกอดใครอีกคนเอาไว้ในอ้อมแขนท่ามกลางหิมะที่กำลังโปรยปราย เสียงสะอื้นไห้ปานจะขาดใจดังสลับกับเสียงพร่ำบอกให้อีกหนึ่งชีวิตที่จากไปฟื้นคืน
"มันก็แค่ความฝัน" พึมพำคำพูดประโยคนั้นออกมาคล้ายจะปลอบโยนตัวเองเสียมากกว่าตอนที่เห็นเซฮุนวางร่างที่แน่นิ่งลงกับพื้นถนน ใบหน้าขาวซีดไร้ซึ่งสีเลือดของร่างนั้นหันมาทางเขาพอดี เลยทำให้เปาจื่อได้เห็นใบหน้าที่เหมือนกับเขา
"อยู่กับผมนะ อย่าไปจากผม ... ผมจะช่วยพี่เอง" สองมืออันสั่นเทาของเซฮุนวางทาบลงกลางอกของมินซอกแล้วออกแรงกดจนหน้าอกของมินซอกยุบลงไป เขาเพียรทำอยู่อย่างนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
"พี่...มินซอก อย่าไปจาก... อย่าจากผมนะ" เซฮุนกดลงไปตรงกลางิกของมินซอกอีกครั้งแต่สิ่งที่ได้มีเพียงเลือดที่ยิ่งไหลออกจากร่างที่แน่นิ่งตรงหน้า
"พี่.. กลับมาสิครับ" เซฮุนฟุบหน้าลงร้องไห้กับร่างตรงหน้าอย่างสิ้นหวัง "ผมผิดเอง เพราะผม คนที่ควรตายคือผม" เซฮุนมองใบหน้าที่นิ่งสงบของพี่มินซอกของเขา ภาพของพี่มินซอกยังคงชัดเจน ไออุ่นจากร่างที่เขายังสัมผัสได้ แต่สิ่งที่มันหายไปคือวิญญาณที่เขาตามกลับมาไม่ได้ ตอนนั้นเองที่มือคู่เล็กเอื้อมจับแขนของเขาไว้และพยายามอย่างยิ่งที่จะทำให้เขายืนพอๆกับที่เขาจะนั่งอยู่ แต่พอเซฮุนหันกลับไปเป็นใบหน้าของคนผู้นั้น เขาก็เต็มใจที่จะลุกขึ้นแล้วเดินตามแรงจูงที่มือจากอีกฝ่ายไปอย่างง่ายดาย
เซฮุนรู้ดีว่าเขากำลังฝัน เขาฝันถึงเรื่องเดิมๆซ้ำๆ ถึงเหตุการณ์วันนั้นที่พรากชีวิตคนที่เขารักไปตลอดกาล ความฝันเหล่านั้นเกิดขึ้นซ้ำๆ และถึงแม้จะมีบางอย่างที่ผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง แต่ไม่เคยมีสักครั้งที่มันไม่ได้จบลงด้วยการจากไปของพี่มินซอก และมีเพียงเขาที่ปวดร้าวอยู่ทุกค่ำคืน แต่ในวันนี้มันกลับต่างออกไป เมื่อเขากำลังก้าวตามคนที่เขาโหยหาสุดหัวใจ จนเมื่อคนตรงหน้าหยุดเดินแล้วหันกลับมามองเขาเซฮุนถึงรู้ตัวว่าเขากำลังดึงร่างนั้นเข้ามากอดด้วยความคิดถึง น้ำตาที่เหือดแห้งไปแล้วเมื่อครู่กำลังไหลรินจากตาทั้งสองข้างของเขา
เปาจื่อวางคางไว้บนไหล่ของเซฮุน เขาเองก็กำลังกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ให้มันไหล ขณะที่ลูบมือไปตามแผ่นหลังของเซฮุนที่เปือกชื้นจากรอยเลือด
"ผมคิดถึงพี่มากแค่ไหน พี่รู้บ้างไหม ทำไมถึงจากผมไป ทำไมถึงทิ้งผมไว้" เสียงอู้อี้ดังอยู่ข้างหูของเขา "คนที่ควรตายคือผม"
"เซฮุน ฟังนะ ฉัน..พี่เคยบอกนายแล้วไม่ใช่เหรอ มันไม่ใช่ความผิดของนายเลย เลิกโทษตัวเองแล้วใช้ชีวิตต่อไปอย่างมีความสุขได้ไหมเซฮุน"
"ผมทำไม่ได้" เซฮุนปฏิเสธทั้งน้ำตา พลางกระชับอ้อมแขนที่กอดร่างที่เขาคิดว่าเป็นมินซอกให้แน่นขึ้น "ผมทำไม่ได้จริงๆ พี่รู้ไหมว่ามันทรมานแค่ไหน ที่ตื่นมาแล้วรู้ว่าบนโลกนี้ไม่มีพี่อีกต่อไป ทรมานแค่ไหนที่คิดถึงมากเท่าไหร่ก็ไม่มีทางได้พบกัน"
"รู้สิเซฮุน ทุกครั้งที่นายเสียใจพี่เองก็เสียใจไม่น้อยไปกว่านายเลย เวลาที่นายร้องไห้ หัวใจของพี่มันแทบจะแตกออกมา" เปาจื่อก้มมองรอยแดงที่ปรากฏชัดเจนบนข้อมือของตัวเองและเขาเองก็เชื่อว่าที่มือของเซฮุนก็คงไม่ต่างกัน "แต่โลกนี้ไม่ได้มีแค่เรานะ เซฮุนนายยังมีแม่ มีจงอิน และคนอื่นๆ ชีวิตนายยังต้องเดินต่อไปนะ อย่าให้การตายของพี่เป็นสิ่งที่ฉุดรั้งชีวิตของนายไม่ให้เดินหน้าต่อไปเลยนะ"
"แต่ผมลืมพี่ไม่ได้"
"เด็กโง่ ใครบอกให้นายลืมกัน ที่นายต้องทำคือเข้มแข็ง แล้วใช้ชีวิตต่อไปอย่างมีความสุขต่างหาก ใช้ชีวิตแทนมินซอกอย่าให้สิ่งที่เขาทำต้องสูญเปล่า"
"พี่มินซอก..."
"เซฮุน" เปาจื่อเรียกขณะที่ดันตัวออกจากอ้อมกอด แล้วใช้สองมือของตัวเองเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าให้เซฮุน "รับปากสิว่าจากนี้นายจะเข้มแข็ง และมีความสุข" เปาจื่อฝืนยิ้มออกมาทั้งที่น้ำตายังคงไหลริน แล้วก็ได้แต่นึกสมเภชตัวเอง ในเมื่อเป็นเขาแท้ๆที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเซฮุน แต่เขากลับเป็นได้เพียงภาพของมินซอกในสายตาของเซฮุนเท่านั้น
"ครับผมรับปาก แต่ว่า หลังจากนี้ผมจะได้เจอพี่อีกไหม พี่มินซอกจะกลับมาหาผมอีกรึเปล่า"
"พี่อยู่รอบๆตัวนายตลอดเวลา เฝ้ามองนายอยู่เพียงแต่นายไม่เห็นเท่านั้น" เปาจื่อดึงมือของเซฮุนขึ้นมา ก่อนจะวางดอกไฮเดรนเยียสีม่วงอ่อนลงไป "ถ้าคิดถึงพี่ก็มองดูไฮเดรนเยียดอกนี้ มันจะคอยช่วยย้ำเตือนว่าพี่ไม่ได้จากนายไปไหนเลย"
เซฮุนก้มลงมองดอกไม้ในมือเพียงเสี้ยววินาที แต่พอเขาเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งเบื้องหน้าก็มีเพียงความว่างเปล่า
"พี่มินซอก"
เมื่อแสงแรกของเช้าวันใหม่มาเยือน…
นั่นอาจเป็นช่วงเวลาการนอนอย่างแท้จริงของใครบางคนเหมือนกับคยองซูที่กำลังลูบหัวกลมๆของเปาจื่อที่ซุกอยู่ข้างหมอนของเซฮุน เสียงกรนเบาๆดังจากร่างของภูติน้อยที่เหน็ดเหนื่อยจากการอยู่ในความฝันทั้งคืน
หรือเป็นเวลาที่ใครบางคนจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง…
เซฮุนตื่นขึ้นมาพร้อมกับคราบน้ำตาที่ยังหลงเหลืออยู่บนใบหน้า และเมื่อเขาแบมือที่กำไว้แน่นของตัวเองออก ดอกไฮเดรนเยียดอกหนึ่งก็ร่วงลงบนผ้าห่มของเขา
และบางทีเช้าของวันใหม่ก็อาจเปลี่ยนชีวิตของใครคนหนึ่งไปตลอดกาล…
ลู่หานสะดุ้งตื่นเพราะเสียงรัวเคาะประตูที่หน้าห้องเขาพยายามทรงตัวลุกขึ้นมานั่งบนเตียง และเพราะอาการปวดหัวที่จู่โจมเขาอย่างกระทันหันในตอนที่ลุกขึ้นมานั่งทำให้ต้องเอื้อมมือไปจับขอบโต๊ะข้างเตียงเอาไว้เป็นหลักประคองไม่ให้หัวทิ่มลงไปบนพื้น แต่แล้วสายตาที่เพิ่งจะปรับให้ชินกับ แสงสว่างก็เหลือบไปเห็นโทรศัพท์มือถือของตัวเองที่กำลังสั่นอย่างบ้าคลั่งอยู่บนพื้น โดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันลงไปอยู่ตรงนั้นได้ยังไง
ลู่หานขยับตัวช้าๆรู้สึกหนักที่หัวราวกับสมองกำลังคลอนไปมาอยู่ในหัวเสียอย่างนั้น ยิ่งทำให้สมองของเขาสูญเสียการประมวลผลไปจนไม่แน่ใจว่าควรจะจัดการกับเรื่องไหนก่อนดีระหว่างเสียงเคาะที่หน้าประตูกับแรงสั่นจากโทรศัพท์เครื่องบาง แต่สุดท้ายก็ก้มลงไปเก็บมือถือขึ้นมา และแค่เพียงได้เห็นเบอร์โทรจากปลายทางลู่หานก็ตัดสินใจกดรับทันที
"มีอะ-"
(ลู่หาน ทำไมแกไม่รับโทรศัพท์วะ ฉันโทรหาแกทั้งคืน) น้ำเสียงร้อนรนของชานยอลทำให้ลู่หานต้องยกโทรศัพท์มาดูชื่อที่ปรากฎอยู่ที่หน้าจอมือ ถือว่าใช่ชานยอลจริงหรือเปล่า
"แล้วแกโทรมาทำไมล่ะ"
(.....) เสียงปลายสายที่เงียบไปทำให้เสียงเคาะประตูข้างนอกห้องดังเข้าถึงประสาทการรับรู้ของลู่หานที่ดูจะยังใช้การได้ไม่เป็นปกติอันเนื่องมาจาก ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ยังคงตกค้างอยู่ ลู่หานขยับตัวหมายจะเดินไปเปิดประตูแต่เสียงตอบจากปลายสายก็ทำให้เขาต้องหยุดทุกอย่าง
"ทำใจดีๆไว้นะลู่หาน ... ป๊ากับม้าแกตายแล้ว" ถ้าเป็นเวลาปกติลู่หานคงด่าอีกฝ่ายพร้อมทั้งลากคออีกคนมากระทืบให้สาสมกับคำพูดที่อีกคนพูดออกมา ถ้าไม่ใช่เวลานี้ที่น้ำตาที่ไม่รู้ว่ามาจาก ไหนกำลังเอ่อล้นออกมาจากตาทั้งสองข้าง ลู่หานยืนนิ่งถือโทรศัพท์ค้างเอาไว้อย่างนั้นขณะที่ค่อยๆหันกลับมามองทีวีที่เปิดทิ้งเอาไว้
"มีรายงานแจ้งว่าไม่พบผู้รอดชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกจากเหตุขัดข้องเมื่อค่ำวานนี้ขณะนี้เจ้าหน้าที่ของประเทศไทยกำลังเร่งหากล่องดำ เพื่อหาสาเหตุของเครื่องบินตกในครั้งนี้"
(ลู่หาน! ลู่หานแกฟังฉันอยู่รึเปล่า)
" ค .. .ค. ..เครื่องบิน?..."
(ลู่หานแกตั้งสติก่อนนะ)
"ป๊ากับม้า. .. ไม่จริง.. .ไม่จริง" ลู่หานกำโทรศัพท์มือถือแน่นขณะที่มองตรงไปยังจอทีวีที่ขึ้นรายชื่อผู้โดยสารเครื่องบินลำนั้น เพียงแค่เห็นคำว่าลู่ มือที่สั่นเทาก็เขวี้ยงโทรศัพท์ในมือของตัวเองไปยังหน้าจอทีวีทันที
เสียงทีวีตกจากชั้นวางแล้วกระแทกกับพื้นเสียงดังลั่นจนคนที่ยืนรออยู่หน้าประตูอดรนทนไม่ไหวต้องพังประตูเข้ามา จงอินวิ่งตรงมายังห้องนอนก่อนจะพบกับลู่หานที่นั่งเหม่อลอยอยู่กลางห้อง
"ลู่หาน" จงอินดึงตัวของเพื่อนรักเข้ามากอดไว้แน่น ไม่รู้เพราะเขารู้สึกไปเองรึเปล่าแต่ลู่หานในเวลานี้ช่างดูบอบบางเสียเหลือเกินในความรู้สึกของเขา
"ไม่จริงใช่ไหมจงอิน ป๊ากับม้า . .. ป๊ากับม้าเพิ่งมาหาฉัน .. .. คะ. ... เค้ายังบอกอยู่เลย. .. ให้ฉันเรียนจบไวๆแล้ว .. .แล้วเราจะกลับไปอยู่ด้วยกัน ไม่จริง ป๊ากับม้า ไม่.. .ฮืออออ"
"ลู่หาน แกยังมีฉันกับชานยอลนะ"
ลู่หานส่ายหน้า หยดน้ำตาไหลรินจากดวงตาทั้งคู่ไม่ได้ขาดก่อนจะผลักจงอินออกห่างจากตัว แล้วคว้ามือไปกระชากคอเสื้อของอีกคนขึ้นมาแทน
"แกบอกฉันสิจงอินบอกฉันสิ บอกฉันว่ามันไม่จริงป๊ากับม้าฉันยังอยู่. .. แกโกหกฉัน"
"ลู่หาน.. ."
"ไม่จริงโทรศัพท์! โทรศัพท์ของฉันอยู่ไหนฉันต้องโทรหาป๊ากับม้า" ลู่หานปล่อยคอเสื้อของจงอินแล้วถลาไปหยิบมือถือที่หน้าจอแตกขึ้นมาทั้งน้ำตา พยายามจะกดเปิดเครื่องมันแต่ก็ไม่มีปฎิกิริยาตอบสนองใดๆแต่เขาก็ยังกดมันซ้ำๆอยู่อย่างนั้นขณะที่หยดน้ำตาจากดวงตาคู่สวยยังคงไหลรินไม่ได้ขาด
"พอเถอะลู่หาน" จงอินเดินมาหยุดตรงหน้าลู่หาน แล้วดึงมือถือเครื่องนั้นออกมา "ทำไม ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ทำไม" เสียงร้องไห้ของลู่หานทำให้ใจของคนที่ได้ยินเจ็บปวดไปด้วยไม่ต่างกัน น้ำตาของลูกผู้ชายที่ไหลรินเป็นสาย จงอินไม่เคยคิดฝันว่าจะต้องมาเห็นลู่หานร้องไห้ปานจะขาดใจ
To be continued
พาไปอยู่ในโลกแห่งความฝันกันซะนาน ไม่รู้ว่ายังมีใครจำเรื่องของความเป็นจริงที่ทิ้งปริศนาไว้เมื่อตอนก่อนๆได้ไหม
ช่วงนี้คนแต่งยุ่งมากกกกกกก แต่จะพยายามหาเวลามาอัพให้นะคะ
ความคิดเห็น