VagabondKP
ดู Blog ทั้งหมด

ข้อคิดที่เจอในบารามอส

เขียนโดย VagabondKP
 เราเป็นคนชอบอ่านนิยายนะโดยเฉพาะแฟนตาซี  และเราก็ได้มาเจอกับหัวขโมยแห่งบารามอส วรรณกรรมที่ครองใจเราไปเลยทั้งดวง  ตอนแรกที่อ่านคิดว่าเป็นนิยายแปลซะอีก ที่จริงคนไทยเขียนรึเนี่ย สุดยอดจริงๆ  และบารามอสก็มีสาระ มีข้อคิดคติธรรมที่สอดแทรกไว้เยอะมากขณะที่นิยายที่คนไทยเขียนส่วนใหญ่จะมองข้ามจุดนีั้ไป  วันนี้ก็เลยจะรวม ประโยคที่เราชอบในบารามอส มาให้ดูกัน

"ฉันให้ทุกอย่างที่แกอยากได้ไม่ได้ เฟริน แต่เมื่อไหร่ที่แกรู้จักคำว่าพอ แกจะไม่รู้จักคำว่าทุกข์ เพราะความสุขเป็นสิ่งที่หาได้ด้วยใจเพียงแต่คิดอยากจะหา จำไว้" 

มาดัส เดอเบอโรว์

"คนเรานะลูก มีเหตุผลที่มาต่างกัน ก็มีการกระทำต่างกัน ความคิดต่างกัน ในโลกนี้จริงๆไม่มีถูกไม่มีผิด มุมเรามอง เราว่าเค้าทรยศ ทำผิด มุมมองเค้า อาจว่าทำตามหน้าที่ ไม่ผิด แล้วถ้าเค้าพูดอย่างนั้นลูกจะว่าไง ทุกอย่างอยู่แค่ห้วงคิด ถ้าเราไม่รู้จักหมุนเปลี่ยนห้วงคิด โลกนี้ทั้งโลกก็มีแต่ศัตรูกับคนทรยศ แต่ถ้าหมุนเปลี่ยนความคิดสักนิด โลกนี้ทั้งโลกก็มีแต่เพื่อน"

เอวิเดส เกรเดเวล

"ขโมยก็คือขโมย ย่อมกลายเป็นพระราชาไปไม่ได้"

คาโล วาเนบลี

"ถ้าขอทานยังเรียนร่วมกับเจ้าชายได้ ขโมยอาจเป็นพระราชาได้ก็ได้"

เฟริน เดอเบอโรว์

เอาล่ะจ้ะ มีสิ่งของสี่สิ่งคือ ดาบ แหวน มงกุฎ และคทาดวงหน้าเฟรินเริ่มระบายรอยยิ้ม คำถามแรก ถ้าได้เป็นกษัตริย์ สิ่งของที่ต้องการจะถือหรือสวมเป็นอันดับแรกคืออะไร

รอยยิ้มเด็กหนุ่มเริ่มซีด เขาควรจะรู้อยู่แล้วว่ามันจะออกมาตามโพยซังกะบ๊วยนั่นได้ยังไงเล่า!

สวมอะไร ถืออะไรล่ะ บ้าชะมัด

แหวนเฟรินตัดใจตอบ เวลาแต่งตัวก็ต้องสวมแหวนก่อน ค่อยใส่มงกุฎ สพายดาบ แล้วค่อยถือคทา ดังนั้นต้องแหวนมิซแรมเชลขยับรอยยิ้มน้อยๆบันทึกคำตอบของเฟรินลงสมุดแต่ไม่ได้ว่าอะไร ขณะที่ฝ่ายเฟรินเริ่มลอบถอนหายใจอย่างปลงสังเวช

คำถามที่สองนะจ๊ะ สิ่งที่ต้องการได้เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นกษัตริย์ของตัวเองคืออะไร

ดาบเฟรินตอบ พอเห็นคิ้วของมิซแรมเชลเลิกขึ้นเล็กน้อยก็รีบสาธยาย แน่นอนต้องเป็นดาบ ความแข็งของดาบ แสดงถึงความเข้มแข็งอดทน ข้อนี้เป็นคุณสมบัติที่ขาดไม่ได้ของพระราชา ความคมของดาบแสดงถึงความคมเฉียบขาดของสติปัญญาอันชาญฉลาด ผู้ถือดาบแสดงถึงอำนาจ ผู้ถือดาบแสดงถึงพลัง ผู้ถือดาบแสดงถึงความกล้าหาญ

รอยยิ้มของมิซแรมเชลกว้างขึ้น ขณะที่รอยยิ้มของเฟรินเริ่มชืดลง รู้สึกราวกับตัวเองกำลังโฆษณาขายดาบก็ไม่ปาน งี่เง่าจนนึกอยากเอาหัวโขกข้างฝา แต่แน่นอนว่าต้องไม่ใช่หัวเขา ถ้าจะต้องเป็นหัวใครสักคน หัวคนแรกที่เขาจะเลือกก็คือหัวของ นายมาดัส เดอเบอโรว์

คำถามที่สาม สิ่งที่ต้องการมอบให้กับประชาชนในแคว้นของตนคืออะไร

ทันทีที่ฟังคำถาม เฟรินก็ถึงกับยิ้มกริ่ม นึกขันอะไรขึ้นมาในใจก่อนจะรีบตอบคำถาม

มงกุฎ

คำตอบที่มิซแรมเชลเลิกคิ้วสูงขึ้นด้วยความสนใจ เฟรินหัวเราะเบาๆ

ใครๆก็อยากเป็นพระราชานี่ครับมิซแรมเชล ตั้งแต่เจ้าชายยันขอทานยังพากันแห่มาสมัครเข้าเรียนที่นี่ ยกมงกุฎให้เลยคงเข้าท่าที่สุด

มิซแรมเชลหัวเราะกับคำตอบก่อนจะยิ้มน้อยๆ
เอาล่ะจ๊ะ คำถามสุดท้ายนะ ถ้าถึงเวลาที่เธอจะต้องสละทิ้งทุกอย่าง ของสี่อย่างที่ว่ามานี่ ให้ลำดับของที่จะทิ้งอย่างแรกจนถึงอย่างสุดท้าย

ถ้าจะให้ทิ้ง... อย่างแรกของที่หนักที่สุดก็ต้องทิ้งก่อน ดังนั้นต้องเริ่มจากมงกุฎ ต่อมา...คงเป็นแหวน อย่างน้อยดาบยังเอาไว้ป้องกันตัว แล้วต่อมาก็คงต้องเป็นดาบ สุดท้ายถึงค่อยทิ้งคทา

ทำไมถึงเลือกทิ้งคทาเป็นอย่างสุดท้ายล่ะ

คทาก็เหมือนไม้ที่เอาไว้ค้ำยันตัว คนแก่ก็ต้องถือไม้เท้า คนเจ็บก็ต้องใช้ไม้เท้า คนเดินไม่ไหวก็ต้องใช้ไม้เท้า แล้วจะเอาไม้ค้ำทิ้งไปก่อนได้ยังไงล่ะครับ

เฟริน เดอเบอโรว์ – มงกุฎแห่งใจ – บทที่ 3 การสอบ

" ทองแท้ยังต้องเอาไปลน เหล็กดียังต้องเอาไปเผา "

มาดัส เดอเบอโรว์

เสียงที่ดังมาจากแสงสีทองเบื้องหน้า ที่มาของเสียงดนตรี สถานที่นี้เป็นที่ไหนเขาไม่เคยมา เสียงที่ได้ยินคือเสียงของใคร เขาก็ไม่รู้ แต่ให้ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด มากจนไม่ทำให้นึกกลัวนอกจากนึกสงสัย

"ท่านคือผู้ถูกเลือก เฟริน เดอเบอโรว์ ถูกเลือกจากมงกุฎแห่งใจ ขอเพียงแต่ท่านทำตามที่ข้าบอก อยากได้อะไร เจ้าจะสมปรารถนาทุกอย่าง ทั้งพลัง อำนาจ บัลลังก์ ทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกสิ่งทุกอย่าง"

"หือม์..ทุกสิ่งทุกอย่างเลยเหรอ" เฟรินเอ่ยทวนอย่างชักสนใจ

"ใช่ ทุกสิ่งทุกอย่าง" "น่าสนใจ" เฟรินว่าแล้วขยับรอยยิ้ม

"แต่มันคงไม่มีอะไรได้มาเปล่าๆหรอกมั้งโลกนี้ บอกมาตรงๆดีกว่าว่าฉันต้องทำอะไรให้บ้างเป็นการแลกเปลี่ยน" เสียงฝ่ายตรงข้ามเงียบไปก่อนจะระเบิดเป็นเสียงหัวเราะ

"เจ้าฉลาดและตรงไปตรงมาถูกใจข้ามากจริงๆ แต่นี่คือสัตย์จริง ท่านไม่ต้องทำอะไรเลย เพียงแต่ให้เจ้าสวมมงกุฎแห่งใจ เจ้าก็จะเป็นเจ้านายแห่งข้า นึกอยากได้อะไรจะได้สมปราถนา"

"มงกุฎแห่งใจ"

"ใช่ มงกุฎแห่งใจ"

"สมปรารถนาทุกอย่าง"

"ใช่ สมปรารถนาทุกอย่าง" แล้วเฟรินก็ระเบิดเสียงหัวเราะอย่างขบขัน

"ไอ้มงกุฎบ้าๆนั่นน่ะนะ เอามาสวมให้หนักหัว แถมยังต้องมีเจ้ามาเป็นลูกน้องให้เป็นภาระเข้าไปอีก ไม่เอาด้วยล่ะ เชิญไปหลอกคนอื่นเถอะไป"

"แต่ข้าทำให้เจ้าสมปรารถนาทุกอย่างนะ" เสียงนั้นยังเซ้าซี้ต่อรอง

"มันก็จริง.. แต่ว่า.." ว่าแล้วเจ้าตัวก็ขมวดคิ้วครุ่นคิด ก่อนแย้งไปอีก

"ฉันนึกไม่ออกว่าอยากได้อะไรนี่ เอางี้แล้วกัน เจ้าลองพยายามพูดมาก่อนสิว่ามีอะไรบ้างที่ฉันน่าจะอยากได้" เสียงประหลาดเงียบไปพักใหญ่ ก่อนจะเอ่ยขึ้นราวกับอ่านใจได้

"ท่านไม่ใช่อยาก ลักขโมยตัวเจ้าชายรัชทายาทสักองค์หรอกหรือ" เฟรินผิวปากฟิ้วขึ้นทันทีอย่างนึกรู้แล้วว่าต้องมาไม้นี้

"เจ้านี่ไม่เบาเลยนะ รู้ได้ถึงขนาดนี้ แต่นั่นน่ะไม่ใช่สิ่งที่ฉันอยากได้ แต่มันเป็นสิ่งที่พ่อฉันอยากได้ ฉันแนะนำให้เจ้าไปหานายมาดัส เดอเบอโรว์ยังจะเข้าท่าซะกว่า"

"เป็นพระราชาของเมืองสักเมืองล่ะ มีทั้งเงินทองมีทั้งอำนาจ"

"มีโซ่มาล่ามให้ตัวเองหนักอึ้งล่ะไม่ว่า ข้าไม่โง่ขนาดนั้นหรอกน่า"

"ผู้หญิงล่ะ สตรีที่สวยที่สุดในโลกที่รอให้เจ้าไปเชยชม"

"สวยแค่ไหนก็มีวันเหี่ยว ผู้หญิงเนี่ยสุดยอดยุ่ง"

"ข้าสามารถหาผู้หญิงไม่ยุ่งและไม่เหี่ยวให้ได้”

"หา ไม่ยุ่งไม่เหี่ยว” "ใช่ ไม่ยุ่งและไม่เหี่ยว”

"เจ้าคิดจะหานางปีศาจให้ข้าเรอะ คนไม่แก่ไม่เปลี่ยนไม่เหี่ยว มีแต่ปีศาจเท่านั้นล่ะที่ทำได้"

"ไม่เอาผู้หญิง งั้นเอาเงินไหมล่ะเงิน ทรัพย์สินเงินทอง สมบัติเพชรนิลจินดา"

"มีสมบัติมากก็ต้องมาระวังขโมยแบบเดียวกับพ่อน่ะเหรอ ไม่เอาด้วยหรอก ปวดหัว"

"งั้นเกียรติยศชื่อเสียงล่ะเป็นไง ข้าสามารถทำให้ท่านกลายเป็นนักรบที่เก่งที่สุด นักปราชญ์ที่ชาญฉลาดที่สุด หรือผู้ใช้เวทอันดับหนึ่งแห่งเอเดนได้" เฟรินเบิกตาโตทันควัน

"ไอ้นั่นมันดีตรงไหนฮึ หัดใช้สมองคิดๆหน่อย เป็นเป้าให้คนมารุม รอให้คนมากวนใจทุกวันให้ช่วยทำไอ้นั่นหน่อย ให้ไปรบกับเอวิเดสหน่อย ให้รับเป็นลูกศิษย์หน่อย เหมือนอย่างเลโมธี กับไฮคิงไง ไม่เอาหรอก" ว่าแล้วเริ่มส่ายหัว

"แล้วให้คนโง่ๆอย่างเจ้ามาทำให้ข้าฉลาดกว่านี้ ไม่โง่ลงไปเหมือนเจ้าก็บุญแล้ว ขอร้องทีเถอะคิดให้มันดีๆหน่อยแล้วค่อยพูด"

"ท่าน อำนาจก็ไม่เอา ผู้หญิงก็ไม่เอา เงินทองก็ไม่เอา ชื่อเสียงก็ไม่เอาแล้วจะเอาอะไร"

"ก็คิดไม่ออกนี่ไงเลยให้เจ้าคิด คิดออกเมื่อไหร่ปลุกด้วยก็แล้วกัน ฉันง่วงละ จะขอนอนซักงีบ"

แล้วไม่รอคำค้านเจ้าตัวก็ทิ้วตัวลงบนพื้นทุ่งหญ้าสีทองตรงนั้นแล้วปิดตาลงไม่ฟังเสียงท้วงของเสียงประหลาดนั่นเลยสักนิด เฟริน เดอเบอโรว์ – มงกุฎแห่งใจ – บทที่ 8 มงกุฏแห่งใจ

เราชอบมากๆเลยตอนที่เฟรินคุยกับมงกุฏดูมีไหวพริบมากๆเลย

บารามอสมีข้อคิดเยอะมากจริงๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นที่ 1
ขอบคุณค้าเทอทำให้เรารูคำตอบปัญหาเชาวน์