OOZE = (อูซ) ไหลซึม ซึมออก เยิ้ม รั่ว
OOZE = เลนพื้นท้องทะเล
ตะกอนในมหาสมุทร (oceanic sediments)
1.ตะกอนที่สะสมในบริเวณขอบทวีป (sediments of the continental margins)
2.ตะกอนก้นสมุทร (pelagic sediments)
ตะกอนที่ทับถมกันอยู่ที่บริเวณพื้นก้นทะเลน้ำลึกมี 2 พวก คือ พวกตะกอนที่ประกอบด้วยเปลือกหรือส่วนที่แข็งของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า เลนพื้นท้องทะเลหรืออูซ (ooze) กับดินเหนียวเม็ดละเอียด
Foraminiferan ooze = ฟอรามินิเฟรันอูซ เป็นซากเหลือที่ทับถมกันพันล้านปีของสัตว์เซลล์เดียวในOrder Foraminiferan สัตว์ในอันดับนี้มีเท้าเทียม มีเปลือก (test) คลุมตัว เปลือกประกอบด้วยหินปูนในรูปของคาลไซต์รวมกับสารประกอบอื่น เช่น ซิลิกา แมกเนเซียมซัลเฟต ฟอรามินิเฟรัมสะสมอาหารในรูปของน้ำมัน ฉะนั้นซากเหลือหรืออูซจึงเป็นแหล่งน้ำมันดิบที่มีค่ามหาศาลในอุตสาหกรรมน้ำมัน
• เลนของฟอแรม (forams ooze) ฟอแรมมินิเฟอแรนที่ดำรงชีวิตอยู่ในทะเลจะคืบคลานอยู่ตามพื้นท้องทะเลในความลึกไม่เกิน 13,000 ฟุต เพราะในที่ลึกกว่านี้จะมีคาร์บอนไดออกไซด์สูง เมื่อรวมตัวกับน้ำเกิดกรดคาร์โบนิค (H2CO3) ซึ่งจะสลายสารประกอบประเภทแคลเซียมที่มีอยู่ในเปลือกของฟอแรม เปลือกฟอแรมจะทับถมอยู่ตามพื้นท้องทะเลเป็นเลนที่มีปูนขาวและซิลิกาอยู่มาก เลนที่เกิดจากฟอแรมนี้
• ส่วนใหญ่เกิดจากเปลือกของฟอแรมสกุล Globigerina เป็น Globigerina ooze ซึ่งปกคลุมพื้นที่กว้างหลายล้านตารางไมล์ และพบมากทางมหาสมุทรแอตแลนติค
• ความสำคัญของเลนฟอแรมคือการสะสมของหินปูนและผงชอล์คอยู่ตามพื้นท้องทะเล เมื่อมีการยกตัวของพื้นท้องทะเลหรือการเปลี่ยนแปลงทางภูมิศาสตร์บางอย่างทำให้หินปูนและผงชอล์คยกสูงขึ้นกลายเป็นพื้นดินแห้งเช่น พื้นที่หลายแห่งในอังกฤษ
Radiolarian ooze = ราดิโอลาเรียนอูซ เป็นซากเหลือที่ทับถมกันนานนับล้านปีบนพื้นท้องทะเล เกิดจากสัตว์เซลล์เดียวที่มีเท้าเทียม มีเปลือกคลุมตัวเป็นสารประกอบพวกซิลิกา ซึ่งแยกจากไซโตพลาสซึม สัตว์กลุ่มนี้สะสมน้ำมันในเซลล์ เมื่อตายทับถมกันจะเป็นแหล่งน้ำมันดิบที่มีค่ามหาศาล
• เลนของเรดิโอลาเรียน (radiolarian ooze) มีเปลือกเป็นสารซิลิกาซึ่งสลายยากกว่าฟอแรมจึงพบเปลือกของเรดิโอลาเรียนในทะเลลึกประมาณ 15,000-20,000 ฟุต
• ส่วนใหญ่พบในมหาสมุทรแปซิฟิคและมหาสมุทรอินเดีย คลุมพื้นที่ประมาณ 3 ล้านตารางไมล์
• บางสภาวะตะกอนของ เรดิโอลาเรียนจะจับกันแข็งเป็นหินที่เรียกว่า เชิร์ต (chert) เลนของฟอแรมและเรดิโอลาเรียนยังมีประโยชน์ในการใช้เป็นดัชนีแสดงแหล่งน้ำมันอีกด้วย
http://www.thaidetail.com/WEB215T.htm
web.nkc.kku.ac.th/chatchai/chaisite/118214/ch3_protozoa.ppt
ความคิดเห็น