ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Wall.. กำแพงนี้หรือจะกั้นกูได้ [KiHae]

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 [ประกาศคำท้า]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 104
      2
      8 พ.ย. 57

     

    บทที่ 1

     

    [ประกาศคำท้า]

     

     

     

                “คุณหนูดงเฮ ตื่นได้แล้วค่ะ”

     

                เสียงนุ่มๆของป้าแม่บ้านที่เข้ามาปลุกผมที่กำลังจะสายเพราะผมไม่อยากลุกออกจากเตียง ผมยังพยายามหลับตาลงแล้วนึกถึงภาพนั้นซ้ำไปซ้ำมาอยู่แบบนั้น ผมไม่อยากลุกออกไปเลยฮะ ขอผมอยู่กับความฝันนั่นอีกซักพักได้ไหมฮะ ผมไม่อยากให้ความสุขของผมมันหายไปตอนที่ผมลืมตาขึ้นมาอ่ะ TT

     

                “คุณหนูคะ” เธอเข้ามาเขย่าเรียกผมอีกรอบเบาๆ

     

                “ฮะๆ รู้แล้วๆ” แต่ก็ต้องจำใจฮะ TT ก็บ้านผมน่ะถูกตีกรอบไว้แบบนี้มาตั้งแต่ตอนที่ผมเกิดแล้ว เพราะคุณพ่อเป็นทหาร การใช้ชีวิตจึงถูกกำหนดด้วยกรอบ คำสั่ง และเข็มนาฬิกา ที่ต้องเป็นไปอย่างถูกต้องทุกกระเบียบนิ้ว แต่ยังไงผมก็พยายามที่จะปีนออกนอกกรอบที่คุณพ่อขังผมไว้ทุกครั้งที่มีโอกาสนั่นแหละฮ่ะ

     

                แต่ว่าวันนี้ก็ไม่ใช่ว่าเป็นวันไม่ดีซักหน่อยนี่นา..เพราะทุกวันศุกร์ของสัปดาห์เป็นวันที่ผมจะได้เจอคิบอมฮ่ะ

     

     

                “ดงเฮ! นายเป็นโรคจิตหรือไง นั่งยิ้มบ้าอะไรของนายกัน น่าขนลุกชะมัด”

               

                เสียงนี้คือเสียงของเพื่อนรักตัวแสบเพียงคนเดียวของผม อีฮยอกแจ คนปากเสียที่พ่วงตำแหน่งคนรักของรองประธานชมรมบาส รุ่นพี่ฮันคยองที่ฮอตโคตรของมหาลัยแห่งนี้ฮะ

     

                พอมาถึงห้องเรียนฮยอกแจก็แซะผมทันทีเลยฮะ ร่างเล็กของเขาเดินมานั่งข้างผม ใบหน้าน่ารักบู้น้อยๆเหมือนคนพึ่งจะอารมณ์เสียกับอะไรซักอย่างแล้วมาลงที่ผมมากกว่า แต่ผมกลับยู่หน้าใส่แล้วยังไม่สนใจที่ฮยอกแจพูดด้วย

     

                “นายว่าความฝันมีโอกาสจะกลายเป็นความจริงได้ไหม” ผมถามฮยอกแจกับความคิดของตัวเองก่อนจะหันออกไปมองนอกหน้าต่าง ม้าหินอ่อนใต้ต้นไม้ข้างตึกเรียนที่ผมกำลังมองอยู่ตอนนี้ คิบอมเขามักจะมานั่งหลับหรือบางทีก็ลอกการบ้านชางมินเป็นประจำฮะ

     

                “ฝันบ้าอะไรของนาย” เสียงฮยอกแจบ่นพึมพำ ตอนนี้เราสนิทกันมากพอที่บางครั้งฮอยกแจก็แทบจะหยาบคายกับผมแล้วล่ะฮะ แต่ผมไม่เป็นไรหรอกฮะ ผมรับทุกอย่างในตัวของฮยอกแจได้อยู่แล้ว เพราะว่าเขาเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของผมนี่ฮ่ะ ^^

     

                “แต่จะว่าไปนะ ความฝันกับความจริง มันมีแค่เส้นบางๆกั้นเอาไว้อยู่นะดงเฮ” สิ่งที่ฮยอกแจพูดต่อเรียกสายตาของผมที่กำลังจ้องมองม้าหินอ่อนที่ว่างเปล่าตัวนั้นให้หันกลับมามองเขาได้ดีทีเดียว ..เส้นกั้นบางๆ..?

     

                “ยังไงเหรอ?” ผมถามฮยอกแจที่ใบหน้ากำลังขึ้นสีน้อยๆ เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ ริมฝีปากเล็กเม้มน้อยๆก่อนจะเริ่มพูดต่อ

     

                “ก็.. ไม่เชิงว่า ความฝันอาจจะเป็นสัมผัสที่หกที่ทำนายอนาคตก็ได้นะ” ฮยอกแจพูดด้วยท่าทางที่เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ในหัว นั่นทำเอาผมยิ่งสนใจกับสิ่งที่พึ่งจะเคยได้ยิน

     

                สัมผัสที่หก .. อนาคต .. ??

     

                แต่ว่าเรื่องของผม..มันจะเป็นไปได้เหรอฮ่ะ??

               

                “ไก่ออกลูกเป็นตัวยังมีโอกาสมากกว่าอีก” ผมบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆ สิ่งที่ได้ยินมาจากฮยอกแจเมื่อเช้ามันทำให้ผมคิดไม่ตกเลยฮะ

     

                สองเท้าตอนนี้กำลังมุ่งตรงไปที่โรงยิมเพราะก็เลิกเรียนได้พักหนึ่งแล้ว ส่วนฮยอกแจขอกลับบ้านไปก่อนด้วยเหตุผลที่ว่าไม่อยากไปเจอหน้าพี่ฮันฮ่ะ คู่นั้นเขารักกันแปลกๆน่ะฮะ ฮาร์ดคอร์ใส่กันแทบทุกวันล่ะ

     

                “เฮ้อ~” ผมถอนหายใจเมื่อเดินเข้ามาใกล้ประตูโรงยิม ได้ยินเสียงลูกบาสกับเสียงรองเท้าเสียดพื้นดังมาแต่ไกลเลยฮะ ผมทำใจให้สงบก่อนจะเดินเข้าไปทักทายพี่ซีวอนกับพี่ฮันที่กำลังซ้อมเด็กดั้งค์บาสอยู่

     

                “อ้าวดงเฮ ฮยอกแจล่ะ” ทันทีที่ผมมาถึงพี่ฮันก็ถามหาเลยฮ่ะ เพราะปกติแล้วผมกับฮยอกแจตัวติดกันตลอดจนพี่ฮันก็แทบจะเรียกว่าเป็นคู่หู่ปาท่องโก๋ แถมพี่ฮันยังหึงผมกับฮยอกแจอยู่บ่อยๆด้วย

     

                “เห็นบอกว่าจะกลับบ้านน่ะฮะ” ผมตอบตามจริงทั้งที่ฮยอกแจมันย้ำผมนักหนาว่าถ้าพี่ฮันถามห้ามบอกพี่ฮันเด็ดขาดว่าเขาไปไหน แต่ผมไม่ชอบโกหกฮะเลยตอบออกไปตามจริง แล้วพี่ฮันก็ตีหน้าขึงขึ้นมาทันที

     

                “อืม เข้าใจล่ะ ริจะโดดชมรมที่ผัวเป็นรองประธานนี่กล้าดีจริงๆ งั้นวันนี้พี่ฝากนายเก็บลูกคนเดียว ทำได้นะดงเฮ” พี่ฮันดูเหมือนจะหัวเสียไม่น้อยฮะ เขาบ่นยาวๆก่อนจะหันมาฝากฝังเรื่องเก็บลูกบาสกับผม

     

                “ได้อยู่แล้วฮะ เมื่อก่อนผมยังเก็บคนเดียวได้เลย พี่ฮันไปเถอะฮะ ผมคิดว่าฮยอกน่าจะอยู่ที่ป้ายรถเมล์หน้ามหาลัย” ผมตอบยิ้มๆฮ่ะ ขอโทษนะฮยอกแจ แต่โทษฐานที่ไม่มาเก็บลูกบาสเป็นเพื่อนผม ก็ขอให้โชคดีก็แล้วกัน หึหึ ^^

     

                “ขอบใจนะดงเฮ” พี่ฮันเอื้อมมือมายีหัวผมเบาๆแล้วก็รีบวิ่งออกไปจากโรงยิมทันที ผมมองตามหลังพี่ฮันที่ออกไปโดยที่ยังใส่ชุดบาสอยู่เลยฮะ ฮยอกแจนี่น่าอิจฉาจังเลยนะฮะที่มีคนที่รักได้มากขนาดนี้ ..แต่ผมนี่สิ

     

                “ดงเฮ! ระวัง!!!”

     

                ตุ๊บบบบ!!

     

                ซวย.. คำเดียวที่มีในหัวตอนนี้ T^T ผมโดนอีกแล้วฮะ ลูกบาสที่ลอยมาโดยไม่ทราบทิศทางแต่กลับตรงดิ่งเข้ากระทบหัวผมอย่างจังจนผมถึงกับเซล้มไปเลยฮะ มันรุนแรงมากจนหัวผมมึนไปหมดเลย ใครช่างกล้าทำกับผมแบบนี้! (ไรท์เคยเจอลูกตะกร้อฮะดงเฮ แตะมาจากตีนใครไม่รู้ แต่คิ้วแตกเลย TT)

     

                “โทษทีนะ” เสียงฝีเท้าที่วิ่งเข้ามาใกล้ ก่อนที่มันจะผ่านหน้าผมออกไปตามทิศทางที่ลูกบาสกลิ้งไป ผมยกมือขึ้นกุมหัวก่อนจะมองตามแผ่นหลังนั้น เป็นคิบอมเองเหรอฮะ มันเป็นแบบนี้เสมอเลย เขาไม่เคยสนใจผมเลยต่อให้ผมจะเจ็บตัวยังไงก็ตาม คนคนนี้ก็ไม่เคยที่จะยื่นมือเข้ามา ไม่เคยถามว่าผมเป็นอะไรไหม

     

                ห่างไกล.. ความฝันนั้น ..มันช่างห่างไกลความเป็นจริงเหลือเกินฮะ

     

                แต่ผมไม่เป็นไรหรอกฮะ แค่คำขอโทษนั่นก็เพียงพอแล้ว TT

     

                “ทำไมดงเฮต้องเจ็บตัวเพราะไอ้เพื่อนเหี้ยนี่ตลอดเลยนะ.. เป็นอะไรไหม ลุกไหวหรือเปล่า” เสียงคุ้นหูของ คยูฮยอน เขาเป็นเพื่อนสนิทของคิบอม แล้วยังเป็นน้องชายของพี่ฮันด้วยฮะ คยูเองก็เป็นพวกโฮโมเหมือนกัน และเหตุการณ์คล้ายๆกันนี้มันทำให้ผมนึกถึงวันนั้นเลยฮ่ะ วันที่ผมได้รู้ว่าคิบอม..เกลียดพวกโฮโมมากขนาดไหน

     

                “ม ไม่เป็นไรฮะ ขอบคุณนะ” ผมยิ้มให้มือคู่นั้นของคยูที่ยื่นมาให้ผม ก่อนจะลุกขึ้นมายืนด้วยตัวเอง เขาเป็นคนใจดีนะฮะ ทำไมคิบอมถึงไม่ใจดีกับผมแบบนี้บ้างนะ น่าเศร้าชะมัด

     

                “นาย.. ชอบไอ้หมอนั่นเหรอ” ขณะที่ผมกำลังปัดฝุ่นออกจากกางเกงคยูก็ยิงคำถามเบาๆ แต่กลับตรงประเด็นจนผมตกใจ ผมเงยหน้าขึ้นมองคยูที่ค่อนข้างจะซีเรียสอยู่ไม่น้อย ทำไมเพื่อนของคิบอมถึงได้ดูผมออกนะ ทั้งชางมินเองก็เคยพูดอะไรทำนองนี้เหมือนกัน

     

                “…” ผมเม้มปาก พยายามหลบตาคยู จะให้บอกว่าชอบก็คงไม่ได้หรอก ผมคิดว่าควรปล่อยให้มันเป็นความลับต่อไป ได้แค่แอบรักอยู่แบบนี้ก็ดีแล้วล่ะมั้ง ผมเองก็ไม่ได้หวังว่าเขาจะมาชอบผมหรอก เพราะเรื่องแบบนั้น สำหรับคิบอม..มันเป็นไปได้ยากมากเลย

     

                “เข้าใจแล้ว แต่ไม่บอกมันน่ะดีแล้วล่ะ” คำที่คยูพูดต่อมาทำเอาผมต้องเงยหน้าขึ้นมอง เหมือนเขารู้ว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่เลยฮะ แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขายิ้มให้ผมแล้วยื่นมือมาตบบ่าผมเบาๆแล้วเขาก็เดินออกไปปล่อยให้ผมยืนงงกับคำพูดนั้นนานพอสมควร

     

                “แต่อย่าเลิกพยายามนะดงเฮ ฉันเชื่อว่าซักวันนายจะทำให้มันยอมเปิดใจอีกครั้งได้แน่ๆ แล้วถ้าถึงวันนั้น นายต้องบอกมันนะดงเฮ” อยู่ๆคยูก็เดินกลับมาพูดต่อเหมือนเมื่อกี้ลืมพูดไป ผมเอียงคอมองคยูที่เดินมาพูดแค่นั้นแล้วก็เดินออกไปซ้อมบาสต่อกับคิบอมแล้วฮะ หมายความว่ายังไงนะที่บอกว่าซักวันคิบอมจะยอมเปิดใจอีกครั้ง?

     

                หรือที่เขายังไม่มีใคร..เพราะยังลืมใครบางคนไม่ได้งั้นเหรอฮะ?

     

                อยากรู้จัง .. ผมอยากรู้เรื่องของเขา

     

                ..ผมอยากรู้จักเขาให้มากกว่าการเป็นแค่คนรู้จักกัน

     

                 อยากรู้ ..ทุกๆอย่างของคิบอม

     

     

     

    -wall-

     

     

     

                เวลาผ่านไปโดยที่ผมก็เก็บลูกบาสไป นั่งมองคิบอมเล่นบาสไป จนกระทั่งตอนนี้ก็เย็นมากแล้วล่ะฮะ หน้าที่สุดท้ายของผมคือการเก็บลูกบาสใส่ถุงตาข่าย นับจำนวนให้ครบ แล้วเก็บในห้องเก็บอุปกรณ์ให้เสร็จก่อนถึงจะกลับได้ฮะ และตอนนี้สมาชิกชมรมก็ทยอยกลับกันเกือบหมดแล้วด้วย

     

                “ไอ้บอม วันนี้กูกลับก่อนนะครับ” เหลือก็เพียงสามเพื่อนนั้นฮะ ผมมองคยูที่กำลังสะพายเป้พาดบ่าแล้วหันไปบอกคิบอมว่าเขาจะกลับก่อนแล้ว ผมก็พอจะรู้ฮะว่าช่วงนี้คยูกำลังคบกับเด็กสาขาดุริยางค์อยู่

     

                “วันนี้ซองมินมาหาถึงโรงยิมเลยนะมึง” ชางมินแซวแล้วโบ้ยหน้าไปทางประตูโรงยิม และทุกคนก็หันไปมองรวมถึงผมเองก็ด้วย ใช่แล้วล่ะ คนนั้นล่ะฮะคนรักของคยู เขามาหาคยูที่โรงยิมเป็นบางครั้ง แต่ว่าผมก็ไม่ทันได้คุยอะไรกับเขาหรอก

     

                “เออ จะไสหัวไปไหนก็ไป” คิบอมพูดเหมือนไม่ได้สนใจแล้วยังหันไปซู้ตลูกบาสต่อ จะว่าไปคยูกับคิบอมนี่เห็นสนิทกันดีแต่เอาเข้าจริงก็ทะเลาะกันทุกวันเลยนะฮะ

     

                “เออ กูไปล่ะ” คยูบอกชางมินกับคิบอมแล้วก็รีบออกไปเลย เหมือนผมจะสังเกตุเห็นว่าคิบอมกำลังแอบมองตามหลังทั้งสองคนนั้นที่กำลังจับมือกันเดินออกไปด้วยฮะ แววตาแบบนั้นให้ความรู้สึกแปลกๆแฮะ แปลกกับหัวใจของผมที่เห็นภาพนั้นแล้วใจมันรู้สึกเจ็บขึ้นมาวูบหนึ่ง

     

                พ้นหลังคยู บรรยากาศของโรงยิมก็เริ่มเงียบลง มีเพียงเสียงของลูกบาสที่ตกกระทบพื้นด้วยการชู้ตของคิบอมเท่านั้น ส่วนชางมินเขาไม่สนใจที่จะซ้อมต่อแล้วล่ะฮะ

     

                “กลับเหอะมึง” ชางมินเอ่ยปากชวนหลังจากที่เลิกเล่นแล้วเดินไปคว้าเป้ขึ้นสะพายแต่คิบอมกลับไม่ได้สนใจคำชวนนั้น เขาดูตั้งใจซ้อมมากกว่าปกติถึงแม้วันกีฬาสีของมหาลัยจะผ่านไปแล้วก็ตาม

     

                “งั้นกูกลับก่อนแล้วกัน ถ้ามึงอยากเมาก็โทรหากูได้ตลอดนะ” เขาพูดต่อแค่นั้นแล้วเขาก็เดินออกจากโรงยิมไปเลยฮะ คิบอมที่เหมือนจะหยุดนิ่งฟังสิ่งที่ชางมินพูดอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่เขาจะโยนลูกบาสลงห่วงแล้วก็กลับมายืนนิ่งๆก้มหน้ามองพื้นอยู่แบบนั้น แต่มือของเขากำลังกำแน่น..

     

                แปลกจัง ถึงผมจะพอรู้ว่าคิบอมเขาเป็นคนนิ่งๆ แต่นั่นมันผิดปกติมากฮะ เขาเป็นอะไรไปนะ ..ผมเป็นห่วง ..ถ้าผมถาม.. จะเป็นไรไหมนะ ล ลองดูหน่อยก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง

     

                “เอ่อ ค คิบอม ปะ เป็น อะไรหรือเปล่าฮะ” ไวเท่าความคิดขาของผมก็เดินเข้าไปใกล้เขาตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ ใจผมแอบกลัวเหมือนกัน กลัวว่าเขาจะไม่คุยกับผม ก็นานๆทีผมจะได้มีโอกาสคุยกับเขาแบบนี้นี่ฮ่ะ

     

                “ถ้าฉันเล่าให้นายฟัง แล้วมันจะเป็นความลับต่อไปรึเปล่าล่ะ” แต่ผิดคาดแฮะ เขายอมพูดกับผมด้วย แถมยังเป็นเรื่องที่ผมไม่เข้าใจเลยซักนิด ความลับอะไรกันนะ ผมชักอยากรู้เรื่องของเขา ผมอยากรู้ถ้าเป็นเรื่องของคิบอมล่ะก็..

     

                “ผ ผม ไม่บอกใครหรอกฮะ!” แล้วก็โผลงออกมาเสียงดัง ผมเผลอทำตัวไร้มารยาทออกไปซะแล้วล่ะ TT

     

                ..เพราะความอยากรู้ของผมมันมีมากเกินที่จะหักห้ามใจนี่ฮะ ผมรู้สึกดีใจ ถ้าเรื่องที่เขาจะเล่าให้ผมฟัง ..มีแค่ผมคนเดียวที่รู้ เขาเงยหน้าจากพื้นขึ้นมามองหน้าผมแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ

     

                “นายเคยรักใครแล้วลืมไม่ได้บ้างไหม” น้ำเสียงทุ้มที่ได้ยินทำให้ใจผมกระตุกแรง รู้สึกว่ามันกำลังบีบแน่นจนแทบหายใจไม่ออก สีหน้าที่ดูไม่ค่อยดีนัก ดวงตาสีเข้มที่มองผมกำลังสั่นไหว นั่นทำให้ผมเองชะงักไปครู่หนึ่ง

     

                “เอ่อ ค เคย สิฮะ” แล้วผมก็เผลอตอบออกไป ใจเย็นไว้นะดงเฮ ใจเย็นๆ หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกลึกๆ ค่อยๆคิดก่อนจะพูดออกไป

     

                “..ต่อให้เวลาจะผ่านไป? ต่อให้เขาจะมีใคร? หรือต่อให้นายจะพยายามลืมแค่ไหน?” คิบอมเหมือนคนเก็บกดที่พูดเรื่องพวกนี้กับใครไม่ได้เลยฮะ เขากำมือแน่นขึ้น สายตาที่จ้องหน้าผมเหมือนคนกำลังหาที่พึ่ง  ใจเย็นไว้ดงเฮ แต่ดูเหมือนคิคอมคงรักคนคนนั้นมากแน่ๆ TT

     

                “ผ ผมก็เคยมีคนที่ผมรัก แล้วตอนนี้ผมก็ยัง ร รัก เขาอยู่ฮะ ต่อให้เขาจะไม่เคยสนใจผมเลยก็ตาม แต่ ผ ผม ก็รักเขาฮะ”

     

                ใจผมเต้นรัว รู้สึกควบคุมตัวเองไม่ได้เพราะคิบอมจ้องหน้าผมอยู่ ฝันไปอีกหรือเปล่านะ ผมเหมือนกับกำลังสารภาพความในใจของตัวเองออกมาเลย ต่อหน้าเขา ..คนที่ผมแอบชอบมาตลอดสองปี แต่คิบอมคงไม่รู้หรอกว่าเขาคนนั้นคือคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมตอนนี้

     

                “ทำไม นายถึงไม่ยอมตัดใจล่ะ”

     

                ฉึก!!

     

                แทงใจดำผมเข้าเต็มๆ เหมือนผมกำลังสารภาพแล้วโดนปฎิเสธยังไงไม่รู้แฮะ คิบอมคงพูดมันกับใครไม่ได้เลยใช่ไหมนะ หรือแม้กระทั่งเพื่อนรักของตัวเองก็ด้วย ถึงกับต้องมาพูดกับคนที่เป็นเหมือนคนแปลกหน้าอย่างผม

     

                คิบอมเหมือนกำลังเจ็บใจ เหมือนกำลังถามตัวเองมากกว่าว่าทำไม

     

                “ก็.. พ เพราะ รักน่ะสิฮะ”

     

                ผมเผลอพูดออกมาตามสิ่งที่ผมคิด รู้สึกว่าตัวเองกำลังหน้าชามากๆเลยฮะ มันแย่มาก ทั้งๆที่ผมมีโอกาสได้คุยกับเขาแท้ๆ แต่เรื่องที่คุยกันมันกลับทำให้ผมรู้สึกเหมือนยิ่งอยู่ไกลจากเขาออกไปอีก จะบอกออกไปดีไหมนะ ถ้าบอกไปเลยตอนนี้จะเป็นอะไรไหม มันเก็บมานานจน อยากจะบอกให้เขารู้ แต่ก็รู้ดีว่าเขาเกลียดพวกโฮโมมากแค่ไหน ถ้าผมพูดออกไปตอนนี้ คงโดนเกลียดเข้าแน่ๆ

     

                “หึ นั่นสินะ” คิบอมแค่เค่นยิ้มออกมา เค้าดูเหมือนเจ็บจนชินชา เหมือนคนที่เจ็บมานาน แต่ผมก็เข้าใจเขาดีฮะ ความรู้สึกแบบนั้นคงไม่ต่างจากผมหรอก ความรู้สึกที่รักคนที่ไม่ควรรัก ความรู้สึกที่รักเขาแค่ขางเดียว

     

     

                .. มองผมสิฮะ .. มองเข้ามาในตาของผม แค่รับรู้ไว้บ้างซักนิดว่ายังมีผมที่ยังคอยเฝ้ามองนายอยู่

     

     

     

                ผมอยู่ตรงนี้ไง..อยู่ตรงหน้านาย

     

     

               

                “ผ ผม ชอบคิบอมฮะ..”

     

     

     

             “…???”

     

             !!!!!!!!!

     

                ย แย่แล้วสิ!! ผมพูดอะไรออกไป!!!

     

                “อ เอ่อ ม มะ! ไม่ใช่นะฮะ!!! คือผม เอ่อ ฮ่าๆๆๆ!! ขอโทษฮ่ะ!!!!” ผมตกใจที่เผลอสรภาพออกไปแบบไม่รู้ตัวเลย เห็นหน้าคิบอมที่กำลังขมวดคิ้วงงผมก็ทำอะไรไม่ถูก ควบคุมตัวเองไม่ได้ ปฎิเสธมือพัลวัล หัวเราะกลบเกลื่อน จบด้วยการก้มหัวขอโทษแล้ววิ่งหนีออกมาซะแบบนั้น

     

                แย่ที่สุด.. เวลาแบบนี้มันแย่ที่สุดเลย

     

                คิบอมต้องเกลียดผมแน่ๆ TT TT

     

     

     

    [Kibum]

     

     

                “เมื่อกี้มันอะไรวะ?”

     

                ผมมองตามหลังดงเฮที่วิ่งออกไปทั้งแบบนั้นงงๆ ก็พอจะรู้ว่าเป็นคนแปลกๆ แต่ก็ไม่คิดว่าจะแปลกขนาดนี้ เมื่อกี้ถ้าได้ยินไม่ผิด ดงเฮพูดว่าชอบผมสินะ ถึงเสียงที่ดงเฮพึมพำออกมามันจะเบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่ระยะห่างที่เรายืนกับความเงียบของโรงยิมก็ทำให้ผมได้ยินมันชัดเจนพอครับ

     

                แต่ผมมันก็เป็นแค่คนขี้ขลาด คิดว่าตัวเองจะลืมเรื่องของซองมินไปได้แล้ว แต่ผมมันก็ไม่ต่างกับไอ้งี่เง่าที่ไม่ยอมลืมเรื่องในอดีตไป ผมคิดว่าผมคงจะลืมซองมินไปแล้วแท้ๆ ผมพยายามไม่สนใจเรื่องของเขาอีก ผมทำเหมือนพวกเราไม่เคยรู้จักกัน แต่ทำไมพอพวกมันกลับมาคบกันอีกผมถึงต้องรู้สึกแบบนี้ด้วยวะ เป็นผมคนเดียวในตอนนี้สินะที่เป็น ..คนเจ็บ..

     

                เจ็บ..จนไม่อยากจะรักใครอีกแล้ว

     

                “อย่ามาสารภาพโง่ๆแบบนั้นนะดงเฮ” ผมกำมือแน่น เป็นอีกครั้งที่มีคนมาสารภาพรัก แต่ไม่คิดเลยว่าจะเป็นลูกชายคนเดียวของอธิการบดีและคุณพ่อเป็นถึงนายทหารใหญ่ คนที่เรียบร้อยขาวสะอาดแบบนายน่ะ คนอย่างผมมันไม่คู่ควรหรอก แค่เปิดใจจะรักใครอีกครั้งยังทำไม่ได้เลย

     

                ผมยืนนิ่งก่อนจะเก็บลูกบาสลูกสุดท้ายที่ถือในมือลงถุงตาข่าย มัดปากมันให้แน่นแล้วแบกเข้าไปเก็บในห้องเก็บอุปกรณ์ ที่จริงมันเป็นหน้าที่ของดงเฮที่เขาอาสาทำด้วยตัวเอง แต่เจ้าตัวกลับวิ่งหนีกลับบ้านไปแล้วนี่สิ

     

                ผมเก็บอุปกรณ์เสร็จก็เตรียมสะพายเป้กลับซักที เรื่องซองมินน่ะพอเถอะ ตอนนี้ซองมินก็ยอมรับแล้วว่าไอ้คยูคือคนที่เขาตามหามาตลอด มันก็ชัดเจนดีแล้วว่าไม่มีทางจะเป็นผม ถ้าผมยังคอยมองพวกมันสองคนอยู่ห่างๆแบบนี้เหมือนเมื่อก่อน มันคงจะน่าสมเพชไปหน่อยล่ะมั้ง 

     

                ฟุ่บ!

     

                ขณะที่ผมเดินสะพายเป้ออกมาเท้าก็เตะเข้ากับอะไรบางอย่างสีดำคล้ายกระเป๋า ผมจึงก้มลงไปเก็บมันขึ้นมา

     

                ฟุ่บ! ตุ๊บๆ!

     

                แต่ของในนั้นกลับหล่นลงมากองที่พื้นหมดเลย แย่ล่ะสิ ต้องเป็นของหมอนั่นแน่ๆ อุปกรณ์การเรียน กระเป๋าดินสอ สมุด กองเกลื่อนพื้นเลยครับ ผมก้มลงไปเก็บมันใส่กระเป๋าคืนให้เหมือนเดิม

     

                 แต่เดี๋ยว..? อะไรวะนั่น?

     

                มือที่กำลังจะหยิบสมุดเล่มหนึ่งที่มันถูกกางไว้ที่หน้าหลังสุดแต่มันเหมือนมีรูปวาดที่ร่างไว้แต่ยังไม่ลงรายละเอียดให้สวยเท่าไหร่ เป็นภาพมุมสูงของม้าหินอ่อนตัวคล้ายๆที่ผมชอบไปนั่งประจำเลยนี่หว่า ผมพลิกดูหน้าถัดไปเป็นหน้าผู้ชายที่กำลังยิ้ม เปิดหน้าถัดไปเป็นผู้ชายที่กำลังชู้ตบาสระบุรายละเอียดเป็นเสื้อบาสเบอร์ 12  ชัดเจนมากครับ ถ้าเดาไม่ผิดคงเป็นรูปผมแน่

     

                “เอาจริงเหรอวะ” สมุดเลคเชอร์ของดงเฮที่ด้านหลังมีรูปวาดสองสามรูป มีข้อความที่เหมือนจะลบออกไปแล้วด้วยครับ เขียนว่าอะไรนะ? ผมวางเป้ลงแล้วใช้ดินสอเหลาเอาแค่ใส้ให้มันเป็นฝุ่นแล้วใช้นิ้วลูบบริเวณนั้นเบาๆ อ่า ได้ผลจริงด้วยครับ ร่องรอยที่เคยถูกเขียนปรากฎขึ้นมาจางๆแล้วล่ะ

     

                “ขอโทษนะครับ ช่วยคืนกระเป๋าคุณหนูดงเฮให้ด้วยครับ”

     

                ยังไม่ทันได้อ่านเสียงผู้ชายคนหนึ่งก็ดังขึ้นครับ ผมเงยหน้าขึ้นมองคนร่างท้วมที่สวมสูทดำแล้วก็หายสงสัย ผมยักไหล่แค่นั้นแล้วก็ทิ้งของพวกนั้นไว้ตรงนั้นก่อนจะเดินออกจากโรงยิม ว่าแต่ตอนที่ผมเดินผ่านหน้าโรงยิมเหมือนจะเห็นเงาตะคุ่มๆกำลังพยายามทำตัวเป็นนินจาซุกอยู่แถวๆมุมตึกด้วย

     

                หึ หลบแบบนั้นคิดว่าจะไม่เห็นหรือไง

     

     

                “ขอโทษนะ ฉันคงตอบรับความรู้สึกของนายไม่ได้หรอก”

     

               

                ตอนที่เดินผ่านไปผมก็พูดปฎิเสธเขาไป ผมมันก็เป็นแบบนี้ล่ะ ผมไม่อยากให้ความหวังกับใคร หรือจะพูดอีกอย่างคือผมปิดกั้นตัวเองจากคนที่มีความรู้สึกดีๆให้ผมมากกว่าล่ะมั้ง ผมไม่ได้อยากจะทำแบบนั้นหรอก แต่อดีตที่ยังฝังลึกในใจทำให้ผมกลัวการจะเปิดใจอีกครั้ง

     

                ความเงียบของบรรยากาศเย็นย่ำและตะวันกำลังตกดิน ลมเย็นพัดพาเอาความรู้สึกว่างเปล่าเข้ามาทันที ผมได้ยินเสียงฝีเท้าที่เหมือนกำลังวิ่งตามผมมาแล้วก็หยุดลง

    แต่ว่าผมก็ไม่ได้หันหลังกลับไป..

     

     

                “ผ ผมไม่ยอมแพ้หรอกนะ!!”

     

     

                “ซักวัน.. ซักวัน! ผมจะทำให้คิบอมรักผมให้ได้!!”






     


    โปรดติดตาม.

    :))


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×